กลุ่มประท้วงในสหรัฐได้เฮ-ผู้พิพากษาระงับคำสั่งดอนัลด์ ทรัมพ์ห้ามผู้อพยพและคน 7 ประเทศเข้าสหรัฐ



ศาลชั้นต้นรัฐบาลกลางสหรัฐออกคำสั่งชั่วคราวห้ามนำคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมพ์มาใช้บังคับผู้ลี้ภัยอพยพและคนจาก 7 ประเทศเข้าสหรัฐมีผลทั่วประเทศตั้งแต่ 3 กุมภาพันธ์ กลุ่มต่อต้านได้เฮระบุไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ - DHS เผยผู้ถือใบเขียวจากทุกชาติเข้า-ออกได้ตามปกติ

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2017 ว่าศาลชั้นต้นรัฐบาลกลาง,ซีแอตเติ้ลได้ออกคำสั่งห้ามชั่วคราวมไม่ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำสั่งฝ่ายบริหาร (executive order)ของประธานาธิบดีดอนัลด์ ทรัมพ์ ที่ห้ามผู้อพยพรวมทั้งห้ามพลเมือง 7 ประเทศเข้าสหรัฐโดยคำสั่งนี้มีผลทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์เป็นต้นไปมีระยะเวลา 4 เดือน

คำสั่งชั่วคราวของผู้พิพากษาครั้งนี้ (temporary restraining order) เป็นตัวแทนโดยรวมของผู้ยื่นฟ้อง แต่ฝ่ายบริหารรัฐบาลทรัมพ์ก็มีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์เพื่อให้คำสั่งฝ่ายบริหารมีผลบังคับต่อไป 

นายเจมส์ รอบาร์ท ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรัฐบาลกลาง,ซีแอตเติ้ล (ได้รับการแต่งตั้งในยุครัฐบาลจอร์จ ดับเบิ้ลยู.บุช แห่งพรรครีพับลิกัน) ออกคสั่งให้มีผลบังคับทันทีในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ โดยให้คำสั่งของฝ่ายบริหารระงับหรือทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิมก่อนที่คำสั่งฝ่ายบริหารมีผลบังคับได้ 1 สัปดาห์ มีการคาดการณ์ว่าผู้พิพากษารอบาร์ทจะเขียนรายละเอียดและเหตุผลของคำสั่งในสุดสัปดาห์นี้ก่อนที่จะส่งมอบให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ 

เจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันที่เมืองซีแอตเติ้ลตั้งอยู่ฉลองชัยชนะครั้งรี้โดยระบุว่าเป็นชัยชนะของรัฐวอชิงตัน “ไม่มีใคร-แม้แต่ประธานาธิบดี จะอยู่เหนือกฎหมาย”  (no person - not even the president - is above the law)

ทางด้านนายบ๊อบ เฟอร์กูสัน อัยการสูงสุดของรัฐวอชิงตัน “ขณะนี้คำสั่งของศาลถือเป็นการปิดตายคำสั่งของประธานาธิบดี” พร้อมกับหวังว่ารัฐบาลกลางจะยอมรับกฎเกณฑ์

ทางด้านกระทรวงยุติธรรมยังไม่ตัดสินใจยื่นอุทธรณ์คำสั่ง “กระทรวงจะต้องรอทบทวนคำสั่งของศาลที่จะเขียนออกมาอย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะพิจารณาในก้าวต่อไป” คำแถลงของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐออกมาสั้นๆ  ทั้งนี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐจะทำหน้าที่ด้านกฎหมายแทนรัฐบาล

ประธานาธิบดีทรัมพ์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 27 มกราคม ใน 3 ประเด็นเรื่องผู้อพยพคือห้ามผู้ลี้ภัยอพยพทั้วหทมด (all refugees) เดินทางเข้าสหรัฐเป็นเวลา 120 วัน,ผู้ลี้ภัยอพยพจากประเทศซีเรียห้ามเข้าตลอดไป,พลเมืองที่ถือพาสปอร์ต 7 ประเทศประกอบด้วยอิหร่าน,อิรัก,ลีเบีย,โซมาเลีย,ซูดาน,ซีเรียและเยเมนห้ามเข้าสหรัฐเป็นเวลา 90 วัน

คำสั่งดังกล่าวทำให้บุคคลดังกล่าวถูกควบคุมตัวที่สนามบินเมื่อเดินทางถึงสหรัฐ บางรายถูกส่งกลับประเทศเดิมที่เดินทางมา จนเกิดการประท้วงลุกลามไปทั่วประเทศและการฟ้องร้องคำสั่งมีตามมา

