ไขปริศนาประตูสู่นรก ![]() เมืองโบราณ Hierapolis อยู่ในตุรกีทุกวันนี้ CaoWei/Getty Images ในช่วงศตวรษที่ 2 ก่อนคริสตศักราช ราชันย์แห่ง Pergamon ได้สร้างเทวสถานศักดิ์สิทธิ์ที่ Hierapolis ซึ่งปัจจุบันอยู่ในตุรกี แต่สภาพตอนนี้เป็นซากปรักหักพัง แต่ยังมีบางสิ่งบางอย่างภายในที่น่าตื่นเต้น บางสิ่งบางอย่างที่เก่าแก่กว่าที่เคยเป็นมาและเป็นตำนานลับสุดยอด เมื่อ 7 ปีก่อน ประตูสู่นรก หรือที่เรียกกันว่า Plutonium ซึ่งได้ตั้งชื่อตาม เทพเจ้าโรมัน เจ้าแห่งนรก ประตูเป็นประตูหินโค้งที่ทอดยาวเข้าไปสู่ถ้ำเล็ก ๆ ภายใน ประตูถูกสร้างขึ้นในผนังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีพื้นที่ว่างเปิดโล่งล้อมรอบตัววิหาร/หน้าถ้ำทางเข้าประตูสู่นรก และห้อมล้อมไปด้วยที่นั่งหินสำหรับผู้เข้าชม/ร่วมพิธีกรรม เมืองนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางธรณีวิทยา ที่มีภูเขาไฟมากที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาค 2,200 ปีที่ผ่านมา การใช้ความร้อนจากน้ำพุร้อน มีความเชื่อกันว่าใช้ในการรักษาโรคบางโรคได้เป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกัน รอยร้าวลึกที่ฝังอยู่ใต้เมือง Hierapolis ก็ยังคงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะไหลออกมาเป็นรูปหมอกควันที่มองเห็นได้ ในปี 2011 นักโบราณคดียังพบว่า ประตูสู่นรกคือ ประตูมรณะที่ยังคงมอบความตายให้สิ่งมีชีวิต นกที่บินเข้าใกล้เกินไปจะหายใจไม่ออกและตายลง ประตูนี้ถูกค้นพบที่นั่น เพราะมีกลุ่มหมอกควันที่ทำให้มึนงง และได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตที่ยู่ภายในถ้ำ ถ้าอยู่นานเกินไปมักจะตาย ประตูนี้มีตำนานเล่าขานกันมานมนานแล้วว่า มีแต่มนุษย์ที่เดินผ่านประตูเข้าไปในถ้ำแล้วเดินออกมา มักจะรอดตายมากกว่า วัว แกะ และพวกนกต่าง ๆ เพราะพวกสัตว์มักจะตายหลังจากเดินผ่านประตูเข้าไปในถ้ำ ![]() ภาพจำลองประตูมรณะ บทความในวารสาร Archaeological and Anthropological Sciences ได้ตีพิมพ์เผยแพร่และอธิบายว่า ในช่วงกลางวัน ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์จะขับไล่ก๊าซให้กระจายตัวออกไป แต่ในเวลากลางคืนก๊าซที่หนักกว่าอากาศทั่วไปจะไหลออกมาจากรอยแตกในใต้ดิน แล้วก่อให้เกิดทะเลสาบ CO2 บนพื้นถ้ำที่สร้างในที่กำบัง/กำแพงล้อมรอบ ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะอยู่สูงถึงที่ระดับ 40 เซนติเมตรเหนือพื้นถ้ำมีปริมาณถึง 4-53% ปริมาณมากเพียงพอที่จะทำให้คนหรือสัตว์ที่ตัองหายใจด้วยปอด มีอาการมีนงง ง่วงเหงาหาวนอน สลบไปและตายได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ความเข้มข้นจะลดลงอย่างรวดเร็วในระดับพื้นที่ที่สูงกว่า นักบวชผู้เสียสละเข้าไปในถ้ำช่วงเวลาเช้าหรือเย็นเท่านั้น เมื่อรู้ว่าความเข้มข้นของก๊าซไม่สูงเกินกว่าระดับดังกล่าว