มกราคม 2561

 
1
2
3
4
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
เที่ยวอุทัยหลายกิโล


เพิ่งกลับจากอุทัยธานี ก็เลยหายไปหลายวัน ดังนั้นขอข้ามเรื่องงานไปก่อน ขอเล่าเรื่องเที่ยวก่อนละกัน (เห็นเที่ยวสำคัญกว่างานสิเรา นี่ขนาดตกงานนะ)
เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 6 ตื่น 6 โมง แล้วล้อหมุน 7 โมง โดยขับรถตามคำสั่งแม่กระต่าย ลำดับแรกก็ขึ้นบูรพาวิถี ขับไปเรื่อยๆ ไปออกตรงทางออกที่จะไปอยุธยาผ่านวงแหวนรอบนอก ไปทางนวนคร เพราะต้องไปส่งของให้ลูกค้าแม่กระต่ายก่อน
ลูกค้าของแม่กระต่ายสั่งหนังสือการ์ตูนชุดใหญ่ 1 ชุด ต้องใส่กัน 3 ลังเบียร์เลย
จนเลยนวนครไปหน่อย ถึงได้รู้ว่าลูกค้าแม่กระต่ายทำงานอยู่ Kerry แล้วยังได้รู้อีกว่าศูนย์ที่นวนครนี่ใหญ่ใช่เล่น ตรงด้านหน้าศูนย์เป็นอพาร์ตเม้นต์ ที่ดูแล้วคงมีแต่คนของ Kerry พักอยู่เท่านั้น

หลังจากส่งของเสร็จก็เดินทางต่อเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายแรกคือวัดอัมพวัน ตั้งใจจะไปกราบสรีระของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ

เรื่องหลวงพ่อนี่ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีของเราเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อหลายปีก่อนโน้น ในช่วงที่ชีวิตเจอทางตันมาก (คนอะไรฟะ เกิดมาโชคไม่ได้ดีอะไรกับเค้าเลย เจอทางตันตลอด) แม่กระต่าย (ตอนนั้นยังไม่ได้แต่งงานกัน) ค้นเน็ตแล้วเจอวันอัมพวัน สมัยนั้นเราก็เป็นพวกหลงระเริงไม่รู้จักธรรมะหรือการปฏิบัติธรรมอะไรทั้งสิ้น สวนมนต์อะไรนี่ไม่มี คือสมัยเด็กๆ แม่สอนสวนมนต์ นั่งสมาธิมากมาย แต่พอเข้าวันรุ่นก็เลิกหมด จน 30 กว่าแหละ ถึงเริ่มคิดได้

ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าการเจริญวิปัสสนาคืออะไร เคยได้ยินแต่ยุบหนอ พองหนอ ก็ยังเอามาเป็นเรื่องล้อเล่นกับเพื่อนอยู่เลย

จนชีวิตเจอะทางตันแหละ ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปนอนบ้านเพื่อนแม่กระต่าย แล้วบนบานศาลกล่าวไว้ว่าถ้ารอดได้จะบวชแบบไม่โกนหัว 3 วัน (คนบ้าเท่านั้นที่คิดแบบนี้ได้) ซึ่งที่สุดก็รอดมาได้ แม่กระต่ายเลยชวนไปปฏิบัติธรรมแบบที่เรียกว่า “บวชเนกขัมมะ” 3 วัน ตามที่เคยเอ่ยปากเอาไว้

*ชีวิตนี้จะมีดีอยู่บ้าง ก็ตรงที่ไม่โกหกและรักษาสัจจะเท่านั้นกระมัง*

ทั้งระหว่างบวชเนกขัมมะและลาบวชแล้ว เราได้เจอเรื่องมหัศจรรย์มากมาย เอาไว้มีโอกาสจะเล่าให้อ่านกันละกัน แต่ที่อัศจรรย์สุดๆ คือในวันที่ลาบวชนั้น เราได้เป็นคนถวายพานรวบรวมเงินจากผู้ที่เข้าบวชในรุ่นเดียวกันอย่างไม่ตั้งใจ คืนพอมีการขอตัวแทนรุ่น ทุกคนก็หันมามองทางเราเป็นตาเดียวกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ก็เลยได้โอกาสพิเศษอีกครั้งในชีวิต

หลังจากการบวชเนกขัมมะครั้งนั้น มุมมองของโลกใบนี้ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง (ครั้งแรกหลังจากไปพบนักจิตเวชอยู่เป็นปีเพราะพิษโรคซึมเศร้า)

กลับมาเรื่องเดินทางต่อ

วันอัมพวันหลังจากหลวงพ่อฯ ละสังขารก็ดูเงียบเหงาไปน่าดู แต่ผู้ปฏิบัติธรรมและโรงทานก็ยังอยู่ เสียดายที่กินข้าวเช้าอิ่มแล้วก็เลยไม่กล้าแวะทานข้าววัดอย่างที่ชอบ (คือกลัวอ้วนด้วย กว่าจะลดมาได้ขนาดปัจจุบัน มันไม่ง่ายเลย)