รัฐวอชิงตันได้ยื่นฟ้องคำสั่งประธานาธิบดีผ่านศาลชั้นต้นรัฐบาลกลางที่ซีแอตเติ้ล ต่อมารัฐมินเนโซต้าขอร่วมเป็นโจทก์   ผู้พิพากษาชี้ว่ารัฐยื่นฟ้องคำสั่งประธานาธิบดีเป็นไปตามกฎหมาย ทำให้อัยการสูงสุดของรัฐวอชิงตันที่เป็นคนของพรรคเดโมแครตสามารถนำตัวนายทรัมพ์ขึ้นศาลได้

คำฟ้องของรัฐวอชิงตันระบุว่ารัฐได้รับความเสียหายจากคำสั่งดังกล่าว โดยยกตัวอย่างเช่นนักศึกษา,อาจารย์และบุคคลากรในมหาวิทยาลัยของรัฐที่รัฐเป็นผู้สนับสนุนการศึกษาต้องติดอยู่ในต่างประเทศ

ผู้พิพากษารอบาร์ทได้อ้างถึงข้อถกเถียงของทนายจากกระทรวงยุติธรรมที่เกิดความหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อนักศึกษาของมหาวิทยาลัยในรัฐวอชิงตันจะได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งยังอ้างคำสั่งฝ่ายบริหารโดยยกตัวอย่างเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน 2001 (ที่กลุ่มก่อการร้าย)โจมตีสหรัฐ

ผู้พิพากษารอบาร์ทชี้ว่าการโจมตีสหรัฐในครั้งนั้น (9/11)ไม่มีคนที่มาจาก 7 ประเทศโจมตีสหรัฐ คำสั่งของประธานาธิบดีจะต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญ “คำสั่งจะต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่ใช่เรื่องนิยาย”

คำสั่งของผู้พิพากษาครั้งนี้ส่งความยินดีไปยังกลุ่มประท้วงต่างๆทั่วประเทศอีกทั้งคาดว่าการประทวงจะสงบลง นายเอริค เฟอร์เรโร่  โฆษกของ Amnesty International USA กล่าวคำสั่งนี้เป็นเพียงชั่วคราว “สภาคองเกรสควรจะก้าวเข้าไปเพื่อบล้อคคำสั่งที่ไม่ชอบนี้เพื่อให้มีผลตลอดไป”  

ยังมีอีก 4 รัฐที่ได้รับเรื่องฟ้องร้อง

คำสั่งศาลออกมาหลังจากที่อัยการของ 4 รัฐได้ยื่นฟ้องคำสั่งของฝ่ายบริหารที่ระบุว่าออกมาเพื่อความปลอดภัยของประเทศเป็นสำคัญ แต่อัยการ 4 รัฐมองว่าออกมาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมเพราะมีเป้าหมายห้ามพลเมืองที่มีความเชื่อทางศาสนา 

(หมายเหตุ-รัฐธรรมนูญสหรัฐใน First Amendment ประกันถึงเสรีภาพในการแสดง เสรีภาพในการพูด เขียนและเสรีภาพในความเชื่อด้านศาสนา)

ก่อนหน้านี้เมื่อเช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ผู้พิพากษารัฐบาลกลางแห่งบอสตัน ไม่อนุญาตให้มีการต่ออายุคำสั่งของฝ่ายบริหารที่สั่งห้าม 3 เดือน โดยผู้ฟ้องต้องการให้  temporary restraining order ยาวมากกว่า 3 เดือน

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่าคำสั่งของฝ่ายบริหารมีผลกระทบประมาณ 60,000 คนที่ถือพาสปอร์ตจาก 7 ประเทศ  ในขณะที่สื่อมวลชนเสนอรายงานจากข้ออ้างของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐว่ามีผู้ได้รับผลกระทบประมาณ 100,000 คน

ขณะที่นายลีโอนี บริ้งค์มา ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรัฐบาลกลาง,อเล้กซานเดรีย เวอร์จิเนียได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางจัดทำบัญชีรายชื่อมายื่นภายในวันพฤหัสบดีหน้าว่า ใครบ้างที่ถูกปฏิเสธเข้าสหรัฐหรือใครบ้างที่ถูกส่งตัวกลับ

ขณะที่รัฐฮาวายได้ยื่นฟ้องเช่นกันว่าคำสั่งประธานาธิบดีไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลออกคำสั่งบล้อคทั่วประเทศ

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ( Department of Homeland Security)ออกคำแถลงเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ว่าไม่มีแผนการที่จะห้ามประเทศอื่นนอกเหนือไปจาก 7 ประเทศ

DHS เปิดเผยด้วยว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีผลกระทบต่อผู้ถือใบเขียว (green card)ของสหรัฐไม่ว่าจะเป็น 7 ประเทศหรือประเทศอื่นใด รวมทั้งไม่กระทบต่อบุคคลที่ช่วยเหลือกองทัพสหรัฐ

