พระบรมฯทรงให้พล.อ.เปรม-นายกฯเข้าเฝ้าอย่ากังวลเรื่องสืบราชสันตติวงศ์เผยห่วงประชาชนโศกเศร้า



นายกรัฐมนตรีเผยสมเด็จพระบรมฯทรงห่วงบ้านเมืองเหตุประชาชนเศร้าโศก-พบอุทกภัย-โปรดเกล้าให้พล.อ.เปรมและนายกฯเข้าเฝ้า อย่ากังวลเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล-จารีตประเพณี

 

เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 15 ตุลาคม 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ออกแถลงการณ์รัฐบาลผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.)เพื่อแจ้งให้ประชาชนว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วันนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พร้อมด้วยนายกฯเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ถวายรายงานข้อราชการ ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่ทรงห่วงใยประชาชนชาวไทยในยามที่บ้านเมือง กำลังอยู่ระหว่างช่วงเวลาทุกข์โศก พร้อมกันนั้น ประชาชนหลายคนยังกำลังประสบปัญหาอุทกภัย ได้รับความเดือดร้อน

พระราชปรารภสำคัญเรื่องหนึ่งคือ ขออย่าให้ประชาชน เกิดความสับสน หรือกังวลใจใด ๆ เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน หรือแม้แต่การสืบราชสันตติวงศ์ เพราะเรื่องนี้มีรัฐธรรมนูญ กฎมณเฑียรบาลและจารีตประเพณีกำหนดไว้แล้ว

แต่การจะดำเนินการเมื่อใด รวมถึงทรงมีพระราชบัณฑูรว่า ช่วงเวลานี้ทุกคนทุกฝ่าย แม้แต่พระองค์ท่านเองอยู่ระหว่างความเศร้าโศก โทมนัสอาลัย จึงควรให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำให้รู้สึกว่าเราผ่านพ้นหรือบรรเทาความวิปโยคอาดูรนี้ไปได้บ้างก่อน อย่าให้ความรู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ภายใต้ร่ม พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อการบำเพ็ญพระราชกุศลและพระราชพิธีพระบรมศพผ่านพ้นไปแล้วระยะหนึ่ง ก็น่าจะถึงเวลาสมควรดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ ก็ไม่น่าจะกระทบต่อแผนงาน หรือขั้นตอนใดๆ

ทั้งนี้รัฐบาลได้ปรึกษานายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว ขอรับสนองพระราชบัณฑูรใส่เกล้าใส่กระหม่อม จึงขอให้ประชาชนทั้งหลายทราบโดยทั่วกันจะได้คลายความกังวลใจ และใช้เวลาในช่วงนี้ถวายสักการะ แสดงความอาลัย

อย่างที่หลายคนให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชนว่า ชีวิตนี้เกิดมาก็อยู่ในสมัยรัชกาลที่ 9 เติบโตมาก็ในรัชกาลที่ 9 จึงยากจะทำใจว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่เราก็ต้องช่วยกันทำใจ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลต้องขอขอบคุณ ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร พลเรือน ทุกฝ่าย ที่ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเข้มแข็ง อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเข้าร่วมงานพระราชพิธีสำคัญนี้ เป็นที่ประทับใจไปทั่วโลก คลื่นมหาชนสองข้างถนน ตลอดระยะทางหลายกิโลเมตรเป็นพยานถึงความจงรักภักดี และเจตนารมณ์ที่จะรักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างชัดเจน

เมื่อสำนักพระราชวังมีประกาศให้ประชาชนเข้าถวายสักการะได้ ตั้งแต่วันที่ 28 ุลาคม ก็ขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกเช่นนี้ต่อไป ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย สุขอนามัย และอาหารการกิน ของประชาชนที่มาถวายสักการะ

 “ผมขอขอบคุณบรรดาวินมอเตอร์ไซด์ที่อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนโดยไม่คิดค่าโดยสาร คำพูดที่บอกว่า  “ขอทำดีเพื่อพ่อ” ผมฟังแล้วซาบซึ้งใจ และขอให้รักษาบรรยากาศเช่นนี้ตลอดไป ในส่วนของรัฐบาลและคสช. ขอให้สัญญาว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยความจงรักและภักดียิ่งๆขึ้น เพื่อสืบสานพระบรมราชปณิธานตลอดไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2559    
Last Update : 16 ตุลาคม 2559 14:38:33 น.
Counter : 335 Pageviews.  

