Group Blog
 
All Blogs
 

เลือกที่นอนไม่ดี มีผลต่อสุขภาพ

ที่นอน มีผลอย่างมากต่อสุขภาพของผู้นอน ทั้งในเรื่องสรีระและเรื่องโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ดังนั้น จึงควรรู้วิธีการเลือกลักษณะที่นอนและชนิดของที่นอนก่อนตัดสินใจซื้อ

ที่นอนที่ดีนั้นไม่ควรนิ่มหรือแข็งเกินไป ซึ่งในความเป็นจริงที่นอนแบบนิ่มมีโอกาสที่จะทำให้ปวดหลังได้มากกว่าแบบแข็ง ความแน่นของที่นอน (Firmness)  ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน เช่น คนที่รูปร่างใหญ่ จะเหมาะกับที่นอนแน่นเป็นพิเศษ ที่นอนควรรองรับกับสภาพร่างกายได้ ชั้นโอบรับของที่นอน (Conformity) ต้องเข้ากับส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและนอนหลับสบายขึ้น นอกจากนั้นที่นอนควรรับน้ำหนักได้ดี ป้องกันการยุบตัว และไม่เกิดการลื่นไหลเวลานั่งขณะขึ้นหรือลงจากที่นอน

ชนิดของที่นอน มีหลายชนิด ทั้งที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์และวัสดุธรรมชาติ ควรเลือกชนิดที่มีความนุ่มพอเหมาะและมีสปริงโอบรับน้ำหนักร่างกาย ไม่มีแรงกดทับ วัสดุที่ใช้ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ไม่มีไรฝุ่น เมื่อใช้งานนานๆ แล้วไม่ยุบตัว สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่สะสมความชื้นและเชื้อแบคทีเรีย ปลอกที่นอนสามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย ในปัจจุบันนิยมใช้ที่นอนที่ผลิตจากยางพาราธรรมชาติ ซึ่งมีคุณภาพสูง แต่ราคาแพง

เมื่อใช้ที่นอนนานเกิน  6  เดือน ควรกลับที่นอนอีกด้านหนึ่งขึ้นมาใช้ เพื่อไม่ให้ที่นอนถูกใช้งานเพียงด้านเดียว จะทำให้ที่นอนเสื่อมสภาพเร็ว และควรกลับด้านหัวนอนและปลายเท้าสลับกันด้วย  เพื่อใช้งานอย่างทั่วถึงทั้งสี่ด้าน

TIP

ไรฝุ่นเป็นสัตว์ที่กินเศษผิวหนังและรังแคเป็นอาหาร จึงพบมากในห้องห้องนอนและเครื่องนอนต่างๆ ที่ใช้งานมานาน ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ การเลือกที่นอน รวมทั้งผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ที่เคลือบสารป้องกันไรฝุ่นจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ปลอดภัยได้มากขึ้น สามารถสอบถามจากผู้ขายหรือสังเกตคำว่า Microban Allergy  Control  สำหรับเป็นผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จากไร ฝุ่น ถ้าไม่ได้ใช้ผ้าปูที่นอน หรือปลอกหมอนกันไรฝุ่น  ควรซักผ้าด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส  ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อฆ่าไรฝุ่น และทำความสะอาดที่นอนเป็นประจำทุกเดือน
 

ที่มา : อสมท.




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2553    
Last Update : 11 มิถุนายน 2553 22:11:39 น.
Counter : 413 Pageviews.  

ใครว่า "หน้าอก หน้าใจ" ไม่สำคัญ


หลายคนยอมรับว่าการเป็นเจ้าของรูปร่างหน้าตา ที่ดี สามารถเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเองได้ โดยเฉพาะ เรื่องของทรวดทรงไม่ว่าจะสาวน้อยสาวใหญ่ มักจะเป็นกังวลกับรูปร่างของตัวเองอยู่เสมอ หุ่นแบบ นาฬิกาทรายยังคงเป็นสิ่งที่สาวๆ หลายคนปรารถนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของหน้าอกหน้าใจ ถ้าเล็กเกินไป ก็อาจทำให้ขาดความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้า และเบื่อ กับการแต่งตัวอำพราง จนหลายคนต้องพึ่งทางเลือก ของการทำศัลยกรรม

