Group Blog
 
All Blogs
 

10 โรคเสี่ยงของคนไทยที่กำลังเผชิญ


            10 โรคร้ายที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต รวมทั้ง 10 โรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาใหญ่ของคนไทย เป็นภัยเงียบที่แฝงมากับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ แม้เราจะรู้จักโรคเหล่านี้มาบ้าง แต่วันนี้มาเราอัพเดทข้อมูลกันดีกว่าค่ะ เพื่อจะได้รู้เท่าทันและป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มะเร็งครองแชมป์มัจจุราช

              โรคมะเร็งหากเป็นแล้วมีโอกาสเสียชีวิตสูง โดยเฉพาะรายที่พบในระยะลุกลาม ในประเทศไทย โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ติดต่อกันมา 5 ปี มีผู้เสียชีวิตประมาณปีละ 50,000 คน เฉลี่ยชั่วโมงละ 6 คน พบผู้ป่วยรายใหม่ปีละประมาณ 70,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โรคมะเร็งที่พบมากที่สุด 6 อันดับแรกในปี 2547 ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งในช่องปาก โดยมะเร็งที่ผู้ชายเป็นกันมากอันดับ 1 ได้แก่ มะเร็งตับ รองลงมาคือ มะเร็งปอดและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนมะเร็งที่พบในผู้หญิงตามลำดับคือมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งตับ

แอลกอฮอล์ชนวนโรคกายและโรคใจ

             อย่างที่ทราบกันดีว่า แอลกอฮอล์ เป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายมากมาย เช่นโรคตับแข็ง มะเร็งตับ ตับอ่อนอักเสบ โรคกระเพาะและกระเพาะรั่ว ภาวะเลือดออกจากทางเดินอาหาร เป็นต้น ซึ่งโรคเหล่านี้มักเป็นเรื้อรังและทำให้ผู้เจ็บป่วยทุกข์ทรมาน ทั้งยังก่อเกิดภาวะแทรกซ้อนในโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (เส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบ)

ไขมันในเลือดสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจ

              แม้แต่โรคทางจิตก็มีสาเหตุจากแอลกอฮอล์ด้วยเช่นกัน ต้นเหตุการป่วยทางจิต 1 ใน 3 มาจากการติดเหล้า และพบว่าในกลุ่มคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตที่ฆ่าตัวตายสำเร็จ 90% เป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หรือใช้แอลกอฮอล์ หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน โดยผู้ป่วยทางจิตจะมีอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จสูงกว่าผู้ป่วยทางกายประมาณ 3 เท่าตัว โดยเฉพาะคนติดเหล้ามากๆ จะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน เห็นภาพหลอน หูแว่ว หลงผิด หวาดระแวง และคลุ้มคลั่ง

วัณโรค ภัยในอากาศที่กำลังกลับมา

             ปอดอักเสบ วัณโรค โรคระบบทางเดินหายใจ เป็นกลุ่มโรคเดียวกัน แต่ที่กำลังต้องจับตาเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือวัณโรค ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า มายโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลสิส (Mycobacterium tuberculosis) ตอนนี้กำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขและมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น จากรายงานขององค์การอนามัยโลกล่าสุดในปี 2549 ระบุว่าพบประชากรโลก 1 ใน 3 หรือประมาณ 2,000 ล้านคนติดเชื้อวัณโรค และมีผู้ป่วย 15 ล้านคน สำหรับคนไทยคาดว่าราว 20 ล้านคนมีเชื้อวัณโรคในตัว พร้อมกำเริบหากสุขภาพทรุดโทรม เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้าจัด หรือติดเชื้อเอดส์ ผู้ติดเชื้อวัณโรคเหล่านี้อาจป่วยได้ถึงปีละ 1 แสนคน

              ประเทศไทยมีปัญหาวัณโรคอยู่ในอันดับที่ 18 ของโลกและถือว่าเป็นปัญหาสาธารณสุขอันดับ 6 รองจากมะเร็ง โรคหัวใจ อุบัติเหตุ เอดส์ ไข้เลือดออก ในปี 2549 ตรวจพบผู้ป่วยวัณโรค 58,639 คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 70 เป็นผู้ป่วยรายใหม่ที่ตรวจพบเชื้อในเสมหะ ซึ่งสามารถแพร่เชื้อจากการไอจามติดต่อสู่คนรอบข้างได้ ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 15-44 ปี

