สิงหาคม 2548

 
1
5
7
9
10
11
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
เส้นทางตามรอยพระพุทธบาท
หายไปหลายวัน พึ่งกลับจากเวียดนามเมื่อวานนี้เอง เอาไว้จะเล่าเรื่องเวียดนามให้ในไดอารี่วันถัดไปนะครับ วันนี้ขอเล่าเรื่องที่ค้างจากคราวก่อน ที่ไปทำบุญบ้านแกร์ด้ามาน่ะ

เช้าวันที่ 7 สิงหาคม หลังจากตื่นนอนขึ้นมาในตอนเช้า ของโรงแรมลพบุรีอินน์ ก็จัดการอาบน้ำ แต่งตัวลงไปทานอาหารเช้าที่เขาจัดไว้เป็นบุฟเฟ่ต์ ซึ่งก็ถือว่าอาหารอยู่ในระดับที่ใช้ได้ไม่ถึงกับขี้เหร่สำหรับค่าห้องพักในราคา 500 บาทพร้อมอาหารเช้า มีออมเล็ต ไส้กรอกต้ม ข้าวต้ม ไข่ดาว ขนมปังปิ้ง และแยมสตรอเบอรี่ กับอีกหลายอย่างอะนะ จำไม่ได้หมด แต่เราก็ไม่ได้ทานที่บอกมาทั้งหมดหรอกนะ ทานได้แต่น้ำข้าวต้มกะผักผัด พร้อมกับออมเล็ตโดยเลือกกินแต่ไข่ ส่วนแฮมที่เขามาทำเป็นไส้ก็เขี่ยออก จากนั้นก็ขึ้นมานอนเอกเขนกต่อบนห้องกะว่าเที่ยงๆ ต้องขับรถกลับกรุงเทพ ต้องพักเยอะๆ เพราะหนทางอีกยาวไกลนัก

จนเกือบเที่ยงแหละ นอนจนเบื่อก็เลย Check Out ออกจากที่พัก เทคนิคนิดนึงในการ Check Out จากโรงแรมให้เร็วขึ้นหน่อยคือ อย่าเก็บข้าวเก็บของจนเสร็จแล้วยกของลงไปที่ Reception เลย ให้เก็บของจนเกือบเสร็จแล้วก็โทรลงไปบอกที่ Reception ตามด้วยการเก็บของอิกนิดหน่อยไม่เกิน 5 นาที แล้วค่อยลงไปที่ Reception เพราะวิธีนี้จะทำให้การ Check Out รวดเร็วขึ้น เนื่องจากเวลาที่เราออกจากห้องพัก เขาต้องให้แม่บ้านเข้ามาตรวจห้องให้เรียบร้อยก่อน ว่าเราเอาข้าวของให้ห้องพัก เช่ยโต๊ะ เตียง ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น อ่างอาบน้ำรวมไปถึงเครื่องปรับอากาศใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วยหรือไม่ แล้วยังดูไปถึงน้ำดื่มในตู้เย็นเช่นน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์น่ะ เราดื่มไปกี่มากน้อย (เขาไม่ได้ให้ฟรีนะ) จะได้คิดเงินเราถูก แต่ไม่ใช่รู้แบบนี้แล้วเราไม่เตะต้องเลยนะ โรงแรมส่วนใหญ่จะให้บริการน้ำดื่มฟรีวันละ 2 ขวด เป็นน้ำดื่มธรรมดาๆ ไม่ใช่น้ำแร่นะ ดูดีๆ ด้วยล่ะ เพราะบางที่เขาวางไว้ด้วยกัน เราก็ฟาดน้ำแร่ไปซะหมด 2 ขวด ส่วนน้ำดื่มแบบฟรีๆ กลับไม่แตะต้องเลย