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้บางคนที่เป็นชาวอิรัก(ถือใบเขียว)และช่วยเหลือด้วยการเป็นล่ามให้กองทัพสหรัฐมานานก็ถูกกักตัวที่สนามบิน จนให้ทนายยื่นฟ้องและสามารถกลับเข้าสู่สหรัฐได้  

นสพ.นิวยอร์กไทมส์ รายงานเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐได้จัด conference call กับสายการบินต่างๆหลังจากคำสั่งศาลออกมา โดยระบุให้สายการบินอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยอพยพและบุคคลถือพาสปอร์ต 7 ประเทศที่สั่งห้ามเข้าสหรัฐไปก่อนหน้านี้ขึ้นเครื่องบินเข้าสู่สหรัฐได้

ทั้งนี้นิวยอร์ก ไทมส์ไม่อาจระบุได้เพราะ conference call เป็นเรื่องภายในระหว่างเจ้าหน้าที่กับสายการบิน 

คำฟ้องที่รัฐวอชิงตันยื่นฟ้องต่อศาล สรุปดังนี้

“คำสั่งของประธานาธิบดี...ทำให้ครอบครัวชาวรัฐวอชิงตันแตกแยก,เป็นอันตรายต่อชาวรัฐวอชิงตันหลายพันคน,ทำลายเศรษฐกิจรัฐวอชิงตัน,ทำอันตรายต่อบริษัทที่ใช้รัฐวอชิงตันเป็นฐานบริษัท,เป็นการแทรกแซงอธิปไตยของรัฐวอชิงตันที่ยังยินดีที่จะต้อนรับบรรดาผู้ลี้ภัยอพยพและคนเข้าเมือง”

Temporary Restraining Order

คำสั่งห้ามชั่วคราว (A restraining order) เป็นคำสั่งศาลเพื่อปกป้องบุคคลหรือสาธารณะทั่วไป ที่อาจเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในครอบครัว,การล่วงละเมิดทางใดทางหนึ่ง,การคุกคามและการคุกคามทางเพศ ในสหรัฐอเมริกาแต่ละรัฐจะมีกฎหมายที่ว่านี้แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะมุ่งเรื่องความรุนแรงในครอบครัว เช่นศาลอาจจะสั่งให้สามีที่ทำร้ายร่างกายภรรยาห้ามเข้าใกล้ในระยะ 300 หลา เป็นต้น

บุคคลที่ถูกคุกคามหรือถูกล่วงละเมิดมีสิทธิ์ยื่นฟ้องร้องขอความคุ้มครองต่อศาล  เมื่อศาลออกคำสั่งแล้วหากบุคคลผู้ถูกห้ามนั้นไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจะถูกจับกุมและตัดสินลงโทษ กฎหมายบางรัฐถือว่าการขัดคำสั่งศาลเป็นโทษทางแพ่งหรือทางอาญา

ในกรณีนี้เป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นรัฐบาลกลางมีผลบังคับทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาในระยเวลา 4 เดือน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2560 0:13:14 น.
Counter : 354 Pageviews.  

ทนายชี้กรมศุลฯเข้าข่ายกลั่นแกล้ง เรียกค่าปรับ 2 เท่ารถเอ็นจีวี



ซุปเปอร์ซาร่า ยันวางแค่เงินประกันภาษี 40% เท่านั้น แต่จะไม่ยอมจ่ายค่าปรับ 2 เท่า รถเมล์เอ็นจีวี 99 คัน จากประเทศมาเลเซีย ที่กรมศุลกากรกักไว้ ด้านทนาย ชี้ กรมศุลกากรเข้าข่ายกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม เรียกค่าปรับ 2 เท่ารถเอ็นจีวี

 

นาย คณิสสร์ ศรีวชิระปะภา ประธาน บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะการประมูลโครงการจัดหารถโดยสารที่ใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (รถเมล์เอ็นจีวี) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท ซุปเปอร์ซาร่าฯ  นำเข้ารถเมล์โดยสารใหม่จากประเทศมาเลเซีย เข้ามาในราชอาณาจักร 99 คัน ตามใบขนเลขที่ A0020591200783 โดยเรือGLOVISPRIME  เที่ยววันที่ 1 ธ.ค.59 ได้สำแดงรายการเสียภาษีในประเภทพิกัด 8702.90.94 อัตรา 0% เป็นการใช้สิทธิลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับของที่มีกำเนิดจากอาเซียน ฉบับประกาศใน พ.ร.บ. ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 6 ม.ค.55 แต่กรมศุลกากรต้องการให้บริษัทฯวางประกันค่าภาษีในอัตรา 40%และวางประกันค่าปรับ 2 เท่าของค่าภาษี บริษัทฯยินยอมจะวางประกันค่าภาษี โดยขอไม่ต้องวางเงินประกันค่าปรับจำนวน 2 เท่า เนื่องจากว่าไม่เป็นไปตามประมวลระเบียบปฏิบัติที่กรมศุลกากรกำหนดไว้ พ.ศ. 2556 ข้อ 4 03 06 05  เรื่องการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากร สำหรับสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน (ATIGA)เป็นการทั่วไป