              โรคร้ายที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตนั้น มีความสัมพันธ์กับโรคเรื้อรังที่คนไทยประสบ โรคเรื้อรังเป็นโรคที่รัฐบาลเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก และก่อให้เกิดโรคร้ายแรงตามมาอีกมากมาย อย่างความดันสูง การรักษาก็ต้องกินยาตลอด โรคเบาหวาน บางคนไม่ดูแลสุขภาพตัวเอง ไม่เคยสังเกต ไม่ตรวจโรคเลย แล้วเมื่อมีอาการเรื้อรัง ก็จะทำให้ไตอักเสบ หรือเกิดอาการไตวายได้

10 อันดับโรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาใหญ่ของคนไทย มีดังนี้

             - โรคหัวใจและหลอดเลือด

             - โรคของต่อมไร้ท่อ (โรคกลุ่มเบาหวาน ไทรอยด์ ต่อมหมวกไต)

             - โรคระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น

             - โรคระบบทางเดินอาหาร

             - โรคระบบทางเดินหายใจ

             - โรคภูมิแพ้

             - โรคระบบประสาทจิตเวช

             - โรคระบบทางเดินปัสสาวะ

             - โรคของปาก หู คอ จมูก

             - โรคผิวหนัง

            ดูแล้วปัจจุบันทั้งเรื่องอาหารการกิน สภาพแวดล้อมต่างๆล้วนแต่เป็นปัจจัยของการเกิดโรค ดังนั้นเราควรหันมาดูแลสุขภาพตัวเราเองกันเพื่อให้ห่างไกลจากโรคร้ายเหล่านี้กันดีกว่านะคะ อย่าลืมดูแลสุขภาพกันให้ดีๆ นะคะ เพราะการไม่เป็นโรคเป็นลาภอันประเสริฐ




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 17:50:25 น.
Counter : 451 Pageviews.  

ป้องกันโรคหัวใจด้วยอาหารสไตล์ฝรั่ง


ใครที่ชอบทานอาหารสไตล์ฝรั่ง ทราบหรือไม่ว่า สามารถป้องกันโรคหัวใจได้ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝากกัน...

การทานมื้ออาหารที่มีสารประกอบของอาหารครบทุกอย่างหรือที่เรียกว่า "ซูเปอร์มีล" หรือ "โพลีมีล" จะช่วยให้สุขภาพหัวใจดี

จากการศึกษาของกลุ่มแพทย์นานาประเทศพบว่า

"ซูเปอร์มีล" ประกอบด้วย เม็ดอัลมอนด์ กระเทียม ผัก ผลไม้ ไวน์ ปลา และช็อกโกแลตไม่ปรุงแต่ง ช่วยให้ผู้ชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไปมีสุขภาพหัวใจแข็งแรงปราศจากโรคและช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้นมากกว่า 6 ปี ถ้าเป็นผู้หญิงที่อายุ 50 ปีขึ้นไปก็จะมีอายุยืนยาวมากขึ้นเกือบ 5 ปีเลยทีเดียว

โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า

- การดื่มไวน์ประมาณ 150 มล. ทุกวันช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ 32%
- ทานเนื้อปลาสัปดาห์ละ 4 ครั้ง ลดความเสี่ยงได้ 14%
- ทานช็อกโกแลตไม่ปรุงแต่งวันละ 100 กรัม ทุกวันช่วยลดความดันเลือดและลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ 20%
- ทานผักและผลไม้วันละ 400 กรัม ช่วยลดความดันเลือด

นอกจากนี้กระเทียมและอัลมอนด์ก็ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลให้ลดลงได้
สรุป แล้วเมื่อทานอาหารเหล่านี้รวมกันจะช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ถึง 76% เลยทีเดียว ชีวิตยืนยาวขึ้น และระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้นด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ลองหาอาหารที่แนะนำมาทานกันดู เพื่อสุขภาพที่ดี

ที่มา : dailynews.co.th




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 17:16:22 น.
Counter : 624 Pageviews.  