แต่ก็อีกนั่นแหละ ที่ต่างประเทศบางประเทศ เขาก็ไม่คิดเงินค่าน้ำแร่นะ แต่ดันคิดเงินค่าน้ำดื่ม เง็งไปเหมือนกัน ดังนั้นทางที่ดีที่สุด หาใบแสดงราคาสินค้าในตู้เย็นก่อนทำการจัดการสิ่งของที่รกตาอยู่ในตู้เย็นด้วยก็ดี เพื่อความปลอดภัยในกระเป๋าตังค์ของเรา
พออกจากโรงแรม ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านเลยแหละ เพราะท่าทางยังอีกไกล ถ้าสายตาไม่เหลือบไปเห็นป้ายชี้ทางไปวัดพระพุทธบาทซะก่อน

พอเห็นปุ๊บก็ชิดขวาอย่างไม่ตั้งใจ ก็เลยเอาน่ะ ไหนๆ ก็ไหน มาแล้วแวะหน่อยคงไม่เสียหาย เพื่อความเป็นศิริมงคล (ไม่เกี่ยวกับนักมวยนายแบบอะไรนั่นหรอกนะ)

อาจเป็นเพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาล ผู้คนเลยไม่หนาแน่น แต่ก็ถือว่ามีคนบ้างพอควรไม่ถึงกับเงียบเหงา เสียงระฆังที่ดังอยู่เป็นระยะ ยิ่งดูเหมือนกระตุ้นให้เท้าเราก้าวเดินไปตามทิศทางที่มาของเสียง แต่คงฝ่าหลายด่านหน่อยแหละ

ด่านแรกก็คือห้องน้ำ เพราะขับรถมาพักนึงแล้ว ก็เลยได้ภาพดอกดองดึงมาแบบที่นำมาแปะไว้วันก่อนในห้องต้นไม้ (Plant Lovers) นั่นแหละ

จากนั้นเราก็ไปไหว้พระตามวิหารต่างๆ ตามแต่จะเห็นที่ไหนก็ไปที่นั่น สงสัยที่นี่คงเป็นที่รวมของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่วิหารเต็มไปหมด

จากวิหารแรก ผ่านไปเราก็เดินไปเจอป้ายชี้ทางไปนมัสการพระพุทธบาท ซึ่งเวลาเข้าไปในวิหารต้องถอดรองเท้าด้วย ลูกเล็กเด็กแดงก็ไม่เว้น เพราะเราเห็นคุณแม่พาคุณลูกวัยพึ่งหัดเดินมานมัสการ ทางเจ้าหน้าที่เขายังบอกให้คุณแม่ถอดรองเท้าให้คุณลูกเลย
พอออกจากวิหารที่เก็บรอยพระพุทธบาทไว้ ก็ตั้งใจว่าจะกลับล่ะ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นป้ายชี้ทางไป “ยกช้างเสี่ยงทาย” ก็เลยอดแวะไปดูไม่ได้ กะว่าจะลองยกดูเหมือนกันแหละ

การยกช้างเสี่ยงทายนี่ไม่ใช่คิดอยากจะยกยังไงก็ยกได้นะครับ แต่เขาจะมีท่าโดยเฉพาะ ซึ่งมีบรรยายเป็นรูปวาดเอาไว้ตรงทางเข้า
โดยการยกนั้น ถ้าเป็นผู้หญิงต้องเข้าหาช้าง (ใช้คำพูดเสียวไส้จัง) ทางด้านซ้าย คือช้างอยู่ทางด้านขวาของผู้ยก ส่วนผู้ชายให้เขาหาช้างทางด้านขวา คือช้างอยู่ด้านซ้ายของผู้ยก

