เพลงสรรเสริญพระบารมีกระหึ่มก้องเมืองไทยและก้องโลก



เมื่อบ่ายของวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2559 นับเป็นหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของชาติไทยที่คนไทยทุกคนจะต้องจดจำและระลึกถึง และต่างชาติจะต้องยกย่องให้ความสนใจ ที่เสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีกระหึ่มก้องเมืองไทยและก้องโลกจากต้นทางที่มณฑลท้องสนามหลวงและใกล้เคียง ด้วยนักร้องมืออาชีพ 100 คน และนักร้องที่ร้องด้วยหัวใจ 3 แสนคน

 

งานครั้งสำคัญนี้ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล   ประสงค์ที่จะนำเพลงสรรเสริญพระบารมีในแบบ

ของการบันทึกประวัติศาสตร์นี จัดการบันทึกเสียงและภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ด้วยการฉายตามโรงภาพยนต์ทั่วประเทศและสถานีโทรทัศน์ จนได้รับพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินการได้

นายสมเถา สุจริตกุล วาทยากร บอกว่า การร้องเพลง "สรรเสริญพระบารมี" ครั้งประวัติศาสตร์นี้ ใช้วงออเครสตราสยามฟิลฮาร์โมนิค ประกอบด้วยเครื่องดนตรี 100 ชิ้นและนักร้องประสานเสียง 100 คน

.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นผู้กำกับด้านถ่ายภาพและการบันทึกเสียงทั้งหมด

ผู้ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนับร้อยคนเข้ามาช่วยเหลือจัดการ และได้รวบรวมผู้ที่คร่ำหวอดในวงการบันเทิงเข้ามาช่วยเหลือมากมาย

กล้องถ่ายภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวจำนวน 40 ตัวกระจายตามจุดต่างๆ ที่กำหนดโดยมีวางแผนให้มีผู้อำนวยการคอยกำกับให้เป็นไปตามแผนงานที่เตรียมการกันไว้เพียง 3 วัน และยังมีกล้องจากมือสมัครเล่นอีกนับไม่ถ้วนที่เตรียมจะบันทึกทั้งาพและเสียงอันจะเป็นประวัติศาตร์ของชาติไทย เพื่อให้ได้ชื่อว่าครั้งหนึ่งได้ร่วมอยู่ในประวัติศาสตร์ที่เกรียงไกรนี้

วาทยากรบอกอย่างมั่นใจว่า อยากให้ประชาชนที่เป็นพสกนิกรของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในพระบรมโกศได้แสดงความจงรักภักดี แสดงความรักที่มีต่อพระองค์ และอยากแสดงให้คนไทยรวมทั้งต่างชาติห้เห็นถึงความรักความสามัคคี

ผู้อำนวยการการถ่ายทำบอกว่า  ไม่ต้องการซักซ้อมกับประชาชนที่ร่วมร้องเพลง หรือบอกกล่าวว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะต้องการให้ไปอย่างธรรมชาติ ที่สะท้อนความจงรักภักดีในแบบของประชาชนคนไทยมากที่สุด

ในที่สุด วันสำคัญของประวัติศาสตร์ในการแสดงความจงรักภักดีก็มาถึง

ตั้งแต่ยังม่ฟ้าสาง ยวดยานจำนวนมากต่างมุ่งสู่ท้องสนามหลวงโดยจอดรถตามจดต่าง ๆ

ก่อนถึงเส้นทางที่เจ้าพนักงานจราจรปิดการจราจร

ตกสายการจราจรติดขัด ส่งผลกระทบไปตามถนนสายต่างๆ รอบนอก

รถเวียนที่รับประชาชนจากทุกทิศของกรุงเทพ ฯ นำประชาชนไปส่งด้านหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ แต่ยังไม่ถึงเที่ยง มีประชนเนืองแน่นเต็มสนามหลวงแล้ว

ประชาชนเดินเท้าจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ประชาชนเดนเท้าจากสะพานพุทธยอดฟ้า ฯ

