สถานที่ - ไปมาหาสู่ลำบาก
โลกใบนี้เต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจและสถานที่ผู้คนต้องการจะไปเยี่ยมชมจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่มีระยะทางห่างไกลมากตามธรรมชาติ สถานที่เหล่านี้ไม่ใช่ไม่งดงาม หรือไม่เหมาะสมกับการถ่ายภาพ แต่การเดินทางไปยังสถานที่เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าเทคโนโลยีและการคมนาคมในปัจจุบัน จะทำให้การสัญจรไปมาเป็นเรื่องง่ายแล้วก็ตาม แต่สถานที่เหล่านี้ก็ยังไม่ใช่สถานที่ติดอันดับเลย มีแต่นักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจริง ๆ จึงจะไปกัน 10. Easter Island เกาะอีสเตอร์ ที่มาของภาพ //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/06/10.-Easter-Island.jpg ที่มา //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/04/810.jpg ที่มา //mediaworldmysteries.blogspot.com/2012/04/easter-island.html ที่มา //seeker401.files.wordpress.com/2011/10/easter-island-statue-excavation.jpg ที่มา //seeker401.files.wordpress.com/2011/10/a40_2011_36_031.jpg
เกาะที่รู้จักกันดีว่าเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่บนเกาะประมาณ 70 ตารางไมล์ 181.3 ตารางกิโลเมตร หรือ 113,312.5 ไร่ ระยะทางประมาณ 2,000 ไมล์ 3,218.69 กิโลเมตร นอกชายฝั่งทะเลของชิลี เกาะอีสเตอร์หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า Rapa Nui ราพา นุ้ย มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 4,000 คน พื้นที่บนเกาะขนาดเล็กมีป่าไม้เบญจพรรณ มีต้นไม้ขนาดเล็กจำนวนเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ มีเรื่องราวและตำนานที่เล่าขานกันมาว่า มีการตัดไม้ทำลายป่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นไม้ขนาดใหญ่ เพราะคนที่อาศัยอยู่ในช่วงต้นต้องทำเลื่อนไม้ขนาดใหญ่ เพื่อทำการขนย้ายรูปปั้นหินยักษ์หน้าคนไปวางหน้าชายหาด สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในตอนนี้คือ จะมีหินแกะสลักเป็นรูปหัวคนขนาดใหญ่หลายหัว วางกระจัดกระจายอยู่ทั่วเกาะและเป็นแหล่งสำคัญสำหรับการท่องเที่ยว นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อทำเป็นไม้เลื่อนในการขนย้ายรูปปั้นหัวคนขนาดยักษ์ เป็นการทำลายสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์วิทยาทางธรรมชาติในเกาะ ทำให้พินาศในระยะยาวจากอดีตจนถึงปัจจุบัน การเดินทางที่สะดวกคือ เครื่องบินขนาดเล็กแบบเช่าเหมาลำ จากสนามบิน Santiago Chile ซันติอ้าโก้ ชิลี
หายนะของเกาะอีสเตอร์
การใช้ไม้ทำไม้เลื่อนหัวยักษ์
การขนย้ายหัวยักษ์ด้วยแรงเฉื่อยและเชือก
9. La Rinconada Peru หล่า ริ้นกอนหน่าด้า เปรู ที่มาของภาพ //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/06/9.-La-Rinconada-Peru.jpg ที่มาของภาพ //sometimes-interesting.com/2011/09/12/highest-city-in-the-world-la-rinconada-peru/