โรคไข้เลือดออก


ไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง และมียุงลายเป็นพาหะนำโรค พบบ่อยในเด็กอายุ 5-10 ปี ระยะแรกมักมีอาการไข้สูง 3-7 วัน ร่วมกับอาการอาเจียน ปวดท้อง ไม่มีอาการหวัดเด่นชัด และอาจมีเลือดออกตามอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะเลือดกำเดา จุดเลือดออกตามผิวหนัง และอาเจียนเป็นเลือดเกิดจากเชื้อ Chikugunya virus (ชิคคูกุนยา) โดยมียุงลายเป็นพาหะสำคัญของเชื้อทั้ง 2 ชนิด แหล่งเก็บเชื้อที่สำคัญคือ คน และยุง อาจพบเชื้อในลิงและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้ ไม่ติดต่อจากคนไปคน แต่ติดต่อโดยถูกยุงลายที่มีเชื้อไข้เลือดออกกัด

เชื้อจะมีการแบ่งตัวอยู่ในยุงตลอด ยุงจะนำเชื้อไปติดต่อคนอื่นได้ หลังจากได้เชื้อเข้าไปในตัวยุงแล้ว 8-12 วัน ระยะฟักตัว 3-15 วัน ส่วนใหญ่ 5-6 วัน คนที่ป่วยจะยังมีเชื้อประมาณ 5 วัน หลังจากเริ่มมีอาการ ช่วยเวลาที่ยุงลายชอบกัดคือตอนกลางวัน แหล่งเพาะยุงอยู่ในตุ่มน้ำหรือแจกันต่างๆ ยุงชอบวางไขเพาะพันธุ์ในน้ำนิ่ง และสะอาด

อาการไข้เลือดออก แบ่งออกเป็น 3 ระยะ:

1. ระยะไข้สูง

ไข้สูงลอย 3-7 วัน เบื่ออาหาร อาเจียน ปวดหัว ปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อวันที่ 2-3 เด็กมักซึมลง หน้าแดง, ตัวแดง อาจมีผื่น หรือจุดเลือดออก ตามผิวหนัง 60-90% ตรวจพบตับโต Tourigust test ให้ผลบวก

2. ระยะวิกฤติ (ระยะช็อค และเลือดออก)

ไข้ลด (ประมาณวันที่ 3-6 ของโรค) อาการทรุดลงเข้าสู่ภาวะช็อค กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเร็ว ความดันตก อาเจียนมาก ปวดท้อง บางรายซึมมากขึ้น ปัสสาวะน้อย อาจมีเลือดออกในกระเพาะ ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน และได้รับการรักษาทัน และถูกต้อง ระยะนี้จะกินเวลา 24-48 ชม. แล้วเข้าสู่ระยะที่ 3

3. ระยะฟื้น

อาการทั่วไปดีขึ้น ความดันดี ชีพจรปกติ ปัสสาวะออกมากขึ้น ตับที่โตจะลดขนาดลงภายใน 1-2 สัปดาห์ เริ่มรับประทานอาหารได้ มักมีผื่นแดงที่ขาปลายเท้า ปลายมือ และมีอาการคัน

การวินิจฉัย

จากอาการแสดงดังกล่าวโดยเปรียบเทียบกับระยะเวลาที่ป่วย ตรวจร่างกายอย่างอื่นมักปกติ อาจมีตับโต การทำ Tourniguest ให้ผลบวก ถ้าเป็นระยะแรก ๆ อาจบอกได้ไม่ 100% อาจเป็นจากไข้สูง ส่วนใหญ่ Tourniguest ให้ผลบวก เมื่อเกร็ดเลือดเริ่มต่ำ คือก่อนระยะที่ 2 ของโรคเล็กน้อย จนถึงระยะแรกของระยะฟื้น

การเจาะเลือด ความเข้มข้นของเลือดมักสูงกว่าปกตินอกจากมีเลือดออกมาก มักมีเม็ดเลือดขาวต่ำแต่ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติ และส่วนน้อยเม็ดเลือดขาวสูง เกล็ดเลือดเริ่มต่ำระยะก่อนไข้ลด การตรวจทางห้องทดลองอาจพบมีตับอักเสบ เอ็นไซม์ตับเพิ่มขึ้น และอาจพบความผิดปกติจากการตรวจปัสสาวะได้

การวินิจฉัยที่แน่นอน คือ การเจาะหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสไข้เลือดออก หรือการแยกเชื้อไวรัสจากเลือด ซึ่งจะพบภายใน 5 วันแรกของโรคเท่านั้น

