10 เคล็ดลับใช้ยาปลอดภัยในผู้สูงวัย โดย เภสัชกร ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนนท์ เลขาธิการ สภาเภสัชกรรม



ทั้งนี้ การที่ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ประสบปัญหาเป็นโรคเรื้อรังหลายโรคนั้น ทำให้ต้องใช้ยาหลายรายการ จากหลายแหล่ง ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหายาซ้ำซ้อน ยาตีกัน การปรับเปลี่ยนยาด้วยตนเอง หรือการสื่อสารที่ไม่เข้าใจ ทำให้ไม่สามารถใช้ยาตามแผนการรักษาได้

 

ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ มักเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอและถูกวิธีเพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการรักษาโรค แต่ปัจจุบันยังพบว่า ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ไม่ใช้ยาตามแพทย์สั่ง ซึ่งมีข้อมูลจาก เภสัชกร อำนวย พฤกษ์ภาคภูมิ นายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) ระบุว่า จากผลการวิจัย “การค้นหาปัญหาด้านยาจากการออกเยี่ยมบ้านโดยกลุ่มเภสัชกรครอบครัว” ระหว่างปี พ.ศ.2556-2557 ในเขตจตุจักร จากแขวงจอมพล แขวงจันทรเกษม และแขวงเสนานิคม โดยการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยทั้งสิ้น 1,019 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยสูงอายุ อายุมากกว่า 60 ปี ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ และเบาหวาน ตามลำดับ ซึ่งเป็นกลุ่มโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อแต่ต้องอาศัยความร่วมมือในการใช้ยาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ผลสำรวจพบว่า ผู้ป่วยร้อยละ 47.1 มีปัญหาการไม่ใช้ยาตามสั่ง ไม่ได้รับยาที่ควรจะได้รับ เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา และยังพบปัญหาเชิงระบบที่เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านยา คือ (1) การได้รับยาไม่ต่อเนื่อง (2) การเข้าไม่ถึงยา และ (3) ขาดการส่งต่อข้อมูลด้านยาที่มีประสิทธิภาพ ตามลำดับ

ทั้งนี้ การที่ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ประสบปัญหาเป็นโรคเรื้อรังหลายโรคนั้น ทำให้ต้องใช้ยาหลายรายการ  จากหลายแหล่ง ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหายาซ้ำซ้อน ยาตีกัน การปรับเปลี่ยนยาด้วยตนเอง หรือการสื่อสารที่ไม่เข้าใจ ทำให้ไม่สามารถใช้ยาตามแผนการรักษาได้ ผู้สูงวัยบางรายมีการนำยาเหลือใช้ของตนไปให้ผู้อื่นใช้โดยขาดความรู้ส่งผลให้เกิดอันตราย นอกจากนี้การที่ผู้สูงวัยมีความเสื่อมถอยของสภาวะร่างกาย เป็นปัญหาต่อระบบการทำงานของร่างกาย ที่อาจส่งผลกับการใช้ยา เช่น ปัญหาด้านสายตาทำให้ไม่สามารถอ่านฉลากยาได้จึงรับประทานยาตามความเคยชิน อาจได้ขนาดยาไม่ถูกต้อง กล้ามเนื้อมีความอ่อนแรงจนไม่สามารถฉีกแผงยา หรือหยิบยาเข้าปาก บางรายมีปัญหาด้านความจำทำให้ใช้ยาผิด เป็นต้น ในรายที่ต้องมีผู้ดูแลจัดยาให้ ถ้าผู้ดูแลไม่ได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอ อาจส่งผลให้เกิดปัญหากับผู้สูงวัยที่ไม่สามารถใช้ยาได้ด้วยตนเอง และมีผู้ป่วยบางรายใช้ยาตามคำบอกเล่า หรือซื้อยารับประทานเอง หรือนำยาผู้อื่นมาใช้ ทำให้บริโภคยาไม่ตรงตามโรคที่เป็น  