เมืองที่ได้รับการกล่าวขานกันว่าเป็นเมืองที่อยู่บนสูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเทือกเขา Andes Peruvian อ้านดีส เปรู้เวี่ยน มีบ้านพักจำนวนมากสำหรับคนงานที่ยากจนมาแสวงหางานในเมืองแร่ทองคำ มีชาวบ้านอาศัยทำมาหากินที่เมืองนี้ประมาณ 30,000 กว่าคน งานที่ทำคือการขุดหินแร่ทองคำและเก็บเล็กผสมน้อย หินแร่ทองคำที่มีเปอร์เซ็นต์ทองคำขนาดเล็กมากฝังอยู่ภายใน สถานที่แห่งนี้มีแรงดึงดูดคนงานที่หมดหวังกับชีวิต เพื่อมาแสวงหาความร่ำรวยจากทองคำ การจ้างงานที่เหมืองทองที่อยู่ใกล้เคียงของบริษัท Ananea อาหน่าเนี่ย จะมีระบบการจ่ายค่าแรงที่ไม่ซ้ำแบบใครในโลกเรียกว่า cachorreo กะโช้แร่ว คนงานจะต้องทำงานเป็นเวลา 30 วันโดยไม่มีการจ่ายค่าแรง แต่ในวันที่ 31 คนงานประเภทนี้จะได้รับอนุญาตให้ขนหินแร่จากเหมือง เท่าที่จะสามารถขนไปได้เลย เพื่อนำไปสกัดหาแร่ทองคำ (วัดดวงว่าใครได้มากได้น้อย) แม้ว่าจะจ่ายค่าแรงไม่ใช่แบบดั้งเดิมเท่าที่ทำกันมา แต่ระบบการชำระเงินดังกล่าวคนงานยังคงแห่ไปทำงานในเมือง La Rinconada ทำให้จำนวนคนงานพุ่งสูงขึ้นกว่า 230% ในทศวรรษที่ผ่านมา แม้ว่าะพื้นที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เข้าออกยากลำบากมาก ทางเข้าออกมีเพียงวิธีการเดียวคือ ใช้รถตู้ หรือรถบรรทุก ที่ต้องใช้เวลาถึงหลายวันในเส้นทางที่คดเคี้ยว ผ่านหุบเหว ภูเขา ไปตามเส้นทางที่ตัดเข้ายังเหมืองแร่แห่งนี้ ซึ่งไม่ใช่เส้นทางเดินทางที่ง่ายดายแต่อย่างใดเลย โรคภัยไข้เจ็บหลักของที่นี่คือ อาการเจ็บป่วยกับการอยู่บนพื้นที่ระดับความสูงเหนือท้องทะเล และไม่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่บอบบางในการเดินทางไปยังสถานที่แห่งนี้ รวมทั้งสภาพความเป็นอยู่ทีเลวร้ายเพราะอาหารการกินขาดแคลน จากการขนส่งประการหนึ่งและการอาศัยอยู่บนพื้นที่ราบสูงอีกประการหนึ่ง เมืองแห่งนี้ระบบสาธารณูปโภคขาดแคลนเพราะการขยายเมืองไร้ทิศไร้ทาง ไม่มีประปา เครื่องทำความร้อน พื้นดินปนเปื้อนด้วยสารปรอทจากการทำเหมือง การกำจัดขยะไม่มีบริการเป็นทางการ กลายเป็นความรับผิดชอบของชาวบ้านกันเอง ในหลาย ๆ พื้นที่ปล่อยปละให้ขยะท่วมท้น เมื่อรำคาญกับขยะกับกลิ่นของขยะที่ท่วมท้น ชาวบ้านบางคนก็ขนไปฝังที่นอกเมืองหรือบางคนก็เผากันบนท้องถนนเลย
8. McMurdo Station, Antarctica สถานีวิจัยแม็คเมอร์โด้ แอนตาร์กติกา ที่มาของภาพ //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/06/8.-McMurdo-Station-Antarctica.jpg ที่มาของภาพ //www.coolantarctica.com/Community/mcmurdo/mcmurdo_base_antarctica.htm ที่มาของภาพ //princegeorge.ca/cityliving/recreation/frisbeegolf-rainbowpark/Pages/Default.aspx
