เสียงโอดจากไซ่ง่อน

พักนี้สงสัยดวงเดินทางของเราจะรุ่ง เพราะดูจากไมล์เรตของการบินไทยที่พุ่งเอาๆ ไม่หยุดหย่อน เริ่มจากไปเวียดนามเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ตอนนี้เอาอีกแล้ว ไปเวียดนาม 2 อาทิตย์ แล้วกลับมาทำงานกรุงเทพอีก 1 อาทิตย์ แล้วก็ไปเวียดนามอีก 2 อาทิตย์ สลับเปลี่ยนหมุนเวียนจนถึงมกราปีหน้าโน่น

ใครบอกว่าเดินทางสนุกเนี่ยะ เราขอเถียงหัวชนฝาให้แตกกันไปข้างเลยสิเอ้า (เราว่าหัวเราคงแตกก่อนเป็นแน่) ถึงเวลาระหว่าง 2 ประเทศจะไม่ต่างกันจนเกิดอาการ Jet Lag ก็เหอะ แต่การที่ต้องบินไปบินมาระหว่างประเทศ ประชาธิปไตย (เราว่านะ) กับประเทศสังคมนิยม มันก็ดูแปลกๆ แล้วล่ะ ยิ่งมีปัญหาด้านการเจรจากับจราจรอีก เพราะที่เวียดนามเขาใช้รถพวงมาลัยซ้าย ส่วนบ้านเราน่ะ เป็นพวงมาลัยขวา อะไรต่อมิอะไรมันเลยดูกลับกับทางเราไปซะหมด แถมด้วยปริมาณรถมอเตอร์ไซค์ของที่นั่นมีมากราวกับเอาฝูงไอ้มดแดงทั่วโลกมารวมกัน แล้วเวลาแผลงฤทธิ์กันบนท้องถนนนี่ น้องๆ มอเตอร์ไซค์แถวบ้านเชียวหล่ะ (คือไม่ซิ่งเท่า แต่ก็ซิ่ง) เวลาข้ามถนนทีก็วัดใจกันทีนึงว่า รถหรือเราจะหลบให้กัน ยิ่งเวลาที่เรานั่งรถที่บริษัทที่เราไปทำงานให้เตรียมไว้สำหรับเราแล้ว สุดยอดเสียวเวลาที่รถขับฝ่าเข้าไปในฝูงมอเตอร์ไซค์ เพราะพี่แกเล่นวิ่งสวนมาทั้งซ้าย ทั้งขวาของรถที่เรากำลังนั่งอยู่

ถ้ามองให้เร้าใจกระตุ้นต่อมตื่นเต้น ก็คงได้แหละ เพราะอะไรๆ มันผิดแผลกไปจากบ้านเราแทบจะทุกอย่าง เว้นแต่หน้าตาของผู้คนที่นั่นแหละที่ดูคล้ายกับคนทางบ้านเรา แต่อย่าไปเผลอพูดไทยกะเขาเชียวล่ะ เพราะนอกจากจะฟังกันไม่รู้เรื่องแล้ว บางทีอาจซื้อของได้ราคาแพงพิเศษอีกแหนะ

คงเป็นเพราะเวียดนามเองกำลังเร่งพัฒนาบ้านเมืองเค้าให้เทียบเท่าชาวโลก เลยพยายามระดมเงินเข้าประเทศเป็นการใหญ่ เห็นได้จากการขายสินค้าแพงพิเศษให้กับชาวต่างชาติ ขนาดร้านอาหารบางร้าน แค่เราเข้าไปนั่งนี่เค้าก็คิดเงินแล้วนะ โดนมาแล้ว 2 เหรียญแน่ะ เฮ้อ! เวรของกรรมจริงๆ ก็เห็นอาหารที่ร้านเค้าแล้วกระเดือกไม่ลงนี่หว่า ยังจะมาคิดเงินค่าอากาศหายใจอีก แล้วอย่าเผลอไปแลกเงินดอลล่าห์ไปเป็นเงินดองซะหมดล่ะ เพราะตอนแลกจากเงินดอลฯไปเป็นดองน่ะง่ายแสนง่าย แต่เวลาแลกกลับไปเป็นUS นี่สิไปธนาคารไหนก็ไม่ยอมให้แลก เห็นมีอยู่ที่เดียวที่ให้แลกคือตรงทางเข้าสนามบินขาออกนอกประเทศของเค้า แต่เวลาแลกเนี่ยะ เค้าจะขอดู Passport กับตั๋วเครื่องบินด้วยนะ (แหมมันแลกยากซะจริงๆ)

