นายกสมาคมมัคคุเทศก์ ชี้ปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ ผลดีรายได้ท่องเที่ยวระยะยาว



นายกสมาคมมัคคุเทศก์ ชี้จับทัวร์ศูนย์เหรียญ ผลดีระยะยาวการท่องเที่ยวไทย หวั่นเกิดซ้ำรอย แนะรัฐมีมาตรการป้องกันต่อเนื่อง พร้อมมั่นใจมัคคุเทศก์มีพอรับนักท่องเที่ยวจีน

 

นายวิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการปราบปรามธุรกิจท่องเที่ยวผิดกฎหมาย “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ว่า ผลกระทบของการจับทัวร์ศูนย์เหรียญนั้นจะส่งผลกระทบกับแค่บริษัททัวร์ที่ทำธุรกิจลักษณะนั้นเท่านั้น ส่วนทัวร์ที่ทำถูกกฎหมาย ก็ไม่มีผลกระทบอะไรมากนัก แต่จะมีผลกระทบด้านนักท่องเที่ยวจำนวนที่ลดน้อยลง เชื่อว่า ประมาณ 6 เดือน สถานการณ์นักท่องเที่ยวก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมขอให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องปรับตัว

"บางโรงแรมในช่วงแรกอาจจะขาดรายได้จากการที่ทัวร์ศูนย์เหรียญหายไป แต่ในระยะยาวเมื่อนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ก็จะได้ค่าห้องพักที่มากขึ้นกว่าเดิม ไม่อยากให้มองไปที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง แต่อยากให้มองรายได้ที่จะเพิ่มขึ้น เพราะสามารถเก็บภาษีจากใบเสร็จหรืออะไรต่างๆที่มีหลักฐานได้"

นายวิโรจน์ กล่าวถึงการปรับตัวหลังจากนี้ ก็ไม่น่าเป็นห่วง ถ้าเรากำหนดราคาที่ถูกต้อง ไม่ตั้งราคาที่เกินจริง นักท่องเที่ยวจีนที่มีเงิน พร้อมที่จะจ่ายเพื่อท่องเที่ยวในเมืองไทยอยู่แล้ว ซึ่งหากมาแล้วสบายใจก็ไปบอกต่อ นักท่องเที่ยวก็มาเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพฯ กล่าวถึงแนวทางป้องกันไม่เกิดเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญซ้ำรอย ก็ต้องไปดูที่ภาครัฐว่าจะมีมาตรการต่อเนื่องแค่ไหน อีกทั้งไม่ควรดูแค่ทัวร์ที่มาจากจีน แนะนำว่า ให้ไปตรวจสอบดูทัวร์เกาหลี และอื่นๆด้วย ไม่ใช่รอเกิดเรื่องก่อนแล้วค่อยมาจับเหมือนกับทัวร์จีนที่เป็นปัญหาเรื้อรังมากว่า 20 ปี

เมื่อถึงจำนวนมัคคุเทศก์ของไทยที่มีจำนวน 5พันคนนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า เพียงพอต่อการดูแลทัวร์จากจีน โดยมัคคุเทศก์ 1 คนจะดูแลนักท่องเที่ยวประมาณ 20-30 คนต่อทัวร์ โดยทัวร์หนึ่งจะเที่ยว 4-5 วัน วันหนึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 2 หมื่นคน ฉะนั้นจะใช้มัคคุเทศก์ประมาณ 3-4 พันคน เพียงพอต่อการหมุนเวียน เพราะนักท่องเที่ยวไม่ได้เข้ามาพร้อมกันทีเดียว 8 ล้านคน

"ที่ผ่านมาไม่สามารถบอกได้ว่า มัคคุเทศก์ไทยนั้นเพียงพอหรือไม่ สาเหตุก็มาจากทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยครึ่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีนเข้ามานั้นมาด้วยทัวร์ศูนย์เหรียญ ทัวร์เหล่านี้ไม่ได้ใช้บริการมัคคุเทศก์ไทย ดังนั้นทัวร์เถื่อนพวกนี้เป็นตัวทำลายศักยภาพในการผลิตบุคคลากรด้านมัคคุเทศก์ที่มีคุณภาพของไทย"

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 กันยายน 2559    
Last Update : 14 กันยายน 2559 22:08:14 น.
Counter : 507 Pageviews.  

