Navajo รหัสลับอินเดียนแดงที่ช่วยสหรัฐมีชัยชนะใน WWII ![]() Pfc. Preston Toledo กับ Pfc. Frank Toledo พี่น้องชนเผ่าอินเดียนแดง Navajo กำลังใช้วิทยุสนามส่งข้อความและคำสั่งจากกองทัพเรือสหรัฐที่มหาสมุทรแปซิฟิคทางตอนใต้ ในช่วงสงครามขั้นสู้รบกันอย่างดุเดือด เรื่องลับสุดยอดและสำคัญมากที่สุด คือ การส่งและรับข้อความอย่างรวดเร็วที่สุด และข้อความเหล่านั้นจะต้องถูกเข้ารหัส เพื่อให้ศัตรูไม่ทราบแผนการล่วงหน้า/แกะรหัสข้อความได้ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นาวิกโยธินสหรัฐได้ใช้หนึ่งในพันกว่าภาษาของชาวโลก เพื่อสร้างรหัสที่ไม่สามารถถอดรหัส : ภาษานาวาโฮ่ Navajo ![]() สงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ใช่ครั้งแรก ที่มีการใช้ภาษาอเมริกันพื้นเมืองเพื่อสร้างรหัส เพราะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ภาษาอินเดียนแดง Choctaw ก็ถูกนำมาใช้ในการส่งข้อความลับทางยุทธวิธี ทำให้การจู่โจมเยอรมันประสบความสำเร็จ หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมนีและญี่ปุ่นจึงได้ส่งนักเรียนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา เพื่อศึกษาภาษาและวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียนแดง Cherokee Choctaw และ Comanche ด้วยสาเหตุนี้ จึงทำให้นายทหารในกองทัพสหรัฐจำนวนมาก ไม่สบายใจในการใช้รหัสลับของชนเผ่าอินเดียนแดงอีกต่อไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเกรงว่าฝ่ายศัตรูโดยเฉพาะคนที่เคยมาเรียนภาษาพื้นเมืองที่สหรัฐจะถอดรหัสลับได้ ก่อนที่จะรู้ว่ามีภาษาชนเผ่าอินเดียนแดง Navajo ที่สลับซับซ้อนกว่า ไม่เคยมีการบันทึกเป็นตัวหนังสือและมีคนพูดได้น้อยมาก ![]() ![]() ความคิดริเริ่มของ Philip Johnston ในปี 1943 ขณะที่ Philip Johnston กำลังอ่านบทความของกองทัพ Louisiana เรื่องที่กำลังพยายามหาภาษาชนเผ่าอินเดียนแดงในสหรัฐเพื่อนำมาใช้เข้ารหัสลับ ซึ่ง Philip Johnston รู้จักภาษาพื้นเมืองชนเผ่าอินเดียนแดง Navajo เป็นอย่างดี สามารถนำมาใช้เป็นภาษารหัสลับใหม่แทนภาษารหัสลับเดิมได้ เพราะตอนวัยเด็ก ท่านใช้ชีวิตส่วนใหญ่ภายในเขตสงวนของชนเผ่า Navajo เพราะพ่อแม่ของท่านทำงานเป็นผู้สอนศาสนาอยู่ที่นั่น ทำให้ท่านเติบโตขึ้นมาโดยเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรม Navajo เป็นอย่างดี ตอนวัย 9 ขวบ Philip Johnston ก็พูดภาษา Navajo ได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว และได้ไปทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับผู้แทนชนเผ่า Navajo ที่เดินทางไป Washington, D.C. เพื่อเรียกร้องสิทธิของชนเผ่าอินเดียนแดง ในปี 1942 Philip Johnston ได้ขอพบนายพล Clayton B. Vogel ผู้บัญชาการ Amphibious Corps เขต Pacific Fleet และทีมงาน เพื่อโน้มน้าวและเสนอแนะให้ใช้ภาษา Navajo เป็นรหัสลับ มีการจำลองสถานะการณ์ภายใต้การสู้รบ ชาวอินเดียนแดง Navajos สามารถแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษา Navajo และส่งข้อความแทนภาษาอังกฤษจำนวน 3 บรรทัดภายในเวลาเพียง 20 วินาที ขณะที่เครื่องจักรถอดรหัสเวลานั้นต้องใช้เวลาถึง 30 นาทีในงานแบบเดียวกัน นายพล Clayton B. Vogel จึงบัญชาให้หน่วยนาวิกโยธิน เปิดรับสมัครทหารเฉพาะชนเผ่า Navajo ถึง 200 อัตรา แม้ว่าทางกองทัพสหรัฐยังมีความกังวลเกี่ยวกับ ความปลอดภัยของรหัสลับที่อิงกับภาษาอเมริกันพื้นเมือง แต่นาวิกโยธินสหรัฐได้ตัดสินใจทดลองแนวคิด Philip Johnston ด้วยการอนุมัติโครงการนำร่องการใช้ภาษา Navajo โดยชนเผ่าดินเดียนแดง Navajos 30 นายและ Philip Johnston เข้าร่วมโครงการครั้งนี้ในการสร้างรหัสลับอีกชั้นหนึ่ง การเริ่มต้น ชาวอินเดียนแดง Navajo 29 คนได้รับการคัดเลือก (มีคนหนึ่งสละสิทธ์) ทุกคนต่างเดินทางมาที่ Camp Elliott ใกล้กับ San Diego ในเดือนพฤษภาคม 1942 ภาระกิจแรกสุดคือ การพัฒนารหัสลับ Navajo ภาษา Navajo ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการสร้างรหัสลับ เพราะยังไม่มีตัวเขียนและมีคนน้อยมากที่สามารถพูดภาษานี้ได้ อย่างไรก็ตาม นาวิกโยธินได้สร้างรหัสลับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งทำให้ถอดรหัสลับไม่ได้เลยถ้าไม่รู้วิธีแทนคำภาษานี้ในรหัสลับ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีชาวอินเดียนแดง Navajo สมัครเป็นทหารสื่อสารเพื่อทำหน้าที่นี้ถึงจำนวน 420 นาย รหัสลับและการแปลงคำ ชนเผ่า Navajo ได้เริ่มพัฒนารหัสลับ ด้วยการใช้คำจากภาษาของตนเอง ซึ่งนำมาใช้ในการสื่อสารข้อความลับในครั้งนี้ ตัวอย่างเช่น ชื่อของนกชนิดที่แตกต่างกัน ถูกนำมาใช้เพื่อบอกถึงเครื่องบินประเภทใด รหัสลับเริ่มต้นด้วยคำศัพท์ 211 คำ ซึ่งต่อมาได้ขยายไปถึง 411 คำในช่วงสงคราม A แทนคำว่า Apple ... ระบบรหัสลับได้รับการพัฒนาขึ้นโดย ทหารที่ส่งข่าวรหัสลับ Code Talkers ซึ่งคำบางคำจะไม่พบในคำศัพท์ของ Navajo ตัวอักษรตัวแรกของ Navajo จะสอดคล้องกับตัวอักษร 26 ตัวในภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังมีคำที่แตกต่างกันหลายคำ ที่ได้รับการเลือกให้แสดงตัวอักษรที่ใช้กันบ่อย เพื่อให้รหัสลับมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น * พจนานุกรม Navajo Code Talker ในหน้าประวัติกองทัพเรือสหรัฐฯ ช่วงเวลารบ นายทหารที่ดูแลเรื่องรหัสลับนี้ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นกับรหัสลับนี้ จึงได้ตัดสินใจที่จะทดสอบทักษะและรหัสลับดังกล่าว ก่อนที่จะนำไปใช้สื่อสารข้อความในสถานะการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นจริง ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo สามารถแปลข้อความทดสอบได้ แบบกลับไปกลับมาภายในเวลา 2 นาทีเศษ ซึ่งหากไม่ใช้รหัสลับ Navajo กองทัพอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เพื่อถอดรหัสอย่างเดียวกันให้ได้ความหมายแบบเดียวกัน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo ก็ถูกนำมาใช้ในยุทธการครั้งสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนาวิกโยธินในมหาสมุทรแปซิฟิก งานหลักของทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo คือ การส่งข้อมูลทางยุทธวิธีผ่านทางโทรศัพท์และวิทยุ ![]() ในช่วงบุกยึด Iwo Jima ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo จำนวน 6 นาย ปฏิบัติภาระกิจสื่อสารอย่างต่อเนื่อง มีการส่งข้อความมากกว่า 800 รายการ ข้อความทั้งหมดถูกส่งไปมาโดยไม่มีข้อผิดพลาดเลย ทำให้ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo ได้รับการยอมรับอย่างสูงสุดจากพวกทหารนาวิกโยธิน พันตรี Howard Connor ผู้บังคับบัญชากองเรือที่ 5 ด้านทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo