นักวิทยาศาสตร์รัสเซียยอมอดตายท่ามกลางอาหารรอบตัว ![]() Vavilov Institute of Plant Industry (clobrda on Flickr) 900 วันของการล้อมปราบเพื่อบุกโจมตี Leningrad ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อาจจะเป็นหนึ่งในการบุกโจมตีที่น่าสยดสยองที่สุดในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่ แผนการที่โฉดชั่วและโหดร้ายของ Adolf Hitler คือ การตัดเส้นทางลำเลียง/ขนส่งอาหารทั้งหมด ไม่ให้เข้าไปส่งยังเมืองที่มีประชากรมากกว่า 2 ล้านคน และปล่อยให้ภัยธรรมชาติทำลายชีวิตผู้คนอย่างย่อยยับ " Leningrad จะต้องต้องตายด้วยความอดอยาก " Adolf Hitler กล่าวปลุกระดมทหารใน Munich เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 1941 ในช่วงฤดูหนาวที่แสนยาวนาน ผู้คนหลายแสนคนต่างต้องหิวโหยตาย หลายคนพยายามอย่างไร้ผลที่จะแก้หิว และมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยการกินขี้เลื่อย อีกหลายคนตายทั้งเป็นเพราะถูกแช่แข็งอยู่บนท้องถนน ขณะพยายามเดินไปยังซุ้มแจกจ่ายอาหาร ภายใต้อุณหภูมิติดลบ 30 องศาเซลเซียส และเมื่อกองทัพนาซีเยอรมันนี้ได้บุกเข้ามาในเมืองได้แล้ว ก็ทำการปล้นสะดมและทำลายข้าวของที่มีค่าต่าง ๆ ในขณะที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย ที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในห้องเก็บของ Vavilov Institute of Plant Industry ที่ได้เก็บรวบรวมเมล็ดพืชที่มีค่าและพืชที่กินได้ โดยเก็บสะสมเมล็ดพืชไว้เกือบ 200,000 ชนิดที่กินได้ คิดเป็นประมาณ 1/4 ของเมล็ดพันธุ์พืชเกือบทั่วโลก ที่จัดว่าเป็นแหล่งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในด้านความหลากหลายทางพันธุกรรมของพืชอาหาร ในห้องดังกล่าวยังพอมีข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วและมันฝรั่ง เพียงพอที่จะช่วยให้พวกนักพฤกษศาสตร์ยังชีพ และช่วยให้ผ่านพ้นคืนวันที่เลวร้ายที่สุด จากการถูกปิดล้อมโดยทหารนาซีเยอรมันนี แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์ไม่ได้กักขังพวกตนเอง ไว้ภายในห้องเก็บของที่เต็มด้วยธัญพืชเพื่อต่อชีวิตของตนเอง แต่เพื่อปกป้องเมล็ดพันธุ์เหล่านี้จากพวกนาซีเยอรมันนี และจากประชาชนที่หิวโหยที่ปล้นสะดมผ่านตามท้องถนนเพื่อหาอะไรกินรองท้อง ห้องสะสมเมล็ดพันธุ์พืชเต็มไปด้วยเมล็ดพืชถึง 16 ห้อง ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้อยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว มีการเฝ้าห้องเก็บรักษาตามกะ(ชั่วโมง) หมุนเวียนเปลี่ยนเวรยามตามเวลาที่กำหนดไว้ หลายคนต่างหนาวเหน็บตัวชาเย็น และผอมแห้งแรงน้อยจากความหิวโหย ทั้งนี้ด้วยความซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่อหน้าที่ แบบยอมตายดีกว่าทำบาป/ลักขโมยกินเมล็ดพันธุ์พืช ที่เป็นการทรยศต่อวิชาชีพและจรรยาบรรณนักพฤกษศาสตร์ เมื่อการปิดล้อมกินเวลายาวนานยิ่งขึ้น เหล่าวีรชนคนกล้าเหล่านี้เริ่มอดตายไปทีละคน ๆ แต่ทุกคนก็ไม่ยอมกินเมล็ดพันธุ์ที่เก็บรักษาไว้แม้แต่เมล็ดเดียว ในเดือนมกราคม 1942 Alexander Stchukin