1.

Portraits of Japanese Kabuki actors and geisha. Unknown photographer, 1870s.
ภาพนี้ยังมีข้อถกเถียงจากสื่อฝรั่งว่า
เธอไม่ใช่ซามูไรหญิง Onna-bugeisha
เพราะไม่มีรายชื่อช่างภาพ แค่ระบุปี 1870
มีข้อความว่าภาพนักแสดงละคร Kabuki และ เกอิชา
เธอใช้ตราประจำตระกูล Taira
ซึ่งสิ้นเชื้อสายตระกูลไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 12
และละครคาบูกิมักจะใช้ตัวแสดงผู้ชาย
ในช่วงหลังปี 1870
พวกซามูไรตกต่ำ/ไร้เกียรติยศมากที่สุด
เพราะรบแพ้พวกชาวบ้านที่ฝึกใช้อาวุธปืนเพียง 1 ปี
แต่ฆ่าพวกซามูไรที่ฝึกใช้ดาบและธนูมากกว่า 10 ปีขึ้นไป
ยังไม่มีความชัดเจนว่าเธอคือ ผู้ชายหรือผู้หญิง
แต่ข้อมูลเบื้องต้นสรุปได้ว่าเธอไม่ใช่ซามูไรหญิง
เพราะใช้ตราประจำตระกูลที่หมดสิ้นเชื้อสายแล้ว
ตั้งแต่ปี 1862 ช่างภาพต่างชาติเริ่มเข้าไปถ่ายภาพในญี่ปุ่น
ยุคเริ่มมีการแย่งชิงอำนาจเพื่อเปลี่ยนผ่านจากระบบโชกุนมาเป็นจักรพรรดิ์
เพราะผลจากการที่สหรัฐอเมริกาใช้เรือรบบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ
ทำลายอำนาจและศักดิ์ศรีในการรบของซามูไรลงไปมากแล้ว
ฝ่ายหนุนจักรพรรดิ์ก็ถือโอกาสปฏิรูปกองทัพจักรพรรดิ์ให้ทันสมัย
เรียบเรียง/ที่มาhttps://bit.ly/2NAcNLb
https://bit.ly/2I9H3Xf
https://bit.ly/2OV8I0A
ในยุคปัจจุบันการสัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ล้วนได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก
ภาพยนตร์อนิเมชั่นและภาพยนตร์ซามูไร
เรื่องราวทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นมากที่สุด
คือ ละครโทรทัศน์เรื่อง Shogun
ที่มีการดัดแปลงนวนิยายยอดนิยมของ James Clavell
ซึ่งทำให้เห็นภาพของญี่ปุ่นผ่านสายตานักประพันธ์ชาวอังกฤษ
พระเอกชาวอังกฤษที่แสดงโดย Richard Chamberlain
โชกุนได้แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมซามูไรญี่ปุ่น
ที่เป็นศูนย์กลางอำนาจและเพศชายเป็นใหญ่
โดยมีผู้หญิงที่ทำงานอยู่ในชายขอบหรือเบื้องหลังเท่านั้น
แม้ว่าการสร้างภาพยนตร์ของ Akira Kurosawa
จะส่งผลต่อประเทศญี่ปุ่นในเรื่องเกี่ยวกับระบบศักดินา
ชีวิตนักรบซามูไรและชาวบ้านทั่วไปในญี่ปุ่น
เช่น ภาพยนตร์เรื่อง The Seven Samurai เจ็ดเซียนซามูไร
แต่ภาพที่ทำให้ต้องอึ้งไปเลยคือ
ภาพซามูไรหญิงที่คาดดาบซามูไร Katanas
ดูแล้วน่าหวาดกลัวได้เช่นกัน
ซามูไรหญิงหรือที่รู้จักกันว่า โอนาบูเกซา Onna-bugeisha
เริ่มในยุคจักรพรรดินี Jingū ในช่วงคริสตศักราช 200
ที่สตรีเข้าทำการรบอย่างกล้าหาญแบบซามูไร
หลังจากที่จักรพรรดิ์ Chūai ลำดับที่ 14 ของราชวงศ์