ประชาชนเดินเท้าจากสะพานพระปิ่นเกล้า

คนไทยทุกคนมีใจมุ่งที่จะไปรวมพลังกัน เพื่อสรรเสริญพระบารมีที่มากพ้นรำพัน

จนกระทั่งเวลาบ่ายโมงเศษ เสียงเพลงสรรเสริญพะบารมีก็ดังกระหึ่มก้องท้องสนามหลวง และดังก้องไปทั่วบริเวณกลบเสียงนักร้อง 100 คน และดนตรี 100 ชื่นลงไป

ทุกคนเปล่งเสียงร้องเพลงอย่างสุดหัวใจ

จำนวนไม่น้อยน้ำตาไหลพรากทั้งเสียใจ ทั้งตื้นตันใจ และทั้งพร้อมใจสรรเสริญพระบารมีด้วยน้ำตา

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2559    
Last Update : 24 ตุลาคม 2559 11:08:04 น.
Counter : 414 Pageviews.  

เครือข่ายแรงงานค้านขึ้นค่าจ้างขี้นต่ำไม่เป็นธรรม ชี้ควรปรับเท่ากันทั่วประเทศ



เครือข่ายแรงงาน ชี้ขึ้นค่าจ้าง 5-10 บาท ชี้ ไม่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจ ควรปรับเท่ากันทั้งประเทศ เตรียมยื่นหนังสือต่อรัฐบาลทบทวนมติการปรับขึ้นค่าจ้าง

 

ตามที่คณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ชุดที่ 19 มีมติปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ ในปี 2560 แบ่งค่าจ้างเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มแรกไม่ขึ้นค่าจ้างใน 8 จังหวัด กลุ่มที่ 2 ขึ้นค่าจ้าง 5 บาท ใน 49 จังหวัด กลุ่มที่ 3 ขึ้นค่าจ้าง 8 บาท ใน 13 จังหวัด และกลุ่มที่ 4 ขึ้นค่าจ้าง 10 บาท ใน 7 จังหวัด นั้น

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2559 นายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เปิดเผยว่า  การพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำ ของคณะกรรมการค่าจ้างว่า ทาง คสรท.และพี่น้องแรงงานต่างไม่พอใจ เพราะผลที่ออกมาทำให้เสียความรู้สึก เนื่องจาก 1.มีจังหวัดที่ไม่ได้ปรับค่าจ้าง หนำซ้ำจังหวัดที่ได้ปรับสูงสุดเพียง 10 บาท ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน และจังหวัดที่ไม่ปรับก็หนักไปอยู่ทางภาคใต้ ความจริงไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะภาคใต้มีความเป็นอยู่ลำบาก ไม่ควรไปกดค่าจ้าง ไม่เพิ่มเลย

เราจึงสงสัยว่าทำไมไม่ปรับให้เท่ากันทั่วประเทศ หากจะปรับ 10 บาท ก็ควรทุกจังหวัดเท่ากันก็ยังดีกว่าปรับขึ้น 5 บาท 8 บาท 10 บาท ไม่เท่ากันแต่ละจังหวัดอีก ปรับแบบนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ค่าครองชีพ ค่ากินค่าอยู่ จะทำอะไรได้และปรับอัตราดังกล่าวนั้น ถือว่าไม่ผิดคาดที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

เนื่องจากมีการปรับขึ้นไม่เท่ากัน และไม่ได้ปรับในพื้นที่บางจังหวัด ซึ่งหากจะให้สะท้อนภาวะเศรษฐกิจ ก็ต้องมีการปรับขึ้นที่ 60 บาทต่อวัน แต่การปรับในอัตรา 5, 8 และ 10 บาท ถือว่าน้อยมาก ทั้งนี้ อย่างกรณีปรับขึ้น 5 บาท หากคิดจริงๆ ผ่านมา 5 ปีเพิ่งจะมาปรับค่าจ้าง ดังนั้น เราคิดเฉลี่ยแล้วตกปีละ 1 บาทเอง  ถามว่าปรับเพิ่มปีละ 1 บาท ถูกต้องหรือไม่ เครือข่ายแรงงานจะมีการหารือกัน และจะทำหนังสือร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อแรงงานทุกคน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2559    
Last Update : 22 ตุลาคม 2559 1:10:24 น.
Counter : 291 Pageviews.  