ออกจากวัดอัมพวันก็เดินทางสู่เป้าหมายถัดไปนั่นก็คือวัดท่าซุง ซึ่งตาม Google Map บอกให้ไปข้ามสะพาน แต่พอไปถึงสะพานก็ “แป่ว” เพราะสะพานโดนทุบซ่อม เลยต้องไปข้ามแพขนานยนต์แทน

เรื่องแปลกอีกอย่างที่สร้างความงงให้แม่กระต่ายคือ เราไม่เคยมาวัดท่าซุงเลยซักครั้งในชีวิต ทั้งที่ที่ทำงานเก่าเราเค้าเคยพาพนักงานมาวัดท่าซุงกันหมดแล้ว แต่ตอนนั้นเราเป็นคนจัดสถานที่ที่โรงแรมที่จะจัดสัมมนาพนักงานก็เลยต้องพลาดโอกาสนี้ไป

การมาวัดท่าซุงครั้งแรกของเราเรียกว่าประทับใจมาก เพราะสามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่เพียบ ได้ทำบุญไหว้พระ ได้ถวายสังฆทาน แล้วก็ได้กราบสังขารของหลวงพ่อ ตั้งจิตอธิษฐานขอหลวงพ่อให้ชี้แนะแนวทางชีวิตให้กับคนตกงานคนนี้ด้วย

ออกจากวัดท่าซุงก็เดินทางไปที่พัก “ค่ำนี้ที่อุทัย” https://www.facebook.com/comeneeteeuthai/

ที่พักดูดี ถึงแม้ภายนอกจะเป็นการ Renovated จากอาคารพานิชย์เก่า 2 ชั้นก็ตาม แต่ภายในนี่ถือว่า OK เลย โดยที่นี่มีห้องพักอยู่ 4 ห้อง ชื่อห้องก็คล้องจองกัน
ห้องรวมพล ห้องคนสนิท ห้องหนึ่งมิตร ห้องชิดใกล้
ห้องรวมพลก็เป็นเตียงซ้อน 2 ชั้น 4 เตียงนอนได้ 4 คน ห้องคนสนิทก็เป็นเตียงใหญ่ 1 เตียง ห้องหนึ่งมิตรเป็นเตียง 2 ชั้นตั้งไขว้กัน ห้องชิดใกล้ไม่ได้แอบดูเพราะดันไปเจอดีเข้า ปิดห้องแทบไม่ทันและไม่กล้าแอบดูอีกเลยรู้แต่ว่าเป็นห้องเตียงใหญ่และมีห้องน้ำในตัว (นอกนั้นเป็นห้องน้ำตามเลขห้องอยู่นอกห้องทั้งนั้น) นอกจากความประทับใจในห้องน้ำที่อยู่นอกห้องพักทำให้อดแก้ผ้าเดินโทงๆ ไปอาบน้ำเหมือนในยามไปเที่ยวที่อื่นก็จะมีเรื่องของสบู่เหลว ยาสระผมและครีมนวดนี่แหละ
คือสบู่เหลวเป็นกลิ่นน้ำผึ้งผสมยูคาลิปตัส (อาบไปนึกว่าอมฮอลล์ไป) ส่วนยาสระผมกับครีมนวดก็เป็นกลิ่นอัญชันผสมใบเตย สระผมไปก็นึกถึงน้ำอัญชัน ถ้าบีบมะนาวใส่คงอร่อยน่าดู

พักที่นี่ 2 คืน ใช้ห้องพักเขาไป 2 ห้องคือเริ่มที่หนึ่งมิตรก่อน เพราะที่พักดันเต็ม พอบ่ายวันอาทิตย์ก็ย้ายห้องไปอยู่คนสนิท

การเที่ยวเมืองอุทัยคราวนี้ก็ไม่มีอะไรมาก วันแรกคือวันเสาร์ก็ไปเดินตลาดตรอกโรงยา (สมัยก่อนเป็นโรงยาฝิ่น สมัยนี้เป็นถนนคนเดินในวันเสาร์ตอนเย็น) เช้าวันอาทิตย์ก็ไปเดินตลาดนัด (ตลาดเช้าเฉพาะวันอาทิตย์ ปิดถนนขายกันเลย) พอสายๆ บ่ายๆ ก็ออนทัวร์ในตัวเมืองอุทัย ไปร้านหนังสือซึ่งเปิดอยู่ร้านเดียวคือ Booktopia (เจ้าของร้านเป็นนักเขียน) ส่วนอีกร้านคือ “กาลครั้งหนึ่ง” ร้านปิด เดาว่าเจ้าของหนีเที่ยว เพราะโทรไปแล้วบอกกลับวันจันทร์เย็นๆ ซึ่งเราไม่รอแน่นอน จากนั้นก็ขัยรถไปกินกาแฟริมแม่น้ำสะแกกรัง ก่อนเดินข้ามสะพานไปวัดอุโบสถาราม กราบพระพุทธบาทจำลอง โดยมีเคล็ดอยู่ว่าระหว่างกราบให้นึกถึงพระพุทธบาทที่สระบุรีด้วย แล้วจะขลังมาก

ตามประสาคนตกงานที่ต้องคิดจะอธิษฐานของานทำ แต่ไม่รู้ทำไมเกิดความคิดขึ้นมาว่าอยากได้เส้นทางในชีวิตก็เลยกราบขอพรจากพระพุทธบาทให้พบหนทางในชีวิตทีเถอะ แล้วก็เสี่ยงเซียมซีถามว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี

คำตอบคือเซียมซีใบที่ 24 ซึ่งหมด อดอ่าน (เซ็งจริงๆ นะนี่)

ตอนบ่ายฝนตกก็กลับที่พัก นอนเกาพุงเล่นจนเย็นก็ไปเดินร้านขายเครื่องเขียนในเมือง ข้อสังเกตอย่างนึงของชีวิตที่อุทัยคือค่าครองชีพไม่แพงเหมือนกรุงเทพหรือชลบุรี เพราะเงิน 5-10 บาทสามารถซื้อขนมไทยกินได้แบบพออิ่ม ต่างจากที่อื่นที่ 5 บาทนี่แทบซื้ออะไรไม่ได้เลย

อ้อ! หา Big-C Lotus Makro ไม่เจอนะ เจอแต่ 7-11 ที่ตั้งอยู่ริมถนนในตัวเมืองที่เราพักแค่ 3 ร้าน

วันจันทร์วันสุดท้ายของการเดินเที่ยวอุทัย แวะไปเดินตลาดเช้าริมแม่น้ำสะแกกรัง ก็ว่าจะปล่อยปลาไหลซักหน่อยเผื่อได้งานทำ (ตามตำราว่าไว้) พอไปถามราคาเท่านั้นแหละ รายการสินค้าราคากันเองของชาวอุทัยโดยลบออกไป 1 รายการทันที ปลาไหลตัวกระปิ๊ดนึงยาวแค่คืบเดียว ขายตัวละ 30 บาท แบบนี้คนตกงานก็คงตกงานต่อไปแน่นอนถ้าการปล่อยปลาไหลช่วยได้ เพราะเขาว่าให้ปล่อยปลาไหล 9 ตัว ถ้าตัวละ 30 ก็ 270 แพงกว่าแกงปลาไหลในร้านอาหารซะอีก เลยอดปล่อยปลาไหลต่อไป

เพื่อความเป็นสิริมงคลแบบขีดสุดเรากับแม่กระต่ายก็แวะไหว้ศาลหลักเมืองอุทัยธานี เป็นรายการสุดท้ายก่อนกลับที่พัก

พอกลับถึงที่พักก็นอนเอกเขนกจน 11 โมงก็เก็บข้าวของเตรียมเดินทางกลับชลบุรี

ลาแล้วอุทัยธานี ไว้มีโอกาสจะแวะมาใหม่

คะแนนการท่องเที่ยว
ที่พัก 4 ดาว อาหารอร่อย ดูน้อยแต่อิ่มแน่น ชอบสบู่เหลว แชมพู ครีมนวด และความสงบ ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องต้องดู TV ถือว่าโอเค
อาหาร 3 ดาว ส่วนใหญ่ออกหวานซึ่งเราไม่ชอบ ร้านเย็นตาโฟคนต่อคิวแน่น แต่เรากินไม่ได้ หวานยังกะเผลอทำน้ำตาลหกใส่ มีร้านเย็นตาโฟหม้อไฟที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักแหละที่ OK ทั้งรสชาติและเจ้าของ
อากาศ 4 ดาว ไม่หนาว ไม่เย็น กำลังสบาย เรียกว่าใส่ชุดว่ายน้ำเดินได้ไม่หนาว แต่ไม่ได้ทำเพราะเกรงใจสายตารอบข้าง
การเดินทาง 4 ดาว ถนนเรียบดีตลอดเส้นทาง จะขลุกขลักบ้างก็ตอนลงแพขนานยนต์นี่แหละ เพราะทางลงทางขึ้นเป็นหินกรวดหยาบๆ แถมตอนอัดคลิปพร้อมบรรยากาศสวยๆ กับเพลงฟังสบายๆ ไม่รู้ตาบ้าที่ไหนเดินพุงพลุ้ยตัดหน้ากล่องเฉย




Create Date : 10 มกราคม 2561
Last Update : 10 มกราคม 2561 17:01:45 น.
Counter : 439 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ปีกไม้หอม
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



เป็นนักเขียน
เป็นอาจารย์
เป็นพ่อบ้าน
เป็นพ่อครัว
เกิดในตระกูลหมอดู

รับสอน VBA บน Access และ VBA บน Excel ทั่วราชอาณาจักร
รับแนะแนวทางชีวิตด้วยไพ่ทาโร่ต์และเบอร์มือถือ
New Comments