การศัลยกรรมเสริมหน้าอก ไม่เพียงแต่ช่วยให้รูปร่างดีขึ้น เท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ได้เช่นกัน เช่น การเพิ่มขนาด ของเต้านมหลังจากมีบุตร หลังการให้นมบุตร หรือคลอดบุตรแล้ว เต้านมอาจจะมีความตึงน้อยลง อีกทั้งยังช่วยแก้ไขขนาดที่ แตกต่างของเต้านมทั้งสองข้าง หรือแก้ไขรูปทรงที่ผิดปกติ ซึ่งอาจ จะเป็นแต่กำเนิดหรือเกิดจากการผ่าตัด


ชนิดของถุงเต้านมเทียม ถุงเต้านมเทียมประกอบด้วย 2 ส่วนคือ
۞   เปลือกนอกของถุง ทำด้วยซิลิโคนแผ่น นำมาเป่าขึ้นเป็น ทรงกลม  และทรงหยดน้ำ ผิวนอกอาจเป็นผิวเรียบสนิท หรือเป็น ผิวขรุขระเหมือนผิวทรายก็ได้

۞  สารที่บรรจุในถุง มีอยู่ 2 ชนิดคือ น้ำเกลือ และวุ้น หรือ ซิลิโคนเหลว

การผ่าตัด

การผ่าตัด สามารถทำได้ที่รักแร้, รอบปานนม, กลางปานนม, ใต้ฐานนม, และสะดือ จึงอาจเกิดแผลเป็นบริเวณที่ทำการผ่าตัด


การทำศัลยกรรมหน้าอกมีผลต่อการให้นมบุตร และ โรคมะเร็งเต้านมหรือไม่ ?ผู้ที่ได้รับการเสริมเต้านมสามารถให้นมบุตรได้ถ้าต้องการ นอกจากนี้จากการศึกษาโดยละเอียดยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการเสริมเต้านมต่อ ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม เมื่อเทียบกับ ผู้หญิงที่ไม่ได้รับการเสริมเต้านม แต่การตรวจเต้านมด้วยเอ็กซเรย์ แมมโมแกรม ต้องใช้วิธีพิเศษที่ต่างจากผู้ที่ไม่ได้เสริมเต้านม

ถุงเต้านมเทียมมีโอกาสแตกรั่วหรือไม่ ?

ถุงเต้านมเทียมมีโอกาสแตกหรือรั่วได้ ไม่เกี่ยวกับการได้รับ การกระแทกอย่างรุนแรง
ถ้าเป็นน้ำเกลือ เต้านมด้านนั้นจะยุบลง โดยรวดเร็ว น้ำเกลือที่รั่วออกมาจะถูกดูดซึมเข้ากระแสโลหิต  ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด ถ้าเป็นซิลิโคนเหลวจะเกิดได้ 2 กรณี อย่างแรกถ้าพังผืดที่หุ้มรอบถุงไม่แตก อาจจะไม่รู้เลยว่าเกิด การรั่วขึ้น ถ้าพังผืดที่หุ้มรอบฉีกขาด ซิลิโคนเหลวจะออกมานอกถุง แล้วอาจจะเกิดพังผืดหุ้มรอบซิลิโคนนั้นใหม่ เต้านมข้างนั้นจะมี รูปร่างที่เปลี่ยนไป และอาจจะรู้สึกแข็งมากขึ้น

หลังผ่าตัด

จะรู้สึกตึงปวดได้บ้างประมาณ 2-3 วัน หลังผ่าตัดรูปร่างของ เต้านมจะดูเป็นธรรมชาติประมาณ 1-2 เดือน และอาจจะต้องนวดเต้านมที่เสริม ตามคำแนะนำของแพทย์อีก ประมาณ 3-6 เดือน


ที่มา : รพ.เวชธานี





 

Create Date : 11 มิถุนายน 2553    
Last Update : 11 มิถุนายน 2553 22:02:19 น.
Counter : 520 Pageviews.  