‘เศรษฐพงค์’ รับรางวัลบุคคลคุณภาพแห่งปี 2016 พร้อมแนะให้ประชาชนมีสติในการใช้โซเชียลมีเดีย



พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และรองประธาน กสทช. เข้ารับรางวัลบุคคลคุณภาพแห่งปี 2016 ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.)

 

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฯพณฯ  พลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี  ได้มอบรางวัล "บุคคลคุณภาพแห่งปี 2016 ให้ พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และรองประธาน กสทช. " จากมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.)

      รางวัลดังกล่าวระบุว่า พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ ฯ เป็นบุคคลคุณภาพด้านเทคโนโลยีแห่งประเทศ ประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัวชีวิตการทำงาน และอุทิศตนทำกิจกรรมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลประโยชน์อันใหญ่หลวงต่อประเทศชาติที่เกิดการการประมูลคลื่นความถี่ 3G และ 4G ซึ่งสมควรให้เป็นแบบอย่างที่ดี และควรค่าต่อการส่งเสริมเพื่อประกาศเชิดชูเกียรติยศแห่งความภาคภูมิใจ และเพื่อเป็นต้นแบบที่ดีต่ออนุชนรุ่นหลังต่อไป

      ภายหลังพิธีมอบรางวัล พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จะมุ่งมั่นตั้งใจในการทำหน้าที่ในการกำกับดูแล และส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีโทรคมนาคมและการสื่อสารของประเทศให้มีความมั่นคง และยั่งยืน ตามรอยพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงพระราชทาน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2526 เนื่องในโอกาสการจัดงานวันสื่อสารแห่งชาติ ที่มีความตอนหนึ่งว่า

"การสื่อสารเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง ในการพัฒนา สร้างสรรค์ ความเจริญก้าวหน้า รวมทั้งรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศด้วย ยิ่งในสมัยปัจจุบัน ที่สถานการณ์ของโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะ การติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ ย่อมมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ ทุกฝ่ายและทุกหน่ายงานที่เกี่ยวข้อง กับการสื่อสารของประเทศ จึงควรจะได้ร่วมมือกัน ดำเนินงานและประสานผลงานกันอย่างใกล้ชิดและสอดคล้อง สำคัญที่สุดควรจะได้พยายามศึกษาค้นคว้าวิชาการและเทคโนโลยี อันทันสมัยให้ลึงและกว้างขวาง แล้วพิจารณาเลือกเฟ้นส่วนที่ดีมีประสิทธิภาพแน่นอนมาปรับปรุงใช้ด้วยความฉลาดริเริ่ม ให้พอเหมาะพอสมกับฐานะ และสภาพบ้านเมืองของเรา เพื่อให้กิจการสื่อสารของชาติได้มีโอกาส พัฒนาอย่างเต็มที่ และสามารถอำนวยประโยชน์แก่การสร้างเสริมเศรษฐกิจ สังคม และเสถียรภาพของบ้านเมืองได้อย่างสมบูรณ์แท้จริง"

ซึ่งถือได้ว่าพระราชดำรัสนี้ยังคงมีความทันสมัยอยู่เสมอ และถือได้ว่าเป็นปรัชญาแห่งวงการสื่อสารของประเทศไทย

       พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ  กล่าวในท้ายการให้สัมภาษณ์ว่า ขอฝากประชาชนในการใช้เทคโนโลยีโซเชียลมีเดียด้วยความห่วงใยในช่วงเวลาที่ประชาชนทั้งชาติอยู่ในเวลาอันโศกเศร้าและอาจทำให้สมาธิในการดำเนินชีวิตลดลงไปมาก จนทำให้ขาดสติในการรับรู้และการแชร์ข้อมูลข่าวสารบนโซเชียลมีเดีย โดยได้แนะนำไม่ให้เชื่อข่าวสารที่เห็นในครั้งแรก สิ่งที่ควรทำคือ การตั้งสติก่อนทุกครั้งและไม่เชื่อข่าวสารที่เห็นในทันที และการที่ส่งต่อทันที่ทั้งที่ไม่เชื่อเพื่อสอบถามเพื่อนๆในกลุ่มโซเชียลก็ถือว่าได้ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ประสงค์ดีแล้ว ดังนั้นควรใช้โซเชียลอย่างมีสติทุกครั้ง และควรใช้ให้น้อยลง โดยใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2559    
Last Update : 21 ตุลาคม 2559 17:23:48 น.
Counter : 430 Pageviews.  

รวมพลังร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี 22 ตุลา บันทึกภาพประวัติศาสตร์แห่งความจงรักภักดี ออกฉายทางโทรทัศน์แล



เชิญชวนประชาชนรวมพลังร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี 22 ต.ค.นี้ 13.00 น. ณ ท้องสนามหลวง ร่วมบันทึกภาพประวัติศาสตร์แห่งความจงรักภักดีออกฉายทางโทรทัศน์และโรงภาพยนตร์

 

วันที่ 20 ตุลาคม 2559 พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รับการประสานจาก ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เพื่อเชิญชวนประชาชนร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัย แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการรวมพลังร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” ในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคมนี้ เวลา 13.00 น. ณ บริเวณถนนหน้าพระลาน กำแพงพระบรมมหาราชวัง และท้องสนามหลวง

“การรวมพลังครั้งสำคัญนี้ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล และทีมงาน จัดขึ้นเพื่อบันทึกภาพประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงความรักอันยิ่งใหญ่ ความผูกพัน และความอาลัย ของประชาชนผู้จงรักภักดีทุกหมู่เหล่า จัดทำเป็นภาพยนตร์และวิดีทัศน์สำหรับฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ และสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ

การถ่ายทำภาพยนตร์นี้ จะเป็นการบันทึกเสียงเพลงที่ประชาชนขับร้องสด ร่วมกับวงดนตรี Siam Philharmonic Orchestra และคอรัส 100 คน โดยมี อ.สมเถา สุจริต เป็นผู้ควบคุมการบรรเลง และทีมงาน ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นผู้ถ่ายทำภาพยนตร์

พลโท สรรเสริญ กล่าวต่อว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะดูแลอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะไปร่วมกิจกรรมครั้งนี้ จะต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพสีดำและนำเทียนสีขาวไปด้วย โดยนัดหมายให้ไปอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อซักซ้อมความเข้าใจ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในเวลา 10.00 น. ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08 9949 5629

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2559    
Last Update : 21 ตุลาคม 2559 0:43:37 น.
Counter : 246 Pageviews.  

ก.ดิจิทัลฯ เดินหน้าปิดเว็บหมิ่นเบื้องสูง เตือนประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือ ไม่แชร์ และคอมเม้นต์โต้ตอ



กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินหน้าปิดเว็บไซต์และเพจที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน , ความมั่นคงและความรู้สึกของประชาชน เตือนทุกฝ่ายอย่าโพสหรือแชร์ ข้อความเท็จในไลน์และเฟซบุ๊ก เพราะจะมีความผิดไปด้วย

 