แต่ความสูงของหัวพวกสัตว์มักจะสูงไม่เพียงพอ ทำให้พวกมันต้องอยู่ท่ามกลางทะเลสาบ CO2 เพราะระดับหัวของพวกมันแทบอยู่ในระดับทะเลสาบ CO2 พวกมันจึงต้องสูดดม CO2 เข้าไปเต็มปอด ก่อให้เกิดอาการวิงเวียน มึนงง สลบลงก่อนที่จะตายในที่สุด แต่พวกนักบวชที่ยืนจะสูงพ้นระดับทะเลสาบ CO2 ทั้งยังยืนอยู่บนก้อนหินเพื่อเพิ่มความสูงให้กับตนเอง เพราะพวกนักบวชรู้ดีว่าการสูดลมหายใจคือ หายนะอย่างร้ายแรง มีการประมาณการว่าคนกรีกยุคนั้นความสูงเฉลี่ย มีการประมาณการว่าคนกรีกยุคนั้นความสูงเฉลี่ย สตรีระหว่าง 154-155 เซนติเมตร บุรุษระหว่าง 166-169 เซนติเมตร จากการขุดค้นหลุมศพโบราณเพราะโภชนาการยังไม่ดี และมีโอกาสตายง่ายจากโรคภัยต่าง ๆ ![]() ทีมงานนักวิจัยที่นำโดยมหาวิทยาลัย Duisburg-Essen (UDE) ได้อธิบายถึงเรื่องราวของพิธีกรรมการบูชาในถ้ำแห่งนี้ ที่ปรากฏในงานเขียนของนักเขียนหลายคนในอดีต เช่น Strabo นักภูมิศาสตร์ชาวกรีกเคยเขียนถึงเรื่องนี้ว่า " พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยไอน้ำหมอกที่หนาทึบ ที่แทบจะมองไม่เห็นพื้นดิน สัตว์ที่ผ่านเข้าไปข้างในจะพบกับความตายทันที ผมโยนนกกระจอกเข้าไป และพวกมันหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่จะตายลงทันที " ในบันทึกที่ท่านเขียนไว้อย่างค่อนข้างเรียบง่าย ถึงแม้ว่า การเกิดขึ้นของก๊าซจากภูเขาไฟเป็นที่รู้จักกันดีในพื้นที่แห่งนี้ แต่ทีมงานต้องการที่จะทำความเข้าใจรายละเอียดของประตูมรณะแห่งนี้ จึงทำการตรวจวัดอย่างละเอียดทุก ๆ จุด ทุก ๆ ช่วงเวลาเป็นระยะ ๆ ทำให้ค้นพบข้อเท็จจริงว่า แสงแดดและลมที่พัดพาในตอนกลางวัน จะช่วยกระจายหมอกควัน/ก๊าซที่เป็นอันตรายได้ นั่นคือ ในช่วงเวลาก่อนหัวรุ่ง(ตอนเช้ามืด) จะเป็นเวลาที่เสี่ยงตายที่สุดในการเข้าไปในถ้ำ ในตอนกลางคืนความเข้มข้น/ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในถ้ำจะสูงมาก จนทำให้สามารถฆ่าคนได้ภายในหนึ่งนาที ![]() ส่วนหนึ่งของการสร้างภาพแบบ 3D ของ Plutonium ที่ Hierapolis ประตูสู่นรกอยู่ภายในกำแพงด้านล่างของที่นั่งคนร่วมพิธีกรรม Credit: Massimo Limoncelli " การปล่อยก๊าซมรณะนี้ประดูจดั่งลมหายใจของ Hades เจ้าแห่งนรก และ/หรือลมหายใจของหมาสามหัว Kerberos ที่เฝ้าระวังประตูสู่นรก (J.K Rowling เคยนำหมาสามหัวมาเขียนไว้ในเล่มแรก บทตอนจบของหนังสือ Harry Potter ตอนศิลาอาถรรพ์ มันเฝ้าอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องลับที่จะลงไปไขปริศนาได้) Galli นักบวชบัณเฑาะก์ ผู้มีประสบการณ์เพียงพอ จะรู้ว่าความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน นั้นคือ เหตุผลที่ทีมงานได้คาดการณ์ว่า การเดินทางเข้าไปในถ้ำคือ การเสียสละขั้นสูงสุด และเมื่อพวกนักบวชโผล่ออกมาจากถ้ำ ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด นั่นคือ พลังอำนาจวิเศษที่พระเจ้าประทานให้ ทำให้พวกนักบวชกลายเป็นตำนานเล่าขานว่า เป็นตัวแทนของพระเจ้าที่แสดงอภินิหาร Galli นักบวชบัณเฑาะก์จะยืนอยู่บนก้อนหิน รอบ ๆ ตัวนักบวชจะมีวัวหรือแกะที่เคราะห์ร้ายล้มตาย นั่นแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจเหนือธรรมชาติของพวกนักบวช และที่ระดับความสูงบนนั้น พวกนักบวชจะสามารถยืนได้ อย่างน้อยช่วงระยเวลา 20-40 นาทีโดยไม่ต้องเสี่ยงตายแต่อย่างใด ไม่มีใครสามารถผ่านประตูสู่นรกได้โดยไม่สลบ แต่ถ้า Galli กลั้นลมหายใจไว้สักพักหนึ่งก่อนที่จะคลานเข้าไป คลานเข้าไปในประตูมรณะที่สูงระดับเอวของพวกนักบวช แล้วรีบขึ้นไปยืนบนก้อนหินที่สูงกว่าความสูงวัวหรือแกะ บนก้อนหินนั้นจะมีลมหายใจเพียงพอช่วงเวลาหนึ่ง แต่ต้องสังเกตว่ามีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้มข้นมากหรือไม่ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการยืนใกล้ประตูมากเกินไป ยกเว้นแต่ตอนกลางวัน " ศาตราจารย์ Hardy Pfanz หัวหน้าทีมนักวิจัย นักวิจัยด้านภูเขาไฟและชีววิทยาที่ UDE ให้สัมภาษณ์กับ IFLScience Francesco DAndria นักโบราณคดี University of Salento ใน Lecce ของ Italy ผู้นำทีมค้นพบ Plutonium ใน Hierapolis ช่วงปี 2011 ยังไม่ค่อยมั่นใจว่า การค้นพบตะเกียงโบราณจำนวนมากรอบ ๆ ประตูมรณะ เป็นไปได้ว่า นักบวชอาจจะต้องผจญภัยทำพิธีตอนกลางคืน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับระดับความเข้มข้นของ CO2 (สันนิษฐานว่า ตะเกียงจุดไฟอาจจะใช้วัดปริมาณของ CO2 ถ้าไฟดับแสดงว่ายังมีความเข้มข้นสูงมาก แบบตะเกียงแสงของนักขุดเจาะถ่านหินในเหมืองถ่านหิน ถ้าไฟในตะเกียงดับลงอย่างรวดเร็ว นักขุดเจาะถ่านหินจะรีบออกมาจากอุโมงค์โดยพลัน) " ผลการค้นพบครั้งนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ความถูกต้องแหล่งโบราณคดี และช่วยอธิบายว่า ทำไมคนไม่ตายแต่สัตว์ตายตอนเข้าประตูสู่นรก " Gil Renberg นักวิจัยศาสนาและความเชื่อชาว Greek และ Roman University of Nebraska ใน Lincoln สหรัฐอเมริกา ย้อนกลับไปปี 1986 ทะเลสาบ Nyos ที่เกิดจากภูเขาไฟใน Cameroon ซึ่งได้กักขังก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายใต้ผิวน้ำจำนวนมหาศาลนานหลายศตวรรษ ก๊าซที่ไร้สีไร้กลิ่นเกิดปะทุขึ้นมาจากท้องทะเลสาบทันทีทันใด กวาดชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบตายไปมากกว่า 1,700 คน แม้ว่า จะไม่มีใครรู้ว่าจะมีการปลดปล่อยก๊าซจากท้องทะเลสาบอีกเมื่อใด ทางการทำได้ก็แค่พยายามปลดปล่อยก๊าซออกมาจากท้องทะเลสาบเท่าที่ทำได้ และช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ทะเลสาบ Monoun ใน Cameroon ก็มีเหตุการณ์ใกล้เคียงกันแต่เรียกว่า การปะทุของภูเขาไฟ ซึ่งยังไม่ถึงกับฉับพลันทันทีและเป็นภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง เหมือนกันพลังการทำลายล้างของประตูนรก Plutonium ที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาอย่างต่อเนื่อง เรียบเรียง/ที่มา https://goo.gl/odNPMD https://goo.gl/hYLBUe https://goo.gl/svDGUw ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ซากนก ![]() เรื่องเล่าไร้สาระ "ขุดบ่อบาดาล" อาชีพที่มาพร้อมกับภัยแล้ง - Springnews ภูมิปัญญาชาวบ้านในเรื่องก๊าซพิษที่ทำให้ตายได้ ในการขุดบ่อน้ำของชาวบ้านไทยในยุคก่อน ที่จะต้องวางปล่องบ่อลงไปทีละลูก ๆ และต้องใช้แรงงานคนขุดลงไปในใต้ดิน ขุดจนกว่าจะไปเจอตาน้ำ(น้ำซึมออกมาจากผิวดิน) ช่างขุดบ่อน้ำรุ่นเก่ามักจะมีการโยนกิ่งไม้/ใบไม้ลงไปเป็นระยะ ๆ หรือสาดน้ำเย็นลงไปข้างล่างในบ่อให้คนขุดบ่อเป็นระยะ ๆ ไม่ใช่เพื่อดับร้อนของคนขุดในบ่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการไล่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สะสมในบ่อด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนบางคนจะใช้วิธีจุดไม้ขีดไฟทดสอบดูก่อน ถ้าไฟดับอย่างรวดเร็วจะรีบขึ้นมาจากบ่อเลย เพราะแสดงว่าอากาศข้างล่างเริ่มไม่เพียงพอแล้ว วิธีการนี้จะใช้ในตอนล้างบ่อ/ลอกบ่อใหม่ด้วย ถ้าโยนไม้ขีดไฟลงไปแล้วดับเร็วมาก แสดงว่าอากาศข้างล่างในบ่อไม่เพียงพอ ก็จะต้องสาดน้ำลงไปเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับโยนกิ่งไม้ใบไม้ลงไปตาม เพื่อไปปัดเป่าไล่ก๊าซCO2ข้างล่างขึ้นมาข้างบน แต่ช่างขุดบ่อน้ำบางคนจะโหดกว่านั้นหน่อย หลังจากสาดน้ำลงไปแล้วพร้อมกับโยนกิ่งไม้ใบไม้ลงไปในบ่อเก่าแล้ว มักจะใช้วิธีโยนไก่เป็น ๆ ทั้งตัวลงไปในบ่อเก่าด้วย นัยอ้างว่าเพื่อบวงสรวงพระแม่ธรณี ถ้าไก่ตายในบ่อก็จะเลื่อนวันขุดลอกบ่อเก่าออกไปก่อน หรือโหดกว่านั้นจะเสี่ยงทายไปเรื่อย โดยสาดน้ำพร้อมกับโยนกิ่งไม้ใบไม้ลงไปในบ่อเก่า พร้อมกับโยนไก่ลงไปตามภายหลังจนกว่าไก่จะไม่ตาย แล้วถือโอกาสนำไก่ตายมาทำเป็นอาหารต่อไป แต่บางรายจะนำไก่หรือนกหรือกระรอกลงไปในบ่อด้วย โดยใช้สัตว์เป็นตัววัดอากาศภายในบ่อ ถ้าสัตว์เลี้ยงสะลึมสะลือหรือออกอาการน่าเป็นห่วง ก็จะรีบขึ้นจากบ่อโดยเร็ว แต่ปัจจุบันใช้พัดลมเป่าอากาศลงไปแทนที่ก่อน หรือใช้เครื่องปั้มลมอัดอากาศลงไปไล่อากาศเสีย หรือขุดบ่อแบบเจาะลงไปในดินฝังท่อขนาด 2 4 6 นิ้วแทน ซึ่งเครื่องมือขุดเจาะบ่อบาดาลทั่วไปมักจะพบเห็นในขนาดนี้ เพราะท่อน้ำตัน/ท่อน้ำเซาะร่องพอหาซื้อได้ในท้องตลาดในราคาย่อมเยา รวมทั้งปั้มน้ำที่สูบน้ำขึ้นจากบ่อบาดาลมักจะมีขนาดนิยม ไม่เกิน 4 หุน 1 นิ้ว 2 นิ้ว แล้วแต่ความต้องการใช้น้ำ
|
บทความทั้งหมด
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ข้ามขอบฟ้า Klaibann Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Review Food Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
ravio Education Blog ดู Blog
คุณได้ทำการแปะ