นกเพนกวินขยายพันธุ์ในทุ่งสังหาร Falklands ![]() หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ Falklands เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ระยะทางประมาณ 300 ไมล์ทางตะวันออกของชายฝั่ง Patagonian ใต้ของอเมริกาใต้ หมู่เกาะแห่งนี้มีเกาะเล็กเกาะน้อยมากกว่า 776 เกาะ เป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษตั้งแต่ปี 1833 แม้ว่าอาร์เจนตินาจะยังคงอ้างว่าหมู่เกาะเหล่านี้ อยู่ในดินแดนของประเทศตนมาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากที่ได้ประกาศเอกราชจากสเปญในปี 1816 แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมาก เพราะกองเรือรบยังห่างชั้นจากอังกฤษมาก ทำให้ทั้งสองประเทศนี้มีข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะแห่งนี้กันมาอย่างยาวนาน ในปี 1982 อาร์เจนตินาจึงได้เข้ายึดครองหมู่เกาะดังกล่าว ทำให้เกิดสงครามระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนตินา ที่เรียกกันว่าสงคราม Falklands War ในช่วงระยะเวลา 10 สัปดาห์ช่วงทำสงครามขั้นแตกหัก ทหารอาร์เจนตินาตายจำนวน 650 คน ทหารของอังกฤษตายจำนวน 250 คน ชาวเกาะฟอล์กแลนด์ตาย 3 คน ในที่สุดเกาะฟอล์กแลนด์ก็กลับเป็นของอังกฤษตามเดิม แต่ผู้ชนะที่แท้จริงคือ นกเพนกวินของเกาะฟอล์กแลนด์ ในช่วงศตวรรษที่ 18 เป็นช่วงเวลาที่นิยมการล่าปลาวาฬมาก อุตสาหกรรมน้ำมันปลาวาฬกำลังเฟื่องฟูมาก และหมู่เกาะ Falklands ก็ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะมาก สำหรับการล่าปลาวาฬและการสกัดน้ำมันจากปลาวาฬ โดยกระบวนการผลิตน้ำมันปลาวาฬนั้น จะมีการตัดแยกไขมันออกจากตัวปลาวาฬ และไขมันจะถูกต้มในน้ำเดือดเพื่อให้เหลวในถังขนาดใหญ่ ก่อนที่จะเทกรองแยกไขมันปลาวาฬออกจากน้ำที่ต้ม แต่หมู่เกาะ Falklands ปราศจากต้นไม้ มีพืชชนิดเดียวที่นี่ที่มีมาก คือ พุ่มไม้เล็ก ๆ ที่ทนต่อแรงลม ซึ่งแทบไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเปลืองในการทำเป็นเชื้อเพลิง แต่เรื่องที่จัดว่าโชคดีอย่างหนึ่งของนักล่าปลาวาฬ แต่จัดว่าเป็นโชคร้ายของพวกนกเพนกวิน ที่เป็นทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์อีกอย่างหนึ่งบนเกาะ คือ การใช้น้ำมันจากไขมันของนกเพนกวินเป็นเชื้อเพลิงทดแทนต้นไม้ เพราะพวกเพนกวินมีชั้นไขมันสะสมจำนวนมากอยู่ใต้ผิวหนังของพวกมัน ทำให้พวกนักล่าปลาวาฬรู้ดีว่าไขมันของพวกมันเป็นเชื้อเพลิงที่ทดแทนได้ดีเยี่ยม รวมทั้งนกเพนกวินไม่ใช่เป็นพวกสัตว์นักสู้/ดุร้าย และค่อนข้างเชื่องตามนิสัยธรรมชาติยิ่งทำให้ง่ายมากกับการจับมาทำเชื้อเพลิง ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ไฟฟืนเริ่มมอดลง