โดยขณะนี้กรมศุลกากรยังไม่ได้แสดงหลักฐานพิสูจน์ว่า รถเมล์ดังกล่าวไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นถิ่นกำเนิดมาเลเซีย (เพียงมีข้อสงสัย) ว่ารถบัสประกอบสำเร็จรูปทั้งคันและส่งจากประเทศจีน ทั้งนี้บริษัทฯได้แสดงเอกสารจากทางการมาเลเซีย(From D) เพื่อขอยกเว้นภาษีนำเข้าแล้วและต้องการให้กรมศุลกากรเร่งสรุปผลและนำหลักฐานต่างๆ มาเปิดเผยยืนยันว่ารถเอ็นจีวีไม่ได้มีถิ่นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงการกล่าวอ้างว่า สงสัยว่า ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ ขณะที่คนกรุงเทพฯก็เสียโอกาสในการใช้บริการรถเมล์ใหม่ นายคณิสสร์ กล่าว

ด้านนายปัญญ์ เกษมทรัพย์ หรืออาจารย์ปัญญ์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายศุลกากร ให้ความเห็นเรื่องดังกล่าวว่า ตามประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ.2556 ข้อ 4 03 06 05 การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากร สำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน ( ATIGA)กำหนด

ข้อ (3.2.5) "กรณีรายการข้อมูลในใบขนสินค้าขาเข้า เอกสารประกอบและต้นฉบับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (From D) ไม่ถูกต้องตรงกันและมีเหตุอันควรสงสัยหรือจำเป็นต้องสอบถามไปยังหน่วยงานที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าและหากสินค้านั้นมิได้เป็นสินค้าต้องห้ามหรือต้องกำกัดในการนำเข้าและไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉ้อฉล อาจสั่งการให้ปล่อยสินค้านั้นไปก่อนและชักตัวอย่างไว้โดยวางประกันให้คุ้มค่าภาษีอากรตามอัตราปกติ โดยไม่ต้องวางประกันค่าปรับ"

แต่ในทางปฏิบัติพบว่าการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอนุญาตให้รับของไปก่อนไม่เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติของการศุลกากรที่กำหนดให้วางประกันค่าภาษีอากรในอัตรา 40%และวางประกันค่าปรับในอัตราสองเท่าของราคารวมค่าอากร จึงเกรงว่าอาจเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากร ดังนั้นตามข้อเท็จจริงและระเบียบปฏิบัติดังกล่าวข้างต้น ยืนยันว่าบริษัทซุปเปอร์ซาร่าจำกัดยังมิได้ถูกเพิกถอนสิทธิตามหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าจากหน่วยงานที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของทางการมาเลเซียแต่อย่างใด จึงยังคงได้รับสิทธิลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง

สำหรับการกล่าวหาว่ากระทำผิดศุลกากรโดยการแจ้งข้อกล่าวหาไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดๆยืนยันว่ามีการกระทำผิดจริง ดังจะเห็นได้จากกรมศุลฯ มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาสำหรับการนำเข้ารถเอ็นจีวีจำนวน 145 คันว่า "เชื่อได้ว่ารถบัสมีกำเนิดประเทศเป็นประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน"อันอาจมีการสำแดงเมืองกำเนิดสินค้าเป็นเท็จ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กรมศุลฯ ยังไม่มีหลักฐานในเรื่องดังกล่าว การเรียกให้บริษัทฯต้องวางประกันค่าปรับ 2 เท่า จึงเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและเห็นว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งการประกอบกิจการธุรกิจทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถยนต์โดยสารเอ็นจีวีได้ทันตามกำหนดเวลาในสัญญา ดังที่กรมศุลฯ ได้เพิ่มหมายเหตุในใบขนสินค้าฉบับที่กล่าวหาที่บริษัทฯสำแดงรายการ "ขอสงวนสิทธิ์การขอคืนอากรภายหลังการนำเข้าโดยใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า(Form D)"แต่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลฯ ได้เพิ่มข้อความ "มีปัญหาถิ่นกำเนิดเนื่องจาก คกก.ตรวจปล่อยรถยนต์ตรวจพบว่ารถยนต์ฯมีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ตามแฟ้มคดีที่ ล.119/11.1.60 ซึ่งข้อความที่เจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเข้ามาเองมุ่งประสงค์ว่าเป็นบริษัทฯรับรองรายการในใบขนฯและทำให้เกิดปัญหาในการส่งมอบรถให้กับ ขสมก.