สถานีวิจัยของอเมริกาฐาน McMurdo ถูกสร้างขึ้นบนชายฝั่งของทวีปแอนตาร์กติกา ตอนปลายสุดทางตอนใต้ของ Ross Island เกาะรอสส์ ที่มีพื้นที่ประมาณ 45 ไมล์ โดยใช้งานร่วมกับสถานีวิจัย New Zealand Scott base มีภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ Mount Erebus อีหร่าบุด ความสูง 12,448 ฟุต(3,794 เมตร) เป็นแหล่งพักพิงของ นกเพนกวินจักรพรรด์ิ นกเพนกวิน Adelie แอดลี่ และฝูงนก skua สกัว ภูมิภาคแห่งนี้ที่ถูกค้นพบครั้งแรกโดย James Clark Ross เจมส์ คล๊าก โรส ระหว่างการเดินทางช่วงปี 1839-1843(2382-2386) โดยเรือ Erebus and Terror (ม่านควันและความกลัว) ชื่อสถานีวิจัย McMurdo ถูกตั้งชื่อตามชื่อ พลเืรือโท Archibald McMurdo อาขิบัด แม็คเมอร์โด้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแอนตาร์กติกาเป็นหนึ่งในสถานที่ห่างไกลที่สุดของโลก เป็นเขตพื้นที่ที่ไม่ชนพื้นเมืองอาศัยอยู่เลย แต่ในตอนนี้มีคนอยู่ประมาณ 1,200 คนในช่่วงฤดูร้อน และจะเหลือคนทำงานประมาณ 250 คนในช่วงฤดูหนาว ส่วนมากเป็น นักวิทยาศาสตร์และคนงานที่อาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อดำเนินการงานวิจัย แม้ว่าจะมีจำนวนคนไม่มาก แต่ McMurdo เป็นสถานีวิจัยที่ใหญ่ทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด ทางชีววิทยาบกและทางทะเล ธรณีวิทยา อุตุนิยมวิทยา ฟิสิกส์บรรยากาศชั้นบน มูลนิธิการศึกษาทางทะเลน้ำแข็ง รังสีคอสมิก ธรณีฟิสิกส์แร่ธาตุศิลา ธรณีวิทยาและธรณีสัณฐาน แม้ว่าสถานีวิจัยแห่งนี้จะอยู่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ แต่มีสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกความสบายภายในเมืองเท่าที่เมืองที่ทันสมัยต้องมี ท่าเรือลอย (ท่าเรือ) ไว้ขนส่งอาหารแช่แข็ง น้ำจืด อาคารห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ อาคารโรงงานโรงรถ อาคารทางการแพทย์สิ่งอำนวยความสะดวกหอพักและนอนในครัวโรงอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ มีทางวิ่งขึ้นลงของเครื่องบิน 3 เลน เพื่อให้การขนส่งวัสดุอุปกรณ์อาหารเครื่องมือเครื่องใช้ทำได้สะดวกมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ที่สถานีแห่งนี้ จะมีโรงยิม โทรทัศน์ และแม้กระทั่งสนามร่อนจานบินจำนวนเก้าจุด แม้ว่าจะอยู่สุดปลายขอบโลก การเดินทางเดินทางด้วยเรือจะใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะมาถึงที่หมายปลายทางนี้ได้
7. Cape York Peninsula, Australia คาบสมุทรเคปยอร์ค ออสเตรเลีย ที่มาของภาพ //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/06/7.-Cape-York-Peninsula-Australia.jpg ที่มาของภาพ //earthobservatory.nasa.gov/NaturalHazards/view.php?id=17588 ที่มาของภาพ //www.abc.net.au/news/2012-06-04/a-lily-grows-from-water-in-the-watson-river-lagoon/4051678 ที่มาของภาพ //www.eyeonaustralia.org/capeyork1.html //www.probertencyclopaedia.com/photolib/people/Australian%20Aborigine%20Men%20c1936.htm
