กากส้ม 12,000 ตันพลิกฟื้นป่าไม้ ![]() Credit: Horia Bogdan/Shutterstock เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนพื้นที่ทุ่งหญ้าใน Costa Rica เดิมเป็นพื้นที่แห้งแล้งใช้เลี้ยงปศุสัตว์มีแต่วัชชพืช แต่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยพืชพรรณป่าไม้บุปฝาชาตินานาชนิด สิ่งที่ส่งผลมหัศจรรย์ในป่าไม้แห่งนี้คือ กากส้ม ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 Del Oro ผู้ผลิตน้ำส้มใน Costa Rica กำลังมองหาวิธีที่จะกำจัดเปลือกส้มและเนื้อเยื่อของส้ม ที่เหลือเป็นกากส้มจำนวนมากหลังจากการสกัด/คั้นน้ำส้มแล้ว ในตอนแรก ทางบริษัทได้วางแผนที่จะสร้างโรงงานแปรรูปกากส้ม ให้เป็นสินค้าที่ใช้ในครัวเรือนด้วยการสะกัดไขมันและสารเคมีออกจากกากส้ม แต่ Daniel Janzen กับ Winnie Hallwachs นักนิเวศวิทยาจาก University of Pennsylvania ที่ทำงานวิจัยและเป็นที่ปรึกษาป่าไม้ในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ดินของโรงงาน ได้เข้ามาพบกับผู้บริหารโรงงานพร้อมด้วยข้อเสนอแนะ ที่มีแนวคิดที่แตกต่างออกไปจากเดิมที่จะตั้งโรงงานแปรรูปกากส้ม โดยขอให้ทางบริษัทบริจาคที่ดินราว 3 เฮกตาร์(30,000 ตารางเมตร/18.75 ไร่) ที่อยู่ติดกับป่าไม้แห่งชาติ Área de Conservación Guanacaste ด้วยการทิ้งกากส้มซึ่งเป็นขยะอินทรีย์ทั้งหมดลงในที่ดินบริเวณที่เสื่อมโทรม โครงการนำร่องดังกล่าวได้นำไปสู่ดินร่วนสีดำ ที่ดินที่อุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชนานาชนิด ในปี 1998 ทางบริษัทได้ขนขยะอินทรีย์กากส้มของโรงงาน ไปทิ้งและทับถมลงไปในพื้นที่เสื่อมโทรมเป็นจำนวนถึง 12,000 เมตริกตัน แต่โครงการดังกล่าวถูกทำให้ยุติลงด้วยการยื่นฟ้องโดย TicoFruit บริษัทผลิตน้ำผลไม้ที่เป็นคู่แข่ง และศาลสูงสุด Costa Rican Supreme Court เห็นพ้องด้วยกับข้อกล่าวหาที่ว่า ขยะธรรมชาติที่โรงงานทิ้งไว้จะสร้างมลภาวะให้กับป่าไม้แห่งชาติ แต่ทุกวันนี้ แผ่นดินที่ถูกยุติให้ดำเนินการทิ้งกากส้มเพราะผลของคำพิพากษาว่า จะก่อให้เกิดความสกปรก/มีมลภาวะกับป่าไม้แห่งชาติ กลับกลายเป็นผืนป่าไม้ที่เขียวชอุ่มอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าแห้งแล้งที่อยู่กระจัดกระจายโดยรอบ ผลการศึกษาครั้งใหม่จากนักวิจัยจาก Princeton University และ University of Pennsylvania ได้วิเคราะห์ถึงคุณภาพดินและองค์ประกอบของพื้นที่ดังกล่าว พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของชีวมวลของป่าไม้เกือบ 200% และสายพันธุ์พืชนานาชนิดคิดเป็นจำนวน 3 เท่าของพื้นที่เปรียบเทียบที่อยู่บริเวณถัดไป ![]() พื้นที่ป่าไม้ที่ได้รับการฟื้นฟูอยู่ทางด้านขวาของถนนที่รกร้าง พื้นที่ควบคุม/เปรียบเทียบอยู่ทางด้านซ้าย (Tim Treuer) ครั้งหนึ่ง