ดูเตอร์เต้สั่งซื้ออาวุธจากจีนและรัสเซียไม่สน F-16 เผยไม่ได้เตรียมรบกับประเทศใด-ชี้เปลี่ยนนโยบายทางทห



ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้รุกหนักหลังจากให้ถอนทหารอเมริกันออกจากมินดาเนาแล้ว สั่งรัฐมนตรีกลาโหมซื้ออาวุธจากจีนและรัสเซียเพื่อปราบยาเสพติดและกลุ่มก่อการร้าย ไม่สนเอฟ-16 จากสหรัฐเพราะไม่ได้เตรียมรบกับใคร ลาดตระเวณเฉพาะน่านน้ำฟิลิปปินส์ไม่เข้าไปยุ่งเกาะแก่งของจีน

 

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2016 หนังสือพิมพ์เดอะ วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานโดย Trefor Moss จากกรุงมะนิลาว่าภายหลังจากนายร้อดริโก้ ดูเตอร์เต้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์สั่งให้ถอนทหารอเมริกันหน่วยรบพิเศษที่ฝึกสอนทหารฟิลิปปินส์ปราบปรามการก่อการร้ายที่เกาะมินดาเนา อยู่ทางใต้ของประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ 12 กันยายน

ต่อมาวันอังคารเขาได้สั่งการไปยังนายเดลฟิน ลอเรนซานา( Delfin Lorenzana) รัฐมนตรีกลาโหมให้จัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากประเทศจีนและรัสเซียเพื่อนำมาปราบปรามยาเสพติดและการก่อการร้าย

นายดูเตอร์เต้เปิดเผยอีกว่าฟิลิปปินส์จะหยุดลาดตระเวณในทะเลจีนใต้ร่วมกับทหารเรือสหรัฐเพื่อไม่ให้ปักกิ่งไม่พอใจ แต่ฟิลิปปินส์จะหันมาสนใจในการปราบปรายาเสพติดและปราบปรามการก่อการร้ายภายในประเทศถือเป็นสิ่งต้องทำอันดับแรก(Priority)

ทั้งนี้ฟิลิปปินส์เป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับสหรัฐมาตั้งแต่ปี 1946 หลังจากได้รับอิสรภาพจากสหรัฐ ล่าสุดเมื่อปี 2014 ทั้งวอชิงตันและมะนิลาลงนามในสนธิสัญญาเพื่อตอบโต้จีน หลังจากจีนได้สร้างสนามบินขึ้นบริเวณเกาะเทียมในหมู่เกาะสแปรทลีย์  บริเวณทะเลจีนใต้

อย่างไรก็ตามภายหลังจากขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2016 นายดูเตอร์เต้ส่งสัญญานว่าเขาต้องการจะเว้นระยะห่างจากสหรัฐ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อนโยบายดุลย์อำนาจของสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพราะสหรัฐประกาศว่าจะกลับมาสู่เอเชีย (Pivot to Asia) อีกครั้ง

เมื่อวันที่ 12 กันยายนนายดูเตอร์เต้ประกาศว่าจะให้ทหารอเมริกันกองรบพิเศษที่เกาะมินดาเนาถอนตัวออกไป โดยเกาะมินดาเนาเป็นฐานทหารอเมริกันที่ฝึกการรบทางด้านยุทธิวิธี

ในช่วงนายดูเตอร์เต้หาเสียงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีนั้นดูเหมือนว่านโยบายต่างประเทศของฟิลิปปินส์จะไม่มีใครสนใจมากนัก  แต่การหาเสียงจะมุ่งไปยังช่องว่างระหว่างรายได้ของคนในประเทศที่ถ่างกว้างขึ้นทุกที,ปัญหาเจ้าหน้าที่คอร์รัปชั่นและปัญหาการใช้กฎหมายที่คนฟิลิปปินส์ให้ความสนใจมากกว่า 