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่ประเทศต่ำมาก และมีความงดงามตามธรรมชาติมากเช่นกัน สถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง คือ Cape York Peninsula คาบสมุทรเคปยอร์ค มีประชากรประมาณ 18,000 ในเขตภูมิภาคแห่งนี้ เป็นหนึ่งในเขตพื้นที่ด้อยพัฒนามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ในทางกลับกันหมายความว่า พื้นที่นี้อุดมไปด้วยความงดงามตามธรรมชาติ แต่เส้นทางเข้าออกก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่สุด ที่จะไปให้ถึงที่จุดหมายปลายทางได้ ดั้งเดิมจะเป็นชาวพื้นเมืองดั้งเดิม Aborigine แอบเบอะริจีนี เป็นส่วนใหญ่ มีแต่บรรดานักท่องเทียวที่รักการผจญภัยเท่านั้น เพราะต้องค้นหาเส้นทางธุรกันดารในการเดินทาง เื่พื่อเข้าไปท่องเที่ยวด้วยรถบรรทุกหรือรถจิ๊ป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่น้ำท่วม ยิ่งทำให้เส้นทางเดินทางยิ่งลำบากเข้าไปอีก แม้ว่าจะมีรถบรรทุกหรือรถจิ๊ปที่ขับเคลื่อน 4 ล้อจะวิ่งได้ในเขตพื้นที่แห่งนี้ แต่หลายพื้นที่ยังคงไม่เคยมีคนเข้าไปถึงได้เลย โดยความจริงแล้วพื้นที่บางส่วนมีแต่เพียงการสำรวจผ่านทางเฮลิคอปเตอร์เป็นส่วนใหญ่
6. Ittoqqortoormiit, Greenland อิททุกคูซโทมี่ เกาะสีเขียว/เกาะเขียว ที่มาของภาพ //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/06/6.-Ittoqqortoormiit-Greenland.jpg ที่มาของภาพ //en.wikipedia.org/wiki/Ittoqqortoormiit ที่มาของภาพ //animals.nationalgeographic.com/animals/mammals/musk-ox/ //myfreezer.wordpress.com/2011/11/06/pacific-walrus/ //savethenarwhals.org/files/2011/04/narwhalpod.jpg
กรีนแลนด์เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ปกคลุมราว 836,000 ตารางไมล์ แต่มีประชากร เพียง 57,000 คนทำให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก แต่ความสนใจของเรื่องนี้จะอยู่ที่เมือง Ittoqqortoormiit (แทบจะคิดได้เลยว่า แทบจะอ่านออกเสียงไม่ได้) เมืองนี้มีขนาดเท่ากับอาณาเขตเกาะอังกฤษ แต่มีประชากรประมาณ 500 คน นั่นหมายความว่าแต่ละคนจะมีพื้นที่ขนาด 150 ตารางไมค์ต่อคน (242,806.25 ไร่ต่อคน) ประชากร Ittoqqortoormiit ดำรงชีวิตด้วยการล่าหมีขั้วโลกเหนือและวาฬ(ปลาวาฬ) แม้ว่าจะเป็นเมืองบนชายฝั่ง แต่พื้นที่และแม่น้ำน้ำยังคงเป็นน้ำแข็งราว 9 เดือนจาก 12 เดือน มีช่วงเปิดประตูเมืองให้เข้าออกได้ราว 3 เดือนโดยผ่านทางเรือ แม้ว่าจะมีสนามบินอยู่ห่างราว 25 ไมล์ห่างออกไป แต่เที่ยวบินที่ขึ้นลงได้ไม่บ่อยนัก จึงทำให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ห่างไกลมากที่สุดที่จะไปให้ถึงได้ Ittoqqortoormiit เดิมมีชื่อว่า Scoresbysund สก้วดเบซุ่น เป็นชุมชนภาคตะวันออกของเกาะนี้มีประชากรประมาณ 469 คนในปี 2010(2553) ชื่อเดิมมาจาก Scoresbysund นักสำรวจขั้วโลกและนักล่าปลาวาฬ William Scoresby วิลเลียม โซไห่ มีการระบุแผนที่ในปี 1822(2365) ชื่อ Ittoqqortoormiit มีความหมายคือ Big-House Dwellers บ้านสีขาวหลังใหญ่ชองคนอยู่อาศัย พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์ป่า เช่น หมีขาว muskoxen วัวป่า แมวน้ำ Walruses สิงห์โตทะเล walruses ปลาวาฬมีเขา narwhals สุนัขจิ้งจอก Ittoqqortoormiit ตั้งอยู่ชายฝั่ง