กล่าวว่า " หากไม่ใช่ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo กองทัพเรือก็บุกยึด Iwo Jima ไม่ได้ " ทหารญี่ปุ่นที่ชำนาญในการถอดรหัสลับเอง ยังคงงุนงงและไปไม่ถูกเลยกับภาษา Navajo หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองญี่ปุ่น นายพล Seizo Arisue ยอมรับเองว่า ที่ผ่านมาสามารถถอดรหัสลับกองทัพบกสหรัฐ กองทัพอากาศสหรัฐ แต่ไม่สามาถถอดรหัสลับของกองทัพเรือสหรัฐได้เลยสักครั้ง ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo จึงสร้างความลำบากให้กับเชลยศึกทหารชนเผ่า Navajo ที่ถูกจับกุมและคุมขังที่ Bataan (มีทหารชนเผ่า Navajo 20 รายรบอยู่ใน Philippines) ทหารชนเผ่า Navajo ถูกบังคับให้ฟังการรับส่งข้อความและถอดรหัสลับแต่ก็ไม่ได้ผล ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง จึงได้เล่าเรื่องนี้ให้ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo ว่า " ผมไม่เคยคิดเลยว่าพวกคุณจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผม ในเรื่องที่พวกคุณพูดคุยสื่อสารรหัสลับกันในช่วงเวลานั้น " ในปี 1942 มีชาวอินเดียนแดง Navajo ราว 50,000 Navajo คน ในปี 1945 ชาวอินเดียนแดง Navajo 540 คนสมัครเป็นทหารเรือ ราว 375 ถึง 420 คนได้รับการฝึกอบรมให้เป็นทหารสื่อสารรหัสลับ ส่วนที่ไม่ได้รับการคัดเลือกก็ไปทำหน้าที่อื่นในกองทัพเรือ คุณค่าและความสามารถในการใช้รหัสลับ Navajo ได้รับการยกย่องและช่วยชีวิตชาวอเมริกันจำนวนมาก ทำให้เป็นที่จดจำและรำลึกถึงจากรัฐบาลและประชาชนอเมริกัน ![]() Cpl Henry Bake, Jr. กับ Pfc George H. Kirk ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajos ปฏิบัติหน้าที่เดือนธันวาคมปี 1943 โดยวิทยุสื่อสารเคลื่อนที่ของหน่วยนาวิกโยธิน เพื่อป้องกันการแอบฟังในป่าหนาทึบโดยอยู่แนวหลังทหารเรือที่บุกยึดเกาะ Iwo Jima เกียรติยศ ผลการปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทของทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo Code Talkers ในช่วงแรกยังไม่มีคนรับรู้และจดจำมากนัก จนกระทั่งมีเปิดเผยยุทธการเรื่องนี้ในปี 1968 ประธานาธิบดี Ronald Reagan ได้มอบ Certificate of Recognition ให้กับทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo Code Talkers และประกาศให้ทุกวันที่ 14 สิงหาคมของทุกปี เป็นวัน Navajo Code Talkers Day ในปี 1982 ในปี 2000 ประธานาธิบดี Bill Clinton ได้ลงนามในกฎหมายเพื่อมอบเหรียญรางวัล Congressional Gold Medal ให้กับ ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo Code Talkers จำนวน 29 นาย ในปี 2001 ประธานาธิบดี George W. Bush ได้มอบเหรียญดังกล่าวให้กับ ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo จำนวน 4 นาย ที่อนุสรณ์สถาน Capitol Rotunda ใน Washington (กรกฏาคม 2001) ![]() นายพล Douglas MacArthur ถ่ายรูปร่วมกับทหารชนเผ่า Navajo Pima Pawnee และทหารชนพื้นเมืองอเมริกัน ![]() Jack Nez (ซ้าย) กับ Chester Nez (ขวา) Glenn Nez ลูกจ้าง CIA ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า Jack Nez พ่อของตนเป็น 1 ในทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo จำนวน 29 ราย " พ่อไม่เคยเล่าประสบการณ์ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ฟังแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ชมภาพถ่ายบางภาพที่เคยไปประจำการอยู่ เช่น Wake Island แต่ไม่เคยเล่าภาระกิจที่พ่อเคยทำเลย " Glenn Nez ในปี 1968 ยุทธการสื่อสารรหัสลับ Navajo Code Talker ไม่เป็นความลับอีกต่อไป แม้ว่า Jack Nez จะเสียชีวิตในอีก 9 ปีต่อมา แต่ท่านก็ไม่เคยเล่าเรื่องราวการเป็นทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo ให้ครอบครัวฟังเลย ทำให้ Glenn Nez คิดว่าความลับของโครงการดังกล่าวนี้ พ่อจึงไม่สามารถเล่าถึงภาระกิจดังกล่าวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ ![]() Jack Nez (ซ้ายมือ) กับเพื่อนทหารสื่อสารรหัสลับ ผมประทับใจในตัวท่าน จากการรู้เรื่องผ่านทางทหารสื่อสารรหัสลับรายอื่น เพราะเป็นภาระกิจลับมากในงานที่ทำตอนนั้น เรารู้แต่เพียงว่า ท่านเป็นทหารวิทยุสื่อสารและช่างเทคนิค นั่นคือ การพูดคุยของพวกท่านทางวิทยุสื่อสาร " Glenn Nez จนกระทั่งในปี 2000 รัฐสภาสหรัฐอเมริกาและประธานาธิบดี Bill Clinton ได้ผ่านกฎหมายมอบเหรียญตราเกียรติยศให้ทหารสื่อสารรหัสลับ Code Talkers เรื่องราวและข่าวสารจึงแพร่หลายไปทั่วโลก ครอบครัวของ Glenn Nez จึงรู้เรื่องราวภาระกิจลับของ Jack Nez จากภาพถ่ายที่ปรากฎในเอกรัฐการที่เผยแพร่ พวกเราอึ้งไปเลยตอนที่รู้ข่าวนี้ แต่เป็นข่าวดี พวกเราภูมิใจมากที่ท่านมีส่วนร่วมสำคัญในประวัติศาสตร์ " Glenn Nez การเป็นทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo Jack Nez เกิดในปี 1924 และเติบโตใน Fort Defiance รัฐ Arizona เขตสงวนชนเผ่าอินเดียนแดง Navajo ท่านรู้จักภาษา Navajo เป็นอย่างดี ต่อมาได้เดินทางออกจากเขตสงวนฯ เพื่อไปเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และใช้เวลาเรียนหลายปีเพื่อจะเป็นช่างซ่อมรถยนต์ ที่ Haskell University ใน Lawrence รัฐ Kansas ที่นั่น ท่านได้พบกับ LaVera ซึ่งกำลังเรียนวิชาพยาบาล ช่วงสหรัฐอเมริกาอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 Jack Nez ได้อาสาสมัครเป็นทหารนาวิกโยธิน ตอนนั้นท่านอายุเพียง 17 ปี ต่อมาทางกองทัพเรือทราบว่า Jack Nez สามารถพูดภาษา Navajo ได้ จึงได้เสนอให้ท่านเข้าร่วมงานในโครงการพิเศษเกี่ยวกับภาษา Navajo ท่านจึงถูกคำสั่งให้ปลดประจำการชั่วคราวจากกองทัพเรือ เพื่อไปร่วมกันพัฒนารหัสลับ Navajo สำหรับใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมา Jack Nez ได้เดินทางไปร่วมรบแถบหมู่เกาะแปซิฟิค ตั้งแต่มกราคม 1943 ถึงสิงหาคม 1944 ชีวิตทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo ทั้งตื่นเต้นและอันตรายตลอดเวลา เพราะต้องหน้าที่สลับกันไปมาบางครั้งอยู่แนวหน้าบางครั้งอยู่แนวหลัง เพื่อติดต่อสื่อสารส่งข้อความทางโทรศัพท์หรือวิทยุทหาร ทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo จะไม่มีหนังสือคู่มือถอดรหัสลับ ต้องจำรหัสลับทุกตัวให้ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้หนังสือคู่มือถอดรหัสลับอยู่ในเงื้อมมือศัตรู การประกาศเกียรติยศ 26 กรกฏาคม 2001 ประธานาธิบดี George W. Bush ได้มอบเหรียญรางวัล Congressional Gold Medal ให้กับครอบครัว Nez เช่นเดียวกับครอบครัวทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo รายอื่น ๆ รางวัลนี้ก็เช่นเดียวกับเหรียญรางวัลอื่น ๆ ของ Jack Nez ได้จัดแสดงไว้ที่สำนักงานประมวลข่าวกรอง CIA