นายดูเตอร์เต้เองก็ส่งสัญญานชัดเจนว่าจะพัฒนาสัมพันธ์กับจีน แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนักในเรื่องความสัมพันธ์อันยาวนานที่ฟิลิปปินส์มีต่อสหรัฐ

“เราจะไม่ตัดพันธมิตรของเรา แต่เราก็จะมีนโยบายต่างประเทศเป็นอิสระ”นายดูเตอร์เต้กล่าวกับหน่วยทหารที่เขาไปพบเมื่อวันที่ 13 กันยายน ส่วนเรื่องที่ทหารหวั่นว่าจะเกิดการสู้รบกันขึ้นในทะเลจีนใต้นั้นนายดูเตอร์กล่าวว่ากองทัพจะต้องมุ่งแก้ปัญหาภายในประเทศที่สำคัญที่สุดก็คือปราบปราบยาเสพติดและการก่อการร้าย

ปัจจุบันฟิลิปปินส์ยังซื้ออาวุธจากสหรัฐและมิตรประเทศในเอเชียเช่นเกาหลีใต้ แต่เมื่อวันที่ 13 กันยายนนายดูเตอร์เต้ได้สั่งการให้นายเดลฟิน ลอเรนซานา รัฐมนตรีกลาโหมพิจารณาซื้ออาวุธจากรัสเซียและจีนแทน เหตุเพราะทั้งสองประเทศ ปล่อยเงินกู้เพื่อซื้ออาวุธแบบซอฟท์โลนจ่ายหนี้คืนระยะเวลาระหว่าง 20-25 ปี     

“ผมต้องการอาวุธและกระสุน...เราไม่ต้องการเครื่องบินรบเอฟ-16 ที่เราไม่ต้องใช้”นายดูเตอร์เต้กล่าวหมายถึงเครื่องบินรบของสหรัฐ “เราไม่ได้ตั้งใจที่จะไปรบกับประเทศใด พิจารณาเอาเครื่องบินปีกหมุนธรรมดาเพื่อใช้ปราบการก่อการร้าย”

ทางด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์กล่าวว่าทหารเองก็พร้อมรับนโยบายของประธานาธิบดีอยู่แล้วเพื่อที่จะได้กำหนดแนวทางอย่างถูกต้อง 

ส่วนสถานทูตสหรัฐในมะนิลาเปิดเผยว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของฟิลิปปินส์ เพียงกล่าวว่า “เรายังมุ่งที่จะสานสัมพันธ์กับฟิลิปปินส์,เราจะทำงานร่วมกันในผลประโยชน์ที่ตรงกันเช่นการต่อต้านการก่อการร้าย,เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนฟิลิปปินส์และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน”คำแถลงกล่าว

ขณะที่กระทรวงกลาโหมจีนและรัสเซียก็ไม่ได้ตอบคำถามเมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อขอความเห็นในเรื่องนี้

ทางด้านแองเจลิก้า แมนกาฮาส รองผู้อำนวยการสถานบัน the Albert del Rosario Institute for Strategic and International Studiesในมะนิลาให้ความเห็นว่าถึงแม้นายดูเตอร์เต้จะไม่ยกเลิกสนธิสัญญาป้องกันร่วมกับสหรัฐ แต่คำพูดของเขาก็เสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับพันธมิตรที่ยาวนานของฟิลิปปินส์