พระสวามีของพระนางสวรรคตในสนามรบช่วงบุกยึดเกาหลี
ทำให้มีการนำรูปของพระนางมาพิมพ์ในธนบัตรญี่ปุ่น
และเป็นสตรีคนแรกของญี่ปุ่นที่ปรากฎบนธนบัตรในปี 1881
ในชั้นเรียนซามูไรหญิงแทบไม่ต่างกับซามูไรชาย
ตามที่เขียนไว้ใน James Clavell และ Akira Kurosawa
Onna-bugeisha จะต้องเรียนรู้วิธีการใช้
Naginata Kaiken และศิลปะของ Tanto-Jutso ในสนามรบ
Vintage News ได้ระบุว่า แทนที่จะจ้างทหารรับจ้างเพื่อปกป้องชุมชน
แบบภาพยนตร์เรื่อง Seven Samurai
พวกผู้หญิงเหล่านี้กับเข้าร่วมฝึกฝนการต่อสู้
เพื่อปกป้องชุมชนของตนเอง
ที่ขาดแคลนนักรบซามูไรชาย
จริยธรรมของ Onna-bugeisha
คือ เจตจำนงค์ที่แน่วแน่ในการเป็นซามูไร
และแสดงให้เห็นได้จากภาพเหล่านี้ในยุค 1800
แม้ว่าเรื่องราวที่โดดเด่นหลายเรื่องของ Onna-bugeisha
จะมีในช่วงศตวรรษที่ 12-13
Nakano Takeko คือ ซามูไรหญิงที่มีชื่อเสียงมาก
เธอมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 19 เขียน Dangerous Minds จิตใจที่อันตราย
และตายเยี่ยงซามูไรในสนามรบในสงคราม Boshin War
เธอคือ ผู้นำทัพแคว้น Aizu ที่ไม่ยอมก้มหัวให้พวกจักรพรรดิ์
โดยเธอยืนหยัดสู้รบเคียงข้างโชกุนเจ้านายเหนือหัวเดิม
แบบไม่ยอมเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย
ขณะที่เธอนำทัพเข้าโจมตีกองทัพจักรพรรดิ์ญี่ปุ่น
ที่นำทัพโดยแคว้น Ōgaki
เธอถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่หน้าอก
เธอรู้ดีว่าเธอคงตายแน่แล้ว
Nakano Takeko จึงสั่ง Yūko น้องสาวของเธอ
ให้ตัดหัวเธอออกจากร่าง
เพื่อนำไปฝังในภายหลังแทนการทอดทิ้งศพไว้ในสนามรบ
เพราะจะทำให้ศพของเธอกลายเป็นรางวัลชัยชนะของพวกศัตรู
หัวของเธอจึงถูกนำไปฝังไว้ใต้ต้นสนที่ วัด Hōkai-ji ในภายหลัง
Tomoe Gozen คือ ซามูไรหญิงที่โด่งดังอีกคนหนึ่ง
ปรากฏในตำนาน Heike (มักเรียกกันว่า Japanese Iliad)
เธอมักจะได้รับคำบรรยายยกย่องว่า
สตรีที่สวยมากคนหนึ่ง
เธอเป็นคนผิวขาว ผมยาว
รูปร่างระหง ใบหน้าสวยงาม
เธอเป็นนักยิงธนูฝีมือฉมัง
เป็นซามูไรหญิงที่รบชนะซามูไรชายนับพันคน
พร้อมที่จะเผชิญหน้ารบบนอานม้าหรือเดินเท้า
ไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือเทพเจ้าที่หาญมาราญรอนท้ารบกับเธอ
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/2kaahek
https://bit.ly/2O3RH7r
เรื่องเล่าไร้สาระ
Boshin War คือ สงครามกลางเมืองในญี่ปุ่น
ที่แย่งชิงอำนาจกันในปี 1868 - 1869
ระหว่างฝ่ายที่สวามิภักดิ์กับโชกุน Tokugawa Yoshinobu
กับฝ่ายที่สวามิภักดิ์กับจักรพรรดิ์ Meji
เสนาธิการฝ่ายจักรพรรดิ์ได้ถอดประสบการณ์