และบริษัทฯ เห็นว่า การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายถือว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของเขตการค้าเสรีอาเซียนที่ต้องการให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสรีภายใต้อาเซียน จึงเกรงว่าการบังคับใช้กฎหมายโดยการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอาจเป็นการกีดกันทางการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน

กรมศุลกากรสั่งอายัด‘รถเมล์ NGV 100 คัน’ตรวจสอบหวั่นเลี่ยงภาษี-ออมสินยันส่งรถเมล์ NGV ช้าถูกปรับ-เลิกสัญญาได้

//www.thaitribune.org/contents/detail/336?content_id=24411&rand=1486190059

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2560 19:21:56 น.
Counter : 552 Pageviews.  

สายการบินภายในประเทศฉวยโอกาสโก่งค่าตั๋ว อธิบดีสรรพสามิตชี้ควรเพิ่ม 45-50 บาทต่อเที่ยวไม่ใช่ 150 บาทห



ครม.ให้ขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบินจากลิตรละ 20 สตางค์เป็น 4 บาทหลังจากช่วยมานาน อธิบดีกรมสรรพสามิตชี้สายการบินภายในประเทศควรขึ้นได้ 45-50 บาทต่อที่นั่งต่อเที่ยวบินไม่ใช่ 150 บาทหรือมากกว่าเหมือนที่ประกาศเก็บกัน เผยรัฐเก็บเงินเข้าได้ประมาณ 8 พันล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า มติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2560 เรื่องการเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินภายในประเทศเป็น 4 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 20 สตางค์ต่อลิตรนั้นเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่โครงสร้างภาษีสรรพสามิตน้ำมันทั้งดีเซล เบนซิน และน้ำมันในกลุ่มของแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด

ทั้งนี้ภาษีน้ำมันเครื่องบินปรับลดครั้งสุดท้ายเมื่อปีพ.ศ. 2535 พร้อมกับน้ำมันประเภทอื่นๆ เพื่อลดภาระราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นแต่เมื่อรา

คาน้ำมันกลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว กระทรวงการคลังก็ได้ปรับอัตราภาษีขึ้นทุกประเภทยกเว้นภาษีน้ำมันเครื่องบินที่เสนอให้ ครม.ปรับอัตราภาษีขึ้น

ทั้งนี้ ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 ปรับขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันหล่อลื่น โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลเมื่อวันที่ 25 มกราคม ทำให้น้ำมันเครื่องบินถูกเก็บภาษีที่ 4 บาทต่อลิตร จากเดิมเก็บที่ 20 สตางค์ต่อลิตร โดยจะจัดเก็บภาษีน้ำมันเฉพาะเครื่องบินที่บินภายในประเทศเท่านั้น ส่วนน้ำมันหล่อลื่นถูกจัดเก็บลิตรละ 5 บาท จากเดิมไม่มีเก็บ  การจัดเก็บภาษีน้ำมันทั้ง 2 ชนิดเพิ่มดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลมีรางผลให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท

นายสมชายกล่าวว่าการปรับราคาน้ำมันเครื่องบินก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมของโครงสร้างภาษี จากเดิมที่จัดเก็บภาษีในอัตรา 20 สตางค์ต่อลิตรปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4 บาทต่อลิตร  จะทำให้ค่าตั๋วเครื่องบินปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 50 บาทต่อที่นั่ง ไม่น่าถึง 150 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน เพราะเครื่องบินขนาดกลางมีที่นั่งประมาณ 200-300 ที่นั่ง จะใช้น้ำมันประมาณ 2,500 ลิตรต่อหนึ่งชั่วโมง หรือมีภาระภาษีเพิ่มขึ้น 9,500-10,000 บาท หากนำมาเฉลี่ยกับจำนวนที่นั่งบนเครื่องบินแล้ว ราคาจะเพิ่มขึ้น 45-50 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน ไม่น่าจะทำให้ต้นทุนของสายการบินเพิ่มขึ้นมากมายนัก

อธิบดีกรมสรรพสามิตอธิบายว่าสายการบินที่ให้บริการภายในประเทศไกลสุดจะใช้ระยะเวลาเดินทาง 1 -1.15 ชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่จะใช้ระยะการบินประมาณ 1 ชั่วโมง เช่น กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ หรือกรุงเทพฯ-ภูเก็ต อาจจะนานกว่า 1 ชั่วโมงเล็กน้อย “ไม่เห็นด้วยหากสายการบินโลว์คอสต์จะปรับราคาที่นั่งเพิ่ม 150 บาทต่อคนต่อเที่ยว”นายสมชายย้ำ