สำนักคิด Rand Corp ของสหรัฐเปิดเผยว่าสหรัฐมอบเงินช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ฟิลิปปินส์ระหว่างปี 2002-2013 เป็นเงินถึง 441 ล้านดอลลาร์  เฉพาะปี 2016 รัฐบาลบารัค โอบามา ได้มอบเงินช่วยเหลือด้านทหารแก่ฟิลิปปินส์ 120 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังให้ความช่วยเหลือภายหลังจากฟิลิปปินส์ได้รับภัยพิบัติจากพายุไฮเหยียนเมื่อปี 2013 อีกด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 กันยายน นายดูเตอร์เต้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเขาจะให้ทหารอเมริกันหน่วยรบพิเศษถอนตัวออกจากเมืองแซมโบแองก้า ในเกาะมินดาเนา ทหารอเมริกันหน่วยรบพิเศษทำหน้าที่ฝึกทหารฟิลิปปินส์เพื่อปราบปรามการก่อการร้าย “ผมไม่ต้องการความแตกแยกกับสหรัฐ แต่เขาจะต้องไป”นายดูเตอร์เต้กล่าว โดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าจะให้ถอนตัวออกไปเมื่อใด

ผู้สื่อข่าวรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากทหารฟิลิปปินส์ว่าทหารอเมริกันที่อยู่ทางใต้ของประเทศไม่ได้มีอัตรายใดๆ เพราะกองทัพบกของฟิลิปปินส์กำลังทำการปราบปรามกลุ่มอาบู ซายาฟ “เรารับประกันได้ว่าความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐยังเหนียวแน่น” เจ้าหน้าที่ทหารกล่าว

เมื่อปี 2014 การลงนามในสนธิสัญญาความมั่นคงระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐนั้นนายเบนนิกโน อาคีโน่ ที่ 3 อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ลงนามเพื่อสร้างความมั่นใจว่าสหรัฐจะให้การช่วยเหลือฟิลิปปินส์หากมีการสู้รบกับจีนในข้อพิพาทเขตแดนน่านน้ำทะเลจีนใต้

สนธิสัญญาดังกล่าวมีความสำคัญมากต่อยุทธศาสตร์ของสหรัฐในการสร้างดุลย์อำนาจในเอเชีย-แปซิฟิกหลังจากที่จีนเพิ่มอิทธิพลของตนมากขึ้นในภูมิภาคนี้  ทั้งกองทัพเรือสหรัฐและฟิลิปปินส์ร่วมกันลาดตระเวณในทะเลจีนใต้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2016 เป็นต้นมา

ต่อมาเดือนมิถุนายน กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ส่งเครื่องบินจำนวนหนึ่งและทหาร 120 คนเข้าประจำการทางเหนือของฟิลิปปินส์เพื่อฝึกระยะสั้น เป้าหมายคือการเข้าสู่ทะเลจีนใต้ของสหรัฐและฟิลิปปินส์    

เมื่อต้นปี 2016 ทั้งสองประเทศตกลงที่จะนำกำลังทหารสหรัฐหลายพันคนเข้าประจำการใน 5 จุดยุทธศาสตร์อันเป็นฐานทหารของฟิลิปปินส์ แต่ระยะเวลาของการส่งทหารอเมริกันมาประจำการยังไม่ได้กำหนดแน่ชัด

ทางด้านโฆษกของนายดูเตอร์เต้กล่าวเมื่อวันที่ 13 กันยายนว่าประธานาธิบดีฟิลิปปินส์จะยังไม่ยกเลิกสนธิสัญญาทางทหารที่ทำกับสหรัฐไว้เมื่อปี 2014

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งนั้นนายดูเตอร์เต้วิจารณ์ว่าวอชิงตันควรจะส่งมอบอาวุธที่ทันสมัยให้กับกองทัพฟิลิปปินส์   อีกทั้งยังวิจารณ์ถึงการรุกคืบของจีนว่า สหรัฐไม่ได้ป้องกันอย่างเต็มที่ระหว่างจีนสร้างเกาะเทียมขึ้นมาในทะเลจีนใต้ “ทำไมอเมริกันไม่ส่งเรือรบเข้าไปแล้วบอกให้ (จีน)หยุดสร้าง”เขาให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal.