ที่พ่ายแพ้ในการรบกับกองเรือรบของสหรัฐอเมริกา
จึงเร่งส่งเสริมการศึกษาภาษาอังกฤษและภาษาต่างด้าว
รวมทั้งส่งเสริมการแปลภาษาอังกฤษและภาษาต่างด้าวเป็นภาษาญี่ปุ่น
เพื่อให้คนในชาติได้เรียนรู้ศิลปวิทยาการของพวกต่างชาติ
มีการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ
ยอมจ่ายเงินซื้ออาวุธปืนจากพวกฝรั่ง
แล้วมาทำการ Copy and Development
เพื่อผลิตอาวุธปืนขึ้นมาใช้ภายในประเทศจำนวนมาก
พร้อมกับฝึกพวกชาวบ้านชนชั้นต่ำกว่าซามูไรให้เป็นพลทหารแม่นปืน
ทำให้มีชัยเหนือพวกนักรบซามูไรที่นิยมใช้แค่ดาบกับธนู
ทำให้พวกซามูไรไม่สามารถรบในระยะประชิดได้เหมือนก่อน
ในยุคนั้นยังมีทหารรับจ้างพลแม่นปืน
ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยพวกตระกูลชาวนา/ช่างตีเหล็กที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ที่รับจ้างฝ่ายใดก็ได้ที่มีเงินมาจ้างให้ไปรบ
ก็พร้อมไปทำการรบให้ ด้วยการใช้ปืนยิงฝ่ายตรงข้าม
ก่อนที่ฝ่ายจักรพรรดิ์จะสามารถตั้งกองทัพปืนของตนเอง
การที่ฝ่ายจักรพรรดิ์ใช้อาวุธปืนทำสงครามกับฝ่ายโชกุน
กลายเป็นสงครามอัปยศอีกบทหนึ่งของชาติญี่ปุ่น
ที่ไม่ค่อยยอมรับกันในประวัติศาสตร์นักรบซามูไร
เพราะทำลายชนชั้นซามูไรและเกียรติภูมิซามูไร
แบบฝึกเป็นนักรบซามูไรใช้เวลาร่วม 10 ปี
แต่มาตายกับพวกชาวบ้านไร้ฝีมือที่ฝึกยิงปืนใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี
ทำให้ตระกูลซามูไรเก่าแก่สิ้นชาติขาดตระกูลไป
จนหายสาบสูญไปจากวงการและประเทศญี่ปุ่น
และทำให้ชนชั้นช่างตีเหล็ก ชาวนา พ่อค้า ซึ่งเป็นชนชั้นต่ำกว่า
มีปากเสียงและมีอำนาจอิทธิพลเหนือกว่าพวกซามูไรในภายหลัง
จนพวกซามูไรพยายามที่ก่อการกบฏยึดคืนอำนาจ
แต่ไม่ประสบความสำเร็จและพ่ายแพ้ไปในที่สุด
จนสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ดังคำปรารภอดีตซามูไรรายหนึ่งว่า
" เพื่ออำนาจและผลประโยชน์
ทุกฝ่ายต่างทำลายล้างซึ่งกันและกัน
โดยไม่คำนึงถึงศิลปะวัฒนธรรมดั้งเดิม
พร้อมให้มันแหลกเป็นผุยผงนิรันดร์กาล "
2.

3.

Nakano Takeko ซามูไรหญิง Aizu
4.

5.

6.

จักรพรรดินี Jingū ภาพ 6-9
7.

8.

9.

10.

Tomoe Gozen ภาพวาด Shitomi Kangetsu (17471797) ภาพ 10-16
11.

12.

13.

14.

15.

16.

17.

18.

19.

20.

21.

22.

23.

24.

จักรพรรดิ์ Meji
25.

Tokugawa Yoshinobu (โชกุนคนสุดท้ายของญี่ปุ่น)
26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

Naginata
33.

Kaiken (dagger)
Ogawa Ryu Tantojutsu - Training and exercises moments
34.

ปืนที่ใช้ใน Boshin War จากบนลงล่าง Snider Starr Gewehr
35.