ดังนั้น เพื่อลดความสูญเสียจากการใช้ยาในผู้สูงวัย ลูกหลาน หรือผู้ดูแลผู้สูงวัย จะต้องมีความรู้เรื่องการใช้ยาอย่างถูกต้อง เพราะยามีคุณอนันต์ แต่ก็มีโทษมหันต์หากนำไปใช้อย่างผิดๆ ข้อมูลจาก ภญ.จันทิมา โยธาพิทักษ์ ผู้ช่วยนายกสภาเภสัชกรรม ฝ่ายวิชาการ ได้แนะแนวทางดูแลผู้สูงวัยใช้ยาปลอดภัยและเป็นสุข โดยรวบรวมไว้เป็น 10 เคล็ดลับการใช้ยาอย่างปลอดภัยในผู้สูงวัย ดังนี้

1. รับประทานยาตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำอย่างเคร่งครัด

2. ใช้ยาเท่าที่จำเป็นไม่ควรซื้อยารับประทานเองเพราะยาบางชนิดมีความเสี่ยงในการใช้ จำเป็นต้องติดตามการใช้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งอาจตีกันกับยาที่ผู้ป่วยใช้อยู่เป็นประจำ ดังนั้นแนะนำปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนการใช้ยาใหม่ๆ  

3. เมื่อต้องไปพบแพทย์หรือไปโรงพยาบาล ต้องนำยาทุกชนิด ซึ่งรวมถึงสมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใช้อยู่ไปแสดงแก่แพทย์หรือเภสัชกร

4. ในระหว่างการใช้ยา หากพบอาการที่ผิดปกติ เช่น ใช้ยาไปแล้วขาบวม ปัสสาวะบ่อย ไอเรื้อรัง เป็นต้น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะอาจเกิดจากยาที่ใช้อยู่

5. หากผู้ป่วยมีปัญหาในการใช้ยา เช่น กลืนยาลำบาก ต้องแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ เพื่อจะได้เลือกชนิดยาที่เหมาะสม เช่น เปลี่ยนเป็นยาน้ำ

6. หลังได้รับยาควรตรวจดูยาและอ่านฉลากยาให้เข้าใจทุกครั้ง ถ้ามีข้อสงสัยควรสอบถามเภสัชกรทันที

7. หากผู้ป่วยมีปัญหาในการจัดเตรียมยา หรือมีปัญหาในการอ่านฉลากยา ควรให้ญาติหรือผู้ร่วมอาศัยจัดเตรียมยาให้พร้อมต่อการใช้ เช่น การหักครึ่งเม็ด การกดยาเม็ดออกจากฟอยด์ การจัดยาเป็นเวลาเป็นมื้อ เป็นต้น เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้ยาอย่างถูกต้องครบถ้วน

8. กรณีผู้ป่วยหลงลืมการใช้ยาอาจใช้สิ่งช่วยจดจำ เช่น เขียนขนาดและวิธีรับประทานตัวใหญ่ติดบนฉลากยา หรือใช้นาฬิกาปลุก ใช้กล่องใส่ยาชนิดที่รับประทานช่องละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันการลืมรับประทานยา หรือรับประทานยาซ้ำซ้อน

9. ควรจัดเก็บยาให้ถูกต้องไม่เก็บในที่อับชื้น เช่นห้องน้ำ หรือในที่ที่ร้อนจัด เช่น ในรถ และไม่เก็บในที่ที่แสงแดดส่องถึงเพราะจะทำให้ตัวยาเสื่อมคุณภาพได้ ที่สำคัญควรเก็บให้ห่างจากมือเด็ก

10. หากผู้ป่วยสูงอายุช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผู้ดูแลควรหยิบยามาให้รับประทานเองกับมือ และดูด้วยว่าผู้ป่วยได้รับประทานยาจริงหรือไม่

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการใช้ยา สามารถขอรับคำปรึกษาได้จากเภสัชกรโรงพยาบาล หรือ เภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 12 กันยายน 2559    
Last Update : 12 กันยายน 2559 6:29:29 น.
Counter : 399 Pageviews.  

รัฐบาลเผยยอดลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดเกินเป้า พบภาคอีสานลงทะเบียนสูงสุด



‘โฆษกรัฐบาล’ เผย ยอดผู้ลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดทะลุเป้า ภาคอีสานสูงที่สุด ระบุ เด็กที่เกิดในห้วง 1 ต.ค. 58 – 30 ก.ย. 59 ยังมีโอกาสถึงสิ้นเดือนนี้ “นายกฯ” ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกำชับ พม. เสริมความรู้แก่ผู้ปกครองเพื่อยกระดับคุณภาพประชากรไทย

 

เมื่อวันที่ 10 กันยายน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในปีงบประมาณ 2559 ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี มีผู้มาลงทะเบียนขอรับสิทธิ 136,490 คน ซึ่งมากเกินกว่าเป้าหมายของโครงการที่ตั้งไว้ 128,000 คน โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้มาลงทะเบียนสูงที่สุดคิดเป็นร้อยละ 41.36 ของทั้งหมด เบิกจ่ายเงินอุดหนุนไปแล้วร้อยละ 84.03 ซึ่งเด็กในครอบครัวรายได้น้อยที่เกิดในช่วงปีงบประมาณ 2559 คือตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558-30 กันยายน 2559 ยังสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิได้ภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ได้รับสิทธิแล้ว 103,389 คน อยู่ระหว่างการพิจารณา 33,101 คน สภาพปัญหาส่วนใหญ่ของผู้มาลงทะเบียน 5 อันดับแรก ได้แก่ ว่างงาน ร้อยละ 44.55 เป็นแม่วัยใส ร้อยละ 22.55 เลี้ยงเดี่ยว ร้อยละ 39.98 ประสบปัญหาที่อยู่อาศัย ร้อยละ 9.85 และ กำลังศึกษาอยู่ร้อยละ 0.75

พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า นอกจากเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแล้ว รัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมเยียนครอบครัว เพื่อให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ที่จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเด็กเพิ่มเติม อาทิ ช่วยปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัย จัดให้มีการอบรมการดูแลตนเองของหญิงตั้งครรภ์และการเลี้ยงดูเด็ก โดยโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดจะนำร่องใช้ระบบ e-Payment ภาครัฐ ในการจ่ายสวัสดิการให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลสวัสดิการสังคมของกรมบัญชีกลางและจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารโดยเริ่มตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝากชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทั้งส่วนกลางและในพื้นที่ ที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนทราบและมาลงทะเบียนได้เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ โดยจังหวัดที่มีการลงทะเบียนมากที่สุด 5 จังหวัดแรก ได้แก่ จ.ปัตตานีนครศรีธรรมราช บุรีรัมย์ นครราชสีมาและนราธิวาส ทั้งนี้นายกฯ ได้กำชับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้เป็นแกนหลักในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยใช้กลไกประชารัฐ ในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และความตระหนักให้แก่ครอบครัวของเด็กแรกเกิดที่มีรายได้น้อยในการเลี้ยงดูบุตรหลานให้มีคุณภาพ ซึ่งเด็กในวัยนี้เหมือนฟองน้ำที่จะซึมซับพฤติกรรมทุกอย่างของคนเลี้ยง พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจดูแลให้ความรักความอบอุ่นแก่เด็ก และถือเป็นช่วงเวลาทองของพัฒนาการ ที่ทุกคนในครอบครัวควรมีความรู้จะได้ช่วยกันส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เติบโตอย่างสมวัย เพื่อยกระดับคุณภาพประชากรไทยในอนาคต” พล.ต.สรรเสริญกล่าว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 11 กันยายน 2559    
Last Update : 11 กันยายน 2559 15:47:32 น.
Counter : 510 Pageviews.  

เรื่องสนุก-ทุกสัปดาห์ “เที่ยวกับทัวร์”



"นี่ ถามจริง ๆ นายเซ็งไหมกับสูตร 6. 7. 8 "

  "สูตรไม้ดอก หรือไม้ผล เราเพิ่งลงส้มโอ สูตรอย่างนี้ไม่เคยรู้จัก"  เพื่อนอีกคนหัวเราะไปด้วยอย่างอารมณ์ดี

  "นี่มันสูตรทำระเบิดขวดหรือเปล่า"  อีกคนพูดบ้าง

  "ฮ่า ฮ่า ฮ่า" คนแรกหัวเราะชอบใจก่อนจะตอบว่า

  "นี่มันสูตรที่ไกด์ใช้บอกลูกทัวร์  ว่าตื่น 6 โมง กิน 7 โมง แล้วก็ล้อหมุน 8 โมง ฮ่ะ ฮ่ะ"

   "มันน่าเบื่อมากที่จะต้องทำตาม. เราอยู่บ้านไม่เห็นมีใครสั่ง" เพื่อนที่ไม่เเห็นด้วยยังพูดต่อ