กษัตริย์จิกมีแห่งภูฎาน-พระราชินีและพระโอรสเสด็จฯถึงไทยร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ



กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏานพร้อมพระราชินีและ พระโอรส เสด็จพระราชดำเนินถึงไทยแล้ว ทรงร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ รองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์และออท.ภูฎานประจำไทย รับเสด็จฯ

 

เมื่อเวลา 16.49 น.วันที่ 15 ตุลาคม 2559 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี,นางอนุรัชนี จาตุศรีพิทักษ์ ภรรยา และนาย เชวัง ซี.ดอจี เอกอัครราชทูตภูฏานประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน,สมเด็จพระราชินีเจตซุน เปมา วังชุกและเจ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก พระโอรส เสด็จฯถึงไทยด้วยสายการบินประจำภูฏาน เที่ยวบินที่ เคบี 140  เพื่อร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

จากนั้นเวลา 17.00 น. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุกและพระราชินี ที่ทรงอุ้มพระโอรสในพระชันษา 8 เดือน ฉลองพระองค์ชุดประจำชาติราชอาณาจักรภูฏานสีดำ เสด็จฯถึงห้องโถงอาคารรับรองพิเศษ(โดยลิฟท์) ก่อนทรงยกพระหัตถ์ไหว้แบบธรรมเนียมไทยและมีพระราชปฎิสันถานกับเจ้าหน้าที่ไทยที่มาเฝ้ารับเสด็จ ด้วยพระอาการสุภาพ นอบน้อม และไม่ถือพระองค์

ต่อมาเสด็จพระดำเนินออกจากห้องโถงอาคารพิเศษ แล้วประทับรถยนต์จากัวร์สีดำ ทะเบียน 2กส-1999 กรุงเทพมหานคร เสด็จฯไปยังที่ประทับ ณ โรงแรมเอ็มโพเรียมสวีท

ในวันที่ 16 ตุลาคม เวลาประมาณ 10.00 น. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีฯ มีหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินไปถวายพระราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ในพระบรมมหาราชวัง

การเสด็จมาร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี และสมเด็จพระราชินีสะท้อนความผูกพันระหว่างสองประเทศ โดยเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกลวังชุก ทรงจุดเทียนถวายอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมจัดการสวดมนต์พิเศษในวัดทั่วประเทศภูฏาน เพื่ออุทิศให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ

ขณะเดียวกันได้ประกาศให้ในวันที่ 14 ตุลาคมเป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศภูฏาน ลดธงครึ่งเสา รวมทั้งปิดโรงเรียนและหน่วยงานทั่วประเทศเพื่อเปิดโอกาสให้พสกนิกรร่วมกันสวดมนต์

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ฯ มีหมายกำหนดการเสด็จฯกลับราชอาณาจักรภูฏานในเช้าวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม 2559 เวลา 04.30 น. ด้วยเที่ยวบินเคบี 151

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2559    
Last Update : 15 ตุลาคม 2559 21:09:57 น.
Counter : 365 Pageviews.  

เชิญพระบรมศพจากศิริราชประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท-สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯตามขบวนเสด็จฯ



สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯเสด็จฯเชิญพระบรมศพประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯตามพระบรมศพ สู่พระบรม มหาราชวังก่อนเสด็จประทับสวนจิตรลดา

 

เมื่อเวลา 15.56 น. วันที่ 14 ตุลาคม 2559 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ พร้อมด้วย พล.ท.หญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ถึงอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช

จากนั้นเวลา 16.33 น. สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เดินนำขบวนเชิญพระบรมศพลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 16 โดยมีคณะแพทย์และพยาบาลที่ถวายการรักษาพยาบาลเลื่อนเตียงพยาบาลเชิญพระบรมศพเข้าสู่ลิฟท์

