ปืนเฝ้าศพและโลงศพตอร์ปิโด

1.




ปืนที่มีรูปร่างดูแปลกประหลาดตา
ตอนนี้จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ Museum of Mourning Art ใน Arlington Cemetery
ครั้งหนึ่งมันเคยทำหน้าที่เฝ้าศพที่ห่างไกลจากบริเวณที่ทำการสุสาน
และทำหน้าที่ป้องกันเขตหวงห้ามไม่ให้พวกลักขโมยขุดศพขึ้นมา
ปืนจะวางอยู่ใกล้กับบริเวณเท้าของหลุมศพ
และประกอบขึ้นมาเป็นชุดกับดักนิรภัย
ที่พร้อมจะกวัดแกว่งปืนไปในทิศทางที่เหมาะสม
เมื่อมีใครบางคนมาแตะถูกกลไกนิรภัย
มันก็จะยิงใส่พวกโจรที่ต้องสงสัยว่าจะมาลักขโมยขุดศพ


ความจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างแนบเนียน
เพื่อการคุ้มครองผู้เสียชีวิตที่มักจะเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 18
เมื่อศพอาจารย์ใหญ่มีความต้องการ Demand สูงมากในโรงเรียนแพทย์
แต่ขาดแคลนอุปทาน Supply (ศพที่มาเป็นอาจารย์ใหญ่)


เหตุการณ์นี้ต้องย้อนกลับไปยุคก่อนหน้านั้น
แหล่งที่ป้อนศพอาจารย์ใหญ่มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
คือ นักโทษที่ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตให้แขวนคอจนกระทั่งตาย
เรื่องนี้เคยมีคดีที่ผู้พิพากษาตัดสินให้นำจำเลยไปแขวนคอ
พอเพชฌฆาตได้ทำการแขวนคอนักโทษแล้ว
พวกญาติพี่น้องและเพื่อนนักโทษต่างวิ่งเข้าไปตัดเชือกที่แขวนคอนักโทษให้ขาดลง
แล้วจำเลย/นักโทษก็รอดตายจากการถูกแขวนคอ
เพราะเป็นไปตามคำพิพากษาแล้วว่า ให้นำจำเลยไปแขวนคอ
จึงต้องระบุให้ชัดว่า ให้เอาไปแขวนคอจนกระทั่งตาย
หรือกฎหมายไทยเดิมก็ระบุว่า ให้เอาไปยิงเสียให้ตาย


เรื่องนี้แต่เดิมไม่มีปัญหาแต่อย่างไรเลย
เพราะอุปทานศพอาจารย์ใหญ่มีเป็นจำนวนมาก
จากการที่อาชญากรรมเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มักจะถูกลงโทษประหารชีวิต
แค่ลักวิ่งชิงปล้นทรัพย์สินเพียงเล็กน้อย ปลอมเงินตรา ปลอมเช็ค
ทำให้นักศึกษาแพทย์และศัลยแพทย์มีศพอาจารย์ใหญ่เพียงพอ
ที่จะทำการศึกษากายวิภาคศาสตร์และการหัดผ่าตัอด้วย


แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไปและวิธีการป่าเถื่อนของกระบวนการยุติธรรม
ก็ถูกคัดค้านและทะยอยยกเลิกโทษต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ
ทำให้จำนวนอาชญากรที่ถูกตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิตก็ลดลงอย่างแรง
ทำให้พวกขโมยบางคนมองเห็นว่า วิกฤติ คือ โอกาส
พวกขโมยจึงเริ่มขุดศพจากสุสานแล้วมาขายให้กับโรงเรียนแพทย์


สุสานจึงต้องตอบโต้พวกหัวขโมย
ด้วยการแต่งตั้งให้มีคนดูแลหลุมศพ
บางครั้งครอบครัวของผู้ตายที่ถูกฝังอยู่ในสุสาน
ต้องจ่ายเงินให้กับผู้ดูแลสุสานเหล่านี้เพื่อทำหน้าที่อารักขาหลุมศพ
ในที่สุดต่างเห็นพ้องต้องกันว่า แทนที่จะใช้จ่ายเงินให้คืนแล้วคืนเล่า
ท่ามกลางความเปียกชื้นและหนาวเย็นในยามค่ำคืน
ก็ใช้การวางกับดักนิรภัยป้องกันหลุมศพด้วยปืนและวัตถุระเบิด
น่าจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกว่า


