สกลนคร นครพนม - ทัวร์ตามรอยหลวงปู่ ตอน 7 ... วัดพระธาตุเชิงชุม - วัดพระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมเป็นวัดประจำปีเกิดของลูกทัวร์ครั้งนี้ เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนเดินทางจึงแวะไหว้พระธาตุเชิงชุมก่อน ครั้งหนึ่ง ขุนขอม ราชบุตรเจ้าเมืองอินทปัตนคร (เขมร)  ได้พาครอบครัวบ่าวไพร่ของตนมาสร้างเมืองขึ้นที่ริมหนองหารหลวง ชื่อเมืองหนองหารหลวง ขึ้นต่อเขมร  ขุนขอมมีราชบุตรคนหนึ่งชื่อสุรอุทกกุมาร  เมื่ออายุ 15 พรรษา ขุนขอมผู้บิดาถึงแก่กรรม จึงได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองชื่อ พญาสุรอุทก พญาสุรอุทก มีบุตรชายสององค์ คือเจ้าภิงคาร และ เจ้าคำแดง วันหนึ่งพญาสุรอุทก สั่งให้เสนาออกตรวจบ้านเมืองของตนไปจนถึงปากน้ำมูลดงพญาไฟ เขตติดต่อเขมร พบว่า ขุนขอมบิดาของพระองค์ กับเจ้าเมืองเขมรได้มอบให้ธนมูลนาค เป็นผู้รักษาอาณาเขต พญาสุรอุทกทรงพิโรธว่า ปู่กับบิดามอบอำนาจให้ธนมูลนาค ซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานรักษาอาณาเขตบ้าน เมือง จึงชักพระขรรค์คู่กำเนิดและแกว่ง ออกทำฤทธิ์ไปทั่วน้ำมูลแสดงฤทธิ์ข่มขู่  ธนมูลนาคก็ทำฤทธิ์แสดงตนให้พญาสุรอุทกเห็นเป็นอัศจรรย์ต่าง ๆ นานา  จนพญาสุรอุทก ต้องยกพลกลับบ้านเมืองของตน ธนมูลนาคยังคงโกรธแค้นที่ถูกลบหลู่ จึงจัดโยธางูในอำนาจติดตามไปถึงหนองหารหลวง แล้วให้ต่างแปลงตัวเป็นฟานเผือกขาวงาม เดินผ่านเมืองไปที่โพธิ์สามต้น พญาสุรอุทก ทราบว่ามีฟานขา จึงสั่งให้นายพรานไปล้อมจับเป็นมาถวาย ในที่สุดนาคฟานถูกหน้าไม้อันมีลูกดอกผสมด้วยยาพิษ จึงสูบเอาวิญญาณของตนออกจากร่างฟาน ฟานก็ถึงแก่ความตาย เพราะฟานถูกคาถาให้หนักมากพรานขนกลับเมืองไม่ไหว พญาสุรอุทกจึงมีคำสั่งให้แร่เนื้อฟานมาถวาย แร่อยู่ 3 วัน 3 คืน ก็ไม่หมด พญาสุรอุทกจึงรับสั่งให้แจกจ่ายเนื้อฟานให้ชาวเมืองได้กินกันทั่วหน้า พอกลางดึก คนในเมืองนอนหลับ ธนมูลนาคกับกำลังรี้พลได้ขุดแผ่นดินเมืองหนองหารหลวงจนล่มลงเป็นน้ำผืนเดียวกับหนองหาร เจ้าภิงคาร เจ้าคำแดง กับผู้ที่รู้สึกตัวก่อนจมน้ำ ต่างว่ายน้ำออกไปอาศัยอยู่ตามเกาะดอนกลางหนองหาร แล้วต่อแพมาริมหนองหารหลวงข้างทิศใต้ เห็นว่าภูน้ำลอดเชิงชุมเป็นที่ชัยภูมิดี และเป็นที่ประชุมรอยพระพุทธบาท เจ้าภิงคารจึงตั้งสัตย์อธิษฐานตั้งบ้านสร้างเมืองขึ้นที่ภูน้ำลอดนี้  ทั้งจะได้ปฏิบัติรอยพระพุทธบาทด้วย ... บางตำนานจะเป็นเรื่องของ ท้าวผาแดง นางไอ่คำ และภังคี คลิก ... ขณะนั้นสุวรรณนาค พญานาคผู้ทรงศีลธรรม เป็นผู้รักษารอยพระพุทธบาทพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ที่ภูน้ำลอด ได้ผุดขึ้นมาจากพื้นอภิเษกให้เจ้าภิงคารเป็นเจ้าเมืองหนองหารหลวง พระนามว่า พระยาสุวรรณภิงคาร ได้อภิเษกกับพระนางนารายณ์เจงเวงราชธิดาของเจ้าเมืองเขมร ส่วนเจ้าคำแดงได้ไปสร้างเมืองหนองหารน้อย ... คือ อ.