พวกนักล่าปลาวาฬก็คว้านกเพนกวินไม่กี่ตัวแล้วโยนลงในกองไฟทั้งตัวเลย จนกระทั่งธุรกิจน้ำมันปลาวาฬต้องเลิกกิจการลงในปี 1860 เพราะมีนักวิทยาศาสตร์ผลิตไขมันจากน้ำมันปิโตรเลียมทดแทนน้ำมันปลาวาฬได้แล้ว แต่พวกนกเพนกวินนับล้านตัวก็ถูกเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิงกว่า 300 ปีที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ก่อนที่ชาวยุโรปจะมาถึงหมู่เกาะ Falklands บรรดาเกาะแก่งต่าง ๆ เต็มไปด้วยกองทัพเพนกวินมากกว่า 10 ล้านตัว แต่ตัวเลขนี้ลดลงถึง 95% เพราะการฆ่าอย่างล้างผลาญของบรรดานักล่าปลาวาฬ และการทำประมงอย่างหนักหน่วงในช่วงหลังสงคราม Falklands สิ้นสุดลง เมื่อ ทหารอาร์เจนตินาต้องการให้เกาะ Falklands กลับมาในอ้อมแขนของประเทศตน และเพื่อยับยั้งทหารอังกฤษจากการเข้ายึดครองพื้นที่บนเกาะแห่งนี้ ทหารอาร์เจนตินาจึงได้วางทุ่นระเบิดมากกว่า 20,000 ลูก ตามบริเวณชายหาดและทุ่งหญ้าใกล้เมืองหลวงของเกาะ Falklands แม้ว่าหลังจากสงคราม Falklands War สิ้นสุดลงแล้ว รัฐบาลอังกฤษก็ได้พยายามกวาดล้างทุ่นระเบิด แต่เป็นความพยายามที่ไร้ผลทั้งยังอันตรายและลำบากอย่างแรง ดังนั้น รัฐบาลอังกฤษจึงตัดสินใจที่จะปิดกั้นบริเวณที่เป็นทุ่งสังหารที่มีกับระเบิด โดยปิดป้ายเตือนให้ผู้คนออกให้ออกห่างจากพื้นที่ดังกล่าว แต่ทุ่งสังหารที่มีทุ่นระเบิดเหล่านี้กลับกลายเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะสำหรับพวกนกเพนกวินมักจะมีน้ำหนักเบามากพอที่จะเหยียบทุ่นระเบิดโดยไม่ระเบิดได้ ดังนั้น พวกนกเพนกวินจึงเดินไปรอบ ๆ ในพื้นที่ทุ่งสังหารได้อย่างสบายใจ ในการหาคู่เพื่อทำรังและเดินเตาะแตะภายในบริเวณดังกล่าวเพื่อผสมพันธุ์ ทำให้ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาจำนวนประชากรนกเพนกวินจึงได้เพิ่มขึ้น จกทุกวันนี้ หมู่เกาะฟอล์กแลนด์มีนกเพนกวินกว่า 1 ล้านตัว เขตรักษาพันธุ์ที่แปลกประหลาดแห่งนี้ ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นที่ยอดนิยม และเหมาะสมอย่างยิ่งกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยไม่จำเป็นต้องกำจัดทุ่นระเบิดออกไปอีกเลย หมู่เกาะฟอล์กแลนด์มีคนอาศัยประมาณ 3,000 คน แต่มีแกะราว 700,000 ตัวและยังมีสถานที่ประมงอีกหลายแห่ง แต่มีประชากรนกเพนกวินจำนวนมหาศาลจาก 5 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ Southern Rockhoppers นักกระโดดบนหินผาชาวใต้ Magellanic นักเดินเรือชื่อดัง, King ราชาอังกฤษ, Gentoo นักสวดเสียงดัง, และ Macaroni นักแฟชั่น ชื่อของนกเพนกวินเหล่านี้ได้มาตามพฤติกรรมและรูปร่างของพวกมัน