ท้องถิ่นเข้มแข็ง ประชาชนเป็นสุข โดย อุดร ตันติสุนทร
เมื่อไม่นานมานี้ ผมและนายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ กรรมการมูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่ เทศบาลนครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งที่ 2 หลังจากไปครั้งที่ 1 เมื่อปีที่แล้ว การไปศึกษาดูงานครั้งนี้เพื่อต้องการให้รู้แน่ชัดว่า การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรท้องถิ่น นั้น เป็นการทำให้ท้องถิ่นเจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างในเมืองชนบทได้อย่างแท้จริง ไปดูงานเทศบาลนครคุนหมิง ครั้งที่ 2 โดย อุดร ตันติสุนทร หน่วยงานต่างๆ ที่ประกอบเป็นรัฐบาล เทศบาลนครคุนหมิง มีด้วยกันทั้งหมดถึง 40 หน่วยงาน วันนี้ท่านทั้งหลายก็ทราบโดยทั่วไปแล้วว่าเศรษฐกิจประเทศจีนยกฐานะขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลกแล้ว และเชื่อว่าจะเป็นอันดับ 1 ของโลกได้ภายใน 10 ปีข้างหน้านี้ สรุปแล้ว รัฐบาลไทยต้องรีบกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นตามอย่างที่ประเทศจีนทำโดยเร็ว การบริหารด้วยการกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปยังท้องถิ่น ดังจะเห็นได้ว่าประเทศต่างๆ ในโลกปัจจุบันแม้กระทั้งในประเทศลัทธิคอมมิวนิสต์ก็ยังได้มีการผลักดันและเปลี่ยนแปลงไปสู่การมีรัฐบาลท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเสรีของประชาชน การปกครองท้องถิ่นนำมาซึ่งการมีส่วนร่วมของประชาชน กลายเป็นคำศักดิ์สิทธิ์หรือคาถาของโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศที่ต้องการเร่งพัฒนาความมั่งคั่งทางด้านเศรษฐกิจ อรุณรุ่งของการปกครองท้องถิ่น ในปี 2003 ธนาคารโลกได้มีการส่งเสริมให้เกิดการปกครองท้องถิ่นในประเทศที่กำลังพัฒนา พร้อมๆกันนี้ธนาคารโลกได้มีการศึกษาอย่างกว้างขวางในเรื่องของพัฒนาการทางด้านการปกครองท้องถิ่นของประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออก และตะวันตกเฉียงใต้ โดยทำการเปรียบเทียบ ประเทศกัมพูชา, จีน, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์,ไทยและเวียดนาม ตัวชี้วัดหนึ่งที่ใช้วัดระดับการพัฒนาการของการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ สัดส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายที่อยู่ในอำนาจของการบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ในจังหวัด อำเภอและเมืองใหญ่) พบผลที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งว่า ประเทศไทยอยู่ในระดับล้าหลังมากที่สุด สิ่งที่น่าฉงนไปยิ่งกว่านั้นคือ ประเทศที่มีการปกครองโดยระบบศูนย์รวมอำนาจมากที่สุด อย่าง จีนและเวียดนาม มีลำดับความเข้มข้นในการรับผิดชอบของท้องถิ่นสูงสุด ซึ่งธนาคารโลกได้บอกว่าจีนได้มีการพัฒนาโครงสร้างการกระจายอำนาจแบบพึ่งพาหรือร่วมมือระหว่างกัน ขององค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นมากที่สุดในภูมิภาค แต่ประเทศที่มีระบบการปกครองแบบเปิดและเป็นประชาธิปไตยอย่าง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย กลับมีการพัฒนาในการปกครองท้องถิ่นที่อ่อนแอกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนอำนาจทางการเมืองที่รวมอยู่ที่ศูนย์กลาง ส่วนจีนและเวียดนามได้ทำการกระจายอำนาจการจัดการในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะด้านการบริหารงบประมาณ และมีการปฏิรูปการคลังท้องถิ่น แต่ก็ยังไม่ได้เพิ่มอำนาจทางการเมืองให้กับระดับท้องถิ่น ส่วนประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย มีการเลือกตั้งไล่ไปตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ และมีที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมานานแล้ว แต่กลับยังมีการกระจายอำนาจในระดับที่ไม่สูงมากนัก ดังนั้นในการปฏิรูปโครงสร้างการปกครองท้องถิ่นจึงต้องทบทวนหรือวิเคราะห์ให้เห็นกันอย่างถ่องแท้ถึงความแตกต่างและความสัมพันธ์ระหว่างการกระจายอำนาจทางการเมือง รวมถึงการกระจายอำนาจทางการบริหารออกจากกัน หรือเมื่อวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2010 มีการจัดสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติ ได้รับความร่วมมือจาก วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ว่าด้วยเรื่องการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นของประเทศต่างๆ มีศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยมิสซูรี, มิชิแกน, แคลิฟอร์เนีย, จีน, ญี่ปุ่น, แอฟริกาใต้ ผู้แทนธนาคารโลก รวมทั้งศาสตราจารย์ ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่, รศ.