Group Blog
 
All Blogs
 

วิธีจัดการกับอาการอ่อนเพลีย


      อาการอ่อนเพลียเป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นประจำที่มักจะเกิดช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ เราสามารถกำจัดอาการนี้ออกไปได้ง่ายๆ

      ด้วยสมุนไพรที่ชื่อว่า โสมไซบีเรีย ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ใช้กันมาช้านาน หาได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป นิยมกันแพร่หลายว่ามีสรรพคุณในการเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า และต่อต้านอาการเครียด โสมไซบีเรียนี้ มีสารที่เรียกว่า saponin ซึ่งสามารถปรับสมดุลการผลิตฮอร์โมนในต่อมควบคุมเกลือและน้ำในร่างกายได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มระดับพลังงานในร่างกายอีกด้วย

      อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณกระปรี้กระเปร่าขึ้นก็คือ น้ำมันเป็ปเปอร์มินต์ เพราะกลิ่นเป็ปเปอร์มินต์จะช่วยกระตุ้นให้ระบบในร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น ใช้น้ำมันเป็ปเปอร์มินต์หยดใส่ผ้าเช็ดหน้าแล้วสูดดมเข้าไป หรือหยดที่คอกับตามต่อมน้ำเหลืองก็ได้

ที่มา: siamdara.com




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 23:11:18 น.
Counter : 425 Pageviews.  

กินยาให้ถูกโรค เพื่อชีวิตที่ปลอดภัย


      ยังมีคนไทยอีกหลายคน ไม่แน่ใจว่าเวลาเจ็บป่วยหรือปวดตามร่างกายควรจะเลือกกินยาอะไร ระหว่าง พาราเซตามอล แอสไพริน ความรู้เรื่องนี้ของคนไทยก็ไม่ต่างจากคนอังกฤษ

      จากงานวิจัยชิ้นล่าสุดของประเทศ อังกฤษ ได้ข้อสรุปที่น่าประหลาดใจว่า 1 ใน 3 ของคนอังกฤษไม่รู้ถึงความแตกต่างของ ยาแก้ปวด แต่ละชนิด เวลาไปซื้อยาที่ร้านหมอ คนอังกฤษก็มักจะเรียกหายาที่ต้องการจากชื่อยี่ห้อ โดยไม่รู้ว่ามีตัวยาอะไรอยู่ในยานั้นบ้าง

      ยาแก้ปวดที่เราคุ้นชื่อกันดีและหาซื้อได้ตามร้านขายยานั้น ส่วนใหญ่เป็นยา "สูตรเดี่ยว" ชื่อเราค่อนข้างคุ้นหูมาตั้งแต่เด็กๆ เช่น แอสไพริน พาราเซตามอล

      ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากต้องกินยาแก้ปวดให้ เลือกกินพาราเซตามอล หรืออะเซตามินโนเฟน (Acetaminophen) เพราะมีสรรพคุณแก้ปวดลดไข้ ไม่กัดกระเพาะ เหมือนยาแก้ปวดทั่วไป และมีผลข้างเคียงน้อย แต่ก็ไม่ควรกินต่อเนื่องนานเกิน 7 วัน เพราะหากกินเกินปริมาณมากและติดต่อกันนานๆ จะมีผลต่อตับและไต

      แอสไพริน (Aspirin) ถือเป็นยาแก้ปวดตำรับเก่าแก่ที่สุดและราคาไม่แพง มีสรรพคุณแตกต่างจากพาราเซตามอลตรงที่แก้ปวดและลดการอักเสบ

      งานวิจัยหลายชิ้นแนะนำให้กินยาแอสไพรินวัน ละเม็ด เพื่อช่วยให้หลอดเลือดหัวใจไม่แข็งตัว แต่การกินยาแอสไพรินมากเกินไป ก็อาจทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหารและไตวายได้

      อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระมัดระวังก่อนกินยาก็คือ ยาทุกชนิดมีผลข้างเคียงมากน้อยต่างกัน หากกินผิดขนาด (กินมากหรือน้อยเกิน) หรือผิดประเภท เพราะนอกจากไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้ป่วยหนักขึ้นไปอีกก็ได้ และยิ่งช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว พากันเป็นหวัดไปตามกัน