หนองหาร อุดรธานี พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า พระยาติโคตรบูรณ์ เมื่อชาติหนหลัง ได้นำเอา ลูกนก ไข่เต่า และไข่ตะกวดมากินและขายเลี้ยงชีวิต ครั้นเกิดมาจึงได้เป็นคนเข็ญใจและปราศจากบิดา มารดา บุตร ภรรยา และเสนาอำมาตย์ที่พึงใจ ดอยนี้จึงได้ชื่อว่า กัปปนคิริ แปลว่า ดอยเข็ญใจกำพร้า หรือ ภูกำพร้า ซึ่งก็คือ ที่ตั้งของพระธาตุพนม ต่อมาพระสมณะโคดมพร้อมด้วยพระสาวกอรหันต์ จำนวน 1,500 รูป  เสด็จมายังเมืองศรีโคตรบูร (นครพนม) มาฉันข้าวที่ภูกำพร้า หรือดอยเข็ญใจ  พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า ภายหลังที่ได้ปรินิพพานแล้ว จะมีสาวกของเราได้นำเอาพระอุรังคธาตุ(ธาตุหัวอก) 24 องค์ มาบรรจุไว้ ณ พระเจดีย์บนภูกำพร้านี้ เพื่อเป็นที่สักการบูชาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ภายหน้าจะรุ่งเรืองไปตราบเท่า 5000 พรรษา และพระองค์ยังทรงระลึกถึงพระพุทธเจ้าสามองค์ ที่เข้าสู่ปรินิพพานแล้ว ได้มาประชุมรอยพระบาทไว้ที่ภูน้ำลอดเชิงชุมทุกๆองค์ พระองค์เห็นว่าจวนจะเข้าปรินิพพานแล้วจึงพาสาวกพระอรหันต์ 500 องค์ ไปสู่ภูน้ำลอดเชิงชุม ประทานรอยประทับลงที่แผ่นศิลา ซึ่งฝังอยู่ที่ภูน้ำลอด ขณะนั้นพระยาสุวรรณภิงคาร ได้พร้อมบริวารมารับเสด็จพระพุทธเจ้า พระองค์ได้กระทำปาฏิหารย์ ให้พระยาสุวรรณภิงคารเห็นเป็นอัศจรรย์ คือให้มหารัตนมณีออกมาจากพระโอษฐ์ มีรัศมีรุ่งโรจน์โชติช่วง รัตนมณีทั้ง 3 ก็คือ พระเจ้ากุกกุฏสนธิ์ คือพระโกนาคมน์ คือพระเจ้ากัสสป ที่ล่วงลับเข้าสู่ปรินิพพานแล้ว ดวงที่ 4 ซึ่งเสด็จออกมาทีหลังก็คือองค์สัมมาสัมพุทธโคดม เมื่อหมดศาสนาพระพุทธเจ้าสมนโคดมครบ 5000 พรรษาแล้ว ยังจะมีพระศรีอาริยเมตไตรเจ้าองค์หนึ่ง ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกัปนี้ พระองค์ก็ยังจะได้มาประชุมรอยพระบาทไว้ที่นี้อีกจึงจะหมดภัทรกัป พระยาสุวรรณภิงคารเมื่อสดับฟังรสธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็มีความโสมนัสยินดีปรีดา เพราะว่าบ้านเมืองของตนตั้งอยู่ในสถานที่อันประเสริฐในรอยพระพุทธบาท พญาก็ถอดมงกุฏกษัตริย์สวมลงไปในรอยพระพุทธบาทเป็นเครื่องบูชา แล้วสร้างอุโมงค์ก่อเป็นรูปเจดีย์สวมรอยพระพุทธบาทไว้ที่คูน้ำลอดเชิงชุม ให้นามว่าพระเจดีย์พุทธบาทโรมชุมหรือเชิงชุม  รวบรวมตำนานเมืองสกลฯ จากอดีต ถึงปัจจุบัน อ่านเพิ่มเติมคลิก พระธาตุเจดีย์ ฐานสี่เหลี่ยม ทรงบัวเหลี่ยมยอดฉัตรทองคำ ซุ้มประตูโขงเปิดเข้าในองค์พระธาตุอยู่ในวิหารพระเจ้าองค์แสน กรอบประตูด้านขวา (ในรูป) มีจารึกวัดพระธาตุเชิงชุม เป็นภาษาเขมร แกะรอยอดีต "พระธาตุเชิงชุม" 4 ยุคอารยธรรม คลิก หลวงพ่อพระองค์แสน พระประธานในพระวิหาร ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง ตำนานว่า ในราวปี พ.