   "นี่ฟังหน่อยนะเพือน เมื่อปีกลายไปเที่ยวซิดนี่ย์กับทัวร์ เขาใช้สูตรอย่างนี้ล่ะ น่าเบื่อมาก บางทีก็บอกว่า พรุ่งนี้ ห้า หก เจ็ด ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก"

 "มีอยู่วันหนึ่ง..."  หยุดไปนิด เมื่อเห็นว่าเพื่อน 2 คน ตั้งใจฟังจึงพูดต่อ

    "มีอยู่เข้าวันหนึ่ง เขาใช้สูตร ห้า หก เจ็ด  โฮ๊ย ใครจะตื่นไหว ก่อนหน้าวันนั้นก็กินหวน์กันจนดึก นายรู้ไหมว่าเราตื่นกี่โมง"

    "ก็ต้องตื่นตามเขา" เพื่อนคนแรกตอบ

"เปล่า ไม่ตื่นอะไรทั้งนั้น นอนสบาย พอตื่นขึ้นมา ลงไปที่ล๊อบบี้ ตายชัก ใกล้เที่ยงพอดี"   คนเล่าท่าทางตื่นเต้นอีกครั้ง

    "ฮ่า ฮ่า ฮ่า. ลูกทัวร์ก็ไปไหนกันหมดแล้ว"

    "ใช่ ไปกันหมดแล้ว เราก็เซ็ง เดินไปเดินมา ไม่เป็นไร เพราะคำนี้ กลุ่มทัวร์ก็ต้องกล้บมานอนโรงแรมนี้อีก   ก็เลยตุหรัดตุเหร่เดินออกไปข้างนอกหาร้านอาหาร เดินไปสักพัก เจอหลายร้าน. เลือกร้านที่มีคนเยอะ ๆ  เข้าไปด้านใน ฮ่า.ฮ่า ฮ่า" เล่าจบก็หัวเราะร่วน

    "คนมาก เลยสั่งไม่ได้"  เพื่อนต่อให้

    "คนเยอะจริง แน่นไปหมด แต่กลุ่มทัวร์ของเรานี่แหละ ไกด์พามากินที่นี่"

     "จะว่าเราเลยก็ตาม เวลาไปทัวร์เราไม่กล้านอนโรงแรมชั้นสูง ๆ กลัวว่าตึกมันจะถล่ม จะเกิดพายุ เกิดมีเครื่องบินมาชนตึก กลัวไปหมด คิดไปคิดมาบางทีใกล้สว่างถึงจะได้หลับ"

      "แล้วนายก็ขึ้นรถไม่ทัน"    เพื่อนต่อให้อีกแล้วหัวเราะ

"แต่เราอยากนอนใกล้ประตูหนีไฟ เกิดเหตุก็เผ่นก่อน แต่ถ้าจำเป็นไปนอนห้องไกล ๆ ประตูหนีไฟ พอเข้าห้องปั๊บ ต้องตรวจกันก่อนว่าออกจากห้องแล้วเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวากี่ก้าวจึงจะถึงประตูหนีไฟ จดแล้ววางไว้บนหัวเตียง เกิดเหตุก็ใช้ได้ทันที. ฮ่า ฮ่า

       มีอยู่ครั้งหนึ่ง ก็ทำแบบนี่ล่ะ  นอนหลับไปแล้วที่ชั่น 15 เสียงหวอดังลั่นมาจากทางถนน ลุกปั๊บนุ่งกางเกงก็เปิดประตูเผ่นทันที เรียกว่ารวดเร็วมาก เป็นไปตามแผนที่วางไว้ทุกประการ" หันมามองหน้าเพื่อนสองคนแล้วยิ้ม.ๆ

      "ตามที่นายจดไว้ทุกประการ"  เพื่อนซัก

      "ไม่ใช่.  นายรู้ไหมว่าเวลาตกใจ มันก็ลืมไปหมดในทันที ที่จดไว้ก็ไม่ได้หยิบมาอ่าน เปิดประตูแทนที่จะลงทางบ้นไดหนีไฟ กลับไปใช้ลิฟต์ลงไปที่ลอบบี้"