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม - พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงดีอีได้เพิ่มกำลังบุคลากรในศูนย์ประสานงาน หรือ วอร์รูม ในชื่อศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (CSOC) ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อสอดส่องดูแลเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องหรืออาจกระทบความมั่นคง และละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตรย์ ซึ่งมีลักษณะใช้ถ้อยคำยั่วยุ ปลุกปั่น และมีข้อความบิดเบือน เพื่อทำการปิดหรือระงับการเผยแพร่เว็บไซต์ทันที ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เพียงแต่ไม่ต้องการให้เป็นข่าวออกสู่สาธารณะ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่ขณะนี้กระทรวงดีอีได้ประสานไปยังสำนักงานกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยเพิ่มกำลังคนเป็น 60 คน และสำนักงานการป้องกัน และปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ(ปท.) อีกกว่า 30 คน และเมื่อรวมกับบุลคลาการของดีอี จะมีกว่า 100 คน มาทำหน้าที่เป็นผู้สอดส่อง(มอนิเตอร์) เว็บไซต์ที่เข้าข่ายดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอียังได้ประสานงานกับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ไอเอสพี) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อย่างใกล้ชิด ด้วยการใช้ประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 26 ที่ระบุความผิดเกี่ยวกับ เนื้อหาที่กระทบต่อความมั่นคง ยั่วยุ หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ หากเข้าข่ายความผิดดังกล่าวรัฐบาลสามารถปิดเว็บหมิ่นได้ทันที

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ที่ผ่านมา วันที่ 14 ตุลาคม พบเว็บหมิ่นสถาบันประมาณ 52 เว็บเพจ ขณะที่วันที่ 15 ตุลาคม พบจำนวน 61 เว็บเพจ โดยสามารถปิดกั้นได้บางส่วน คิดเป็น 35% ของเว็บเพจที่ตรวจพบ แต่ก็นับว่าได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการเป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่เว็บที่ถูกปิดจะเป็นเว็บในประเทศ แต่หากเป็นเว็บไซต์ต่างประเทศ รัฐบาลต้องใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ที่ระบุความผิดเกี่ยวกับลามก อนาจาร หมิ่นสถาบัน ซึ่งต้องมีการตรวจสอบหาหลักฐาน ที่ปกติใช้เวลา 15 วัน ในการส่งเรื่องมาให้รัฐมนตรีดีอีตรวจสอบ ลงนาม และขอหมายศาลแจ้งไปยังผู้ให้บริการในต่างประเทศ แต่ขั้นตอนดังกล่าวทางกระทรวงดีอีจะเร่งให้เร็วกว่าปกติ ซึ่งในต่างประเทศเองก็ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับทูตในประเทศต่างๆ อีกทางเช่นกัน ทั้งนี้ นอกจากรัฐบาลจะใช้มาตรการทางกฎหมายแล้ว รัฐบาลก็จะให้ความรู้กับประชาชนให้ทำความเข้าใจว่าไม่ควรกดไลค์ กดแชร์ หรือ เก็บข้อมูลที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวไว้ เพราะจะมีความผิดด้วย

“เราทำงานอย่างหนักและให้ทีมงานมอนิเตอร์ต่อเนื่อง 24 ชม. ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถปิดการใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ได้มากกว่า 600 เว็บ ซึ่งอีกทางรัฐบาลก็ขอทำความเข้าใจกับประชาชนในวงกว้างด้วย โดยเมื่อเจอเว็บไซต์ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ให้โทรแจ้งที่คอลเซ็นเตอร์ 1212 และขอย้ำในการแจ้งกับประชาชนว่าอย่ากดไลค์หรือแชร์ส่งต่อ เพราะจะถือว่าผิดกฎหมาย และหากได้รับคลิปหรือข้อความให้ลบทิ้งด้วย ไม่อยากให้ประชาชนตกเป็นเครื่องมือหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์” พล.อ.อ.ประจินกล่าว

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ช่องทางการแจ้งเบาะแสการ ” หมิ่นเบื้องสูง “

         1.แจ้งรายงานข้อมูลที่ไม่เหมาะสมทาง Website

ซึ่งผู้พบเห็นสิ่งไม่ควรเหล่านี้สามารถแจ้งลบเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ได้โดยวิธีการส่งอีเมล์ภาพหลักฐานการกระทำผิดและชื่อของเว็บไซต์นั้นๆไปที่

Protect The King: แจ้งเบาะแส – หมิ่นพระบรมฯ กระทรวงกลาโหม โดยสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม

โทร (02) 980-5617 โทรทหาร 57-52151

E-mail: cyberclean@mod.go.th

(DSI) ร้องเรียน ร้องทุกข์ แจ้งเบาะแส กรมสอบสวนคดีพิเศษ (Department Of Special Investigation)