Headquarters รางวัลเกียรติยศแบบนี้ ไม่สมควรที่จะเก็บไว้ในตู้นิรภัยหรือที่บ้าน แต่ควรจะนำเสนอให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้ชื่นชม ถ้าไม่มีบุคคลเหล่านี้ โลกทุกวันนี้คงไม่เป็นเช่นนี้ได้ เจริญรอยตามพ่อ Glenn Nez กับพี่น้องส่วนใหญ่ทำงานในกองทัพหรือรัฐการ และงานของ Glenn Nez ก็คล้ายกับงานที่พ่อเคยทำไวในอดีต คือทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทำหน้าที่สนับสนุนฝ่ายบริหารด้านโรงเรียนสอนภาษา พ่อผมคงจะภูมิใจมากที่พวกเราเจริญรอยตามพ่อ พวกเราทุกคนภูมิใจกับประเทศของเรา ![]() Roy Hawthorne วัย 92 ปีเพิ่งจะเสียชีวิต 23 เมษายน ปีนี้ ท่านคือ 1 ใน 12 รายทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo ที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้จากเดิมที่มีอยู่ 29 คน ท่านสมัครเข้าเป็นทหารนาวิกโยธินวัย 17 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของชาวอเมริกันพื้นเมือง ที่ร่วมพัฒนารหัสลับ Navajo ป้องกันการถอดรหัสของทหารญี่ปุ่น ท่านทำงานที่กองเรือที่ 1 เขตมหาสมุทรแปซิฟิค และได้รับยศเรือตรีหลังสงคราสิ้นสุด ยิ่งพวกเรามีอายุยาวนานขึ้น พวกเรายิ่งตระหนักถึงความสำคัญของงานที่พวกเราทำ แต่พวกเราไม่ใช่วีรบุรุษ มันไม่เคยอยู่ในหัวคิดของผม Roy Hawthorne ในปี 2015 แต่ Regan Hawthorne บุตรชายเล่าถึงพ่อที่เสียชีวิตอย่างภูมิใจว่า พวกท่านไม่รู้สึกว่าเป็นการทำตามหน้าที่ แต่ทำด้วยจิตใจที่รักประเทศของตน " ทั้งนี้ Regan Hawthorne ตอนอายุได้ 20 ปีเศษเพิ่งจะรู้ว่า พ่อเป็นทหารสื่อสารรหัสลับ Navajo ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 20 ผมโตขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าพ่อผมเป็นทหารสื่อสารรหัสลับ Code Talker พ่อไม่เคยพูดถึงมันเลย หรือคิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดถึงมันเลย " พวกทหารสื่อสารรหัสลับมักเชื่อว่ากำลังปฏิบัติภารกิจ และค่อนข้างถ่อมตนไม่อยากรับรางวัลจากผลงานในอดีต ตอนที่พวกเราอ่านเรื่องราวความสำเร็จของรหัสลับ Navajo Code ทำให้สงครามยุติลงได้โดยใช้เวลาไม่นานมากนัก พวกเราต่างคิดถึงผลงานของทหารสื่อสารเหล่านี้ที่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว แต่พวกท่านค่อนข้างถ่อมตน เพราะพวกท่านรู้สึกว่า พวกท่านทำหน้าที่เพื่อปกป้องทุกสิ่งที่พวกท่านรักและหวงแหน เพราะพ่อและสหายศึกต่างกลับบ้านหลังจากสงครามสิ้นสุด พวกท่านกลับบ้านมาทำงานอย่างเรียบง่ายเพื่อกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ " เรียบเรียง/ที่มา https://bit.ly/2vIdOs1 https://bit.ly/2Jq34k3 https://bit.ly/2r14UQG https://bit.ly/2vJtGdY https://bit.ly/2qXUgvb ให้ทดลองถอดรหัสลับ Navajo ที่ใช้สื่อสารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Navajo Code Talkers ที่ช่วยให้สหรัฐมีชัยชนะ 1. Ne-Zhoni-Lin-Tkin-Ah-Jad-Tkin-Ne-Zhoni Ah-Ya-Tsinne-A-Kha-Lin-A-Chin-Klesh-D-Ah-A-Kha-A-Chin 2. Tkin-Gloe-lh-A-Kha Ah-Ya-Tsinne-Tkin-Tsin-Tliti-Tse-Nill Navajo Code Talkers' Dictionary ตัวอักษร United States Navy Navajo Code Dictionary ที่ปรับปรุงเมื่อ 15 มิถุนายน 1945 ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() คำเฉลย 1. Philip Johnston 2. Iwo Jima |
บทความทั้งหมด
|