      พอเป็นแล้วก็มักจะหันหน้าเข้าพึ่งยาแก้หวัดกันอย่างอัตโนมัติ โดยเฉพาะยาแก้หวัดบรรจุแผงหลายยี่ห้อที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดหรือร้านหมอตี๋ ทั่วไป เนื่องจากมีคุณสมบัติครอบจักรวาล ทั้งบรรเทาอาการ ปวดหัว ลดไข้ คัดจมูก ลดน้ำมูก ลดเสมหะ เจ็บคอ ฯลฯ

      ยาประเภทนี้มีส่วนผสมของฟีนิลโปรปาโนลามีน (Phenylpropanolamine) หรือพีพีเอ ที่เชื่อว่าอาจเป็นสาเหตุทำให้ผู้ใช้ยาเกิดภาวะเลือดออกในสมอง (Hemorrhagic stroke) เมื่อ 5 ปีก่อนยาแก้หวัดเหล่านี้ จึงถูกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศสั่งถอนออกจากท้องตลาด

      อย.แนะนำว่า ถ้าเป็นหวัดควรเลือกกินยาเดี่ยว นอกจากจะถูกกว่าแล้ว ยังไม่ต้องรับผลข้างเคียงจากยาโดยไม่จำเป็น เป็นต้นว่า เมื่อมีไข้ ไม่มีน้ำมูก ให้กินพาราเซตามอล ซึ่งใช้แก้ไข้ปวด หากคัดจมูก จึงค่อยกินยาแอนตี้ฮิสทามิน เช่น คลอร์เฟนิรามีน เพราะตัวยานี้มีผลข้างเคียงทำให้ง่วงซึม ดังนั้น หากมีไข้อย่างเดียว ไม่ต้องกินให้ง่วงกันไปเปล่าๆ

      ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ถ้าไม่หนักหนาอะไรก็นอนพักผ่อนแทน ดีกว่ากินยาแก้ปวดแบบพร่ำเพรื่อนะคะ

ที่มา: siamdara.com




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 22:55:43 น.
Counter : 435 Pageviews.  

ระวัง! ติดเชื้อ เพราะเล็บปลอม


      องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาออกประกาศเตือนผู้หญิง ให้หลีกเลี่ยงการติดเล็บปลอม เนื่องจากเป็นสาเหตุให้เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค อาจเกิดเชื้อราและแบคทีเรียระหว่างชั้นเล็บ

      หากติดเชื้อแบคทีเรียจะ รู้สึกปวดบริเวณเล็บ มีผื่นแดงระคายเคือง และฝีหนองทั้งในเล็บและรอบๆ เล็บ ส่วนการติดเชื้อราที่เล็บจะไม่มีอาการคันหรือเจ็บ แต่มีลักษณะเป็นแผ่นแข็งสีขาวขุ่นใต้เล็บลุกลามจากปลายไปสู่โคนเล็บ หากแผ่นแข็งหนามาก จะทำให้เล็บที่ขึ้นใหม่ขรุขระและไม่ติดกับผิวจนกระทั่งเล็บหลุด

      เมื่อมีอาการติดเชื้อ ควรถอดเล็บปลอมออกแล้วทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่เวลาอาบน้ำ หากยังไม่ดีขึ้นภายในหนึ่งอาทิตย์ควรปรึกษาแพทย์

ที่มา: siamdara.com




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 22:45:16 น.
Counter : 546 Pageviews.  

อาการ "ปวดคอ" มาจากหลายสาเหตุ

      อาการปวดคอนั้นอาจเกิดขึ้นได้จากอุบัติเหตุ บาดเจ็บ หรือเป็นโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและโครงกระดูก หรือแม้แต่มีก้อนเนื้อก็ทำให้เกิดอาการแบบเดียวกันได้ แต่ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ นั้น มักจะมีสาเหตุมาจากการวางท่าผิด รวมไปถึงการนอน ตกหมอน ก็ทำให้คอขัดแข็งตึงขึ้นมาได้เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า