พื้นที่สำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ เต็มไปด้วยหญ้าแอฟริกัน African pasture grasses ทำให้เกิดการรุกรานพื้นที่ของพืชพื้นเมืองให้ลดน้อยลงไปมาก และเมื่อพื้นที่ดังกล่าวถูกทับถมด้วยกากส้ม และแพร่กระจายไปด้วยกากส้มจนเป็นสีส้มในตอนแรก พวกหญ้าแอฟริกันก็ถูกกากส้มถมทับจนตายลง พร้อมกับการเกิดดินร่วนซุยที่ปนเปื้อนอุดมไปด้วยสารอาหารจากเปลือกส้ม ซึ่งทำให้เกิดดินดำที่อุดมสมบูรณ์สำหรับพืชพื้นเมืองที่จะเจริญเติบโต การกดทับของกองขยะกากส้มเหมาะสมสำหรับการปรับปรุงพื้นดินในครั้งนี้ เพราะการชะละลายจากน้ำมันหอมระเหยและกรดชนิดต่าง ๆ จากกากส้ม ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะเป็นอันตรายต่อการเจริญเติบโตของพืช แต่ในขณะเดียวกันการชะละลายของกากส้ม ได้ปลดปล่อยสารอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช เช่น โพแทสเซียม ไนโตรเจน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟอสฟอรัส (NPK) ซึ่งมักจะพบน้อยมากในดิน บ่งบอกว่ามันถูกนำมาใช้เกือบหมดแล้วในดิน ภูมิปัญญาชาวบ้านแถวบ้านมักจะพูดกันง่าย ๆ ว่า N ทำให้ใบเขียวสวยสดเหมาะกับพืชอายุสั้นพวกผักต่าง ๆ P บำรุงรากลำต้นกิ่งไม้ให้แพร่กระจายแข็งแรงเหมาะกับไม้ยืนต้น K ทำให้ดอกผลแข็งแรงติดง่ายมีรสหวานหอมหรือผลผลิตมาก ทั้งนี้ นับตั้งแต่การทิ้งกากส้มในพื้นที่นี้ตั้งแต่ครั้งแรก นักวิจัยไม่ได้เข้าไปแทรกแซง/ยุ่งเกี่ยวใด ๆ ในพื้นที่ ทำให้ป่าไม้ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของธรรมชาติ ตัวอย่างของดินที่มีการตีพิมพ์เมื่อเดือนที่แล้ว ในวารสารนิเวศวิทยาการฟื้นฟู Restoration Ecology พบว่ามีระดับสารอาหารที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงมีอยู่จนถึงปลายปี 2014 เมื่อได้ทำการสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบกับพื้นที่รอบ ๆ ที่อยู่ข้างเคียง มีต้นไม้อยู่ถึง 24 ชนิดในพื้นที่ที่ได้รับการฟื้นฟู และมีความสมดุลของพืชพันธุ์นานาชนิดมากขึ้น เมื่อเทียบกับพื้นที่ควบคุมข้างเคียงที่มีต้นไม้อยู่เพียง 8 ชนิด นักวิจัยยังระบุว่า ทั้งนี้ยังไม่ได้เริ่มนับพืชพันธุ์ชนิดอื่น ๆ เช่น ไม้พุ่ม ไม้เถา และสายพันธุ์พืชชนิดอื่น ๆ ที่มีขนาดเล็กกว่า ในช่วงระยะเวลาวิจัยสั้น ๆ นี้ดูเหมือนว่าพื้นที่นี้ได้เป็นป่าไม้อีกครั้ง ผมรู้สึกแปลกใจมาก พื้นที่ถูกกากส้มทับถมแปลกแยกจากพื้นที่ไม่มีกากส้มทับถม จากแนวเขตถนนที่ตัดผ่าน ทั้งสองพื้นที่มีความแตกต่างกัน อย่างเห็นได้ชัดเจนเลยทางระบบนิเวศวิทยา พื้นที่ด้านที่เป็นทุ่งหญ้ารกร้าง มีต้นไม้ขึ้นเพียงไม่กี่ต้น แต่อีกด้านกลายเป็นป่าไม้ที่ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ การจะเข้าไปต้องใช้มีดสปาร์ตาแหวกว่ายกรุยทางเข้าไป