จำนวนประมาณการนกเพนกวินทั้ง 5 ชนิดรวมกันในตอนนี้ราว 1 ล้านตัว จากเดิมที่มีอยู่ประมาณการ 10 ล้านตัวแต่ตายเพราะนักล่าปลาวาฬ และการทำประมงอย่างมากหลังสงครามสิ้นสุดลง แม้ว่าการครอบครองหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ของอังกฤษ จะเป็นเรื่องที่ปวดร้าวใจชาวอาร์เจนติน่าที่ต้องสูญเสียดินแดนไป แต่ที่ผ่านมา ผู้นำอาร์เจนตินาก็ไม่เคยพยายามที่เรียกร้องเรื่องนี้อย่างจริงจังแต่ประการใด ในเวลาต่อมา รัฐบาลทหารซึ่งนำโดยนายพล Leopoldo Galtieri กำล้งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเพราะประชาชนไม่นิยมผลงานบริหาร ทั้งยังมีข้อครหาในเรื่องการลักพาตัว การฆ่าผู้นำฝ่ายค้าน และการสังหารหมู่ฝ่ายซ้าย ทำให้นายพล Leopoldo Galtieri เริ่มรู้สึกกังวลอย่างมาก ยิ่งเศรษฐกิจอาร์เจนตินาเริ่มตกต่ำลง ความกลัวว่าจะเกิดการจลาจลอย่างรวดเร็วจากชาวบ้านที่เริ่มไม่พอใจรัฐบาลเผด็จการ นายพล Leopoldo Galtieri จึงปลุกระดมความรักชาติด้วยการบุกยึด Falklands ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการป้องกันการโจมตีทางทหารแต่อย่างใด ในวันที่ 2 เมษายน 1982 อาร์เจนตินาจึงได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็ว และประกาศชัยชนะเหนืออังกฤษในดินแดนหมู่เกาะ Falklands แต่ความสำเร็จของอาร์เจนติมามีระยะเวลาที่สั้นมาก และเป็นโชคร้ายอย่างแรงสำหรับ Leopoldo Galtieri เพราะเจอกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Margaret Thatcher นางสิงห์เหล็ก เจ้าของวาทกรรม การเมืองต้องเลือกข้าง คุณจะวางตัวเป็นกลางไม่ได้ เพราะถ้าคุณยืนอยู่กึ่งกลางถนน คุณมีโอกาสจะถูกรถยนต์ชนตายได้ทั้งสองข้าง นางสิงห์เหล็กก็ไม่พอใจรัฐบาลเผด็จการทหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้ว่าดินแดนดังกล่าวจะไม่ใช่พื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ และอังกฤษก็ไม่มีผลประโยชน์มากมายในดินแดนนี้เลยก็ตาม แต่อังกฤษก็ทำการโจมตีตอบโต้กลับในเวลาต่อมา เพื่อคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและอธิปไตยในดินแดน อังกฤษเคยมีฉายาว่า เจ้าของดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะในอดีตมีอาณานิคมตั้งแต่ทวีปออสเตรเลีย เอเซีย อัฟริกา ยุโรป และอเมริกา ในช่วงสงครามหมู่เกาะ Falklands อังกฤษได้ใช้เวลาเตรียมการรบและพร้อมรบไม่เกิน 2 เดือน อังกฤษก็มีชัยเด็ดขาดเหนืออาร์เจนติน่า พร้อมกับนำความล่มสลายให้กับรัฐบาลเผด็จการ Leopoldo Galtieri ในเวลาต่อมา หลังจากสงครามสงบลงแล้ว ผู้นำอังกฤษเพิ่งจะตระหนักว่าได้ใช้เงินไปหลายล้านปอนด์ในการนี้ ทั้งนี้เพื่อยืนยันสิทธิการครอบครองหมู่เกาะ Falklands และน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริง ให้ประชาชนเชื่อว่าค่าใช้จ่ายในการทำสงครามคราวนั้น คุ้มค่ามาก คุ้มจริง ๆ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม คุ้มยิ่งกว่า แฟลตปลาทอง วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำได้คือ ให้หมู่เกาะ Falklands เป็นแหล่งประมง ดังนั้น รัฐบาลอังกฤษจึงจัดตั้งเขตการประมงขึ้นมารอบ ๆ เกาะ และเริ่มขายใบอนุญาตให้กับทุกคนตั้งแต่ชาวเกาะท้องถิ่น ไปจนถึง บริษัทประมงขนาดใหญ่ระดับนานาชาติ แม้ว่าจะเป็นแผนการที่ดีและแสนชาญฉลาดของรัฐบาลอังกฤษ แต่ยกเว้นสำหรับนกเพนกวินที่ต่างอาศัยปลา ในแหล่งประมงกันเพื่อความอยู่รอด การแข่งขันกับมนุษย์ในการแย่งชิงอาหารในบริเวณนั้น กลับกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่า สำหรับนกเพนกวินมากกว่าการล่าปลาวาฬในอดีต เพราะในทศวรรษเดียวประชากรนกเพนกวินของหมู่เกาะต่าง ๆ ลดลงจาก 6 ล้านตัวเหลือน้อยกว่า 1 ล้านตัว ผลของสงครามหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ และอุปทานที่ลดน้อยลงของปลา พร้อมกับข้อเรียกร้องอย่างจริงจังเรื่องผลกระทบต่อนกเพนกวินท้องถิ่น จึงนำไปสู่การเจรจาทางการเมืองระหว่างประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป พยายามหันหน้าเจรจาทางการทูตมากกว่าการทำสงคราม ผลที่ตามมาทั้งสองฝ่ายต่างไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงทำสงครามกันอีก เพราะต้องทุ่มเททรัพยากรลงไปแบบขาดทุนกันทั้งสองประเทศ แบบสันติภาพมีต้นทุน/ค่าใช้จ่ายโดยรวมมักจะน้อยกว่าการทำสงคราม แม้ว่าจะมีการสำรวจการขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งฟอล์กแลนด์ โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจะมีน้ำมันที่มีมูลค่าราว 11 พันล้านบาร์เรลถูกฝังอยู่ที่นั่น แต่เรื่องนี้ยิ่งเป็นข่าวดีสำหรับพวกนกเพนกวินทั้งมวล เพราะตราบใดที่ยังมีความตึงเครียดและความขัดแย้งที่แหลมคม ระหว่างทั้งสองประเทศยังคงอยู่ แบบยังไม่ใช่มิตร ยังไม่ใช่ศัตรู พวกนกเพนกวินบนหมู่เกาะ Falklands ก็ยังอยู่ได้อย่างสงบ ในขณะที่ พื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของโลก ถ้ามีน้ำมันที่รั่วไหลออกมาจากสถานีขุดเจาะน้ำมัน เรื่องนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าคือ มหันต์ภัยอย่างร้ายแรงสำหรับพวกนกเพนกวิน เพราะพวกนกเพนกวินต้องอาศัยน้ำมันในขนของพวกมัน เพื่อที่จะรักษาความสมดุลย์และการพยุงตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อถูกกับน้ำมันดิบแล้ว พวกนกเพนกวินจะจมลงและจมน้ำตาย