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชการ พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ คุณพลอยไพลิน คุณสิริกิติยา เจนเซ่น และท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม เสด็จพระราชดำเนิน เสด็จและเดินตามพระบรมศพ

เมื่อเชิญพระบรมศพถึงชั้นล่างของอาคารเฉลิมพระเกียรติแล้ว โดยมีรถตู้พยาบาลเทียบรออยู่หน้าประตูทางเข้าลิฟท์ (ชั้นใต้ดิน)  ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เชิญพระบรมศพเข้าสู่รถตู้พยาบาลสีบรอนซ์เงินคาดเส้นสีฟ้า เลขทะเบียน 1ด-0929 นายแพทย์และพยาบาลที่ถวายการรักษา ตามเสด็จฯในรถพยาบาล

จากนั้นเวลา 16.32 น.ขบวนรถเชิญพระบรมศพเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระบรมมหาราชวัง ขณะรถขบวนพระบรมศพเคลื่อนผ่านอย่างช้าๆ บรรยากาศสองข้างทางเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ประชาชนต่างยกมือไหว้แล้วก้มกราบสักการะพระบรมศพอย่างนอบน้อม พร้อมเสียงร่ำไห้ดังไปทั่วบริเวณโรงพยาบาล

รถขบวนพระบรมศพออกจากโรงพยาบาลศิริราช ทางประตู 8 เลี้ยวขวาที่แยกศิริราช เข้าสู่ถนนอรุณอมรินทร์ ขึ้นสะพานอรุณอมรินทร์ ผ่านแยกอรุณอมรินทร์ แล้วเลี้ยวขวาขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า บริเวณถนนต่างๆและสะพานที่กล่าวมาจะมีทหารเรือแต่งชุดขาวนั่งเรียงรายเป็นระยะถวายวันทยาหัตถ์ตลอดเส้นทางในอาการอันสงบ

เมื่อขบวนรถพระบรมศพเลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินใน พสกนิกรจำนวนมากรอขบวนฯสองข้างทาง โดยมีทหารบกจัดวางกำลังนั่งถวายวันทยาหัตถ์ ก่อนที่ขบวนฯเลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน และขบวนพระบรมศพเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี สู่พระที่นั่งพิมานรัตยา (เป็นพระที่นั่งสร้างขึ้นพร้อมกับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นวิมานบรรทมของพระมหากษัตริย์ ระยะหลังเป็นที่สรงน้ำพระบรมศพพระมหากษัตริย์ในรัชกาลต่างๆ) ในพระบรมมหาราชวัง

เมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ แล้วอัญเชิญพระบรมศพเข้าสู่หีบพระศพ และ

อัญเชิญพระบรมศพมาประดิษฐานไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท (ขั้นตอนพระพิธีธรรมอ่านที่

//www.thaitribune.org/contents/detail/304?content_id=23425&rand=1476447663 )

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2559    
Last Update : 15 ตุลาคม 2559 11:18:49 น.
Counter : 272 Pageviews.  

เอพีวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยยังไม่ชัดเจนหลังในหลวงสวรรคต“หุ้นและค่าเงินยังแกว่ง”เผยปิดตลาดหุ้นบวก 59.12



สำนักข่าวเอพีวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจไทยบอกยังไม่ชัดเจน มีองค์ประกอบหลายประการต้องพิจารณา ผู้ว่าธปท.ขอความร่วมมือสื่อกรองข่าวก่อนนำเสนอป้องกันการตื่นตระหนก เผยตลาดหุ้นไทยปิดตลาด 14 ตุลาคมบวก 4.18 % เพิ่ม 59.12 จุด

 

สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2016 ด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบถึงภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่ชัดเจน (Likely impact of Thai king's death on economy unclear) หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต โดยระบุว่าตลาดหุ้นและค่าเงินบาทยังแกว่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังข่าวของพระองค์เผยแพร่ออกมา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2016  สิ่งที่จะต้องจับตาดูมีองค์ประกอบ ดังนี้