ศ.1800 เมืองหนองหารหลวงเกิดแห้งแล้งต่อกัน 7 ปี และเกิดศึกสงคราม พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงอพยพไปอยู่ที่นครธม ก่อนย้ายได้นำพระสุวรรณแสนทองคำไปซ่อนไว้ในขุมลึกกลางหนองหาร ... ขุม แปลว่าหลุม และได้สร้างหลวงพ่อพระองค์แสนแทนไว้ ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบหนองหาร ส่วนใหญ่เป็นชาวนา+ชาวประมง  บ่อยครั้งที่ชาวบ้านที่เชื่อว่าต้องเป็นผู้มีบุญบังเอิญแหหรืออวนไปติดกับอะไรบางอย่างใต้น้ำ เมื่อดำลงไปก็เห็นองค์พระสีทององค์ใหญ่จมอยู่บริเวณนั้น แต่เมื่อทางราชการมาสำรวจนำนักประดาน้ำมาค้นหา ก็ไม่พบ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าหลวงพ่อที่จะอยู่ ณ ตรงนั้น เพื่อรอวันที่ผู้มีบุญวาสนามากพอมาเชิญหลวงพ่อขึ้นมา หรือจนกว่าจะมีพระพุทธเจ้าองค์ที่ห้า หรือพระศรีอาริยะเมตไตร มาประทับรอยพระพุทธบาทที่พระธาตุเชิงชุม วิหารตั้งอยู่ทางตะวันออกของเจดีย์ พระอุโบสถวัดพระธาตุเชิงชุมหลังเก่า ทางทิศใต้ของเจดีย์ เดิม ... ก่อสร้างด้วยอิฐและดินทรุดโทรมลง พ.ศ. 2457 รองอำมาตย์ตรี ขุนอร่ามรัษฎากรสมุห์บัญชีอำเภอธาตุเชิงชุม และขุนสมบัติไพศาล คหบดีของเมืองสกลนคร ได้ร่วมกันว่าจ้างช่างชาวญวนรื้อโบสถ์เก่าที่ชำรุดแล้ว ก่อสร้างหลังใหม่ขึ้น ขนาดเล็ก 3 คูหา ประตูทางเข้าและหน้าต่างเปิดโล่ง  ขอบประตูหน้าต่างลักษณะวงโค้งตามศิลปะของตะวันตก เพราะโบสถ์ที่สร้างไว้คับแคบไม่พอสำหรับพระในการทำสังฆกรรม จึงสร้างพระอุโบสถหลังใหม่เสร็จ ใน พ.ศ.2529 เมื่อเดือน 6 เพ็ญ วันพุทธปีชวด พระสัมนะโคดมบรมศาสดาเสด็จสู่ปรินิพพาน มัลลกษัตริย์ทั้งหลายได้ถวายพระเพลิงพระสรีระ แต่ไม่สำเร็จ  จนเมื่อพระมหากัสสปะมาถึงได้อธิษฐานว่า พระธาตุองค์ใดที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่ภูกำพร้า ขอพระธาตุองค์นั้นเสด็จมาอยู่บนฝ่ามือ พระอุรังคธาตุ ก็เสด็จมาอยู่บนฝ่ามือขวาของพระมหากัสสปะ  และไฟธาตุก็ลุกขึ้นโชติช่วง เผาพระสรีระได้เองเป็นอัศจรรย์ พระยาสุวรรณภิงคารทราบข่าวปรินิพพานจึง สร้างอุโมงค์ไว้คอยอุรังคธาตุ เพื่อรอแบ่งไว้สถาปนาเป็นที่สักการะบูชา โดยผู้คนฝ่ายผู้ชายพอใจจะไปก่ออุโมงค์ไว้ที่ดอยคูหา (ภูเพ็ก) ซึ่งเป็นพระแท่นบัลลังก์พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับบรรทมที่นั่น ฝ่ายผู้หญิงมีพระนางนารายณ์เจงเวงเป็นประธาน พอใจที่จะก่ออุโมงค์ที่สวนอุทยานเจงเวง และจะก่อสร้างสะพานด้วยหินศิลาแลงตามถนนออกจากเมืองให้ไปถึงอุทยานนารายเจงเวง ทั้งสองฝ่ายจึงแข่งกันสร้างอุโมงค์ให้เสร็จในวันและคืนเดียว (ยังค่ำคืนรุ่ง) ฝ่ายหญิงสั่งให้บ่าวเอาโคมไปขึ้นผูกโยงเสาให้สูงบนต้นไม้ เพื่อให้แสงสว่าง ฝ่ายผู้ชายที่ก่ออุโมงค์อยู่บนดอยคูหา เห็นแสงโคมก็สำคัญว่าดาวเพ็กหรือดาวประกายพรึก หรือดาวศุกร์ขึ้น คืดว่าเช้าแล้วจึงหยุดสร้าง จึงเสร็จเพียงแค่ขื่อ ฝ่ายหญิงก่อวันยังค่ำคืนยังรุ่งก็สำเร็จในคืนนั้น รุ่งขึ้นพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุ มาทางอากาศแล้วมาลงที่ดอยแท่น หลังจากที่ถวายพระเพลิงและแจกพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พญาสุวรรณภิงคารกับพระนางนารายณ์เจงเวงราชเทวี ขอแบ่งพระอุรังคธาตุ พระมหากัสสปะจึงตอบว่าที่นี้ไม่ใช่ภูกำพร้า จะแบ่งอุรังคธาตุพระพุทธเจ้าที่นี้ก็ผิดจากคำพระพุทธวัจนะซึ่งทรงให้ไว้ พระมหากัสสปะจึงให้พระอรหันต์กลับไปเอาถ่านไปหรือพระอังคารพระพุทธเจ้ามาให้แทน สถาปนาเป็นพระธาตุภูเพ็กและพระธาตุเจงเวง พระธาตุพนม เมื่อพญาทั้ง 5 คือ พญานันทเสน แห่งเมืองศรีโคตบูร นครพนม พญาจุลณีพรหมทัต แห่งเมืองจุลณี ... อาจเป็นอาณาจักรจามปาในเวียดนาม พญาอินทปัตถนคร เมืองเขมร พญาคำแดง แห่งเมืองหนองหานน้อย พญาสุวรรณภิงคาระ แห่งเมืองหนองหารหลวง ร่วมกับพระมหากัสสปะ และพระอรหันต์ 500 รูป ได้ช่วยกันสร้างพระธาตุพนมขึ้นใน พ.ศ. 5  โดย ปั้นดินดิบก่อแล้วเผาไฟ ตามคำแนะนำของพระมหากัสสปะคือ แบบพิมพ์ดินกว้างยาวเท่ากับฝ่ามือพระมหากัสสปะ แล้วก็ขุดหลุมกว้าง 2 วา ลึก 2 ศอก เท่ากันทั้ง 4 ด้าน ก่อดินขึ้นเป็นรูปเตา 4 เหลี่ยม สูง 1 วา โดยพญาทั้ง 4 แล้ว พญาสุวรรณภิงคาระก็ได้ก่อส่วนบน โดยรวมยอดเข้าเป็นรูปฝาปารมีสูง 1 วารวมความสูงทั้งสิ้น 2 วา ทำประตูเตาไฟทั้ง 4 ด้าน เอาไม้จวง จันทน์ กฤษณา กระลำพัก คันธรส ชมพู นิโครธ และไม้รัง มาเป็นพื้น เผาอยู่ 3 วัน 3 คืน เมื่อสุกแล้วจึงเอาหินหมากคอยกลางโคก มาถมหลุม เมื่อสร้างอุโมงค์ดังกล่าวเสร็จแล้ว พญาทั้ง 5 ก็ได้บริจาคของมีค่าบรรจุไว้ในอุโมงค์เป็นพุทธบูชา จากนั้น พระมหากัสสปะ ก็ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุ เข้าบรรจุภายในที่อันสมควร สร้างประตูด้วยไม้ประดู่ ใส่ดาลปิดไว้ทั้ง 4 ด้าน เพื่อปิดประตูอุโมงค์ทั้ง 4 นำเอาเสาศิลาจากเมืองกุสินารา1 ต้น มาฝังไว้ที่มุมเหนือตะวันออก แปลงรูปอัศมุขี (ยักษิณีหน้าเป็นม้า) ไว้โคนต้นเพื่อเป็นหลักชัยมงคลแก่บ้านเมืองในชมพูทวีป นำเอาเสาศิลาจากเมืองพาราณสี 1 ต้น ฝังไว้มุมใต้ตะวันออกแปลงรูปอัศมุขีไว้โคนต้น เพื่อหมายมงคลแก่โลก นำเอาเสาศิลาจากเมืองตักศิลา 1 ต้น ฝังไว้มุมเหนือตะวันตก พญาสุวรรณพิงคาระให้สร้างรูปม้าอาชาไนยไว้ตัวหนึ่ง หันหน้าไปทางทิศเหนือเพื่อแสดงว่าพระบรมธาตุเสด็จออกมาทางทิศทางนั้น และพระพุทธศาสนาจักเจริญรุ่งเรืองจากเหนือเจือมาใต้ พระมหากัสสปะให้สร้างม้าพลาหกไว้ตัวหนึ่ง คู่กัน หันหน้าไปทางทิศเหนือเพื่อเป็นปริศนาว่า พญาศรีโคตบูรจักได้สถาปนาพระอุรังคธาตุไว้ตราบเท่า 5,000 พระวัสสาเกิดทางใต้และขึ้นไปทางเหนือ เสาอินทขีล ศิลาทั้ง 4 ต้น ยังปรากฏอยู่ 2 ต้นนี้อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนอีก 2 ต้น ได้ก่อหอระฆังหุ้มไว้ พระธาตุพนมได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง จนเมื่อ วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2518 เวลา 19.38 น. ด้วยมีฝนตกพายุพัดแรงติดต่อมาหลายวันและความเก่าแก่ขององค์พระธาตุ พระธาตุพนมจึงได้ล้มทลายลงมาทั้งองค์ จึงได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522 ได้มาไหว้พระธาตุประจำปีเกิดแล้ว ได้ยินคุณเป็ดสวรรค์บอกว่า " คิดถึงถนนยาวๆ งิงิ " แต่คงไม่ว่างอีกยาวอ่ะครับ แง ๆ วันนี้จัดไปค่ะ ... เราอยู่ที่ไหนเอ่ย ?   Create Date : 27 ตุลาคม 2558 18 comments Last Update : 7 มีนาคม 2565 16:10:20 น. Counter : 5080 Pageviews. Share Tweet