กลไกสปริงของปืนจะยิงใส่ผู้บุกรุกรายใด ๆ
ที่แตะถูกกลไกกับดักนิรภัยที่สร้างไว้
อย่างน้อยก็มีการติดตั้งตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
ปืนที่ทำหน้าที่เป็นอาวุธจะถูกปล่อยทิ้งไว้ได้
นานเท่านานตราบเท่าที่ดินกระสุนปืนยังแห้งอยู่
เพราะถ้าเปียกชื้นจะจุดชนวนไม่ได้
ปืนที่ได้รับความนิยมในสุสานมาก
ถูกออกแบบโดย Mr.Clementshaw


ปืนรุ่นนี้มีหินเหล็กไฟขนาดใหญ่เจาะฝังกับแท่นไม้ขนาดหนา
ปืนจะถูกติดตั้งด้วยเดือยเหล็กที่หมุนไปมาได้
และมีการปลดไกปืนที่ยิงไปได้เลยเมื่อมีแรงดึงจากด้านหน้า
แทนแบบการปลดไกปืนที่ต้องดึงย้อนหลังในแบบเดิม
เพราะกับดักนิรภัยจะทำงานเมื่อมีการเคลื่อนที่ไปด้านข้างหน้า
กับดักนิรภัยจะเหนี่ยวไกและยิงปืนใส่ทันที
ที่ด้านหน้าของฐานรองรับปืนชนิดนี้
จะมีวงแหวนเหล็กสามห่วง
ซึ่งทำให้กับดักนิรภัยเชื่อมต่อกันได้สามเส้น(สามจุด)สามทิศทาง


ปืนชนิดนี้จะทำการบรรจุกระสุนพร้อมยิงในเวลากลางคืนโดยผู้เฝ้าสุสาน
ในตอนเช้าปืนจะถูกปลดกลไกหรือนำออกไปจากพื้นที่
เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสุสานในระหว่างวันจะไม่โดนกับดักนิรภัย
แต่พวกโจรมืออาชีพที่ผ่านการลักขโมยศพมาจำนวนมากแล้ว
มักจะส่งผู้หญิงแต่งชุดสีดำหรือพาเด็กไปที่สุสาน
ด้วยการปลอมตัวเป็นผู้มาร่วมพิธีไว้อาลัย
แล้วให้รายงานตำแหน่งของหมุดตอกที่มีสายดึงชนวนเพื่อยิงได้
เพราะผู้เฝ้าสุสานจะทำการติดตั้งปืน/สายกลไกตอนพระอาทิตย์ตกดินทุกวัน


แต่ปืนดังกล่าวให้เช่าเป็นรายสัปดาห์
และมีราคาค่อนข้าแพงเกินกว่าจะซื้อหามาใช้งาน
ศพคนจนส่วนมากจึงจบลงที่มีดผ่าตัดเพื่อการเรียนรู้กายวิภาคศาสตร์
ตามบันทึกของ Michael Sappol นักประวัติศาสตร์
คนเหล่านี้ได้แก่ คนผิวดำ ฆาตการ โสเภณี คนไอริช(ขี้เมา)
คนวิตถาร ผู้ใช้แรงงาน คนยากจน และคนอินเดียน(แดง)
เพราะต่างไม่ได้ประโยชน์จากปืนประเภทนี้เลย
ซึ่งส่วนมากยากจนไร้ทรัพย์สินเงินทองในการเช่าปืนนี้