ดร.ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ จากนิด้า โดยศาสตราจารย์ Gayl D. Ness จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้บรรยายถึงชีวิตของประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นต่างๆ ว่า สมควรที่รัฐบาลกลางต้องเอาใจใส่อย่างมากที่สุด และได้อ้างอิงถึงการวิเคราะห์ของธนาคารโลกว่า ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ให้ความสำคัญขององค์กรท้องถิ่นที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนมากยิ่งกว่าประเทศใด ในเอเชีย ซึ่งผลสรุปการวิเคราะห์ของธนาคารโลก สัดส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายที่อยู่ในอำนาจการอนุมัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนี้ จีน 69%, เวียดนาม 48%, อินโดนีเซีย 32%, ฟิลิปปินส์ 26%, กัมพูชา 17% และไทยมาเป็นอันดับสุดท้าย 10% โดยสรุป การปกครองระบบประชาธิปไตยที่เข้าใจกันคืออำนาจของรัฐบาลกลางเป็นใหญ่ สามารถจะแบ่งเงินไปพัฒนาท้องถิ่นได้มากหรือน้อยแล้วแต่รัฐบาลกลาง ของไทยเรารัฐบาลกลางแบ่งให้ท้องถิ่น 10% ส่วนรัฐบาลจีนแบ่งให้ท้องถิ่น 69% เป็นเครื่องยืนยันว่าประชาชนในจีนที่อยู่ในท้องถิ่นนั้นสำคัญจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่โฆษณาชวนเชื่อ หน่วยงานต่างๆ ที่ประกอบเป็นรัฐบาล เทศบาลนครคุนหมิง มีด้วยกันทั้งหมดถึง 40 หน่วยงาน ดังนี้ 1.คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปเทศบาลนครคุนหมิง 2.คณะกรรมการอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเทศบาลนครคุนหมิง 3.กองการศึกษาเทศบาลนครคุนหมิง 4.กองวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเทศบาลนครคุนหมิง 5.คณะกรรมการกิจการชนชาติส่วนน้อยเทศบาลนครคุนหมิง 6.กองสันติบาลนครคุนหมิง 7.กองการตรวจสอบเทศบาลนครคุนหมิง 8.กองบริหารราชการฝ่ายพลเรือนเทศบาลนครคุนหมิง 9.กองศาลยุติธรรมเทศบาลนครคุนหมิง 10.กองการคลังเทศบาลนครคุนหมิง 11.กองทรัพยากรมนุษย์และสวัสดิการสังคมเทศบาลนครคุนหมิง 12.กองแหล่งทรัพยากรบนดินแห่งชาติเทศบาลนครคุนหมิง 13.กองการคมนาคมข่นส่งเทศบาลนครคุนหมิง 14.กองรักษาสิ่งแวดล้อมเทศบาลนครคุนหมิง 15.กองการวางแผนผังเมืองเทศบาลนครคุนหมิง 16.กองการเคหะสถานและการสร้างเมืองเทศบาลนครคุนหมิง 17.กองบริหารจัดการเมืองในทุกด้านเทศบาลนครคุนหมิง 18.กองการเกษตรเทศบาลนครคุนหมิง 19.กองการป่าไม้เทศบาลนครคุนหมิง 20.กองงานกิจการทางน้ำเทศบาลนครคุนหมิง 21.กองงานกิจการค้าเทศบาลนครคุนหมิง 22.กองอนามัยเทศบาลนครคุนหมิง 23.คณะกรรมการประชาชนและการคุมกำเนิดเทศบาลนครคุนหมิง 24.กองวัฒนธรรม การกระจายเสียง โทรทัศน์ และพลศึกษาเทศบาลนครคุนหมิง 25.กองตรวจสอบบัญชีเทศบาลนครคุนหมิง 26.กองสถิติเทศบาลนครคุนหมิง 27.กองการท่องเที่ยวเทศบาลนครคุนหมิง 28.กองงานศาสนาเทศบาลนครคุนหมิง 29.กองการตรวจสอบควบคุมดูแลการผลิตและความปลอดภัยเทศบาลนครคุนหมิง 30.กองควบคุมศูนย์ดูแลทะเลสาบเตียนฉือเทศบาลนครคุนหมิง 31.กองการส่งเสริมการลงทุนเทศบาลนครคุนหมิง 32.สำนักงานกิจการต่างประเทศและชาวจีนโพ้นทะเลเทศบาลนครคุนหมิง 33.กองงานภูมิทัศน์เทศบาลนครคุนหมิง 34.สำนักงานระบบกฎหมายรัฐบาลประชาชนเทศบาลนครคุนหมิง 35.กองงานเสบียงอาหารเทศบาลนครคุนหมิง 36.กองงานบริหารหน่วยงานรัฐบาลประชาชนเทศบาลนครคุนหมิง 37.สำนักงานเกษตรเพื่อช่วยเหลือพัฒนาเกษตรรัฐบาลเทศบาลนครคุนหมิง 38.สำนักงานการป้องกันภัยทางอากาศประชาชนแห่งเทศบาลนครคุนหมิง 39.สำนักงานนโยบายและแผนงานรัฐบาลเทศบาลนครคุนหมิง 40.สำนักงานการเงินรัฐบาลเทศบาลนครคุนหมิง ที่มา thaitribune
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2560 | | |
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2560 2:44:43 น. |
Counter : 344 Pageviews. |
| |
|
|
|