      จากข้อมูลของสมาคมกายภาพบำบัดอเมริกา บอกว่า บางทีการเปลี่ยนหมอนอาจช่วยให้คุณรู้สึกถึงความแตกต่างได้ ต้องเลือกหมอนที่แน่ใจว่ามันจะไม่ทำให้การนอนของเราอยู่ในท่าที่ไม่เป็น ธรรมชาติ ไม่ว่าจะนอนให้ หมอนสูงหรือต่ำเกินไปก็ย่อมไม่ดีทั้งนั้น

      โดยทั่วไปแล้วหมอนที่ทำจากขนนกขนเป็ด หรือขนสัตว์ปีกนั้นจะดีกว่าหมอนที่ทำด้วยโฟม เพราะมันจะรองรับรูปศีรษะและคอโดยไม่เกิดแรงกดดันจนทำให้ผิดท่าและปวดคอตาม มา ควรเปลี่ยนหมอนเป็นอันใหม่เมื่อมันเริ่มแบนและไม่สามารถให้แรงหนุนได้ดีพอ อย่าชดเชยความสูงของหมอนด้วยการนำหมอนหลายอันมาซ้อนกัน

      ในส่วนของที่นอนก็มีผลต่ออาการ ปวดคอได้ กล่าวคือ ควรจะเลือกที่นอนที่มีความหนาแน่นพอประมาณและรองรับแผ่นหลังได้ดี อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ และลองยืดกล้ามเนื้อคอทั้งก่อนนอนและเมื่อตื่นนอนด้วย

ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 22:34:20 น.
Counter : 464 Pageviews.  

ดื่มน้ำอัดลม : ทั้งผุทั้งกร่อน




      หน้าร้อนกับน้ำอัดลมดูจะเข้ากันดีเหลือเกิน แต่โปรดฟังข่าวนี้สักหน่อย!

      นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมในอังกฤษ ได้ศึกษาวิจัยสารเคลือบฟันของเด็ก วัยรุ่นอายุ 14 ปี พบว่า มีจำนวนถึง 92 เปอร์เซนต์ที่เกิดการสึกกร่อน และเป็นเหตุให้ฟันไม่แข็งแรง อาจทำให้ฟันผอมบางลง หรือขอบฟันแตกกระเทาะได้ เนื่องจากการดื่มน้ำอัดลม ที่มีฟองต่างๆ ทำให้ฟันเด็กสึกกร่อนไปตามๆ กัน

      เพียงแค่ดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้วันละหน อาจทำให้เด็กอายุ 12 ปี มีโอกาสฟันสึกกร่อน ได้ถึง 59 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งเด็กวัยรุ่นอายุ 14 ปี โอกาสเสี่ยงยิ่งเพิ่มสูงเป็น 220 เปอร์เซ็นต์ และหากเด็กอายุ 12 ปีดื่มมากวันละ 4 แก้ว จะเสี่ยงสูงมากเป็น 252 เปอร์เซนต์ ส่วนเด็กอายุ 14 ปี ก็ยิ่งเสี่ยงสูงเป็นถึง 513 เปอร์เซ็นต์

      รายงานผลการศึกษาของวารสารทันตแพทย์สมาคมอังกฤษแจ้งว่า ฟันสึกกร่อนต่างจากฟันผุ เพราะฟันผุเกิดจากการกินน้ำตาลมาก ส่วนฟันสึกกร่อนเพราะถูกสารที่มีเป็นกรดในเครื่องดื่มกัดกร่อน ซึ่งแม้แต่เครื่องดื่มลดความอ้วนก็ยังอันตราย

      ดังนั้น ผู้ใหญ่เราคงต้องช่วยกันดูแลเด็กๆ สักนิดหนึ่ง ถ้าห้ามไม่ได้ ก็ขอให้กินน้อยที่สุด เพราะน้ำอัดลมมีทั้งน้ำตาลและกรด ถ้าดื่มมากๆ ฟันก็จะทั้งผุทั้งกร่อน ถึงวันหนึ่งฟันหายไปจากปากเมื่อไหร่ ก็คงได้แต่มองตากันปริบๆ (พลางอดคิดไม่ได้ว่า แล้วกินเข้าไปทำไมล่ะ)

ที่มา: siamdara.com




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 22:24:38 น.
Counter : 549 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.