และเมื่อตอนที่ผมเจาะดินขึ้นมาตรวจสอบ ผมรู้ดีเลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษจริง ๆ ทำให้ผมต้องอึ้งไปเลย " Timothy Treuer นักวิจัย Princeton University และผู้นำทีมในการศึกษาที่เขียนบทความวิจัยลงในวารสาร Restoration Ecology ป่าไม้เขตร้อนเป็นส่วนหนึ่งของมรดกวัฒนธรรมและมรดกทางธรรมชาติ ในขณะที่มนุษย์พยายามปกป้องพื้นที่ป่าไม้ที่ยังคงเหลืออยู่บนพื้นโลก เราสามารถปลูกป่าไม้ที่ถูกทำลายด้วยวิธีการที่ประหยัดเงินได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น " Jonathan Choi นักวิจัยอาวุโสสาขานิเวศวิทยาและวิวัฒนาการชีววิทยา Princeton University " ในบริเวณรอบ ๆ ที่เปลือกส้ม/กากส้มถูกนำมาทิ้งไว้ มีต้นไม้เพียง 2-3 ต้นที่เราพบนั้น เป็นต้นไม้เพียง 2 ชนิดที่สัมพันธ์ทุ่งหญ้าโดยรอบ ซึ่งมักจะไม่พบในป่าไม้ของคอสตาริกา ในพื้นที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ จะมีความหลากหลายของต้นไม้หลายชนิดมากขึ้น ซึ่งมักจะพบเห็นโดยเฉพาะในป่าไม้ที่มีอายุมากกว่า กากส้มไม่เพียงแต่สร้างการกลับคืนมาของป่าไม้ แต่ยังทำให้ป่าไม้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นกว่าเดิม " Timothy Treuer นักศึกษาปริญญาเอกนิเวศวิทยาที่ Princeton University ในขณะที่การใช้ประโยชน์จากขยะทางการเกษตร เพื่อใช้ในพื้นดินที่รกร้างว่างเปล่า/แห้งแล้ง จัดว่าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่อาจสร้างผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้เสมอไป กากส้มทำงานได้ผลในที่นี่และมีประสิทธิภาพในเขตร้อนชื้น สามารถป้องกันพืชพันธุ์ชนิดที่รุกรานพืชพื้นเมือง และผลิตชั้นดินอุดมสมบูรณ์ที่หนาขึ้น สำหรับการเจริญเติบโตของพืชชนิดใหม่ ในที่สภาพแวดล้อมอื่น ๆ การทิ้งขยะอินทรีย์ อาจไม่ได้ประโยชน์เหมือนที่นี่ เพราะคอสตาริกายังมีความอบอุ่นและชุ่มชื้นตลอดทั้งปี วิธีการ/กลยุทธ์ดังกล่าวที่คล้ายคลึงกันนี้ อาจจะไม่มีประสิทธิภาพในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งในช่วงแต่ละปี (เพราะการย่อยสลายของสารอินทรีย์ทำได้ยากและมีช่วงเวลาจำกัด) " แน่นอนทั้งนี้โครงการดังกล่าวยังไม่ได้สร้างมลพิษหรือศัตรูพืชใด ๆ ที่ต้องวิตกกังวล และสามารถมองเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมาก ทั้งยังไม่มีแผนงานหรือโครงการใด ๆ ที่จะทำต่อไปอีกในตอนนี้ ผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจาก การฟ้องร้องกล่าวโทษเมื่อหลายสิบปีก่อน ทั้งนี้ยังมีผลการทดลองที่คล้ายคลึงกันในประเทศนี้ ที่เกี่ยวกับกากกาแฟ แม้ว่าจะยังไม่มีผลลัพธ์ชี้ชัดแต่อย่างใดในตอนนี้ " Timothy Treuer ในปี 2013 ตอนที่ Timothy Treuer กำลังหาหัวข้อวิจัยกับ Daniel Janzen