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานายดูเตอร์เต้ก็เดินทางไปอินโดนีเซีย พร้อมกับกล่าวขอบคุณจีนที่ให้ความเอื้อเฟื้อแก่ฟิลิปปินส์ โดยจีนจะสร้างศูนย์ฟื้นฟูยาเสพติดให้ฟิลิปปินส์

“มีแต่จีนเท่านั้นที่จะช่วยเรา”ดูเตอร์เต้กล่าว “อเมริกามอบให้คุณเพียงพื้นฐานของกฎหมาย ไม่มีอะไรมากกว่านี้”

ทั้งนี้ความหมายของนายดูเตอร์เต้ที่สหรัฐมอบให้เป็นคำพูดเช่นการปราบปรามกลุ่มยาเสพติดต้องปฏิบัติตามหลักกฎหมายในระบบยุติธรรม (ไม่ทำวิสามัญฆาตกรรมหรือศาลเตี้ย) หรือเรียกร้องให้เคารพสิทธิมนุษยชน เป็นต้น

ภายหลังจากที่นายดูเตอร์เต้กล่าววิจารณ์ผู้นำสหรัฐอย่างรุนแรงเขาก็ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในประเทศหลายกลุ่ม อาทิเช่นกลุ่มฝ่ายซ้ายลุกขึ้นมาปรบมือให้อย่างยินดี เพราะกลุ่มนี้มีความขมขื่นตลอดมากับการกระทำของสหรัฐต่อคนฟิลิปปินส์ในฐานะที่ฟิลิปปินส์เป็นเมืองขึ้น พร้อมกับสนับสนุนให้นายดูเตอร์เต้เดินหน้าในด้านนโยบายทางทหาร

ในสภาคองเกรสฟิลิปปินส์ นายดูเตอร์เต้ได้รับการสนับสนุนจำนวนมากจากบรรดาส.ส.และวุฒิสมาชิก จะมีเพียงส่วนน้อยที่ออกมาวิจารณ์เขาในที่สาธารณะ  นายดูเตอร์เต้ยังได้รับการยกย่องจากกองทัพและตำรวจที่เขาประกาศว่าจะขึ้นเงินเดือนให้เป็น 2 เท่าจากปัจจุบัน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 กันยายน 2559    
Last Update : 14 กันยายน 2559 18:13:15 น.
Counter : 368 Pageviews.  

“อุตตม สาวนายน” ยื่นลาออกรมว.ไอซีที ตั้ง พล.อ.อ.ประจิน รักษาการแทน นายกฯยันยังไม่ปรับ ครม.



นายกรัฐมนตรียืนยันยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรี พร้อมสั่ง "ประจิน" รักษาการ รมว.ไอซีทีหลัง “อุตตม” ยื่นลาออก ไม่รับปากได้กลับนั่งเก้าอี้รมว.ดิจิทัลหรือไม่เผยมีชื่อคนนั่งรมช.ที่ว่าง 2 เก้าอี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวรับหรือไม่

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2559 พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ลาออกจากตำแหน่ง ว่า จำเป็นต้องออก เพราะเป็นไปตามพ...ตั้งกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีผลบังคับใช้แล้วจึงต้องออกก่อน ประกอบกับที่มีการเปลี่ยนชื่อกระทรวงก็ต้องเปลี่ยนตัว โดยวันนี้ให้พล..ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี รักษาการไปก่อน

เมื่อถามว่า ในส่วนของนายอุตตม หลังจากที่มีการเปลี่ยนชื่อกระทรวงแล้วจะให้กลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี อีกหรือไม่ พล..ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่เวลาที่จะตอบคำถามนี้ เดี๋ยวตนจะคิดเอง