ข้อเสีย! ของการดื่มน้ำเย็นจัด


ทราบหรือไม่ว่าการดื่มน้ำเย็นจัด สามารถส่งผลเสียให้กับร่างกาย วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาบอก ...

การดื่มน้ำเย็นจัด จะส่งผลทำให้เส้นเลือดที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารหดตัวลง ทำให้เซลล์ต้องทำงานหนักขึ้น จึงมักจะเกิดอาการจุกหน้าอก

การดื่มน้ำ ควรดื่ม 8-10 แก้วต่อวัน เพราะน้ำช่วยหล่อลื่นให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้น ระบบขับถ่ายดี ผิวพรรณสดใส แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องเป็นน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ ที่อุณหภูมิเดียวกับอุณหภูมิห้อง

ถ้ามีสุขภาพดี ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นจัดจะเป็นการดีที่สุด


ที่มา : เดลินิวส์




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2553    
Last Update : 11 มิถุนายน 2553 20:08:44 น.
Counter : 503 Pageviews.  

ดื่ม "น้ำขิง" ทางออกหลังทำคีโม


ผลวิจัยล่าสุดจากห้องแล็บมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก พบว่า อาการข้างเคียงอย่างคลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว

ซึ่งเป็นผลจากการทำเคมีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็ง แก้ไขได้ด้วยการดื่มน้ำขิง
70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยมะเร็งที่เข้ารับคีโมมักมี อาการดังกล่าวข้างต้น เป็นปัญหาที่ค่อนข้างสร้าง ความทุกข์แก่ผู้ป่วย การทดลองนี้มีขึ้นกับผู้ป่วย 644 คน เป็นเวลา 6 วัน โดยเริ่มทดลองล่วงหน้า 3 วันก่อนการ

ทำคีโมครั้งแรก ในการทดลองผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งจะได้รับ ยาหลอก ส่วนอีกกลุ่มได้รับขิงผงบรรจุแคปซูล ผล ออกมาว่า ผู้ป่วยบางคนในกลุ่มแรกมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมากถึง 4 ครั้งต่อวัน ส่วนกลุ่มที่ได้รับขิงผง ไม่มีอาการเลย จึงสรุปได้ว่า ขิงผงช่วยลดอาการ คลื่นไส้ อาเจียนหลังทำคีโมได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

การทดลองยังบอกอีกว่า ขิงผง ขิงสด เครื่องดื่ม ผสมขิง หรือแม้แต่ขนมรสขิงก็ให้ผลดีเช่นเดียวกัน แต่ต้องมีปริมาณขิง 1 ใน 4 ถึงครึ่งช้อนชาจะได้ผลดีที่สุด




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2553    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 19:17:30 น.
Counter : 660 Pageviews.  

กิน Seafood เสี่ยงปรอทในเลือดสูง


ผลวิจัยเผยคนที่อาศัยตามชายฝั่งทะเล หรือผู้ที่ชอบรับประทานอาหารทะเลเป็นประจำ มีโอกาสเสี่ยงระดับปรอทในเลือดสูง

มีการวิจัยเก็บข้อมูลจากผู้หญิงอเมริกันที่อาศัยอยู่ริมฝั่งมหาสมุทร แอตแลนติก หรือทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ พบว่าพวกเธอมีความเสี่ยงระดับปรอทในเลือดสูงกว่าปกติ 3-4 เท่า และ 1 ใน 3 ของพวกเธอยังมีระดับปรอทสูงถึง 3.5 ไมโครกรัมต่อลิตรซึ่งถือว่าไม่น้อยเลย

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้หญิงในแถบเอเชีย อลาสก้า ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกหรือแคริบเบียน ก็มีความเสี่ยงสูงพอๆ กัน สาเหตุหลักมาจากการรับประทานอาหารทะเลมากเกินไป ซึ่งหากเกิดกับหญิงมีครรภ์จะส่งผลให้เด็กไอคิวต่ำและมี ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจได้

รู้อย่างนี้แล้ว ควรลดหันมาบริโภคเนื้อสัตว์อื่นๆ สลับกับอาหารทะเลบ้างจะดีต่อสุขภาพมากกว่าค่ะ




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2553    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 19:02:58 น.
Counter : 348 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.