ทั้งคู่ได้พูดคุยเกี่ยวกับพื้นที่ใน Costa Rica ที่เคยทิ้งกากส้มไว้ และสงสัยว่าสภาพพื้นที่ดินในตอนนี้จะเป็นเช่นใดบ้าง ทำให้ Timothy Treuer ตัดสินใจเดินทางไป Costa Rica ผมต้องเดินทางไปถึง 2 ครั้งเพื่อค้นหาว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ ป้ายเดิมที่มีอักษรสีเหลืองสดใสยาวหกฟุตบอกสถานที่ตั้ง ถูกเถาวัลย์ปกคลุมไปหมดแล้ว เราหาไม่พบเลยตั้งหลายครั้ง จนกระทั่งปลายปีหลังจากการเข้าไปค้นหาจำนวนหลายสิบครั้งจึงพบ ทีมวิจัยได้เก็บตัวอย่างดินจำนวน 2 ชุด เพื่อตรวจสอบว่ากากส้มได้ทำหน้าที่ ในการเพิ่มคุณค่าสารอาหารกับดินหรือไม่ " เรานำเทปวัดออกมาวัดระยะทาง 100 เมตร และตรวจนับกับระบุต้นไม้ทุกต้นภายในพื้นที่ทุกระยะ 3 เมตร เราทำแบบนี้ถึง 3 ครั้งในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ และวางเทปวัดในแนวขนานห่างออกไปอีก 25 เมตร และทำอีก 3 ครั้งในพื้นที่ที่ไม่มีการทิ้งกากส้ม/ไม่อุดมสมบูรณ์ ในอีกด้านหนึ่งของถนนสายที่รกร้าง " พวกนักวิจัยเห็นการเปลี่ยนแปลง/การเจริญเติบโตของต้นไม้ และสารอาหารในพื้นดินที่เปรียบเทียบกันระหว่าง พื้นที่ที่ถูกทิ้งกากส้มและทุ่งหญ้าที่ถูกทอดทิ้งซึ่งห่างออกไป 100 หลา นักวิจัยพบความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดมากระหว่างพื้นที่ศึกษาทั้ง 2 แห่ง ที่ดินที่เคยมีกากส้มทิ้งไว้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น มีชีวมวลมากขึ้น ทำให้ต้นไม้มีความหลากหลายนานาชนิดมากขึ้น และปกคลุมด้วยหลังคาของป่าไม้ขนาดใหญ่ เรียบเรียง/ที่มา https://goo.gl/xQ32AZ https://goo.gl/XZLk9X https://goo.gl/cHmC2v หมายเหตุ การฟ้องร้องเรื่องการทิ้งกากส้มของโรงงาน Del Oro สาเหตุน่าจะมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า TicoFruit คู่แข่งมากส่วนหนึ่ง เพราะ Del Oro ไม่ต้องเสียเวลานำกากส้มไปทำการบำบัดก่อน หรือต้องขนส่ง/ว่าจ้างคนนำไปทิ้งภายนอกโรงงาน ซึ่งจะทำให้มีผลกระทบต่อต้นทุนและรายได้ของโรงงานได้ รวมทั้งการฟ้องร้องดำเนินคดีของ TicoFruit คู่แข่งทางธุรกิจ เป็นการสะกัดดาวรุ่งและทำให้โรงงาน Del Oro มีค่าใช้จ่าย และเสียเวลาในการแก้ต่างคดีนี้และมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ของธุรกิจ ในกรณีที่เกิดแพ้คดีขึ้นมาตามคำพิพากษา เถาจูกง เทพเจ้าแห่งการค้าชาวจีนเคยกล่าวไว้ว่า การค้าก็เหมือนกับการรบ การรบต้องใช้กลยุทธ์ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Credit : Daniel Janzen & Winnie Hallwachs Many thanks for writing this post. I appreciate it.
โดย: <a href="https://lennyfacecopy.com">Lenny Face</a> IP: 139.99.104.95 วันที่: 24 พฤษภาคม 2561 เวลา:15:42:18 น.
|
บทความทั้งหมด
|
กากส้มมีประโยชน์จริงๆ