ตามมาไหว้พระด้วยคนนะคะ ตอนพระธาตุพนมล้มเรายังเป็นเด็กอยู่เลย จำได้ว่าในข่าวผู้แก่ผู้เฒ่าร้องไห้กันระงมค่ะ   โดย: เนินน้ำ 27 ตุลาคม 2558 16:51:35 น.

ขอไหว้พระด้วยคนนะคะ ยังไม่เคยไปเลยค่ะ   โดย: auau_py 27 ตุลาคม 2558 19:26:21 น.

ติดตามคุณตุ๊กไปเที่ยวด้วยคะ พร้อมอ่านเรื่องเล่าเชิงประวัติศสาตร์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ขอบคุณคะ บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต haiku Art Blog ดู Blog PZOBRIAN Book Blog ดู Blog กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog tuk-tuk@korat Travel Blog   โดย: Tui Laksi 27 ตุลาคม 2558 19:43:45 น.

ทุกที่มีตำนานจริงๆ แถมบางที่มีหลายอันด้วย แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน เดี๋ยวนี้พระท่านต้องมีกรงกันไว้หมดเลย เดี๋ยวนี้โจรมันเยอะต้องทำใจจริงๆ วันนี้ไม่ค่อยได้อยู่ยนท้องถนนนะครับ +   โดย: คุณต่อ (toor36 ) 27 ตุลาคม 2558 23:32:12 น.