      "อ้าว เกิดเหตุไฟไหม้ในโรงแรม เขาก็ไม่ให้ใช่ลิฟต์ไม่ใช่หรือ"  เพื่อนซัก

      "ใช่ เขาไม่ให้ใช้หรอก แต่นี่ไม่ได้มีไฟไหม้อะไรหรอกนะ"    คนเล่าทำเสียงละห้อย

      "อ้าว ก็เห็นบอกว่ามีหวอดังไง"

      "ใช่มันดังที่ถนน แล้วในโรงแรมมันเกี่ยวอะไรล่ะเพื่อน"

      "เวลานายไปนอนตามโรงแรมเคยตรวจสอบทุกซอกทุกมุมในห้องไหมว่ามันมีอะไรบ้าง"

"ไม่รู้จะไปตรวจทำไม โรงแรมก็ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้อยู่แล้ว มีเตียง มีหมอน มีผ้าห่ม

และมีแอร์เย็น ๆ ก็สบายอยู่แล้ว "  พูดจบเพื่อนก็หัวเราะ เพื่อนในวงสนทนาก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย

       "ไม่ได้ ๆ ต้องตรวจ" ท่าทางคนปุจฉาขึงขัง "เล็งให้ดี ๆ ตามฝ้า ตามเพดานบริเวณหลอดไฟ บริเวณตะเข็บ บริเวณวงกบ หรือขอบ. ๆ ของเพดาน  อาจซ่อนกล้องวงจรปิดไว้ก็ได้

บริเวณแนวกระจกส่องก็อย่าไว้ใจ เดี๋ยวนี้กล้องแอบถ่ายซุกตามขอบ ๆ วัสดุได้อย่างแนบเนียน

มองเผิน ๆ ไม่มีทางรู้หรอกจะบอกให้"  เขาหยุดพูดนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ

         "นี่เพื่อนรักทั้งสองจะบอกให้ อย่าได้ไว้วางใจอย่างเด็ดขาด ชอบกันนักไอ้ห้องกระจกแผ่นใหญ่เต็มผนังห้อง  บางห้องบนเพดานก็ติดกระจกบานใหญ่อีก. แหมบอกว่ามันโรแมนติค รู้ไหมว่ามันอันตรายที่สุด"

         "นี่..ไปกันใหญ่แล้วเพื่อน..."   เพื่อนอีกคนขัดจังหวะ

        "เดี๋ยวให้เราพูดให้จบก่อน มันอันตราย เพราะกระจกพวกนี่ติดกล้องไว้ตามขอบ และที่แน่ ๆ  เป็นกระจกวันเวย์ คืออีกด้านก็จะมีคนชุมนุมดูเรานอนแก้ผ้ากันอย่างสนุกสนาน"

        "เฮ๊ย แต่นั่นมันโรงแรมม่านรูดนะ" เพื่อนท้วง

       "ผมไปทัวร์ทีไรกลัวเรื่องประตู มีอยู่คราวหนึ่งเกิดเรื่อง" เพื่อนอีกคนบอก

        "วันนั้น กำลังเพลิดเพลินอยู่ในอ่างอาบน้ำ เสียงดังโครมด้านนอก รีบปิดก๊อก นุ่งผ้าเช็ดตัวเปิดประตูออกไปดูทันทึ"

        "แล้วนายพบโมราที่ออกมาจากผะอบหรือไง". เพื่อนที่ฟังอยู่แหย่

       "เฮ๊ย ข้าวของกระจายอยู่หน้าห้องน้ำ กาแฟ,ข้าวผัด ผสมกันอยู่ที่พื้นที่สำคัญประตูโรงแรมล่มลงไปด้วย"

       "ล้มไปได้ยังไง"

        "พนักงานก้มไหว้ขอโทษ เขาบอกว่าเคาะห้องเรียกอยู่นานแล้ว  เราก็ไม่เปิด พอผลักแรง ๆ ประตูก็พังตามไปด้วย"

 "นายรู้ใช่ไหมว่าเดี๋ยวนี้ โรงแรมหลาย ๆ ดาว ใช้การ์ดทั้งนั้น บางทีก็เอาการ์ดไปเสียบรูบางทีก็เอาการ์ดไปทาบ แต่ก็ต้องระวังให้ดี ไมใช่เสียบมั่ว ๆ แล้วจะเข้าห้องได้" เพื่อนอาวุโสอธิบาย