หรือต้องลอยตัวอยู่บนน้ำและอดตายในที่สุด เรียบเรียง/ที่มา https://bit.ly/2JmfidL https://bit.ly/2kYaQYt https://bit.ly/2JeTDZ4 ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เรื่องเล่าไร้สาระ หนี้เลือดรอการค้นพบที่อาร์เจนตินา สงครามสกปรก Dirty War จากการรัฐประหารของทหารฝ่ายขวาจัดอาร์เจนตินา มีการฆ่าพวกฝ่ายซ้ายนิยม Marxist ตายไปเป็นจำนวนมาก ทั้งยังใช้ คุก ทหาร ศาล ตำรวจ โรงพยาบาล เป็นสถานที่ยัดเยียดความเป็นธรรมให้กับฝ่ายตรงข้าม ขณะเดียวกันก็นิรโทษกรรมความผิดหรืออภัยโทษพวกตน เพื่อให้หลุดพ้นจากความผิด/การถูกลงโทษภายหลัง ในปี 1977 เริ่มมีการประท้วงจากสตรี 14 คน แม่บ้านที่อาชีพรับจ้างทั่วไปหรือผู้ยากไร้ ด้วยการเดินรอบจตุรัส Mayo ตรงข้ามทำเนียบประธานาธิบดี ใช้ชื่อกลุ่มว่า Mothers of Plaza de Mayo เพื่อทวงถามความยุติธรรม และถามว่าลูกของพวกตนหายไปไหน จากการถูกจับกุมคุมขังของทหารตำรวจ แต่รัฐบาลขวาจัดไม่พอใจอย่างแรง จึงมีคำสั่งฆ่าแกนนำ 5 คนทิ้ง ด้วยการโยนศพทุกคนลงในแม่น้ำจากเฮลิคอปเตอร์ แต่เรื่องนี้ยิ่งทำให้พวกแม่บ้านยิ่งไม่กลัว กลับรวมตัวประท้วงกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จนรัฐบาลขวาจัดเริ่มปอดแหกไม่กล้ายุ่งกับกลุ่มนี้อีก ต่อมา มีข่าวระแคะระคายว่า มีการนำลูกของลูกสาวผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมคุมขังไปให้คนอื่นเลี้ยง หลังจากที่แม่คลอดลูกเรียบร้อยแล้วก็จะฆ่าแม่เด็กทิ้ง โดยมีข้อมูลจากบุรุษนิรนามแอบส่งมาให้ จึงมีกลุ่ม Grandmothers of Plaza de Mayo ขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่งเพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจ DNA เพื่อหาหลานของพวกตนเองกลับมาให้จงได้ ขบวนการนี้ใช้เวลาถึง 40 ปีแล้ว และสามารถตามหาหลานของพวกตนคืนได้ 120 คนแล้ว หลังการล่มสลายของระบบเผด็จการทหารในอาร์เจนติน่า ที่มีแนวคิดบ้าคลั่ง/วิกลจริตในการนำทารกไปให้คนอื่นเลี้ยง เพื่อกลบเกลื่อนความชั่ว/ความผิดบาปในใจของพวกตน หรือฆ่าทารกที่เกินกว่า 2 ขวบทิ้งพร้อมกับแม่ แนวคิดนี้คาดว่าได้มาจากพวกนาซีเยอรมันนี ที่หลายคนหลบหนีเข้าไปอยู่ในอาร์เจนตินา โดยประกอบอาชีพต่าง ๆ บังหน้า เช่น อดอล์ฟ ไอชมันน์ ที่ถูกยิวจับได้ที่นั่น แล้วลักลอบพาตัวไปขึ้นศาลที่อิสราเอล รวมทั้งมีนาซีเยอรมันบางคน ที่ยิวฆ่าทิ้งเองในอาร์เจนตินากับในที่อื่น ๆ หลังจากฝ่ายซ้ายได้กลับมามีอำนาจ ตามระบอบประชาธิปไตย โดยผลการเลือกตั้งของชาวบ้าน ได้มีการไล่ทหาร ตำรวจ ผู้พิพากษา หมอ ผู้คุม ผู้ที่มีเอี่ยวกับเผด็จการในอดีตจำนวนมาก ให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่รัฐการ พร้อมกับจับกุมนำตัวมาดำเนินคดีย้อนหลัง แม้ว่าตามหลักนิติรัฐนิติธรรม กฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง เว้นแต่ส่วนที่เป็นคุณประโยชน์ แต่ก็มีการแก้ไขกฎหมายใหม่ ให้มีผลย้อนหลังกับผู้กระทำความผิดทุกคน ที่ก่อรัฐประหารและทำสงครามสกปรก โดยไม่มีอายุความแบบอาชญากรสงคราม/นาซีเยอรมัน โดยเลียนแบบกฎหมายเยอรมันนี เพราะถือว่า พวกนี้ใช้ช่องว่างกฎหมาย หลีกหนีความผิดของตนเอง ด้วยการนิรโทษกรรมหรืออภัยโทษให้พวกตนเอง จนทุกวันนี้ยังมีการตามล้างตามเช็ดคนเหล่านี้ รวมทั้งยังมีพวกบาทหลวง ที่ทำตัวเป็นสายลับสองหน้า โดยอาศัยคำสารภาพบาปของชาวบ้าน ใช้เป็นข่าวสารชี้ช่องให้ทหารตำรวจไปจับกุมฝ่ายซ้าย ทำให้พวกฝ่ายซ้ายบางคน เกลียดชังพวกบาทหลวงมาก เพราะเรื่องการเปิดเผยความลับ จากคำสารภาพบาปของคนในครอบครัวตน จนมีการจับกุมตัวบาทหลวงบางคน มาพิจารณาพิพากษาและติดคุกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการไม่ยอมรับหลักการศาสนาคริสต์ ที่ห้ามการทำแท้งหรือการหย่าระหว่างคู่สมรส แม้ว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ในประเทศเขตละตินอเมริกา จะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคจำนวนมากก็ตาม แต่ฝ่ายซ้ายต่างออกกฎหมายยกเลิกแนวคิดทางศาสนาทั้งหมด เพราะความคับแค้นใจส่วนหนึ่งในอดีต จากการถุกบาทหลวงบางคนทรยศในอดีต ในช่วงสงคราม Falklands นั้น หน่วยทหารที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันคือ ทหารกูรข่า ซึ่งมีกิติศัพท์ขึ้นชื่อว่า ลุยไปข้างหน้าไม่มีการถอยหลัง ตามคติและธรรมเนียมความเชื่อของพวกตน รวมทั้งผลตอบแทนจากรายได้อาชีพนี้ดีมาก สำหรับชาวเนปาลที่ยากจนต่างอยากมีอาชีพนี้ เพราะการเป็นทหารรับจ้างที่ผ่านการคัดเลือกจากอังกฤษ เรียกว่ายกฐานะครอบครัวได้ทันที ทำให้ทหารกลุ่มนี้ไม่กลัวตาย กลัวความยากลำบาก ในตอนที่รบในสงคราม Falklands ทางอังกฤษก็ปล่อยข่าวโฆษณาชวนเชื่อตลอดเวลาว่า จะใช้ทหารกูรข่าเข้ารบในแนวหน้า ซึ่งมีผลทางจิตวิทยาสงครามอย่างมาก เพราะทหารอาร์เจนตินาที่เคยรบกับทหารพวกนี้ ส่วนมากมักจะตายแบบศพไม่สวยซักราย เพราะถูกทหารกูรข่าฟันดับศพยับเยิน แบบทหารกูรข่าเดินหน้าฆ่าลูกเดียว ถ้าไม่ยอมจำนน ทำให้การรบในช่วงหลัง ๆ ที่ Falklands ทหารอาร์เจนตินาต่างพ่ายแพ้ต่อสงครามทางจิตวิทยา จึงยอมถอดใจ/ยอมจำนนง่าย ๆ ในช่วงการรบตอนท้าย ๆ แต่รัฐบาลอังกฤษไม่ยอมกล่าวถึง ผลงานของทหารกูรข่าเพราะถือว่าเป็นทหารรับจ้าง เพราะจริง ๆ แล้วอับอายกับประสิทธิภาพ และความสามารถในการรบของทหารสัญชาติอังกฤษส่วนใหญ่ ที่ต่างปอดแหกไม่กล้าบุกยึดแนวหน้าแบบทหารกูรข่า |
บทความทั้งหมด
|