ผู้เชี่ยวชาญเรื่องถั่ว ตายขณะกำลังเขียนหนังสือ Dmitri Ivanov นักพฤกษศาสตร์อดตายขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วย ข้าวหลายพันกล่องที่ตนดูแลและปกป้องสายพันธุ์เมล็ดข้าว ในฤดูใบไม้ผลิปี 1944 หลังสิ้นสุดการปิดล้อมของนาซีเยอรมันนี นักวิทยาศาสตร์ 9 คนอดตายอย่างหิวโหย ขณะที่ดูแลปกป้องเมล็ดพันธุ์พืชทั้งหมด พืชหลายชนิดที่พวกเรารับประทานกันในทุกวันนี้ มาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ต่าง ๆ จากความหลากหลายทางชีวภาพ ที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ที่รอดตายจากการทำลายล้างธนาคารเมล็ดพันธุ์ เพราะนักวิทยาศาสตร์รัสเซียยอมอดตาย เพื่อปกป้องและคุ้มครองพวกมัน ในปี 1926 มีการก่อตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ โดย Nikolai Vavilov นักพฤกษศาสตร์และพันธุศาสตร์ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัสเซีย และเป็น นักสำรวจพืชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่ได้รับการยอมรับกันว่า ท่านได้ทำการเก็บรวบรวมเมล็ดพืช หัว และผลไม้จากทั่วโลก มากกว่าบุคคลใด ๆ ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ![]() Nikolai Vavilov ในปี 1933 Nikolai Vavilov เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์คนแรก ที่ตระหนักว่าการหายไปของความหลากหลายทางชีวภาพของพืช จะนำมาถึงผลกระทบที่อาจเป็นภัยพิบัติ ที่เกิดขึ้นได้กับการผลิตอาหารของมนุษย์ ท่านเติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านชนบทที่ยากจน พื้นที่เพาะปลูกที่ล้มเหลวจากพืชผลพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และการต้องรับการปันส่วนอาหารจากทางการ Nikolai Vavilov จึงมีความคิดในใจที่หมกมุ่นอยู่กับ ชีวิตลำบากในวัยเด็ก การอดอยากอาหารของชาวโลกรวมทั้งรัสเซีย ในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 กับในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Nikolai Vavilov ได้เดินทางไกลและไปหลายแห่งทั่วทั้ง 5 ทวีป ได้ไปเยี่ยมชมในประเทศต่าง ๆ ถึง 64 ประเทศ ท่านยังได้รรวบรวมพันธุ์พืชและตัวอย่างพืชอาหารชนิดต่าง ๆ ท่านเรียนรู้ด้วยตนเองถึง 15 ภาษา ทั้งเพื่อที่จะได้พูดคุยกับชาวพื้นเมืองอย่างเข้าใจ ทำให้ง่ายต่อการติดต่อสอบถามและขอเมล็ดพันธุ์ หลังจากผ่านไปเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีของการเดินทาง และยังมีการเดินทางไกลอีกหลายร้อยครั้งหลังจากนั้น Nikolai Vavilov จึงได้ก่อตั้งสถานีทดลองพืช Pavlovsk Experimental Station ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันอุตสาหกรรมพืช Institute of Plant Industry ที่ตั้งอยู่ใน Leningrad ซึ่งในทุกวันนี้คือ St. Petersburg ![]() เมล็ดพันธุ์พืชที่รวบรวมโดย Nikolai Vavilov จัดแสดงที่ Vavilov Institute of Plant Industry. Photo credit: Petr Kosina/Flickr ในขณะที่ Nikolai Vavilov กำลังเก็บรวบรวมเมล็ดพันธุ์พืช และสร้างธนาคารเมล็ดพันธุ์เพื่อรักษาความหลากหลาย ทางชีวพันธุ์ด้านอาหารสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต นักปฐพีวิทยาที่ชื่อ Trofim Lysenko ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มและไม่มีใครรู้จักมาก่อนหน้านี้ ได้ทำการโฆษณาชวนเชื่อโดยกระบอกเสียงของสหภาพโซเวียตรัสเซียว่า Trofim Lysenko เป็นอัจฉริยะที่พัฒนาเทคนิคการเกษตรแผนใหม่ ที่ปฏิวัติชาติให้พ้นจากความหิวโหยได้ ทั้งที่ความจริงแล้ว เทคนิคของ Trofim Lysenko ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปลูกพืชในพื้นที่หนาวจัด เพื่อบังคับให้พวกพืชออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ เป็นที่รู้จักกันนับตั้งแต่ยุค 1850 และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ การใช้ความเย็นกระตุ้นให้ออกดอก Vernalization ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Vernalization ให้ผลผลิตอาหารที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ 3 หรือ 4 เท่าตามที่ Trofim Lysenko กล่าวอ้าง และยังโฆษณาชวนเชื่อว่า รัฐที่มีผลผลิตจากพวกพืชแบบการใช้ความเย็นกระตุ้นให้ออกดอก จะสืบทอดยั่งยืนไปชั่วลูกชั่วหลาน (ประชาชนจะกินดีอยู่ดีไม่อดตาย) Trofim Lysenko เป็นนักฉวยโอกาสทางการเมือง ทำให้ได้รับการสนับสนุนอย่างรวดเร็วจาก Joseph Stalin พร้อมกับกระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อของสื่อโซเวียตรัสเซีย ซึ่งโฆษณาเกินจริงกับความสำเร็จของ Trofim Lysenko ทั้งยังพยายามปกปิดความล้มเหลวของ Trofim Lysenko โดยการริเริ่มสร้างข้อมูลการทดลอง เพื่อสนับสนุนทฤษฎีที่ล้มเหลวของ Trofim Lysenko และประณามทุกคนผู้ที่พยายามต่อต้านวิธีการของ Trofim Lysenko ในช่วงปี 1934-1940 แม้ว่าจะมีการเตือนให้ระวังข้อผิดพลาด จากบรรดานักวิทยาศาสตร์ นักชีววิทยาและนักพันธุศาสตร์ แต่ Trofim Lysenko ได้รับการสนับสนุนจาก Joseph Stalin Joseph Stalin จึงมีคำสั่งให้จับกุมคุมขังหรือประหารชีวิต นักวิทยาศาสตร์ นักชีววิทยาและนักพันธุศาสตร์ กว่า 3,000 คน ข้อหาพยายาม/กระทำการต่อต้าน Trofim Lysenko เท่ากับการต่อต้านแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ที่วางแผนจากส่วนกลางโดยพลพรรคคอมมิวนิสต์ ![]() Trofim Lysenko ในเดือนสิงหาคม 1940 Nikolai Vavilov ขณะที่ท่านกำลังเก็บเมล็ดพันธุ์ ที่บริเวณชายแดนของรัสเซียและยุโรปตะวันออก มีรถยนต์ของตำรวจสายลับ KGB ไปหาท่านที่นั่น จับตัวท่านขึ้นรถยนต์และลากตัวท่านไปติดคุก ท่านถูกตัดสินจำคุก 20 ปีที่คุกใช้แรงงานหนัก Soviet gulag หลังจากที่ท่านกินแต่กะหล่ำปลีตัมเปื่อย ที่มีแต่วิญญานเนื้อสัตว์กับน้ำต้มกระดูกสัตว์ และแป้งที่ขึ้นราเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง Nikolai Vavilov ผู้ที่สอนพวกเราเกี่ยวกับ ความหลากหลายทางชีวภาพและการเกษตร และแหล่งต้นกำเนิดของพืชนานาพันธุ์ ท่านผู้ที่ใช้เวลากว่า 50 ปีตลอดชีวิต ที่พยายามจะยุติความอดอยากชาวโลกกับชาวรัสเซีย ท่านตายเพราะความอดอยาก " จนกระทั่งทุกวันนี้ Nikolai Vavilov คือ เสาหลักผู้เป็นศูนย์กลาง ผู้ริเริ่มเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพของพืช ที่ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์รายใดที่จะมีความรู้ความเข้าใจ รูปแบบความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกได้ทั้งหมด ความสามารถและความอดทนในการเดินทางของท่าน โดยทางรถไฟ เรือ เครื่องบิน รถยนต์ ม้า ลา ล่อ และการเดินเท้า Nikolai Vavilov ไม่เพียงแต่เห็นวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติ แต่ยังเห็นเรื่องราวและวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ไม่เคยมีนักวิทยาศาสตร์รายใดเจริญรอยตามได้ แต่ท่านมักจะหมกมุ่นเกี่ยวกับทฤษฎีชีวภูมิศาสตร์ ที่ยังคงตกทอดและอยู่กับพวกเราจนถึงทุกวันนี้ Gary Paul Nabhan นักเขียนเรื่อง Where Our Food Comes From: Retracing Nikolay Vavilovs Quest to End Famine ทุกวันนี้ สถานีทดลอง Pavlovsk Pavlovsk Experimental Station มีตัวอย่างเมล็ดพันธุ์พืชมากกว่า 325,000 ตัวอย่าง ซึ่งรวมทั้งผลไม้และเมล็ดแห้งของผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสตรอเบอร์รี่สายพันธุ์ต่าง ๆ เกือบพันชนิด แอปเปิ้ลประมาณ 600 ชนิด Gooseberries ต้นไม้เตี้ยชนิดหนึ่งที่มีผลเล็ก ๆ กินได้มากกว่า 100 สายพันธุ์ Cherries, Plums, Red currants, และ Raspberries อีกมากมาย ประมาณ 90% ของที่สะสมในที่นี้ที่รัสเซีย ยังไม่มีธนาคารเมล็ดพันธุ์พืชแห่งใด ที่จะเก็บรวบรวมสะสมได้เทียบเท่าแห่งนี้ ทุกวันนี้ มีธนาคารเมล็ดพันธุ์มากกว่า 1,400 แห่งทั่วโลก ในปัจจุบันนี้ ธนาคารเมล็ดพันธุ์ที่มีความทะเยอทะยานมากที่สุด ในการเก็บรวบรวมเมล็ดพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ ให้มากที่สุด คือ Svalbard Global Seed Vault ตั้งอยู่บนเกาะ Spitsbergen ของ Norway ห่างจากขั้วโลกเหนือเพียง 700 ไมล์ เรียบเรียง/ที่มา https://goo.gl/JvvjQg https://goo.gl/65Wh4m https://goo.gl/eQHMvX https://goo.gl/LC1YCu ![]() Nikolai Vavilov ถ่ายด้านข้างในฐานะนักโทษ มีรอยแผลบาดลึกแก้มขวาของท่าน เป็นรอยถูกโบยตีจากนักโทษที่เป็นนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งในคุก ![]() ตัวอย่างเมล็ดพันธุ์พืชที่เก็บรวบรวมโดย Nikolai Vavilov จัดแสดงที่ Vavilov Institute of Plant Industry. Photo credit: Petr Kosina/Flickr ![]() เมล็ดพันธุ์พืชที่รวบรวมไว้ที่ Vavilov Institute of Plant Industry ในปี 2002 Photo credit: Dag Terje Filip Endresen/Flickr Svalbard Global Seed Vault ตั้งอยู่บนเกาะ Spitsbergen ของนอร์เวย์ ห่างจากขั้วโลกเหนือเพียง 700 ไมล์ ธนาคารเมล็ดพันธุ์พืช 1. ![]() 2. ![]() 3. ![]() 4. ![]() 5. ![]() 6. ![]() 7. ![]() 8. ![]() 9. ![]() 10. ![]() 11. ![]() 12. ![]() 13. ![]() 14. ![]() ที่มาของภาพที่ 1-14 Credit : https://goo.gl/FsFUq7 ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เรื่องเล่าไร้สาระ สงครามปิดล้อมเลนินกราดเป็นสงครามที่ยาวนานยืดเยื้อร่วม 900 วัน ทางนาซีเยอรมันนีต้องการบุกยึดเมืองนี้ให้ได้ เพราะเดิมเคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของรัสเซีย ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นชื่อเลนิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนแรกของรัสเซีย ทำให้เมืองนี้คือ สัญญลักษณ์ที่สำคัญของรัสเซีย และใช้เป็นที่โฆษณาชวนเชื่อของพวกคอมมิวนิสต์ สตาลินจึงมีคำสั่งให้นายพลซูคอฟบัญชาการรบ เพราะนายพลซูคอฟมีความบ้าระห่ำในสายเลือด ทหารที่สั่งให้บุกจะถอยหลังไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะจะมีทหารกองหนุนที่ตามหลังยิงทิ้งได้ทันที หนุนหลังตามเข้าไปเป็นระลอก ๆ ทุกครั้ง ทำให้ทหารรัสเซียไม่กล้าหนีทัพต้องเดินหน้าลูกเดียว แบบยอมตายกับทหารนาซีเยอรมันนี โดยมีบาดแผลด้านหน้าดีกว่าถูกยิงตายทางข้างหลัง หลังจากรัสเซียมีชัยชนะต่อพวกนาซีเยอรมันนีแล้ว มีการแก้แค้นทหารนาซีเยอรมันนี เด็กชายและผู้ชายจำนวนมาก ด้วยการยิงทิ้งยิงขว้างก่อนที่ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรจะเข้ามาควบคุม และมีการกระทำชำเราข่มขืนสตรีเยอรมันนีไม่จำกัดเพศวัย เพราะความแค้นและความอดหยากจากการถูกปิดล้อมที่รัสเซีย จนมีคำกล่าวว่าเป็นเชลยอยู่ใต้การดูแลฝ่ายสัมพันธมิตร เลวร้ายน้อยกว่าอยู่ใต้รองเท้าทหารโซเวียตรัสเซีย แต่เรื่องเหตุการ์เลวร้ายต่าง ๆ นี้รัสเซียไม่ยอมรับ และคนเยอรมันนีที่เป็นเหยื่อชะตากรรมมักจะปิดปากเงียบ ทั้งนี้เพราะอับอายขายหน้าส่วนหนึ่ง กับยอมรับความโง่เขลาของพวกตนที่หลงเชื่อผู้นำ ทั้งที่แต่เดิมปรัชญาและวิทยาการต่าง ๆ ในเยอรมันนี สอนให้ประชาชนเป็นคนมีเหตุมีผล ฮิตเลอร์เป็นชาวออสเตรียไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ใช้พลพรรคนาซีเยอรมันบุกรัฐสภา ทำการกดดันจนได้เลือกเป็นผู้นำประเทศ และชาวบ้านต่างยินยอมพร้อมใจกันหลงเชื่อผู้นำว่า จะนำพาชาติตนไปสู่อารยะและเป็นผู้นำยุโรปได้ นักประวัติศาสตร์โซเวียตรัสเซียที่พยายามชำระประวัติศาสตร์(ฝ่ายขวา)ระบุว่า โจเซฟ สตาลิน เป็นคนโรคจิตวิตถารเลวร้ายตัวหนึ่ง เป็นคนชาวจอร์เจียไม่ใช่ชาวรัสเซียแต่อย่างใด ร่วมงานกับพรรคบอลเชวิคด้วยการล้มล้าง เลออน ทรอตสกี พร้อมกับส่งคนไปฆ่าทรอตสกีที่ลี้ภัยไปที่เม็กซิโกในภายหลัง สตาลินเป็นคนเกลียดเสียงเด็กมากอย่างแรง ครั้งหนึ่ง ที่บ้านพักส่วนตัวนอกเมืองมอสโคว มีเสียงเด็กวิ่งเล่นกันเจี้ยวจ้าวเข้าหู วันรุ่งขึ้นครอบครัวและเด็กละแวกนั้นหายไปทั้งหมด สตาลินประหารชีวิตนักโทษ จำคุกนักโทษ เนรเทศนักโทษไปใช้แรงงานหนักไซบีเรีย ทำให้คนรัสเซียตายมากกว่าทำการสู้รบกับนาซีเยอรมันนี ประมาณการกันว่าคนรัสเซียตายมากกว่า 10 ล้านคน สตาลินหย่าขาดภริยาคนแรก กดดันภริยาคนที่ 2 ฆ่าตัวตาย บางคนว่าเป็นการจัดฉากให้ตายโดยการเขียนบทของสตาลิน ลูกชายคนแรกของสตาลิน ถูกนาซีเยอรมันจับเป็นตัวประกัน/ย้ายไปมาหลายค่ายมาก แต่สตาลินไม่ยอมสนใจต่อรองและแลกเปลี่ยนเชลย สุดท้ายลูกชายจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายสมอยากสตาลิน เพราะสตาลินไม่เคยสนใจและดูแลลูกชายคนนึ้แต่อย่างใดมาก่อน บางคนบอกว่า สตาลินมักคิดว่าลูกชายคนนี้เป็นลูกชู้ เลยเกลียดชังฝังใจมาตั้งแต่ลูกชายยังเล็ก ๆ อยู่ ส่วน ลูกสาวคนเดียวของสตาลินก็ลี้ภัยไปสหรัฐอเมริกา