  "เมื่อไม่นานมานี้.  ไปนอนแถวเชียงราย วันที่จะกลับกรุงเทพ ฯ ทั้งกินทั้งซื้อของเพลิน กล้บไปถึงห้องก็ต้องรีบ เพื่อเก็บเสื้อผ้าไปขึ้นเครื่อง นายรู้ไหมว่าเข้าห้องไม่ได้"  เพื่อนที่ฟังพูดบ้าง

         "นายเสียบผิดด้านล่ะซี  เขาต้องเสียบด้านมีเครื่องหมายปลายแหลมหรือลูกศร"

         "ถูกทุกอย่าง. แต่เกินเวลาไปแล้ว เขาก็เลยต้องให้ติดต่อพนักงาน"

         "ของเราก็แบบเดียวกันเลย กลับมาถึงห้องก็บ่าย 2   โมงกว่าแล้ว พลิกซ้ายพลิกขวาก็

ไม่ได้ทั้งนั้น"

          "ก็เกินเวลาอีก" เพื่อนอีกคนเปรย

          "ไม่ใช่ ไปหยิบบัตรเอทีเอ็มเสียบ"     

 "แต่ก่อนไปนอนโรงแรมจังหวัดไหน เขาให้กุญแจห้องที่เอาไว้ไขประตู คงมีแขกที่เข้าพัก ทำกุญแจหายบ่อย เขาก็เลยเปลี่ยนเป็นดอกกุญแจใหญ่ ๆ เพื่อให้เห็นชัด ๆ จะได้ไม่หล่นหาย บางทีก็ไปใส่พวงกุญแจที่เป็นโลหะหนัก ๆ เพื่อให้ยากกว่าเดิมอีก  แต่ก็ยังมีหายบ่อย ๆ ลูกน้องเล่าให้ฟังว่า กุญแจที่โรงแรมเล็ก ๆ ที่แม่สอด ติดไว้กับโลหะปั๊มลายสวยงามจาก เมียนม่าร์ พอคืนห้องลูกน้องบอกว่ากุญแจหาย ถูกปรับ 200 บาท อยู่หลายครั้ง"

          "อ้าวแล้วไปให้โรงแรมปรับทำไม"  เพื่อนถาม

          "นายนี่ช่างไม่รู้อะไร" เพื่อนบอก  "ลูกน้องมันบอกว่าแสนจะคุ้ม. เพราะทองเหลืองที่เอามาห้อยกุญแจขายที่ตลาดรืมเมยอันละ 300 บาท. ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

         "ฮ่า ฮ่า ฮ่า จะเล่าให้ฟังนะเพื่อน" . เพื่อนอีกคนหัวเราะก่อนจะเล่าเสียอีก

"เมื่อคราวเดินทางไปทัวร์ที่ญี่ปุ่น สมาชิกคนหนึ่งคงอึดอัดเต็มทนที่นั่งอยู่ในรถทั้งวัน ขอกุญแจไขห้องพักไปอาบน้ำก่อนคนอื่นที่รออยู่ข้างล่าง  และขอเปลียนเสื้อผ้าก่อนที่จะออกไปรับประทานอาหาร พออาบเสร็จ นุ่งผ้าเช็ดตัวย่องออกมา เปิดประตู เห็นกระเป๋าเดินทางวางอยู่หน้าลิฟต์. เหลียวซ้ายแลขวาไม่มีผู้คนที่จะอุจาดตายามนุ่งผ้าเตี่ยว. ก็ค่อย ๆ ย่องออกไปทันทีจนถึงหน้าลิฟต์.  ฮ่า ฮ่า. ฮ่า สนุกจริง ๆ". เสียงหัวเราะลั่น

 "ก็แปลว่าเจอคนที่ออกมาจากลิฟต์พอดีล่ะซี. ฮ่า ฮ่า"  เพื่อนไข

       "เราว่า ผ้าเตียวหลุดลุ่ยอยู่หน้าลิฟต์. ฮ่า ฮ่า"  เพื่อนอีกคนออกความเห็น

       "ไม่ใช่ทั้งนั้น เขาแหวกกระเป๋าใบโน้นใบนี่ที่มีนับสิบใบต่างหาก"

       "อ๋อ. หากระเป๋าไม่เจอ"เพื่อนคนเดิมไข

       "เราว่า. หาเจอแต่กูญแจอยู่ในห้อง"

       "ไม่ใช่ทั้งนั้น. เจอกระเป๋าแล้วก็รีบลากไปเข้าห้องทันที. ฮ่า ฮ่า".   เพื่อนเล่า

       "แต่นายรู้ไหม พอเดินออกจากห้องพัก ประตูมันล๊อกอัตโนมัติไปแล้ว"

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 11 กันยายน 2559    
Last Update : 11 กันยายน 2559 9:33:07 น.
Counter : 255 Pageviews.  