ราคาหุ้น : ตลาดหุ้นไทยลดลงหลังจากที่สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ที่พระอาการทรุดลง ถือเป็นครั้งแรกที่แถลงการณ์ใช้วลีเช่นนี้กับพระอาการ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมการซื้อขายในตลาดหุ้นลดลงเกือบ 7 % แต่เมื่อปิดตลาดหุ้นกลับมาลดลง 4.1 %  ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ที่มีการขายออกทั้งจากเจ้าหน้าที่และบรรดากลุ่มนำทางการเมืองของไทย

สำหรับการซื้อขายตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559 สรุปภาพรวมตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ หลังปิดตลาดที่ระดับ 1,471.94 จุด เพิ่มขึ้น +59.12 จุด หรือ +4.18% มูลค่าซื้อขาย รวม 59,594.82 ล้านบาท

ค่าเงินบาท : เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 35.23 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐหรือค่าเงินบาทลด 1.3 % เทียบกับวันที่ 13 ตุลาคม, ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมลด 1.1 % และวันที่ 13 ลดอีก 0.2 %  อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทลดเช่นนี้เปรียบเทียบไม่ได้กับเงินบาทถูกโจมตีค่าเงินเมื่อปี 1997 (พ.ศ.2540) ส่งผลกระทบไปยังค่าเงินประเทศภูมิภาคอย่างกว้างขวาง นักวิเคราะห์เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเข้าแทรกแซง หากมีความจำเป็นเพื่อสนับสนุนค่าเงินบาท  

ภาพรวมเศรษฐกิจ  :  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ในพระบรมโกศ ทรงเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมของจิตใจชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์การเมืองไทยเกิดภาวะวิกฤติ  นักวิเคราะห์เชื่อว่าประเทศไทยจะยังคงสงบ เหตุเพราะพสกนิกรยังอยู่ในอาการเศร้าโศกและไว้ทุกข์ อีกทั้งไม่มีกลุ่มไหนที่อยากจะเข้ามามีปัญหากับคสช. อย่างไรก็ตามยังมีบางคนเฝ้ารอถึงการเสด็จขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมารต่อจากพระราชบิดา หลายคนเชื่อว่าย่อมแตกต่างกันไป

การเมือง : ความวิตกด้านการสืบราชสันตติวงศ์ เป็นปัญหาที่วิตกกันมาหลายทศวรรษ โดยเฉพาะความวุ่นวายทางการเมืองในอดีต เหตุเพราะกลุ่มนิยมกษัตริย์ได้ควบคุมขั้นตอนทางการเมือง แทนที่จะเป็นนักการเมืองดำเนินการ  นักวิเคราะห์กลุ่มยูเรเซีย( the Eurasia Group)กล่าวว่าการเลือกตั้งทั่วไปกำหนดไว้ปี 2017 แต่อาจจะมีการเลื่อนออกไปถึงต้นปี 2018 เหตุหนึ่งเพราะมีการประกาศไว้ทุกข์ 100 วัน อันอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรวมทางธุรกิจ   

แนวโน้มเมื่อเร็วๆนี้ : เศรษฐกิจประเทศไทยต้องพึ่งพิงการส่งออกอย่างมาก แต่ปัจจุบันความต้องการของตลาดหลักเช่นจีนและสหรัฐกลับมีความต้องการลดลง ไทยประกาศว่าจะลดความยากจนลง ธนาคารโลกชี้ว่าคนไทยประมาณ 10 % ยังตกอยู่ในภาวะยากจน  อัตราความเติบโตทางเศรษฐกิจอาจไม่ถึง 3 % หากการตัดสินใจล่าช้าและอัตราการบริโภคลดลงในช่วงที่อยู่ในระหว่างไว้ทุกข์ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการแถลงว่าวันที่ 13 ตุลาคมเสด็จสวรรคต แต่วันที่ 14 ตุลาคมตลาดก็ยังเปิดดำเนินการ จึงเชื่อว่าผู้นำคงหลีกเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจเกิดความยุ่งเหยิง    