จากช่วงปี 1865 ถึง 1890
การขโมยศพกลายเป็นปัญหาใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
ปืนเฝ้าสุสานจึงกลายเป็นแนวป้องกันที่ร้ายแรงยิ่ง
ในการสู้รบปรบมือกับต่อสู้กับภัยคุกคาม
มีการออกแบบปืนลูกซองที่คิดค้นขึ้นในปี 1878
โดย Phil Clover of Columbus รัฐ Ohio
ด้วยการบรรจุปืนลูกซองไว้ภายในโลงศพ
เมื่อฝาโลงถูกงัดเพื่อเปิดออกมาลักขโมยศพ
ปืนจะยิงใส่หน้าหัวขโมยทันที
ด้วยลูกกระสุนตะกั่วจำนวน 36 ลูก


หลังจากสงครามกลางเมืองสหรัฐในปี 1865-1890
โรงเรียนแพทย์มีการตั้งขึ้นจำนวนหลายแห่งมาก
ทำให้นักเรียนแพทย์ต้องการศพอาจารย์ใหญ่ในการเรียน
แต่เดิมใช้แต่ศพนักโทษที่ถูกลงโทษประหารชีวิต
ซึ่งในเวลาต่อมาเริ่มขาดแคลนศพอาจารย์ใหญ่
เพราะมีโรงเรียนแพทย์หลายแห่งต่างต้องการมากเช่นกัน
จึงทำให้เกิดธุรกิจลักขโมยศพมาขายโรงเรียนแพทย์ในเวลาต่อมา
โดยเฉพาะศพที่เพิ่งจะตายไม่นานนัก


ครั้งหนึ่งมีศพของ John Scott Harrison
บุตรชายของอดีตประธานาธิบดี William Henry Harrison
และเป็นบิดาของประธานาธิบดี President Benjamin Harrison
ก็ยังถูกขโมยไปขายให้โรงเรียนแพทย์
ต่อมาญาติของ John Scott Harrison
พบว่าศพนี้อยู่ที่โรงเรียนแพทย์ Ohio Medical College ใน Cincinnati
จึงมีการนำศพกลับมาฝังร่วมกับพ่อแม่ของ Harrison Tomb


ในที่สุดผู้ว่าการรัฐ Ohio จึงออกกฎหมายอนุญาต
ให้ผู้คนบริจาคศพของตนเองหรือให้ทายาทขายศพให้กับโรงเรียนแพทย์ได้
และมีบทกฎหมายลงลงโทษที่รุนแรงมากขึ้นทั้งผู้ซื้อผู้ขาย
ความนิยมในการซื้อขายศพที่ถูกลักขโมยจึงเริ่มลดลง
ในช่วงทศวรรษที่ 1890 มีการลักขุดศพเพื่อขายน้อยมากในรัฐ Ohio




2.




สิ่งประดิษฐ์อีกอย่างที่เรียกว่า
โลงศพตอร์ปิโด Coffin Torpedoes
เป็นทุ่นระเบิดที่วางอยู่ใต้โลงศพ
โดย Thomas N Howell อดีตทหารผ่านศึกสงครามกลางเมือง
ที่ใช้เทคนิคการวางกับระเบิดขนาด 8 ปอนด์
ที่ใช้ตัวจุดชนวนระเบิดผงดินปืนขนาด .75 ปอนด์
ฝังอยู่ด้านบนของหลุมศพมีแผ่นเหล็กที่เป็นตัวหุ้มเหนือระเบิดตอร์ปิโด
ถ้ามีอะไรกระทบกระเทือนกลไกนิรภัยแผ่นเหล็ก
จะระเบิดใส่อะไรก็ตามที่กระทบกับด้านหน้าหลุมศพทันที
มีการโฆษณาขายสินค้าชิ้นนี้ว่า
" หลับให้สบายเถิดเทวดาที่รัก
ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกพวกขโมยศพรบกวนสุคติ
ด้านบนจะวางระเบิดตอร์ปิโดหนึ่งลูก
พร้อมที่ห้ำหั่นใครก็ตามให้เป็นเศษเนื้อรุ่งริ่ง
ใครก็ได้ที่จะมาเคลื่อนย้ายคุณลงไปในถังดองศพ "