สายการบินทยอยปรับขึ้นราคา 150-200 บาทต่อเที่ยว

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560  สายการบินไทยแอร์เอเชีย หรือ AAV แจ้งว่าไทยแอร์เอเชียประกาศบวกเพิ่มค่าภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพิ่มค่าภาษีสรรพสามิตน้ำมัน สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในอัตรา 150 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน สำหรับเส้นทางบินภายในประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป

สายการบินนกแอร์และสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ แจ้งว่าจะบวกเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงอัตรา 150 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน สำหรับเส้นทางบินภายในประเทศโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

สายการบินเวียตเจ็ท ประกาศขึ้นค่าโดยสารเที่ยวบินในประเทศไทยในอัตรา 150 บาทต่อผู้โดยสารหนึ่งท่านต่อเที่ยวบินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สายการบินบางกอกแอร์เวย์สจะปรับเพิ่มราคาบัตรโดยสารเที่ยวบินภายในประเทศทุกเส้นทางในอัตราเที่ยวบินละ 200 บาทต่อคน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2560 0:34:03 น.
Counter : 343 Pageviews.  

ห้างนอร์ดสตรอมยุติจำหน่ายสินค้าแบรนด์ของ Ivanka Trump เผยขายไม่ดีและถูกขู่บอยคอตทั้งห้าง



ห้างนอร์ดสตรอมยุติจำหน่ายสินค้าอิวอนก้า ทรัมพ์ หลังถูกกลุ่ม Grab Your Wallet รณรงค์ต่อต้าน กลุ่มต้านเผยรณรงค์ได้ผลยุติไปแล้ว 5 ห้างยังเหลืออีกกว่า 60 แห่งต้องรณรงค์ต่อ ประกาศแม้คนลงคะแนนเสียงจะพ่ายแพ้ในกล่องลงคะแนนแต่ก็เริ่มชนะในลิ้นชักเงิน

 

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2017 ห้างนอร์ดสตรอม (Nordstrom Inc.)ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่เมืองซีแอตเติ้ล รัฐวอชิงตันออกแถลงการณ์ยุติการจำหน่ายสินค้าแบรนด์ “อิวอนก้า ทรัมพ์”ตลอดฤดูกาลนี้หลังจากเกิดข้อถกเถียงโดยเฉพาะการถูกขู่บอยคอต,การจำหน่ายไม่ดีและถือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง

“ในกรณีนี้ จากยอดจำหน่ายของยี่ห้อสินค้า เราตัดสินใจที่จะไม่สั่งเข้ามาจำหน่ายในฤดูกาลนี้”คำแถลงกล่าว

ทั้งนี้บริษัทนอร์ดสตรอมมีปัญหาหลังจากกลุ่ม Grab Your Wallet รณรงค์บอยคอตห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้ายี่ห้อของอิวอนก้า ทรัมพ์ รวมทั้งยี่ห้อดอนัลด์ ทรัมพ์ ด้วย สาเหตุเพราะระหว่างตัวสินค้าที่ได้รับการโปรโมทกับปัญหาทางการเมืองที่บิดาของเธอเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016 บริษัทสินค้าของเธอก็โปรโมทสร้อยข้อมือทองคำที่บริษัทเป็นผู้ผลิตจำหน่ายด้วยเธอสวมใส่ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการ “60 Minutes.” ทางสถานีทีวี CBS  จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบไปยังเว็บไซต์ The Racked fashion เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ปรากฎว่าหายไปจากห้างนอร์ดสตรอมในส่วนของ  e-commerce ไปเรียบร้อย

เจ้หน้าที่แถลงด้วยว่าเป็นเรื่องธรรมดาของห้างเมื่อมีการสำรวจทุกครั้งจะมีสินค้าประมาณ 10 % ที่ห้างไม่ได้สั่งมาจำหน่ายหลังจากพบว่าขายไม่ดี  สำหรับสินค้าในแบรนด์ของอิวอนก้า ทรัมพ์ ที่หลืออยู่ในสต๊อคของห้างก็จะจำหน่ายจนกว่าจะหมด แต่ไม่สั่งเข้ามาใหม่

เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบเข้าไปช่วงวันที่ 2 กุมภาพันธ์พบว่ายังเหลือรองเท้าอยู่ 4 แบบของอิวอนก้าและถูกปิดป้ายลดราคาไว้ 