thx u crab   โดย: Kavanich96 28 ตุลาคม 2558 2:48:54 น.

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog Rinsa Yoyolive Food Blog ดู Blog tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog ตามพี่ตุ๊ก มาเที่ยว มาไหว้พระ ด้วยค้ะ อยากไป ไหว้ พระธาตุพนม เหมือนกันนะคะ ถ้ามีโอกาส คงได้ไป บ้าง นะคะ   โดย: kwan_3023 28 ตุลาคม 2558 7:38:52 น.

แวะมาเยี่ยม แวะมาชมภาพ ได้ข้อมูลกลับไปเยอะค่ะ tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog   โดย: ร่มไม้เย็น 28 ตุลาคม 2558 10:11:44 น.

เพิ่งดู facebook เค้าไหลเรือไฟกันเมื่อคืน ออกพรรษาล่ะ   โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว 28 ตุลาคม 2558 10:32:33 น.

ไปเที่ยวด้วยๆๆๆๆ กำลังเหงา ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต คนสวยที่ไม่เคยสวย Book Blog ดู Blog tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog อึ้งทำไมก๊ะ เราเขียนไม่รู้เรื่องเหรอ น่าจะใช่นะ เราก็เมาๆอยู่ แหะๆ   โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 28 ตุลาคม 2558 14:07:27 น.

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับพี่ตุ๊ก ชอบพระธาตุทางอีสาน มีรูปทรงที่สวยงามแปลกตาดีจังเลยครับ   โดย: กะว่าก๋า 28 ตุลาคม 2558 14:33:27 น.

