คันปากตะหงิดๆ ขอเม้าท์เรื่อง Blood Diamond กะเค้าหน่อย..
อนุสนธิจากการอ่านวิจารณ์หนังในบล็อคคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ก็เลยอดไม่ได้ว่าจะเขียนถึงสักนิด..(ล่อไปเกือบสองหน้ากระดาษ) เลยขอเอาคอมเมนต์ในบล็อคนั้นมาแหมะในบล็อคนี้ซะหน่อยจ้า..(พร้อมแก้คำผิดไปด้วย)
มีคนเขียนถึง Blood Diamond กันเยอะทีเดียว ส่วนใหญ่จะชื่นชอบกันทั้งนั้น ถึงขนาดบางกระทู้ในพันทิพยกขึ้นมาว่าควรจะพาเด็กไปดูเรื่องนี้มากกว่าตำนานสมเด็จพระนเรศวร เพราะหนังเรื่องนี้มีคุณค่าต่อมนุษยชาติมากกว่าประวัติศาสตร์ชาติไทยที่เขียนเข้าข้างตัวเอง (แถมยังทำดูไม่หนุกอีกตะหาก)...ฯลฯ จนกลายเป็นประเด็นร้อนให้ถกกันไฟแลบแปล๊บๆ กลายเป็นกระทู้ยาวยืดแตกประเด็นกันวุ่นวาย (เพราะ จขกท ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ..) เอาเหอะ..หลังจากได้ฟังกิติศัพท์จนรู้สึกว่าไม่ดูไม่ได้แล้ว...ก็เลยได้มีโอกาสไปเบิกโรงสยามภาวลัยเป็นครั้งแรก
อือม..หรูไม่เบาทีเดียว เก้าอี้ใหญ่นั่งสบาย ตกแต่งได้ล้ำไม่เลว เสียดายไฟสปอตที่ส่องโลโก้พารากอนซีเนเพล็กซ์ ดั๊น..แหว่งไปหน่อย เล่นเอาหมดอารมณ์ไปเล็กน้อย.. จะมาทำตัวเป็น Perfectionist อยู่คนเดียวก็กระไรนิ.. นอกจากความใหญ่โตมโหระทึกและการตกแต่งอลังการ (รวมไปถึงความแพง) แล้ว ก็รู้สึกไม่มีอะไรใหม่.. อ้อ จอใหญ่กระหน่ำเต็มตาดีคร้าบ..ระบบเสียงก็กริ๊งกร๊างรอบตัวได้อารมณ์ร่วมดีทีเดียว
ขออำภัย.. พล่ามเรื่องโรงจนเกือบลืมน้องลีโอ หลังจากดู Blood Diamond จบด้วยอารมณ์ครึ่งๆ กลางๆ เล็กน้อย ก็ให้ตะหงิดๆ กับเพลงปิดท้ายไตเติลที่เป็นเพลงแนวฮิบฮอบ แร็บกันสนั่น นึกขำว่า ช่างทำลายอารมณ์หนังได้ดีแท้ๆ... เอาน่า หนังฮอลลีวู้ดแท้ มันก็ต้อง Commercial จ๋าอย่างนี้แหละ มองในแง่ดี อย่างน้อย ผู้กำกับก็มีความสามารถพอที่จะผสมผเสสไตล์สมจริงของแนวการถ่ายทำกึ่งสารคดี กับเรื่องฮีโร่แนวฮอลลีวู้ดได้ดูกลมกลืนไม่เลวเลย ต้องยกความดีให้ทีมถ่ายทำที่มือถึงมากๆ ตั้งแต่โลเคชั่น การเซ็ท(ฉาก)สถานที่ที่ให้ความรู้สึกร่วมได้เยี่ยม โดยเฉพาะตอนกบฏบุกเข้ามาลุยกลางเมือง ฉาก Physical Effect (จรวด..ระเบิด..ฯลฯ)ทำได้สมกับเป็นต้นแบบ มุมกล้อง และการตัดต่อ ให้ความรู้สึกราวกับกำลังวิ่งหัวซุกหัวซุนตามพ่อลีโอกับตานิโกรตัวดำเมี่ยมอย่างเหงื่อกระเซ็นเลยทีเดียวเจียว
ความเห็นส่วนใหญ่ในด้านการแสดง ออกจะเห็นด้วยกับคุณ จขบ (ผมอยู่ข้างหลังคุณ) ทุกคนทำหน้าที่ได้ดีสมกับเป็นมืออาชีพ หากแต่การ Cast ตัวดีคาปรีโอมาเป็นทหารรับจ้างที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับชาวแอฟริกันมานั้น ดูมันตะหงิดๆ อยู่ บุคลิกของน้องลีโอ ถึงจะเม็คอัพช่วยพร้อมหนวดเท่แบบ Goatee ก็ไม่ทำให้บุคลิกหนุ่มสำอางมันกลายพันธุ์ไปได้สักที (อคติรึเปล่าน้า...) ดูยังไงก็ไม่สามารถเป็นทหารมือสังหารรับจ้างรบ ซึ่งต้องสัมบุกสัมบัน เป็นนักฆ่ามืออาชีพ โดยเฉพาะในสงครามกลางเมืองแอฟริกาซึ่งเถื่อนเสียยิ่งกว่านรกบนดิน