นายพีท นอร์ดสตรอม ประธานร่วมของบริษัทเคยทำจดหมายถึงพนักงานบริษัทเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016 โดยอ้างถึงการข่มขู่ของลูกค้าที่จะบอยคอตบริษัท หากไม่ยุติความสัมพันธ์กับตระกูลทรัมพ์ “เป็นหัวข้อที่จะทำให้เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง”

“ไม่วาเราจะเดินไปทางไหน เราก็จะต้องทำให้ลูกค้าบางส่วนผิดหวัง สินค้าทุกยี่หอ้จะถูกนำขึ้นมาพิจารณา หากลูกค้าไม่ชอบเราก็จะไม่นำออกจำหน่าย”จดหมายของนายนอร์ดสตรอมกล่าว โดยมีการนำมาลงจากนิตยสาร Fortune

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016 ห้างนอร์ดสตรองได้ตอบทวิตเตอร์ของลูกค้าที่เรียกร้องให้หยุดจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับตระกูลทรัมพ์ 

พร้อมกับกล่าวว่า “บรรดาผู้ผลิตสินค้าคงเข้าใจเราไม่ผิด อย่าหาว่าเราเข้าข้างทางการเมือง เราจะไม่ทำ เราพร้อมที่จะยอมรับลูกค้ามีทางเลือกว่าจะซื้ออะไรเพราะเป็นความชอบส่วนตัว  เราให้โอกาสแก่ลูกค้าเสมอ” คำแถลงทวิตเตอร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน

แชนนอน คูลเทอร์ แกนนำกลุ่ม Grab Your Wallet เปิดเผยว่ายอดสินค้าของอิวองก้า ทรัมพ์ ในห้างนอร์ดสตรอมลดลงทันทีจาการสำรวจเมื่อเดือนธันวาคมี 71 อย่าง ปัจจุบันเหลือน้อย เมื่อมีการณรงค์กันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อเดือนตุลาคม นสพ.วอชิงตัน โพสต์ได้นำวิดีโอชุด Access Hollywood ออกเสนอเดือนตุลาคม 2016 ในเทปนายทรัมพ์พูดว่าเขาพร้อมที่จะจับ....ของพวกเธอ ทั้งนี้หมายถึงอวัยวะเพศของสตรี 

ภายหลังจากนั้น 4 วัน แชนนอน คูลเทอร์ ได้โพสต์ทวิตเตอร์วิจารณ์นอร์ดสตรอมที่ทำธุรกิจร่วมกับอิวอนก้า ทรัมพ์  พร้อมกับให้ความเห็นว่าควรจะยุติคบหากับเธอ ก่อนที่จะรณรงค์เพิ่มเติมให้ห้างยุติทำธุรกิจกับตระกูลทรัมพ์

พร้อมกันนั้นก็ให้บรรดาสมาชิกทวีตเข้าหาห้างนอร์ดสตรอม ทราบว่ายอดทะลุ 230,000 รายด้วยการข่มขู่ว่าหากไม่ยุติเงินจำนวนหลายล้านดอลลาร์ที่ห้างจะขายได้อาจต้องหดหายไป จนกระทั่งนอร์ดสตรอมออกมาประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์

แชนนอนเปิดเผยเพิ่มเติมว่าขณะนี้ยังมีอีกกว่า 60 บริษัทที่กลุ่มรณรงค์ Grab Your Wallet ห้ามไม่ให้ทำธุรกิจกับตระกูลทรัมพ์ อาทิเช่นสนามกอล์ฟที่มีผู้ไปใช้บริการและโรงแรมต่างๆที่เขาเป็นเจ้าของ สินค้าแบรนด์เนมของทรัมพ์เอง รวมทั้งสินค้าของบรรดาผู้สนับสนุนนายทรัมพ์

“ประชาชนอาจแพ้โหวตในกล่องลงคะแนนเสียง แต่ประชาชนก็ชนะในลิ้นชักเงิน”แชนนอนกล่าว พร้อมกับเปิดเผยว่าขณะนี้มี 5 บริษัทที่เลิกจำหน่ายสินค้าแบรนด์ของตระกูลทรัมพ์แล้ว

สินค้าของอิวองก้า ทรัมพ์ เริ่มจากอัญมณียำออกขายเพื่อการจัดเก็บสะสมในปี 2007 จากนั้นแบรนด์ของเธอเติบโตและขยายตัวออกมาเป็นเสื้อผ้า,รองเท้า,น้ำหอม,กระเป๋าถือและสินค้าอื่นๆ  ตัวเธอเองตั้งใจที่จะเป็นนักออกแบบสินค้าด้วยตัวเองรวมไปถึงสินค้าที่ออกจาก  Trump Organization ที่เป็นของพ่อ 

ปัจจุบัน อิวอนก้า ทรัมพ์ พร้อมด้วยสามีย้ายจากนิวยอร์กไปอยู่วอชิงตันดีซี. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับบิดาในงานด้านต่างๆ

สินค้าของอิวอนก้า ทรัมพ์

//ivankatrump.com/collection/

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2560 20:38:52 น.
Counter : 354 Pageviews.  