การรักษา

ผู้ป่วยที่ไม่ อาเจียนให้ดื่มน้ำ/น้ำเกลือแร่มาก ๆ วิธีสังเกตว่าดื่มน้ำพอหรือไม่ปัสสาวะควรมีสีใส ควรพบแพทย์เป็นระยะ ๆ ตามนัดเพื่อเผ้าดูอาการที่อาจเป็นอันตรายอย่างใกล้ชิด ถ้าอาเจียนมาก ซึม เพลียมาก มีอาการของช็อค และมีอาการเลือดออก ควรรับการรักษาในโรงพยาบาล และดูแลใกล้ชิด เพื่อรักษาได้ทันท่วงที หรือหากมีอาการแทรกซ้อนอื่น เช่น ตับอักเสบรุนแรง ตับวาย สมองอักเสบ ควรรับการรักษาในโรงพยาบาล ให้ยาแก้ไข Paracetamol หรือ Acctaminophen ได้ไม่ควรให้แอสไพริน เพราะทำให้ ระคายกระเพาะโอกาสมีเลือดออกทางกระเพาะง่าย ทำให้การทำงานหาเกล็ดเลือดผิดปกติ Vaccine ยังไม่มีให้ฉีดอยู่ในขั้นทดลองเท่านั้น

วิธีป้องกัน

พยายามไม่ให้ยุงกัด ปราบ และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ซึ่งชอบวางไข่ในน้ำสะอาดที่อยู่นิ่ง ๆ ตามภาชนะต่าง ๆ ที่มีน้ำขัง
ผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออกไม่ควรให้ถูกยุงกัดภายใน 5 วันแรกของโรค เพราะผู้ป่วยยังมีไวรัสอยู่ในเลือด ทำให้แพร่เชื้อไปให้คนอื่นได้ รายงานคนไข้ไปที่โรงพยาบาล หรืออนามัยจังหวัด เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการกำจัดยุงบริเวณนั้น ก่อนที่จะมีการระบาดเพิ่มขึ้น




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 16:55:08 น.
Counter : 862 Pageviews.  

กินปลาดิบ เสี่ยงพยาธิ แถมทำให้ขาด vitamin




      ใครว่าการรับประทานปลาดิบหรือ ดิบๆ สุกๆ จะได้รสชาติที่หวานอร่อยกว่าปลาสุกก็ช่างเขา แต่สำหรับในทางโภชนาการแล้วขอแนะว่า คุณควรรับประทานแต่ปลาสุกๆ เท่านั้น เนื่องจากการรับประทานปลาที่ไม่สุกดีจะทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคพยาธิใบไม้ และพยาธิตัวจี๊ด

      ยิ่งไปกว่านั้น ในปลาดิบ หรือดิบๆ สุกๆ ยังมีสารต้านวิตามินบี 1 หรือเอนไซม์ธัยอะมิเนสที่จะไปย่อยสลายวิตามินชนิดนี้ ในขณะที่การใช้ความร้อนเพื่อปรุงปลาให้สุกจะช่วยทำลายเอนไซม์ดังกล่าวได้

CREDIT : LISA




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 12:50:05 น.
Counter : 692 Pageviews.  

ประโยชน์ของการหัวเราะ


วันนี้มีประโยชน์จากการหัวเราะมาบอก...

- ความดันโลหิตลดลง

- ฮอร์โมนเกี่ยวกับความเครียดลดลง ขณะเดียวกันการทำงานของฮอร์โมนต่าง ๆ ก็เป็นปกติ

- กระตุ้นระบบภูมิชีวิต (Immune system) ทำให้ T-celll ซึ่งเป็นทหารประจำตัว คอยกำจัดเชื้อโรคเพิ่มจำนวนขึ้น รวมถึงแอนตี้บอดี้อื่น ๆ ในร่างกายด้วย

- คลายความเจ็บปวด อารมณ์ขันทำให้ผู้ป่วยลืมความเจ็บปวด และยังกระตุ้นการสร้างเอ็นดอร์ฟินในร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนระงับปวดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

- กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ขณะที่หัวเราะ กล้ามเนื้ออื่น ๆ ที่ไม่ได้สัมพันธ์กับการหัวเราะ จะผ่อนคลาย และเมื่อหยุดหัวเราะ กล้ามเนื้อที่สัมพันธ์กับการหัวเราะ ก็จะผ่อนคลาย เป็นการทำงานสองขั้นตอน

- หายใจดีขึ้น การหัวเราะบ่อย ๆ ทำให้ปอดโล่ง หายใจได้ลึกขึ้นดีมาก ๆ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการหายใจ

รู้อย่างนี้แล้ว หันมาผ่อนคลายจิตใจ หัวเราะให้บ่อยขึ้น แต่อย่ามากกว่าปกติ เดี๋ยวคนรอบข้างจะหาว่า...ไม่รู้ตัว

ที่มา : เดลินิวส์




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 19 กรกฎาคม 2553 10:19:41 น.
Counter : 480 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.