เมื่อโลงศพถูกรบกวนหรือเคลื่อนที่
มันก็จะระเบิดขึ้นมาทันที
ทำอันตรายต่อพวกโจรขโมยศพ/ปล้นหลุมฝังศพ
รวมทั้งทำให้ซากศพระเบิดกระจุยกระจายไป


ในปี 1881
เคยมีเหตุการณ์ที่ หัวขโมยอย่างน้อยสามคนถูกฆ่าตาย
เมื่ออุปกรณ์ดังกล่าวระเบิดที่สุสานใกล้ Gann ใน Knox County รัฐ Ohio


ในขณะที่สิ่งประดิษฐ​์ เช่น ปืนเฝ้าศพ และ โลงศพตอร์ปิโด
มักจะถูกมองว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ในยุคอดีตที่ผ่านมา
แต่การฉกฉวยหากินจากศพยังเป็นการค้าขายที่ยังไม่มีวันจะจบสิ้น
ในประเทศอินเดียมีเครือข่ายผู้ลักลอบขโมยศพมาจนถึงทุกวันนี้
โดยลักลอลขุดโครงกระดูกออกจากสุสาน
เพื่อขายให้กับมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลในต่างประเทศ
ในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมา อินเดียตือผู้จัดหากระดูกอันดับต้น ๆ ของโลก
ที่ถูกส่งออกเพื่อนำไปใช้ในการศึกษาทางการแพทย์ทั่วโลก
รวมถึงสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
ประเทศที่มีชื่อเสียงมากตามรายงานของ Wired
สำหรับการผลิตตัวอย่างโครงกระดูกที่มีสีขาวบริสุทธิ์จากพลาสติค
และติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ฉายภาพกายวิภาคศาสตร์
ที่เชื่อมต่อกันเป็นรูปร่างได้อย่างเป็นระบบได้อย่างมีคุณภาพสูง
แม้แต่จีน หรือ ยุโรปตะวันตก จะสามารถผลิตตัวอย่างคุณภาพสูงได้


แม้ว่าการค้าโครงกระดูกจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
และถูกห้ามโดยรัฐบาลอินเดียไปแล้วก็ตาม
แต่ตราบใดที่มีความต้องการโครงกระดูก
ธูรกิจการลักขโมยศพก็ยังคงเติบโตต่อไป
เพราะการเรียนรู้จากของจริงเข้าใจและเร้าใจได้ดีกว่า

3.






เรียบเรียง/ที่มา


https://bit.ly/2IgHqmH
https://bit.ly/2GR30f0
https://bit.ly/2tyTOV7
https://bit.ly/2SVansl
https://bit.ly/2tsVBLk




4.




5.



6.



7.



8.



ลูกกรงเหล็กกันการขโมยศพที่สุสานใน Logierait, Scotland, image by Judy Willson (CC BY-SA 3.0

9.



Chicken Thief Gun 



เรื่องเดิม ศพอาจารย์ใหญ่



Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2562
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2562 20:49:40 น.
Counter : 1859 Pageviews.

1 comments
วันอังคารที่1กค มีงานนำเสนอสตาร์ทอัพ"ไทย"ที่พร้อมไปบุกตลาดจีน💡   peaceplay
(22 มิ.ย. 2568 12:57:29 น.)
สวนรถไฟ : นกเฉี่ยวบุ้งใหญ่ ผู้ชายในสายลมหนาว
(19 มิ.ย. 2568 13:46:10 น.)
สวนรถไฟ : นกสีชมพูสวน ผู้ชายในสายลมหนาว
(16 มิ.ย. 2568 15:03:09 น.)
เปิดดีเทลมงกุฎ Miss World พร้อมส่องตำนานและความหมายสุดลึกซึ้ง newyorknurse
(4 มิ.ย. 2568 06:18:13 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณอุ้มสี, คุณSweet_pills

  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สาวไกด์ใจซื่อ Review Food Blog ดู Blog
ravio Education Blog ดู Blog

เจิมอ่าน และโหวตค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:5:16:13 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ravio.BlogGang.com

ravio
Location :
สงขลา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]

บทความทั้งหมด