Liverpool Land ลิเวอร์พูล ใกล้กับปากทางเช้าแหลมตอนเหนือ Kangertittivaq fjord คังเอทีบวัด ฟิย์อด Ittoqqortoormiit ก่อตั้งในปี 1925(2468) โดย Ejnar Mikkelsen อะนอด มิกิเซน มีชาวเอสกิโมจำนวน 80 คน (70 คนมาจาก Tasiilaq ทาซิเลค และสี่ครอบครัวจากภาคตะวันตกของกรีนแลนด์) เดินทางมาทางเรือชื่อ Gustav Holm กุสตา ฮอล์ส แล้วตั้งถิ่นฐาน 400 กิโลเมตรทางตอนใต้ห่างจากชาวเอสกิโมดั้งเดิม โดยการอุปถัมภ์และสนับสนุนการแสวงหาอาณานิคมของประเทศเดนมาร์ค
5. Kerguelen Islands เกาะเคียงกี่แหล่น ที่มาของภาพ //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/06/5.-Kerguelen-Islands.jpg ที่มาของภาพ //en.wikipedia.org/wiki/Kerguelen_Islands
เกาะแห่งนี้ค้นพบโดยต้นหนเรือ Breton-French เบรอตงฝรั่งเศส (มีภาษาเบรอตงใช้กันในฝรั่งเศส แต่ใช้กันกลุ่มน้อย) Yves-Joseph de Kerguelen de Trémarec อีฟว์ โจเซฟ เดอ เคียงกีแหล่น เดอ ทีหม่าและ ในวันที่ 12 กุมภาัพันธ์ 1772(2215) วันต่อมา Charles de Boisguehenneuc ชาร์ล เดอ บัวร์เกรเนอะ ได้ขึ้นบนบกแล้วประกาศว่าเกาะแห่งนี้เป็นของกษัตริย์ฝรั่งเศส หลังการค้นพบมีนักล่าวาฬและนักล่าแมวน้ำ ส่วนมากชาวอังกฤษ อเมริกัน และชาวนอร์เวย์ มาทำการล่าสัตว์อย่างมากมาย จนกระทั่งสัตว์ประเภทนี้เกือบสูญพันธุ์ไปเลย ก่อนที่จะอนุรักษ์และห้ามการล่าสัตว์ กับตัน James Cook เจมส์ คุ๊ก เคยแวะเยี่ยมที่นี่ในปี 1776(2319) ในปี 18741875 (2417-2418) มีนักดาราศาสตร์ อังกฤษ เยอรมันนี และสหรัฐ มาตั้งกล้องส่องวงโคจรดาวพระศุกร์บริเวณนี้ ฝรั่งเศสเคยทำเหมืองแร่ถ่านหินบนเกาะแห่งนี้ในปี 1877(2420) แ่ต่เลิกกิจการไปในที่สุด บนเกาะแห่งนี้ไม่มีสามารถจัดลำดับอารยธรรมใด ๆ เกาะ Kergulen ที่เป็นที่รู้จักกันดีว่า เกาะโดดเดี่ยว เกาะนี้ไม่มีสนามบิน ดังนั้นการที่จะเดินทางไปถึงจะต้องใช้เวลา 6 วัน เดินทางผ่านทางเรือจากเกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของ Madaqascar มาด้ากัซก่าด เกาะแห่งนี้ไม่ประชากรอาศัยอยู่ แต่อย่างไรก็ตามมีนักวิทยาศาสตร์จากฝรั่งเศส ที่เดินทางมายังดินแดนแห่งนี้เพื่อทำการวิจัยตามเป้าหมายอื่น บนเกาะแห่งนี้มีดาวเทียม ระบบขีปนาวุธป้องกันของฝรั่งเศส และเป็นสถานที่อนุรักษ์/ที่หลบภัยนกกาน้ำที่ใกล้สูญพันธุ์บนแผ่นดินใหญ่ เกาะ Kerguelen เป็นเกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในภาคใต้ของมหาสมุทรอินเดีย
4. Pitcairn Island เกาะพิสเกน ที่มาของภาพ //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/06/4.-Pitcairn-Island.jpg ที่มาของภาพ //en.wikipedia.org/wiki/Pitcairn_Islands