ตามรอยมาไหว้พระด้วยครับ รูปปิดน่าจะเป็นอ.พระธาตุพนม จ.นครพนม แม่นบ่อครับ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต kae+aoe Parenting Blog ดู Blog สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog คนสวยที่ไม่เคยสวย Book Blog ดู Blog tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น   โดย: moresaw 28 ตุลาคม 2558 14:51:05 น.

ไม่เคยไปทั้งสองพระธาตุค่ะ กำลังชวนคนขับรถที่บ้านว่า ปีใหม่ปีนี้ เราไปอีสานกันดีมั้ย บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต toor36 Cartoon Blog ดู Blog mastana Literature Blog ดู Blog ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog คมไผ่ Craft Blog ดู Blog tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น   โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 28 ตุลาคม 2558 14:57:30 น.

เดาอีกรอบ ถนนอุดรธานี - สกลนคร เป็นแยกตัวเมืองสกลนคร ถ้าผิดก็ทีนี้ยอมครับผมม   โดย: moresaw 28 ตุลาคม 2558 15:40:36 น.

ถูกต้องแล้วค่ะ คุณ moresaw สุดยอดค่ะ   โดย: tuk-tuk@korat 28 ตุลาคม 2558 16:02:36 น.

ป้ายเส้นกาฬสินธุ์ในภาพจะเป็นบายพาสถนนเลี่ยงเมือง ขึ้นภูพานมากาฬสินธุ์ เข้าอ.ยางตลาด แยกเป็นสองทาง เข้าจ.มหาสารคาม-อ.บรบือ-อ.บ้านไผ่ ออกถนนมิตรภาพ อีกเส้น อ.ยางตลาด-ขอนแก่น-ถนนเลี่ยงเมือง-ออกถนนมิตรภาพ บอกไว้เผื่อเลือกเดินทางจากโคราช ไม่ต้องเข้าอุดรธานีก็ได้ครับ   โดย: moresaw 29 ตุลาคม 2558 18:23:11 น.

อยากไปไหว้พระธาตุพนมมากที่สุดเลยคราบ   โดย: ทนายอ้วน 30 ตุลาคม 2558 15:34:37 น.

ปี พ.ศ.1800 เมืองหนองหารหลวงเกิดแห้งแล้งต่อกัน 7 ปี และเกิดศึกสงคราม พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงอพยพไปอยู่ที่นครธม ก่อนย้ายได้นำพระสุวรรณแสนทองคำไปซ่อนไว้ในขุมลึกกลางหนองหาร...ปราสาทหินภูเพ็กและนารายณ์เจงเวงที่สกลนครคือผลงานของขอมที่หลงเหลืออยู่ ต่อมาน่าจะเกิดภัยธรรมชาติและแผ่นดินไหวทรุดตัวอย่างรุนแรงจนเมืองจมหายไปและในปี1800สามกษัตริย์ไทยพี่น้องร่วมสาบาน น่าจะขยายอาณาจักรในยุคปลายรัชกาลชัยวรมันที่7จนต้องอพยพชนชั้นปกครองกลับบ้าน ตอนพระธาตุพนมองค์เก่าพังลงมานั้นมีการพบฐานศิวะลึงค์และห้องครรภคฤหะตามพิธีพราห์มน่าเปนยุคพระยาโคตรตะบองหรือสมัยฟูนันก่อนพ.ศ 1200 ครับ   โดย: surya21 (surya21 ) 2 พฤศจิกายน 2558 6:42:47 น.

วันนี้ได้ทราบประวัติทั้งหนองหารและพระธาตุพนมละเอียดมากครับ มีวาสนาเคยขึ้นไปไหว้ทั้งสองพระธาตุแต่ก็ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์อะไรไปก่อน วันหน้าจะหาโอกาสไปอีกครับ   โดย: หมุนตามไมล์ 2 พฤศจิกายน 2558 18:55:12 น.