128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210

โทร./Fax: 0-2831-9888

E-mail: webmaster@dsi.go.th

(ICT) แจ้งเว็บไซต์ไม่เหมาะสม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)

120 ม.3 ชั้น 6-9 อาคารรวมหน่วยราชการ(บี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ

ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพ 10210

โทรศัพท์: 0-2141-6747 Fax: 0-2143-8019

สายด่วน: 1212 หรือ สายตรง: 0-2141-6971-4

Email: pr@mict.mail.go.th

แจ้งเบาะแส/เรื่องร้องเรียน (Complaint Form)

//www.tcsd.in.th/

กองบังคับการปราบปรามฯ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคาร B ชั้น 4 ถ.แจ้งวัฒนะเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210

1212@mict.mail.go.th หรือ web_report@nbtc.go.th

โดยระบุชื่อเว็ปไซต์หรือลิงค์ URL ของเว็บไซต์นั้นไปด้วยอย่างชัดเจนค่ะ

         2.แจ้งรายงานข้อมูลที่ไม่เหมาะสมทาง FACEBOOK

ในกรณีที่พบข้อมูลที่ไม่เหมาะสม โพสต์หรือแชร์ผ่านทาง Facebook เราสามารถทำการแจ้งไปยังทาง Facebook ได้โดย เมื่อพบเจอโพสต์หรือแฟนเพจที่เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสม ให้เราคลิกที่ “เพิ่มเติม” แล้วเลือกที่เมนู “รายงานปัญหาเพจ”

เลือกหัวข้อในการรายงานบัญชี Facebook

เลือก “ส่งให้ Facebook ตรวจพิจารณา”

กดปุ่ม “เรียบร้อย” ก็จะเป็นอันเสร็จกระบวนการแจ้ง Facebook

          3.เมื่อพบคลิปหรือวิดีโอที่ไม่เหมาะสมบน YOUTUBE

คลิ๊กเมนู “เพิ่มเติม” แล้วเลือก “รายงาน” วิดีโอหรือคลิปที่พบว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมเลือกหัวข้อในการรายงาน “แสดงความเกลียดชัง/ไม่เหมาะสม

เลือกหัวข้อย่อยในการรายงาน “ล่วงละเมิดต่อบุคคลที่มีความเปราะบาง” และคลิก “ส่ง” เพื่อแจ้งรายงานต่อทาง Youtube

นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุด เมื่อพบเจอเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ไม่เหมาะสม ทุกคนนอกจากควรช่วยกันรายงานข้อมูลเหล่านั้นไปยังผู้ที่มีอำนาจรับผิดชอบในการจัดการแล้ว ไม่ช่วยเผยแพร่

– “ไม่ต้องเข้าไปดู”

– “ไม่กด Like หรือ ถูกใจ”

– “ไม่กด Share หรือ ส่งต่อ”

เพราะยิ่งเข้าดูมาก ยิ่งไปเพิ่มจำนวนผู้เข้าชม จะทำให้การรายงานปิดกั้น/บล้อค ทำได้ยากขึ้น และการส่งต่ออย่างในไลน์จะมีการ Copy หรือคัดลอกส่งต่อไปเรื่อยๆ เท่ากับเป็นการเผยแพร่ทำซ้ำ ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมาย รวมทั้งกลายเป็นการช่วยเผยแพร่หรือเพิ่มเนื้อที่/ช่องทางเข้าชมมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ควรแชร์ต่อเพราะการกดแชร์ต่อๆไปนั้นก็เท่ากับว่าเป็นการช่วยกระจายสิ่งที่ไม่ดีให้ออกไปในยังวงกว้างผ่านทางเครือข่ายสังคมของออนไลน์จะทำให้ความประสงค์ของผู้ไม่หวังดีนั้นบรรลุเป้าหมายในอีกทางนึง

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2559    
Last Update : 20 ตุลาคม 2559 20:26:05 น.
Counter : 241 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.