ความไม่แน่นอน : นักวิเคราะห์เชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านรัชกาลครั้งนี้เป็นไปอย่างนุ่มนวลไม่มีปัญหาใด แต่การไร้เสถียรภาพอาจจะเกิดได้ระหว่างคนเมืองที่มีอิทธิพลในการกำหนดสิ่งต่างๆกับคนในชนบทที่ยังยากจน  ทหารเข้ายึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งถึง 2 ครั้งในรอบทศวรรษที่ผ่านมา  สถานการณ์กลับสงบเงียบหลังจากการทำรัฐประหารครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2014

แต่หากมีการประท้วงเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ทำรายได้ถึง 10 % ของ

จีดีพี  ในอดีตประเทศไม่สงบ(การชุมนุมประท้วง)ทำให้ประเทศเสียหายในการแข่งขันด้านต่างๆ,การก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานหยุดชะงักและนักลงทุนหายไป สิ่งนี้คือองค์ประกอบของความไม่แน่นอน   

“การขาดการลงทุนจะบั่นทอนกำลังการผลิตทางเศรษฐกิจในอนาคต”คริสตัล แทนและ กาเร็ธ ลีเธอร์ แห่ง Capital Economics เขียนไว้ในรายงานเมื่อเร็วๆนี้ “ในที่สุดแล้วก็ยังเป็นเรื่องยากที่คาดเดาแนวโน้มระยะกลางทางเศรษบกิจของประเทศไทย จนกว่าภาพการเมืองที่จะออกมาชัดเจนมากขึ้น”  บรรทัดล่างคือว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะมองโลกในแง่เกี่ยวกับแนวโน้มระยะกลางของไทยจนกลายเป็นภาพการเมืองที่ชัดเจน”

ธปท.ขอสื่อมวลชนพิจารณากรองข่าวก่อนนำเสนอป้องกันการตื่นตระหนก

ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 14 ตุลาคม 2559 นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของ ธปท. ร่วมแสดงความอาลัยต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และแสดงความอาลัยโดยยืนไว้อาลัยร่วมกันเป็นเวลา 9 นาที

นายวิรไท กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งมีบางเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนของไทยเกิดความผันผวนอย่างมาก โดย ธปท. ยืนยันจะติดตามสถานการณ์ตลาดเงินของไทย ทั้งตลาดเงินตราต่างประเทศและตลาดพันธบัตรอย่างใกล้ชิด เพราะต้องพิจารณาถึงความมั่นใจของตลาดให้เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นปกติ

ทั้งนี้ ธปท.พร้อมที่จะให้การสนับสนุนทั้งในรูปแบบของเงินบาทและเงินดอลล่าร์สหรัฐ หากประเทศมีความต้องการสภาพคล่องเพิ่มขึ้น และพร้อมดูแลให้ตลาดเงินของประเทศสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนตลาดพันธบัตรและอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนี้ มีเสถียรภาพค่อนข้างดี แต่อาจจะมีความผันผวนบ้างเล็กน้อยเป็นบางเวลา โดย ธปท. ก็ได้ขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ ให้ช่วยกันดูแลเสถียรภาพของตลาด ไม่ให้ผันผวน รวมถึงให้คำแนะนำลูกค้าอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ ยังได้ให้สถาบันการเงินต่างๆ ช่วยดูแลให้ธุรกรรมต่างๆ ของทั้งลูกค้า และประชาชนทั่วไป ให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่น และยังขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน ให้ช่วยกันกรองข่าวและนำเสนอข่าวในลักษณะที่มีแหล่งข่าวน่าเชื่อถือ ชัดเจน ตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก หรือทำให้เกิดความผันผวนมากขึ้น

“ข้าพเจ้า คณะผู้บริหารและพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับทราบด้วยความโทมนัสอย่างยิ่ง และขอร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศว่า เราทั้งหลายจะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท มุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนให้เราทั้งหลาย ร่วมตั้งจิตภาวนาตามหลักศาสนาของตนและอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ เพื่ออธิษฐานให้ดวงพระวิญญาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศสถิตในสรวงสวรรค์ และทรงอภิบาลคุ้มครองราชอาณาจักรไทย และพสกนิกรของพระองค์ ให้มีความสงบร่มเย็นและสันติสุข ดุจดังที่ประเทศไทยมีมาโดยตลอด ภายใต้ร่มพระบารมียาวนาน 70 ปี” นายวิรไทกล่าว  

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2559    
Last Update : 14 ตุลาคม 2559 20:38:25 น.
Counter : 282 Pageviews.  

ประกาศ พ่อเสด็จสวรรคตแล้ว โดย เปลว สีเงิน



เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559 เปลว สีเงิน ได้เขียนไว้ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ด้วยหัวเรื่องคำว่า “ประกาศ” ต่อด้วยคำว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต” พร้อมกับหยิบยกคำสอนของพ่อ 9 ประการมาเตือนสติ ลูกๆของพระองค์ ดังนี้....

 

ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2557 ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น

แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี

สำนักพระราชวัง

13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559

ครับ...."พ่อเสด็จสวรรคตแล้ว"

แต่การแสดงออกซึ่งทุกข์และน้ำตาท่วมทับ จะไม่ทำให้พ่อยิ้ม เท่าลูกทุกคนปฏิญาณกับตัวเองว่า

"แม้พ่อไม่อยู่แล้ว........

ลูกทุกคนจะเดินในทางที่พ่อสอน"

พ่อจูงมือลูกเดินมา ๗๐ ปีแล้ว ต่อจากนี้ ลูกจะต้องเดินด้วยลำแข้ง และอยู่กันด้วยสติปัญญาตัวเองแล้ว

ส่วนจะเดินกันไปได้ขนาดไหน นั่นขึ้นอยู่กับว่า ลูกแต่ละคน "จำคำพ่อสอน" ได้แค่ไหน

พ่อสอนอะไรไว้บ้าง?

โอ...๗๐ ปี ที่ทรงทำหน้าที่ "พ่อของแผ่นดิน" ไม่เพียงสอน พ่อยังลงมือทำเป็นแนวทางเพื่อลูก เพื่อมวลมนุษยชาติ เป็นที่ประจักษ์มากมาย

จนสังคมโลกยกย่อง........

"King Bhumibol" ทรงเป็น "พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่" พระองค์หนึ่งของโลก

คำสอนของพ่อประหนึ่งน้ำในมหาสมุทร เม็ดทรายในทะเลทราย ก็มีหลายที่-หลายแห่ง รวบรวมไว้จากตรงนั้น ตรงนี้

แต่วันนี้ ขออนุญาตหยิบจากเว็บ "๙ คำพ่อสอน-อาสาเพื่อในหลวง" มาเป็นแนวทางเดินกัน

๑.ความเพียร

"การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือ ความอดทน คือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันควรทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่า การทำให้ดีควรต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง"

(พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๖)

๒.ความพอดี

"ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้น จะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ

เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับ ผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน"

(พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๐)

๓.ความรู้ตน

"เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบ และคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน"

(พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ประจำปี ๒๕๒๑)

๔.คนเราจะต้องรับและจะต้องให้

"คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วย เมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้"

(พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๒๑)

๕.อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ

"ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม"

(พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๔๙๖)

6.พูดจริง ทำจริง

"ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญจากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม"

(พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๐)

๗.หนังสือเป็นออมสิน

"หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้" (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๔)

๘.ความซื่อสัตย์

"ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง"

(พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปีพุทธศักราช ๒๕๓๑)

9.การเอาชนะใจตน

"ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม

ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ"

(พระราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ ๑๒ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๓)

ก็นี่แหละ "เป็นเบื้องต้น" เกรงใจจะจมอยู่กับทะเลทุกข์ จนไม่รู้จะไปทางไหนกัน ก็นำมาบอกๆ กันไว้

อนาคตต่อจากนี้ ในเรื่องสถาบัน ก็เป็นไปตามกฎมณเทียรบาลและกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่มีอันใดต้องวิตก-กังวล

ส่วนเรื่องราชการงานเมือง รัฐบาล คสช. โดยนายกฯ ประยุทธ์ บริหารได้สงบเรียบร้อยอยู่แล้วอย่างที่เห็น

แต่ชาวบ้านต้องรู้ทัน "ข่าวลือ-ข่าวลวง" ให้มากไว้

ใครส่งข่าวอะไรมา ถ้าไม่ชัดว่าเป็นข่าวจาก "สำนักพระราชวัง" หรือข่าวจากทางราชการเป็นหลัก-เป็นฐานแล้วละก็

แค่รับเฉยๆ......