“เขามีข้อบกพร่องอะไรหรือไม่ ถ้าไม่มีก็คือไม่มี มันเป็นเรื่องกลไกของกฎหมาย ของรัฐธรรมนูญ ตามพ...ที่ออกมาก็ต้องเปลี่ยน เมื่อเปลี่ยนแล้วใครจะเป็นในครั้งหน้าก็ยังไม่รู้ เดี๋ยวผมกำลังคิดอยู่ ขอคิดเอง ก็ต้องดูผลงานและส่วนต่างๆ มาประกอบทั้งหมด มันไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่การสร้างกฎระเบียบต่างๆ รวมทั้งการขับเคลื่อนของรัฐบาล ที่เอาจริงเอาจังทุกเรื่องและผมเป็นผู้รับผิดชอบโดยรวมอยู่แล้ว ใครเข้ามาก็ต้องทำตามนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งผมมีหน้าที่สั่งการในทุกกระทรวงอยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าจะถือโอกาสในช่วงนี้ปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ พล..ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า “ยังไม่มี ยังปรับไม่ได้ ยังไม่ใช่เวลาของผม ส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยที่ว่างอยู่ 2 ตำแหน่งจะมีการแต่งตั้งเมื่อไร พล..ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ตั้ง ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาหาตัวบุคคลอยู่ วันนี้ก็ได้รายชื่อแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าเขาจะรับหรือไม่และยังไม่ขอบอกว่าเป็นใคร ไม่มีใครเขาบอกก่อน สื่อถามกันทำไม จะวิ่งเต้นอย่างนั้นหรือ” เรื่องนี้เป็นเรื่องของผม ผมตั้งมาเองทั้งหมดกับมือทุกคน

ส่วนของนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายนนี้นั้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาไม่มารับตำแหน่งรัฐมนตรีอะไรทั้งสิ้นถ้าเขาจะเป็นคงเป็นมานานแล้ว ยืนยันว่าเขาไม่มาเป็น วันนี้เขาช่วยงานก็ให้ช่วยงานต่อไป สามารถที่จะให้ช่วยงานครมได้อยู่แล้ว วันนี้ยืนยันอีกครั้งว่ายังไม่มีการแต่งตั้งตำแหน่งเลขาธิการครมและมีหลายคนที่ทำงานอยู่ขณะนี้ มีรองเลขาฯครม. 3-4 คน ทำหน้าที่อยู่ในครมชี้แจงงานแทนนายอำพน ก็ฝึกงานทำงานกันต่อไป ถ้าดีก็ได้เป็น แต่ถ้าไม่ดีก็ไม่ได้เป็นทั้งหมด ส่วนจะใช้เวลาในการฝึกงานเท่าไรนั้นไม่รู้ ก็คงให้ทำจนกว่าจะพอใจ สื่อเดือดร้อนอะไรกันหรือถึงได้มาถามอย่างนี้ หรือกลัวจะไม่มีข่าวเขียนให้มันตื่นเต้น ให้คนตกใจ ขอร้องว่าช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบบ้าง ตนไปต่างประเทศพูดแต่สิ่งดี ให้กับประเทศไทย เขาก็ฟังและยินดี แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีออกข่าวบิดเบือนทางสื่อโซเชียลทั้งเจตนาและไม่เจตนาทุกอย่างก็เละไปหมด เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องช่วยกันแก้ ทำความเข้าใจ สร้างความรับรู้ทั้งในและนอกประเทศ หลายอย่างวันนี้ถือว่าดีขึ้น แต่จะให้อยู่แบบเดิมอยู่อย่างเสรีเหมือนที่มีการเลือกตั้งคงไม่ได้อย่าลืมว่าที่ผ่านมันเกิดอะไรขึ้น จะอยู่แบบเดิมก็ไปเรียกคนเหล่านั้นกลับมาให้ทำความผิด

ครม.ตั้งอธิบดี-ผู้ตรวจ กระทรวงทรัพย์ฯ – ต่ออายุกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2559 พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เปิดเผยว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ 5 ราย 1. นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 2. นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ 3. นายสากล ฐินะกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม 4. นายเสริมยศ สมมั่น ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง 5. นางสุณีปิยะพันธุ์พงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง

เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง 1 ปี ในวันที่ 16 กันยายน 2559 จำนวน 4 ราย และในวันที่ 20 กันยายน 2559 จำนวน 2 ราย ให้คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ 1.พล.ต.ท.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ในบังคับบัญชา รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง 2.นายธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข อยู่ในบังคับบัญชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 3.พล.อ.เจริญ นพสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน อยู่ในบังคับบัญชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 4.พล.อ.ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อยู่ในบังคับบัญชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5.นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูลผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ในบังคับบัญชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 6.นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ อยู่ในบังคับบัญชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

และมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ มอบหมายให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพิ่มเติม โดยให้การรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นไปตามลำดับ ดังนี้ 1. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) 2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์) 3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นางอรรชกา สีบุญเรือง)

  ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 กันยายน 2559    
Last Update : 14 กันยายน 2559 18:04:45 น.
Counter : 276 Pageviews.  