เกาะ Pitcairn เห็นครั้งแรก 3 กรกฏาคม 1767(2310) โดยลูกเรืออังกฤษ HMS Swallow (นกนางแอ่น) ชื่อเกาะตั้งตามชื่อนักเรียนนายเรือ Robert Pitcairn โรเบริต พิสเกน วัย 15 ปี ผู้พบเห็นเกาะเป็นคนแรก เืรือที่บังคับการโดยกัปตันเรือ Philip Carteret ฟีลิป เกดเตอเหร็ด ในปี 1790(2333) ผู้ก่อการกบฏ 9 คนหนีพร้อมเรือ Bounty บาวตี้ และสหายร่วมรบชาวตาฮิติ (มีผู้ชาย 6 คน ผู้หญิง 11 คนและเด็กหนึ่งคน) บางคนอาจจะถูกลักพาตัวมากจากเกาะตาฮิติ เมื่อขึ้นฝั่งบนเกาะได้แล้วก็จุดไฟเผาเรือ Bounty ทิ้งเสีย เพื่อป้องกันการหลบหนีของพรรคพวกหรือไม่ให้ฝ่ายตามล่าพบเห็นเรืออีก ซากเรือใต้น้ำยังคงมองเห็นได้ในอ่าว Bounty ค้นพบในปี 1957(2500) โดย National Geographic ความเป็นอยู่ช่วงแรกลำบากมากในการทำมาหากินและเพาะปลูก มีการแย่งชิงอำนาจระหว่างกันและต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บกับโรคร้าย กว่าจะหลงเหลือประชากรบนเกาะแห่งนี้จนทุกวันนี้ เกาะแห่งนี้ดูเป็นเหมือนเป็นจุดเล็ก ๆ บนแผนที่โลก ที่อยู่ท่ามกลางทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก แม้แต่เกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เกาะ Gambre กอมเบรอะ กับ เกาะ Tahiti ตาฮิติ เยื้องไปทางด้านซ้าย ก็ยังอยู่ห่างไปไม่น้อยกว่าหลายร้อยไมล์ มีประชากรไม่เกินกว่า 50 คน เป็นลูกหลานชาวเรือที่รอดตายจากการที่ครั้งหนึ่งที่บรรพบุรุษก่อการกบฎ แล้วหนีขึ้นเกาะเพื่อหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิตข้อหาก่อการกบฏ มีการสืบเชื้อสายปนเปกันไปมาในกลุ่มผู้อพยพครั้งแรก จนมีทายาทหลงเหลืออยู่จากสี่ตระกูลหลักคือ Christian, Warren, Young และ Brown มีประเพณีเผาเรือทุกปี ในวันที่ 23 มกราคมทุกปี บนเกาะแห่งนี้ไม่มีสนามบิน หนทางเดียวที่จะไปได้คือ ลงเรือจากจากนิวซีแลนด์ใช้เวลาถึง 10 วัน เป็นเกาะที่มักจะมีนักวิทยุสมัครเล่น (Ham) มาทดลองรับส่งวิทยุสมัครเล่นทางไกล (DX) บนเกาะแห่งนี้มาก
3. Alert, Nunavut, Canada อะเลิด นูหน่าหวูด แคนนาดา ที่มาของภาพ //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/06/3.-Alert-Nunavut-Canada.jpg ที่มาของภาพ //www.flickr.com/photos/us_mission_canada/4555636276/in/photostream/ ที่มาของภาพ //nof60.blogspot.com/search/label/Alert%20Nunavut ที่มของภาพ //en.wikipedia.org/wiki/Alert,_Nunavut
ในปี 1875-1876(2418-2419) เกาะ Alert ตั้งตามชื่อเรืออังกฤษ HMS Alert เรือที่แล่นมาถึงในฤดูหนาวห่างจากเหนือสุดประมาณ 10 กิโลเมตร(6.2 ไมล์) กััปตันเรือ George Nares จอร์ช เนเรส กับลูกเรือเป็นมนุษย์ชุดแรก ที่ไปถึงขั้วโลกเหนือของเกาะ Ellesmere Island เกาะแอลแมร์ สถานีวิจัยทางอากาศตั้งขึ้นในปี 1950(2493) ส่วนสถานีวิจัยทางทหารตั้งขึ้นในปี 1958(2501) หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานนัก Charles J Hubbard ชาร์ล เจ ฮับเบริต ได้เสนอโครงการจัดตั้งเครือข่าย/ชุมทางเพื่อประสานงานร่วมกันสามชาติ คือ สหรัฐอเมริกา แคนนาดา และเดนมาร์ค ในการตั้งชุมทางขนส่ง/โทรคมนาคม/สถานีวิจัยในเขตทวีป Arctic อาร์คติค สถานีหลักที่ Greenland เกาะสี่เขียว ส่วนอีกแห่งในหมู่เกาะที่คัดเลือกภายหลัง ในปี 1950(2493) ลูกเรือพร้อมผู้โดยสาร 9 คนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเรือบินตก ระหว่างขนส่งเสบียงอาหารและอุปกรณ์ไปที่สถานีวิจัยแห่งนี้ หนึ่งในผู้ตายคือ Charles J. Hubbard (USWB Chief of Polar Operations Project) ผู้ริเริ่มและหัวหน้าโครงการ ศพของเขาได้ถูกฝังไว้ ณ ที่แห่งนี้ ต่อมาในวันที่ 30 ตุลาคม 1991(2534) เรือบิน C-130 Hercules ส่วนหนึ่งของโครงการ Operation Boxtop 22 ประสบอุบัติเหตุเรือบินตกห่างจากสนามบินประมาณ 30 กิโลเมตร(19 ไมล์) ต้องใช้เวลากว่า 30 ชั่วโมง ทีมกู้ภัยจึงจะค้นหาพิกัดเรือบินตกพบและฝ่าฝันพายุหิมะเข้าไปได้ มีผู้เสียชีวิต 4 คน หนึ่งในนั้นเป็นกัปตันเรือบินที่เสียชีิวิตภายหลังจากการได้ความช่วยเหลือแล้ว มีการรายงานข่าวและแต่งเป็นหนังสือหลายเล่มรวมทั้งภาพยนตร์หลายเรื่อง ที่โด่งดังเช่น หนังสือ Death and Deliverance: The True Story of an Airplane Crash at the North Pole โดย Robert Mason Lee ภาพยนตร์เรื่อง Ordeal in the Arctic แสดงนำโดย Richard Chamberlain Alert ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศแคนาดาระยะทางอีก 500 ไมล์ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ ทำให้เป็นเขตพื้นที่มีสภาพอากาศรุนแรงมากในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิติดลบกว่า 40 องศา(ต่ำกว่า 0 องศา) แต่พื้นที่แห่งนี้ได้ทำหน้าที่เป็นสถานีวิทยุตรวจเฝ้าฟังของแคนาดา มีห้องปฏิบัติการตรวจสภาพอากาศ และพื้นที่สำคัญ/ความมั่นคงทางทหาร ข้อสำคัญคือมีสนามบินแห่งหนึ่งในที่นี่ เมืองที่ใกล้สุดคือ หมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็กอยู่ห่างไป 1,300 ไมล์ ส่วนเมืองใหญ่อยู่ห่างออกไปอีกเป็นสองเท่าของระยะทาง ในปี 1992(2535) พื้นที่แห่งนี้มีประชากรจำนวนน้อยอย่างถาวร จัดว่าเป็นสถานที่มีคนอาศัยอยู่ที่เหนือสุดของโลก
2. Motuo County China หมู่บ้านหมู่ตู้ จีน ที่มาของภาพ //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/06/2.-Motuo-County-China.jpg ที่มาของภาพ //news.cultural-china.com/20090716100501_1.html ที่มาของภาพ //www.chinaculture.org/img/2004-12/08/xinsrc_581201080912989146346.jpg ที่มาของภาพ //eng.tibet.cn/2010home/news/today/201101/t20110115_847174.html
ว่ากันว่าเป็นหมู่บ้านชนบทแห่งสุดท้ายของประเทศจีน เพราะสถานที่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับความเจริญ/ความทันสมัยเข้าไปเยี่ยมเยือน ไม่มีถนนที่จะเข้าสู่พื้นที่ แม้ว่าทางการจะได้พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายก็ถูกสกัดกั้นจากหิมะ ฝนตกหนัก โคลนถล่ม น้ำท่วม แม้จะมีการใช้จ่ายเงินไปแล้วหลายล้านดอลลาร์ พื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่อุดมไปด้วยความงามของธรรมชาติ และเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่นับถือศาสนาพุทธตันตระนิกาย(ธิเบต) ในช่วงต้นยุค 90 ทางหลวงชั่วคราวที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อให้จีนกับโลกภายนอกเข้าไปในใจกลางของหมู่บ้าน Motuo ให้ได้ แต่มันกินเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะล่มสลายลง หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกยึดพื้นที่คืนอย่างรวดเร็วโดยป่าทึบ วิธีที่จะเข้าไปถึงพื้นที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องผ่านเส้นทางบก ผ่านเทือกเขาหิมาลัย จากนั้นข้ามสะพานแขวน 200 เมตร เหมือนกับภาพยนตร์ผจญภัยในอดีตเลยทีเดียว