อย่าเพิ่งเชื่อ และอย่ารีบโพสต์-รีบแชร์เป็นอันขาด!

เพราะที่สังเกต ตลอดวันวาน "ทั้งวัน"

ยังมีคนกล้าปลอมแปลงเอกสาร อ้างเป็นหน่วยงานนั้น-นี้ ปล่อยข่าวในทางปลุกปั่น-ทำลายอยู่เป็นระยะ

แสดงว่า ผู้มีความคิดเป็นปฏิปักษ์กับบ้านเมือง สอดแทรกอยู่แทบทุกวงการจริงๆ!

ประเทศชาติจะปึกแผ่นมั่นคง ประชาชนต้องเข้มแข็ง ต้องสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาหม่นเศร้า ยากทำใจเป็นอื่นได้ แต่พวกเราคนไทยทุกคน จะต้องอยู่กับความจริง

ความจริงคือ.......

ถึงกายสังขารพ่อไม่อยู่ แต่รักจากดวงพระทัยพ่อต่อพสกนิกร นับจากวันแรกที่เสด็จขึ้นครองราชย์ ๙ มิ.ย.๘๙ ตราบ ๑๓ ตุลา.๕๙ และต่อๆ ไปนิรันดร์

"รัก" ก็จะเป็นดังที่พ่อเคยตรัสไว้......

“ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้”

จำกันได้มิใช่หรือ?

พระราชนิพนธ์เรื่อง "เมื่อข้าพเจ้าจากสยามสู่สวิตเซอร์แลนด์"

คือตอนปี ๒๔๘๙ นั้น ทรงขึ้นครองราชย์แล้ว ได้เสด็จฯ กลับไปศึกษาต่อที่สวิส

พระองค์ทรงบันทึกผ่านพระอักษรเป็นเรื่องราวการเดินทางไว้ ความตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์ที่จะขออัญเชิญไว้ ณ ที่นี้ มีดังนี้

“วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2489 - วันนี้ ถึงวันที่เราจะต้องจากไปแล้ว...พอถึงเวลาก็ลงจากรถพระที่นั่งพร้อมกับแม่ ลาเจ้านายฝ่ายใน ณ พระที่นั่งชั้นล่าง แล้วก็ไปยังวัดพระแก้ว เพื่อนมัสการลาพระแก้วมรกตและพระภิกษุสงฆ์ ลาเจ้านายฝ่ายหน้า ลาข้าราชการทั้งไทยและฝรั่ง แล้วก็ไปขึ้นรถยนต์ พอรถแล่นออกไปได้ไม่ถึง 200 เมตร มีหญิงคนหนึ่งเข้ามาหยุดรถแล้วส่งกระป๋องให้เราคนละใบ ราชองครักษ์ไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรอยู่ในนั้น บางทีจะเป็นลูกระเบิด!

เมื่อมาเปิดดูภายหลังปรากฏว่าเป็นทอฟฟี่ที่อร่อยมาก ตามถนนผู้คนช่างมากมายเสียจริงๆ ที่ถนนราชดำเนินกลาง ราษฎรเข้ามาใกล้ชิดรถที่เรานั่ง กลัวเหลือเกินว่าล้อรถของเราจะไปทับแข้งทับขาใครเข้าบ้าง รถแล่นฝ่าฝูงชนไปได้อย่างช้าที่สุด

ถึงวัดเบญจมบพิตร รถแล่นเร็วขึ้นได้บ้าง ตามทางที่ผ่านมาได้ยินเสียง ใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดังๆ ว่า “อย่าละทิ้งประชาชน”

อยากจะร้องบอกเขาส่งไปว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้” แต่รถวิ่งเร็วและเลยไปไกลเสียแล้ว

ครับ ไกลขนาดไหน...........

ใจภักดิ์ของพสกต่อ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ" ก็ตามไปถึง.

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2559    
Last Update : 14 ตุลาคม 2559 18:14:57 น.
Counter : 251 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.