กช.เห็นชอบแผนการศึกษาเอกชน-หลักสูตรอิสลามศึกษานำร่อง 5 จังหวัดชายแดนใต้



บอร์ด กช.เห็นชอบแผนการศึกษาเอกชน พ.ศ.2560-2564 พร้อมเห็นชอบหลักสูตรอิสลามศึกษาใช้สอนในร.ร.ตาดีกาและมัสยิด กว่า 2 พันแห่งนำร่องในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

 

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2559 นายอดินันท์ ปากบารา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) ซึ่งมีพล..ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานมีมติเห็นชอบร่างแผนพัฒนาการศึกษาเอกชน ..2560-2564 ระยะ 5 ปี ประกอบด้วย 7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่

1.การพัฒนาหลักสูตร การเรียนการสอน การวัดและประเมินผล 2.การปฏิรูประบบทรัพยากรเพื่อการศึกษาเอกชน 3.การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชน 4.การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของการศึกษาเอกชน 5.การส่งเสริมการศึกษานอกระบบเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ 6.การพัฒนาการศึกษาเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการเพิ่มประสิทธิภาพการส่งเสริมการศึกษาเอกชน

เลขาธิการ กช.กล่าวต่อไปว่า “สาระสำคัญของแผนดังกล่าวจะมุ่งพัฒนาคุณภาพการศึกษา ให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะอาชีพ ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ที่ ตอบสนองความต่อการพัฒนาประเทศและตลาดแรงงาน ขณะเดียวกันต้องยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา คะแนนการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ตของโรงเรียนเอกชนให้สูงขึ้น

ในส่วนของสถานศึกษาเอกชนก็ต้องมีการปรับตัวให้สอดรับกับแผนดังกล่าวด้วย ทั้งจัดการศึกษาให้มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล ทันต่อการเปลี่ยนแปลงบริบท ลดความเหลื่อมล้ำของสถานศึกษาเอกชนในพื้นที่เมืองและพื้นที่ชนบท รวมถึงต้องส่งเสริมให้บุคลากรได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง”เลขาธิการ กชกล่าวและว่า ทั้งนี้ แผนพัฒนาการศึกษาเอกชนฉบับดังกล่าว จะต้องอยู่ภายใต้แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติพ..2560-2574 ด้วย

นายอดินันท์ เลขาธิการ กช.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบหลักสูตรอิสลามศึกษาฟัรฎูอีนประจำมัสยิด ระดับอิสลามศึกษาตอนต้นพ..2559 โดย ปรับปรุงใหม่ให้มีความทันสมัยและทำให้การเรียนการสอนอิสลามศึกษาเป็นมาตรฐาน เดียวกัน ทั้งนี้ สำนักจุฬาราชมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ ให้ใช้หลักสูตรดังกล่าวจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนตาดีกาและมัสยิด จำนวน 2,102 แห่งใน 5 จังหวัดชายแดนใต้

ซึ่งหลักสูตรนี้จะสอนให้แก่เด็กอายุตั้งแต่ 6-11 ปี เรียนเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เท่านั้น เน้นการสอนตามหลักศาสนา คัมภีร์ หลักปฏิบัติ คุณธรรมและจริยธรรม อีกทั้งยังเพิ่มความเข้มข้นในการสอนภาษาอาหรับ ภาษามลายูเพื่อการสื่อสาร ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เพื่อให้เด็กมีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกจึงนำร่องเพียง 5 จังหวัด ก่อน แต่ระหว่างนี้หากสถานศึกษาหรือมัสยิดอื่นๆ ต้องการขอใช้หลักสูตรดังกล่าวก็สามารถแจ้งมาได้ แต่ต้องปรับให้เหมาะสมกับสภาพบริบทสังคมในแต่ละพื้นที่ด้วย

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 กันยายน 2559    
Last Update : 14 กันยายน 2559 17:58:52 น.
Counter : 536 Pageviews.  