ดุสิตโพลเผยประชาชน 80% หนุนให้ลงโทษนักการเมืองทุจริต



ดุสิตโพล เผย ประชาชน 80% เห็นด้วยกับบทลงโทษนักการเมือง - แกนนำ กรณีทุจริตทำผิดต้องรับโทษ ชี้ ควรโปร่งใส ยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติสะท้อนบ้านเมืองมีปัญหาทุจริตอีกมาก

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2559 "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผย ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ถึงกรณีข่าวนักการเมืองหลายรายที่มีชื่อเสียงถูกดำเนินคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลได้ตัดสินนักการเมืองที่ทำผิดกฎหมายให้รับโทษด้วยการจำคุกไปแล้วและล่าสุดศาลตัดสินพิพากษาจำคุกอดีตแกนนำม็อบ 20 ปี คดีทำเอกสารเท็จค้ำประกันกู้เงินธนาคารกรุงไทยกว่าพันล้าน โดยสอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,319 คน ระหว่างวันที่ 7-9 ก.ย.59 สรุปผลได้ดังนี้

1.ประชาชนคิดอย่างไร? กับ “การถูกลงโทษของนักการเมืองและแกนนำ” ในช่วงนี้

อันดับ 1 หากมีความผิดจริง ก็ต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมาย 80.82% 

อันดับ 2 ควรดำเนินการด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ 76.95%

อันดับ 3 บ้านเมืองจะได้พัฒนาในทางที่ดีขึ้นเป็นแบบอย่างให้กับคดีอื่นๆ 61.18%

อันดับ 4 การพิจารณาคดีมีความรวดเร็วมากขึ้น อยากให้กวาดล้างอย่างต่อเนื่อง จริงจัง  60.73%

อันดับ 5 ส่วนใหญ่เป็นคดีที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และน่าจะมีคดีที่เข้าข่ายเช่นนี้อีก 54.97%

2.“การถูกลงโทษของนักการเมืองและแกนนำ” สะท้อนให้เห็นภาพอะไรบ้างของสังคมไทย

อันดับ 1 ประเทศไทยยังมีปัญหาการทุจริตอีกมาก เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมไทย 86.20%

อันดับ 2 คนทำผิด สมควรได้รับการลงโทษ 77.56%

อันดับ 3 กฎหมายต้องเข้มแข็ง บังคับใช้ได้กับทุกคน ทุกระดับ  74.53%

อันดับ 4 ควรเร่งปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับคนในสังคมโดยเฉพาะเด็ก และเยาวชน 56.56%

อันดับ ความละโมภโลภมากเป็นต้นเหตุของปัญหาในสังคมปัจจุบัน 53.98%

3.ประชาชนคิดว่าการถูกลงโทษดังกล่าวเป็นการสมควรหรือไม่?

อันดับ 1 สมควร  78.01% เพราะ บ้านเมืองมีกฎหมาย คนทำผิดต้องได้รับการลงโทษ ถือว่าเป็นตัวอย่างสำคัญให้กับบุคคลอื่นๆ ฯลฯ

อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 12.06% เพราะ ไม่ได้ติดตามข่าวอย่างละเอียด บางคดีเกิดขึ้นนานแล้ว อาจมีข้อมูลสำคัญที่ไม่ได้เปิดเผยให้รับรู้ ฯลฯ

อันดับ 3 ไม่สมควร  9.93% เพราะ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น มองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ควรแก้ไขที่ระบบการทำงานมากกว่า ฯลฯ

4.“การถูกลงโทษของนักการเมืองและแกนนำ” ให้บทเรียนอะไรกับสังคมไทยบ้าง

อันดับ 1 ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วใครก็ตามที่ทำผิดย่อมได้รับการลงโทษตามกฎหมาย  76.14%

อันดับ สังคมไทยควรหันมาสนใจและให้ความสำคัญเรื่องการปลูกฝังความซื่อสัตย์ สุจริต 71.65%

อันดับ 3 เป็นกรณีตัวอย่างให้กับคนในสังคมไม่หลงในอำนาจและผลประโยชน์  63.00%

//suandusitpoll.dusit.ac.th/UPLOAD_FILES/POLL/2559/PS-2559-1473487783.pdf

 ที่มา thaitribune




 

Create Date : 11 กันยายน 2559    
Last Update : 11 กันยายน 2559 9:23:32 น.
Counter : 282 Pageviews.  