ความรู้สึกของความเถื่อนมันเหมือนถูกเติมสีสันจนล้น ฉากนักรบเด็กที่ถูกมอมยา สอนให้ยิงปืน ฆ่าคนเป็นผักปลา และ บลา บลา...ทำได้เว่อร์สุดๆ (ไม่แน่..ของจริง อาจยิ่งกว่านั้น) ทำให้ความเป็นธรรมชาติของเนื้อหนังนั้น The Constant Gardener ดูจะทำได้สมจริงและเนียนกว่า ประเด็นความดีของเรื่องดูจะคล้ายๆ กัน คือ ความกล้าในการเอาเรื่องความเลวของคนขาวที่กระทำซ้ำซ้อนกับประเทศโลกที่สามมาตีแผ่อย่างใจกว้าง ถึงแม้จะขอแฝงความเป็นฮีโร่ของพระเอกนางเอก (คนขาว) ไว้สักหน่อยก็ตามที แต่พอโยงมาถึงฉากสุดท้ายที่ตานิโกรตัวเอกต้องมาแสดงสุนทรพจน์อะไรไม่ทราบ แล้วคนขาวพากันปลื้มปรบมือให้กระหน่ำ นึกไม่ออกว่าจะรู้สึกอย่างไรดี ไอ้เราดันรู้สึกไปว่าตานี่กลายเป็นตุ๊กตาบาร์บี้อีกตัวนึงที่ให้คนขาวมาเชิดเล่นแก้กลุ้ม (งั้นเหรอ) ดูเฟคๆ พิกลกับฉาก Emotional ฉากนี้ แถมเอาเพชรมาขายคนขาวได้กะตังค์ไปใช้อยู่สบายไปตลอดชีวิต ขณะที่คนแอฟริกันร่วมชาติอีกเป็นล้านยังวิ่งหัวซุกหัวซุนหนีลูกปืนอยู่ในทวีปแอฟริกา คนเขียนบทคงถูกสั่งให้รีบสรุปเรื่องราว (เพราะหนังมันชักจะยาวเกินไปแล้วนา ) รายละเอียดก็เลยละไว้ในฐานที่เข้าใจ..(หรือเปล่า?)
ฉากแอคชั่นที่ทำได้อย่างถึงลูกถึงคน ดูเข้ากันกับประเด็นบทที่แรงและช่วยเติมสีสันได้เป็นอย่างดี อันนี้ต้องขอชม จะรู้สึกแหม่งๆ อยู่บ้างที่ฉากในป่า พระเอกลีโอพาตาดำวิ่งหนีทหารผู้ร้ายได้พ้นทุกที ไม่รู้เป็นไร เก่งชะมัดยาด นี่คือผลของการลำดับเหตุการณ์ที่ดี มุมกล้องที่สับสน และการตัดต่ออย่างมืออาชีพ ทำให้คนดูลืมๆ เวลาจริง และเชื่อในเวลาสังเคราะห์ของหนังได้โดยไม่รู้สึกผิดแปลกมากนัก ถึงแม้ตาลีโอจะพล่ามก่อนตายกะนางเอกนานไปนิดก็เหอะ (แหม มันต้องเค้นอารมณ์กันสุดๆ จ้า) หนังไทยสู้ไม่ได้ตรงนี้แหละ ถ้ามีรายการพล่ามก่อนตายเมื่อไร คนดูหัวเราะกันทุกทีสิน่า...เหอๆๆ
สรุปได้ว่า สมควรพาเด็กๆไปดูตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกันเถิด..(555555) ถึงหนังยังไม่เข้าก็เหอะ ก็เดาได้ว่า ยังไงคงเป็นประโยชน์ในด้านประวัติศาสตร์ชาติสยาม และปลอดภัยกว่าเป็นแน่ เพราะ Blood Diamond นั้นจำลองนรกบนดินมาให้ชม พร้อมกับฉากทำลายสุนทรียภาพอันงดงามของเด็กๆ เกลื่อนไปหมด บ้านเราไม่มีการจัดเรท ขอความกรุณาผู้ปกครองอย่าพาเด็กๆ ไปดูเลย เด็กยังมีวุฒิภาวะไม่เพียงพอที่จะวิเคราะห์แยกแยะ ฉากที่ทำร้ายจิตใจเด็กๆ มีมากมาย จะขวัญเสียติดตาไปซะเปล่าๆ (หรือไม่ก็ชินชา?? หันมาถามพ่อแม่ว่า แล้วหนูจะหัดยิงปืนเหมือนในหนังได้เมื่อไรคะ?? อะจ๊ากกก...)
เรื่องที่เคยดูแล้วสยดสยองพอๆ กัน(หรือยิ่งกว่า) นั่นคือ Passion of the Christ เฮ้อ...ช่างมหัศจรรย์ในความโหดร้ายของมนุษย์ที่กระทำต่อมนุษยชาติด้วยกันได้ขนาดนี้.....
อย่างไรก็ดี..ฉากระเบิด(ของจริง)ใน กทม.เมื่อวันส่งท้ายปีเก่า...กินขาดทุกฉากในหนังเรื่องนี้...มันมาถึงเราเร็ว..เกินคาด...
Create Date : 17 มกราคม 2550 |
|
4 comments |
Last Update : 17 มกราคม 2550 2:56:43 น. |
Counter : 1807 Pageviews. |
|
|
|
แต่เคยไปทำสกู๊ป ก๊อดส์อาร์มี่นานมาแล้ว สมัยยึดร.พ.ที่ราชบุรี
เด็กๆบางคนตัวเล็กกะเปี๊ยกอย่างในเรื่องสูบใบยากันแล้วอ่ะ