จนทุกวันนี้ ยังมีคนรัสเซียพยายามขับไล่ไสส่ง ไม่ให้ฝังศพจอมโหดสตาลินไว้ในดินแดนรัสเซีย ![]() ในวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมาได้มีผู้ลักลอบบุกเข้าไปใน สุสานของปีเตอร์ เออร์มาคอฟ (Peter Ermakov) หนึ่งในมือสังหารครอบครัวซาร์ และเป็นผู้ที่แทงแกรนด์ดัชเชสทั้งสี่ อย่างโหดเหี้ยมและป่าเถื่อน ป้ายปักสุสานของเขาในเมืองเอกาเตรินเบิร์ก ถูกละเลงไปด้วยสีแดง เพื่อเป็นการแก้แค้นต่อสิ่งที่เขาทำไว้ ![]() เออร์มาคอฟผู้นี้เคยพบกับกอร์กี้ ชูคอฟ แม่ทัพใหญ่และฮีโร่แห่งโซเวียต ชูคอฟ ผู้ที่เคยเป็นนายทหาร และได้รับเหรียญกล้าหาญ ตอนที่อยู่ในกองทัพของพระเจ้าซาร์มาก่อน กลับปฏิเสธที่จะจับมือกับเออร์มาคอฟ ชูคอฟจัองหน้าและมองตาของเออร์มาคอฟ แล้วพูดขึ้นว่า "กูไม่จับมือกับพวกฆาตกร " Cr: Royal Russia ![]() การไม่ยอมสนใจการต่อรองโดยมีตัวประกัน มีผลทำให้รัสเซีย จีน ยิว เป็นชาติที่ไม่สนใจชีวิตตัวประกัน โดยให้เวลากับฝ่ายโจรที่จับตัวประกันไว้ต่อรอง พอถึงเวลาก็บุกโจมตีเลยทันที เช่น การถล่มด้วยรถถัง ยิงปืนใหญ่ใส่รัฐสภา ตอนที่มีกลุ่มทหารพยายามก่อการกบฎ ด้วยการจับสมาชิกรัฐสภาเป็นตัวประกัน การโจมตีโรงละครที่มีตัวประกันร่วม 800 คน ผลคือ ตัวประกันตายร่วม 200 คน กลุ่มก่อการร้ายตายร่วม 50 คนในที่เกิดเหตุ เพราะบางรายตีเนียนแฝงตัวปะปนกับชาวบ้าน ผู้ก่อการร้ายจะไม่มีการรักษาปล่อยให้ตายไปเลย รวมทั้งใช้ยุทธวิธีนี้ปราบกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมเชสเนีย จนตอนที่มีการเจรจาสันติภาพเพื่อสงบศึก ตัวแทนฝ่ายก่อการร้ายมุสลิมเชสเนีย ถึงกับแช่งชักหักกระดูกตัวแทนรัสเซียอย่างรุนแรง ก่อนยอมนั่งลงเจรจาเพราะแพ้อย่างหมดหนทางสู้แล้ว ในไทยเคยมีเหตุการณ์ปราบปราม โจรกระเหรี่ยงพม่าที่บุกจับตัวประกันที่โรงพยาบาลราชบุรี โจรก่อการร้ายถูกยิงตายหมดทุกคนไม่มีการจับเป็นมาสอบสวน เป็นการส่งสัญญาณเตือนผู้ก่อการร้ายแถวพม่าให้ยุติอย่าได้คิดต่อรอง ![]() ในการปราบกลุ่มมุสลิมสุดโต่ง ISIS ในซีเรีย ที่ชอบใช้โล่ห์มนุษย์ที่เป็นเด็กและสตรี เพื่อต้านทานและชะลอการบุกโจมตีของรัสเซีย แต่ไม่มีผลแต่อย่างใด เพราะรัสเซียโจมตีไม่เลือกหน้าเมื่อถึงเวลาขีดเส้นตาย ผลคือ ทำให้กลยุทธ์นี้ใช้ไม่ได้ผลกับรัสเซีย รวมทั้งยิวในการปราบปราบพวกปาเลสไตน์ รัสเซีย ยิว ชอบยิงปืนใหญ่เข้าใส่ ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดลงทุกที่ทุกแห่ง ที่คาดว่าพวกก่อการร้ายหลบซ่อนอยู่ ไม่สนใจว่าจะเป็น มัสยิด โรงเรียน โรงพยาบาล ที่อยู่ชาวบ้าน โดยข้ออ้างว่า พวกโจรใช้สถานที่เหล่านี้เป็นที่กำบัง แบบโบสถ์ มัสยิด เป็นสถานที่ดีทางศาสนา แต่พวกคนชั่วแฝงตัวเข้าไปอยู่ซ่องสุมกำลัง จึงตัองเผาทิ้ง/ทำลายทิ้งทั้งหมด เลียนแบบคำสั่งมหาโจรมองโกล ที่ปล้นสะดมรุกรานไปหลายประเทศ ไม่เคยสร้างความอยู่ดีมีสุขแบบนักวิทยาศาสตร์ ตามการวิพากษ์นักประวัติศาสตร์ฝ่ายซ้ายละตินอเมริกา ตามบันทึกประวัติความเลวอหังการ์แม่ทัพมองโกลตัวหนึ่ง พวกกูจะะฆ่าผู้ชายทุกคนที่ใช้งานไม่ได้ พวกกูจะควบขี่ลูกสาวกับเมียพวกมันเหมือนควบขี่ม้า |
บทความทั้งหมด
|