ไปออกกำลังกาย
ก่อนไปออกกำลังกาย ควรถามตนเองเสียก่อนว่า พร้อมหรือไม่?
ถ้าอดนอนมาหลายวัน ถ้าอุปกรณ์การเล่นและเครื่องแต่งกายไม่พร้อม ถ้ามีไข้เจ็บคอไอมาก
วันนั้นก็ไม่ควรจะไปออกกำลังกาย เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ อาการเจ็บป่วยอาจเป็นมากขึ้น
แต่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ สามารถไปออกกำลังกายได้ การออกกำลังกายจะช่วยทำให้ อาการภูมิแพ้ลดลงร่างกายแข็งแรงขึ้น
การแต่งกายควรเลือกประเภทที่ปลอดภัยและประเภทที่เหมาะสม กับชนิดของการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายบางชนิดต้องสวมหมวก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เพื่อป้องกันแดดร้อน หรือเพื่อป้องกันเส้นผมหลุดร่วง
การออกกำลังกายบางชนิด หากผมยาวควรรวบผม เพื่อไม่ให้รบกวนใบหน้าขณะออกกำลังกาย หรือเพื่อป้องกันการต้านลม หรือเพื่อป้องกันการถูกกระชากขณะออกกำลังกาย
เสื้อกางเกง หรือชุดกีฬาโดยปกติจะไม่เหมือนกัน เพราะจะออกแบบมา สอดคล้องกับชนิดของกีฬาที่เล่น เช่น ชุดยูโด ชุดฟันดาบ ชุดขี่ม้า ชุดฟุตบอล ชุดยิมนาสติก หรือชุดว่ายน้ำ จึงไม่สมควรที่จะนำ เสื้อผ้าของกีฬาแบบหนึ่งไปใช้ออกกำลังกายกับกีฬาอีกแบบหนึ่ง
ยิ่งกว่านั้น เสื้อกางเกงหรือชุดกีฬาที่เลือกใช้ ควรจะสอดคล้องกับสภาพอากาศด้วย
เช่น ถ้าอากาศหนาว นักฟุตบอลควรจะสวมเสื้อแขนยาว และสวมกางเกงชั้นในแนบเนื้อเพิ่มขึ้นจากกางเกงฟุตบอลตามปกติ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นภายในให้ร่างกาย
รองเท้า แน่นอนไม่ควรจะสวมรองเท้าแตะไปออกกำลังกาย แต่ควรจะเลือกรองเท้าหุ้มส้น ที่ถนัดเท้า มีลักษณะเบา และเหมาะสมกับกิจกรรมมากกว่าความสวยงาม
เช่น รองเท้าไต่หน้าผา คงไม่มีใครคิดจะเลือกที่รูปร่างสวยงาม มากกว่าความเบาและความปลอดภัย
รองเท้าแบดมินตันจะไม่เหมาะกับการนำไปวิ่งระยะทางไกล เพราะจะไม่ช่วยลดแรงกระแทก
รองเท้าสำหรับวิ่งระยะทางไกลก็จะไม่เหมาะที่จะนำไปใช้ใส่เล่นบาส เพราะไม่มีส่วนที่หุ้มข้อ ซึ่งอาจจะทำให้ข้อเท้าแพลงได้
ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหลังจากทานอาหารมื้อหนักทันที ควรจะนั่งพักอย่างน้อย 2 ชั่วโมง แต่หากจะทานเล็กน้อยก่อนออกกำลังกายก็พอจะกระทำได้
และระหว่างการออกกำลังกายจนเหนื่อย ควรจะดื่มน้ำเล็กน้อยเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ
โดยปกตินักวิ่งมาราธอนจะดื่มน้ำทุกๆ 10-15 นาที หลังจากเริ่มวิ่งไปแล้วประมาณ 30 นาที
ควรจะออกกำลังกายในแต่ละครั้งให้ครบ 3 กลุ่ม คือ
การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และ การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความอดทน (การออกกำลังกายหัวใจ)
โดยเริ่มจากการยืดกล้ามเนื้อในระยะอุ่นเครื่อง เพื่อลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อันนี้เป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น
เสร็จแล้วก็จะต่อด้วยการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เช่น ยกน้ำหนัก ชักเขย่อ ปีนหน้าผา
หรือการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความอดทน เช่น เดิน วิ่ง ถีบจักรยาน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก
เสร็จแล้วก็จะปิดการออกกำลังกายด้วยการออกกำลังกายเบาๆ เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อบาดเจ็บ อันหลังนี้เป็นการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นอีกครั้งหนึ่ง
หากจะออกกำลังกาย ที่จะเพิ่มทั้งความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และเพิ่มความอดทน ก็ควรจะออกกำลังกายประเภท พายเรือ เล่นวินด์เซิร์ฟ ชกมวย หรือเล่นเทนนิสกับคู่เล่นที่มีฝีมือ คู่คี่หรือเก่งกว่า
ในช่วงแรกของการออกกำลังกาย ควรจะเริ่มต้นด้วยจังหวะช้า และไม่หนัก แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายก็จะเริ่มเหนื่อย ขับเหงื่อออกมา การหายใจจะหายใจสั้นและถี่
ยิ่งออกกำลังกายต่อไป หัวใจก็จะเต้นเร็วถี่และแรงขึ้น จนสามารถมองเห็นและได้ยินได้โดยคนที่อยู่ใกล้ ร่างกายจะยิ่งอ่อนล้าลง เดินเป๋ ตีลูกหรือขว้างลูกจะขาดทิศทาง จะคุมจังหวะตัวเองไม่ได้
หากยิ่งออกกำลังกายต่อไปอีก ร่างกายก็จะถึงจุดสูงสุดของการออกกำลังกาย
เช่น มีอาการหอบลิ้นห้อยที่ยังพอจะพูดคุยได้บ้าง แต่น้ำเสียงจังหวะการพูดจะเปลี่ยนไปหมด
มือไม้เริ่มสั่น จนเริ่มจะควบคุมไม่ให้สั่นไม่ได้ หรือขนาดอ๊วกอาเจียนออกมา โดยควบคุมไม่ได้
อย่างนี้ควรจะหยุดพักหรือลดระดับการออกกำลังกายลง เพราะถ้ายังฝืนออกกำลังกายต่อไป หัวใจอาจจะรับไม่ได้ อาจจะช๊อคไม่รู้สึกตัว และถึงขั้นเสียชีวิต
การเพิ่มขนาดของการออกกำลังกาย ถ้าเป็นการวิ่ง ควรเริ่มจากระยะทางก่อนการเพิ่มที่ความเร็ว ถ้าเป็นการยกน้ำหนักควรเพิ่มจำนวนครั้งก่อนการเพิ่มน้ำหนักที่ยก และควรเพิ่มเป็นรายอาทิตย์ โดยเพิ่มอาทิตย์ละไม่เกิน 10% ของระดับที่ทำได้จนเคยชิน
แต่ถ้าไม่ต้องการจะเพิ่ม ก็สามารถกระทำได้โดยออกกำลังกาย ที่ระดับเดิมไปเรื่อยๆ การเพิ่มขนาดของการออกกำลังที่เร็วเกินไปอาจจะทำให้บาดเจ็บได้ง่าย
สำหรับผู้ที่ร้างรากับการออกกำลังกายไปนานๆ มากกว่า 2 เดือนขึ้นไป การเริ่มออกกำลังกายใหม่อีกครั้งหนึ่ง ควรจะเริ่มต้นจากน้อยไปก่อน
การเริ่มที่ระดับสุดท้ายก่อนจะร้างรา จะทำให้อาจเป็นอันตราย และเหนื่อยล้าได้ง่าย
การเริ่มออกกำลังกายใหม่อีกครั้งหนึ่งในตอนเช้า จะเร่งให้อยากขับถ่าย ฉะนั้นควรจะขับถ่ายให้เรียบร้อยก่อนจะไปออกกำลังกายตอนเช้า
ไม่ควรจะฝืนออกกำลังกาย ถ้ามีการบาดเจ็บเกิดขึ้น โดยเฉพาะถ้ามีการบาดเจ็บประเภทการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ (sharp shooting pain) ควรจะหยุดทันที
การออกกำลังกายที่ดี ควรกระทำไม่น้อยกว่า 20 นาทีต่อครั้ง และไม่ควรเกิน 90 นาที(1.30ชั่วโมง)ต่อครั้ง และควรออกกำลังกายให้ได้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์
แต่ไม่ควรฝืนถ้าร่างกายไม่พร้อม อาจจะลดระดับการออกกำลังกายลงหรือหยุดการออกกำลังกายไปก่อน แล้วค่อยปรับมาสู่ระดับเดิมเมื่อร่างกายพร้อม
ถ้าอยากอ้วน ไม่ต้องไปออกกำลังกาย
ถ้าอยากผอม ไปออกกำลังกาย ดีกว่ายอมอดหรือกินยาลดความอ้วน
เพราะคนออกกำลังกาย ร่างกายจะเฟิร์ม ฟิต กินอิ่ม และคล่องตัว
แต่คนยอมอดหรือกินยาลดความอ้วน จะหิวอย่างทรมาน
หุ่นผอมบางแบบคนอ่อนแรง กล้ามเนื้อก็เหลวอ่อนยวบยาบ
คนหล่อ คนสวย คือคนที่ไปออกกำลังกายเป็นประจำ
.. ลองถามเขาได้
Create Date : 21 พฤษภาคม 2548 |
|
17 comments |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2548 2:16:59 น. |
Counter : 2380 Pageviews. |
|
|
|
|
ปกติคิดไปปุ๊บก็ออกบ้านไปเลย ไม่ค่อยได้เตรียมตัวอะไร อิอิ