แต่ใครที่มาเวียดนาม (โดยเฉพาะหนุ่มๆ) ก็คงอดไม่ได้ที่จะมองสาวเวียดนาม เพราะสาวที่นี่ส่วนใหญ่หุ่นดี แถม 80%ของสาวที่นี่ก็จัดว่าหน้าตาดีทีเดียว เสียอย่างเดียวสาวๆ เวียดนามเนี่ยะ ถือว่าเป็น สาวพันธุ์ดุ ไม่หวานแบบสาวไทย ก็พยายามสังเกตว่าทำไมสาวๆ แถบนั้นจึงค่อนข้างดุ แล้วก็พอสรุปได้จากที่เห็นมาคือ อาจเกิดจากการที่เวียดนามเองเป็นประเทศที่ผ่านสงครามบ่อย ตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส แล้วเวียดนามเองก็ปลดแอกให้ตัวเองจากฝรั่งเศส(ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2) เป็นเวลา 8 ปี กว่าจะชนะฝรั่งเศสในสมรภูมิเดียนเบียนฟู หลังจากนั้นเวียดนามก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศที่เส้นขนานที่ 17 องศาเหนือ และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้ โดยมีอเมริกา และประเทศพันธมิตร (ไทยเราก็มีเอี่ยวกะเค้าด้วยนะงานนี้) เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ เรียกว่าสงครามเวียดนามไง แล้วเวียดนามเนี่ยะ เวลารบเขาก็จะระดมทั้งผู้ชายและผู้หญิงเข้าร่วมรบในสงครามแบบกองโจรกันหมดเลยแหละ ท้ายที่สุดสิ่งที่เหลือไว้คือยุวชนที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองเพราะพ่อ-แม่ตายในสงคราม

เราไปดูพิพิทธภัณฑ์สงครามของเค้ามาแล้ว บอกตรงๆ ดูแล้วเกิดอาการคลื่นไส้ไม่หาย แม้แต่ตอนที่เขียนไดอารีตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ เพราะเราไม่คิดเลยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในสงครามเนี่ยะ จะเป็นการกระทำของคนที่ทำกับคนด้วยกันได้

แต่ก็แปลกถึงเวียดนามจะผ่านสงครามายาวนาน แต่หนุ่มๆ ที่นี่กลับดูท่าทางก็เป็นคนเรื่อยๆ ไม่ค่อยจะเคร่งเครียดกับชีวิตสักเท่าไหร่ ยิ้มแย้มแจ่มใสดี แล้วส่วนใหญ่ก็จะกินทั้งเหล้า สูบบุหรี่จัดอีกตะหาก (ซึ่งส่งผลให้มีอายุไม่ยืนยาว และไม่ค่อยจะแข็งแรง) ส่วนงานบ้านงานเรือนทั้งหมดจะเป็นหน้าที่ของผู้หญิง จึงไม่แปลกที่สาวๆ ประเทศนี้จะพากันลุกขึ้นมาแสดงความเป็นตัวตน(แบบดุๆ) กันซะเป็นส่วนใหญ่

ยังไม่อยากเล่าหมด เก็บไว้เล่าต่อวันหลัง รอหน่อยละกัน

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2548 Last Update : 13 พฤษภาคม 2550 22:20:25 น. Counter : 678 Pageviews.		2 comments
Share Tweet