คสช.ระบุปฏิวัติจะคาดการณ์ด้วยสถิติไม่ได้ หลังเลือกตั้งทุกฝ่ายจะปรองดอง



คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระบุเหตุปฏิวัติ หรือรัฐประหาร จะคาดการณ์ด้วยข้อมูลทางสถิติไม่ได้ ต้องเกิดจากหลักการและเหตุผลจากสถานการณ์ความเป็นจริง ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เชื่อมั่นหลังเลือกตั้ง หากทุกฝ่ายสามัคคีปรองดอง จะไม่มีเหตุรัฐประหารเกิดขึ้น

 

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่าประเทศไทยจะไม่เกิดเหตุรัฐประหารขึ้นในปี 2560 ตามที่เว็บไซต์วอชิงตันโพสต์ รายงานบทวิเคราะห์ว่าถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น และจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูง เป็นอันดับที่ 2 และกล่าวย้ำว่า จนถึงขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังพยายามขับเคลื่อนทุกอย่าง เพื่อเดินหน้าประเทศ และหากมีการเลือกตั้งก็เท่ากับว่าความสามัคคีปรองดองเกิดขึ้นในประเทศแล้ว และมีนักการเมืองเป็นฝ่ายดูแลประชาชน ซึ่งฝ่ายทหารก็จะอยู่ภายใต้การบริหารประเทศโดยรัฐบาลเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ไม่มีทหารคนใดต้องการจะก่อรัฐประหาร หรือทำการปฏิวัติ หรือแม้แต่จะทำรัฐประหารซ้อน เพราะทหารเป็นหนึ่งเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเราทำเรื่องปรองดองสำเร็จแล้วโอกาสในการเกิดปฏิวัติรัฐประหารก็จะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โอกาสไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารก็มีสูงมาก ถ้านักการเมืองทั้งหมดสามารถคุยกันได้ และสามารถดูแลประชาชนได้ ฝ่ายทหารก็อยู่ภายใต้นักการเมือง หากตกลงกันได้หมดแล้วไม่มีความขัดแย้งก็จะหาทางว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่า ในรายงานบทวิเคราะห์เขียนเหมือนว่ารัฐบาลชุดนี้จะถูกล้มโดยการปฏิวัติรัฐประหารซ้อน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีเพราะทหารเป็นหนึ่งเดียว ยืนยันว่าไม่มีปฏิวัติรัฐประหารซ้อน รวมถึงรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็เป็นหนึ่งเดียว เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ทำทุกอย่างเพื่อประเทศ ก็มีเพียงแต่สื่อมวลชนคิดเรื่องการปฏิวัติฯ อีกทั้งรายงานบทวิเคราะห์ของเว็บไซต์วอชิงตันโพสต์ก็เขียนไปแบบนั้นและทีมีคนเขียนหรือโพสต์ว่าจะฆ่าตน ทำไมสื่อมวลชนไม่มาสอบถามกันบ้าง

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ซักในรายละเอียดถึงข้อความดังกล่าว พล.อ.ประวิตร บอกว่า ไม่ทราบแน่ชัดแต่จากการตรวจสอบพบในโซเชียลมีเดีย ส่วนจะเป็นฝ่ายการเมืองหรือไม่นั้น ไม่ทราบให้สื่อไปดูกันเอง “ผมไม่รู้วาใครมาขู่ฆ่าผม ไม่รู้จะจริงหรือไม่ ไปดูเอาสิ ในโซเชียลฯ นะ ไม่รู้ฝ่ายไหนเหมือนกัน” พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่ารู้สึกหวั่นไหว กับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะหวั่นไหว หรือไม่หวั่นไหว ก็ต้องระวังตัว แต่อย่างไรก็ตาม ตนนั้นทำงานเพื่อบ้านเมือง ก็ต้องวิเคราะห์ข่าวดังกล่าวว่ามีมูลความจริงอย่างไร ส่วนสาเหตุที่พุ่งเป้ามาที่ตน ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไร

แหล่งข่าวจากกองทัพบก เปิดเผยว่า กำลังตรวจสอบกรณีที่มีคนโพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมิเดีย ลอบสังหารพล.อ.ประวิตร โดยก่อนหน้านี้ทางกองทัพบก ได้ตรวจพบคนโพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดีย ลอบสังหารพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่ง คนที่โพสต์เปิดร้านอยู่ที่ห้างดัง

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2560 16:33:11 น.
Counter : 225 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.