การบินไทยห้ามใช้ Samsung Galaxy Note 7 บนเครื่องรวมทั้งโหลดใต้ท้องเครื่องเหตุเกิดระเบิดบ่อย-เกาหลีใต



การบินไทยประกาศห้ามใช้สมาร์ทโฟนซัมซุงกาแลคซี่โน๊ต 7 บนเครื่องบินและห้ามโหลดไว้ใต้ท้องเครื่องหลังพบระเบิดบ่อย ทั้งเกาหลีใต้-สหรัฐ-ออสเตรเลียประกาศล่วงหน้าไปแล้ว บริษัทเรียกเก็บ 2.5 ล้านเครื่องหลังพบระเบิดบ่อยครั้งเป็นอันตราย

 

เมื่อวันที่ 10 กันยายน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศแจ้งผู้โดยสารห้ามเปิดใช้งานสมาร์ทโฟน ซัมซุง กาแลคซี่โน๊ต 7 บนเครื่องบิน และห้ามโหลดไว้ใต้ท้องเครื่องบิน

เรืออากาศเอกปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคงและมาตรฐานการบิน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการประกาศเรียกคืนผลิตภัณฑ์และระงับการจำหน่ายโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ซัมซุง กาแลคซี่โน๊ต 7 ทั่วโลกนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกท่าน การบินไทย ขอความร่วมมือจากผู้โดยสารที่ใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวไม่เปิดใช้งานหรือชาร์จ ระหว่างเดินทางอยู่บนเครื่องบินและไม่เก็บสมาร์ทโฟนของท่านไว้ในสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่องบิน

นอกจากนี้หากพบว่า อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ใดๆของท่าน แตกหักเสียหาย มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างผิดปกติ มีควัน สูญหายระหว่างเที่ยวบิน หรือหลุดหายเข้าไปในช่องว่างระหว่างที่นั่ง ขอความกรุณาแจ้งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินให้ทราบทันที

ทั้งนี้ ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดของบริษัทฯ และยังเป็นข้อกำหนดของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (European Aviation Safety Agency: EASA) อีกด้วย ผู้โดยสารสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวได้ที่ www.thaiairways.com หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ THAI Contact Center 0-2356-1111 ตลอด24ชั่วโมง

เกาหลีใต้ให้หยุดใช้โทรศัพท์มือถือซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต 7

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2559 ว่า ซัมซุง บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้ออกมาแนะนำให้ชาวเกาหลีใต้หยุดใช้งานโทรศัพท์มือถือซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต 7 หลังเกิดปัญหาแบตเตอรี่ระเบิด

แถลงการณ์ออนไลน์ของซัมซุงระบุว่า บริษัทจะส่งมอบโทรศัพท์ให้ลูกค้าใช้งานระหว่างที่ส่งซ่อมกาแล็คซี่ โน้ต 7 พร้อมย้ำถึงแผนส่งกาแล็คซี่ โน้ต 7 ที่ปราศจากปัญหาแบตเตอรี่ให้แก่ลูกในกลุ่มที่ถูกเรียกคืนโทรศัพท์ในวันที่ 19 กันยายนนี้

รายงานข่าวเปิดเผยว่าช่วงที่ผ่านมา ซัมซุงประกาศเรียกคืนโทรศัพท์รุ่นกาแล็คซี่ โน้ต 7 หลังพบความผิดปกติที่อาจทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้ เมื่อวันที่ 8 กันยายน ผู้ใช้ชาวสหรัฐรายหนึ่งอ้างว่า รถเอสยูวีของตนถูกไฟไหม้ท่วมทั้งคัน หลังสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีปัญหาระเบิดเนื่องจากชาร์จไว้ในรถ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 11 กันยายน 2559    
Last Update : 11 กันยายน 2559 9:14:26 น.
Counter : 369 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.