ครม.เห็นชอบแก้ไขกฎหมายจำเลยหนีคดีไต่สวนลับหลังได้เพื่อโละคดีค้างศาล-อยากอุทธรณ์ต้องยื่นด้วยตัวเอง



คณะรัฐมนตรีมีมติร่างพรบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้ไต่สวนคดีลับหลังได้โละคดีค้างศาล จำเลยต้องการยื่นอุทธรณ์ต้องปรากฎตัวอยู่ในพื้นที่ไม่ใช่ให้ทนายยื่นเหมือนปัจจุบันถือว่าไม่บริสุทธิ์ใจ ให้นำไปพิจารณายกเว้นเจ็บป่วยอาจไปยื่นอุทธรณ์ด้วยตัวเองไม่ได้

 

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2559 ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ตามที่ศาลยุติธรรม เสนอ ร่างพรบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ( ป.วิ อาญา)โดยมีหลักการสำคัญ 3 เรื่องได้แก่

1.การใช้ทนายความในขั้นตอนพิจารณาคดี และขั้นไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ระบุว่า หากจำเลยคนใดที่ไม่มีทนายความคอยช่วยเหลือ ให้สามารถร้องขอทนายความได้ โดยรัฐจะเป็นผู้จัดหาให้ เพื่อให้กระบวนการไต่สวนมูลฟ้องนั้นได้ข้อมูลที่ชัดเจน

2.อนุญาตให้ศาลพิจารณาไต่สวนลับหลัง จำเลยได้ เนื่องจากที่ผ่านมา หากจำเลยไม่อยู่ หรือ หนีคดี ศาลจะไม่สามารถไต่สวนได้ ทำให้มีคดียังคงค้างอยู่ในศาลเป็นจำนวนมาก แต่ต่อไปนี้ได้อนุญาตให้ศาลสามารถสืบลับหลังจำเลยได้

3.ในขั้นของการอุทธรณ์และฎีกานั้น หากตัวจำเลยไม่อยู่ ที่ผ่านมาจำเลยสามารถให้ทนายความเดินทางมายื่นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ แต่กฎหมายฉบับนี้ระบุว่า หากจะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา ตัวจำเลยจะต้องอยู่ในพื้นที่ เพราะถือว่าหากตัวจำเลยไม่อยู่หมายความว่าไม่มีความบริสุทธิ์ใจ

พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า นอกจากนี้ มีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากอัยการ ระบุว่า โดยปกติกระบวนการยุติธรรมจะตั้งสมมติฐานไว้ก่อนว่า ผู้ถูกกล่าวหาจะยังไม่ผิดจนกว่าจะมีการตัดสินของศาลในขั้นฎีกา เพราะฉะนั้นการที่เจ้าตัวไม่มายื่นอุทธรณ์หรือฎีกานั้นสามารถทำได้ โดยไม่ขัดหลักการ แต่ไม่ได้รวมถึงการหนีคดี หมายถึงกรณีที่จำเลยเกิดเจ็บป่วย จนไม่สามารถมาแสดงตัวต่อศาลได้ โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง รับประเด็นดังกล่าวไปหาถ้อยคำที่รัดกุม เพื่อให้ผู้ที่เจ็บป่วยสามารถส่งตัวแทนมายื่นอุทธรณ์และฎีกาได้

“กฎหมายฉบับนี้ ทำให้กระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพ ซึ่งสังคมเรียกร้องเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน และขอยืนยันว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้จงใจที่จะแกล้งใคร” พล.ต.สรรเสริญ ระบุ.

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

//thai-crime-process.blogspot.com/2010/03/blog-post_8825.html

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 กันยายน 2559    
Last Update : 14 กันยายน 2559 14:27:44 น.
Counter : 577 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.