1. Tristan da Cunha ทิดตั้น ด่า กุ้นย่า ที่มาของภาพ //realitypod.com/wp-content/uploads/2013/06/1.-Tristan-da-Cunha.jpg ที่มาของภาพ https://en.wikipedia.org/wiki/Tristan_da_Cunha
เกาะแห่งนี้เป็นหมู่เกาะที่เกิดจากภูเขาไฟที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทรแอตแลนติค อยู่ระหว่างกลางสองทวีป ระยะทาง 2,816 กิโลเมตร (1,750 ไมล์) จากชายฝั่งตอนใต้ทวีปอัฟริกา ระยะทาง 3,360 กิโลเมตร (2,088 ไมล์) จากชายฝั่งทวีปอเมริกาใต้ ความยาวของเกาะจากเหนือจรดใต้ 11.27 กิโลเมตร (7.0 ไมล์) พื้นที่ทั้งเกาะประมาณ 98 ตารางกิโลเมตร (37.8 ตารางไมล์ หรือ 61,250 ไร่) เกาะใกล้สุดไม่มีคนอยุ่คือ Nightingale Islands เกาะไนติงเกล และเกาะอนุรักษ์สัตว์หายากคือ Gough Islands เกาะกอฟ ชาวบ้านบนเกาะนี้่มีอาชีพหลักคือ ทำการประมงกุ้งลอบเตอร์และปลา กับทำเกษตรเล็กน้อย มีโรงเรียนเพียงแห่งเดียวที่ให้การศึกษาเด็กตั้งแต่ 4-16 ปี หลังจากนั้นถ้าไม่ไปศึกษาต่อที่อื่นก็ทำงาน ที่ดินบนเกาะต้องขายให้กับคนภายในเกาะเท่านั้น บุคคลภายนอกเกาะไม่มีสิทธิซื้อขายหรือเช่าที่ดิน ตามประชามติภายในของชาวเกาะที่มีสิทธิในการปกครองตนเองเป็นรัฐอิสระ แม้ว่าจะเป็นเกาะที่มีขนาดเล็ก แต่ก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวโปรตุเกสในปี 1506(2049) และต่อมาถูกยึดโดยอังกฤษ เพราะเกรงว่าฝรั่งเศสจะใช้เป็นเกาะที่ลี้ภัยของจักรพรรดิ์นโปเลียนที่ถูกเนรเทศในช่วงเวลานั้น มีประชากรบนเกาะประมาณ 271 คน สถานรักษาพยาบาลที่ทันสมัยไม่มีทำให้อายุขัยเฉลี่ยคนที่นี่ค่อยข้างน้อย แม้ว่าจะมีสถานีโทรคมนาคมดาวเทียม เพื่อติดต่อกับโลกภายนอกทางทีวีและอินเตอร์แนท แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในพื้นที่ห่างไกลมากที่สุดของโลกวิธีเดียวที่ไปได้สะดวกที่สุดคือ ทางเรือ
เรียบเรียงหลักจาก //realitypod.com/2013/06/top-10-most-remote-places-on-earth/3/ //dict.longdo.com/ //wikipedia.org/ //google.com/ และบางส่วนจาก link ของภาพที่้อ้างอิง หมายเหตุ การถอดเสียงชื่อเมือง เรือ ฯลฯ จะใช้ภาษาประเทศผู้ค้นพบ จากการแปลภาษาของ Google (เช่น สเปน ฝรั่งเศส ปอร์ตุเกส เป็นต้น) เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจากการเน้นภาษาอังกฤษเป็นหลัก กรณีมีข้อบกพร่องผิดพลาดโปรดชี้แนะ จะรีบกลับมาแก้ไข ขอบคุณล่วงหน้าครับ
Create Date : 16 กรกฎาคม 2556 |
|
7 comments |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2557 16:46:34 น. |
Counter : 3292 Pageviews. |
|
|
|
มาตามติดการท่องโลกกว้างไร้พรมแดนด้วยคนค่ะ ^^