จากนั้นให้นั่งในท่าเทพธิดา คือนั่งบนส้นเท้าของตัวเอง โดยข้อเท้าให้ราบลงกับพื้นด้วย (โห! ตัดกำลังกันสุดๆ สงสัยกลัวจะยกได้ง่ายๆ) จากนั้นยังมีอีกนะ ยังไม่หมด หลังจากที่เราอธิฐานถามถึงสิ่งที่เราอยากได้ว่าจะสมความตั้งใจหรือไม่ ก็ถึงเวลายกช้างโดยเขาจะมีห่วงอยู่ตรงกลางหลังช้าง ถ้าเป็นผู้หญิงให้ใช้นิ้วกลางมือขวาสอดเข้าไปในห่วง ส่วนผู้ชายให้ใช้นิ้วก้อยมือซ้ายสอดข้าไปในห่วง หายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติให้ดีๆ นับ 1 2 3 (ในใจ ไม่ต้องดังนะครับ เดี๋ยวใครเขาจะนึกว่าเรามายกน้ำหนัก) แล้วยก...อึบบบบบบ!!!!
ไม่ต้องรอสัญญาณนะครับ เพราะไม่มีออดจับเวลา ยกได้หรือไม่ได้ แล้วแต่บุญแต่กรรม ไม่มีกรรมการคอยเก็บคะแนน เพราะไม่มีรายการแข่งยกช้างโอลิมปิค

พอยกช้างเสร็จก็อย่าลืมทำบุญให้กับช้างด้วย เพราะเขาจะมีตู้ตั้งไว้ตรงหน้าช้างเลย จะไม่ทำก็คงใจร้ายไปหน่อย
สำหรับผม ขอไม่บอกว่า ถามอะไรไป รู้แต่ว่ายกขึ้นด้วยล่ะ ก็เลยนั่งนอนๆ อยู่แถวนั้น เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าคนอื่นจะยกขึ้นหรือไม่ ก็ได้เห็นอะไรแปลกดีเหมือนกัน บางคนรูปร่างล่ำบึกประมาณพี่ชายของ จา พนม กลับยกไม่ขึ้น ส่วนสาวๆ บางคน (เห็นส่วนใหญ่ๆ สาวๆ ชอบมาเสี่ยงทายมากกว่าผู้ชาย) รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร น่ากลัวจะปลิวไปตามลม กลับยกได้อ๊ะ




ผมไม่ขอสรุปนะครับว่าการยกช้างนั้น เป็นอย่างไร เพราะอันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล

หลังจากดูชาวบ้านเขายกช้างอยู่หลายรายจนท้องตัวเองเริ่มร้อง เกรงว่า คนเขาจะคิดว่าเป็นสัญญาณจับเวลาแบบยกน้ำหนัก ก็เลยเดินออกไปหาอะไรทานตรงด้านหน้าวัด สั่งกระเพรากุ้งซึ่งเป็นเมนูหลักเวลาไม่อยู่บ้าน จนอิ่มหนำดีแล้วก็เลยเดินทางออกจากวัดพระพุทธบาท

ระหว่างขับรถเพื่อตั้งใจกลับบ้าน (จริงๆ นะ ตั้งใจกลับบ้านจริงๆ) สายตาเจ้ากรรมก็ดันไปเห็นป้ายชี้ทางไป อุทธยานแห่งชาติ เขาสามหลั่น ด้วยความอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ก็เลยเลี่ยวไปตามทาง จนมารู้สึกตัวอีกทีก็ถึงทางเข้าที่เขาเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าชมอุทยานแห่งชาติแล้ว เจ้าหน้าที่บอกเราว่าตอนนี้ น้ำตกไม่มีน้ำนะ แต่เราก็อยากรู้แหละว่าข้างในเป็นอย่างไร เลยยอมเสียเงินเพื่อเข้าไปข้างใน ขับรถไปจนถึงที่เขาให้จอดรถ แล้วก็ลงเดินต่อไปอีก 300 เมตรก็ถึงบริเวณที่เดาว่าเคยเป็นน้ำตก แต่ไม่มีน้ำเลย สงสัยเจ้าหน้าที่เขาคงไม่ได้เปิดก๊อกน้ำแหละ น้ำถึงไม่ไหล

ในเมื่อไม่มีอะไรทำก็เลย ถ่ายรูปดอกไม้กับแมลงเท่าที่พอจะหาได้แถบนั้น แล้วก็มาตื่นตะลึงกับสาวน้อยนางนึงที่มาเที่ยวน้ำตกกับแฟนหนุ่ม เพราะนอกจากจะขาวสวยแล้ว เธอเล่นใส่รองเท้าส้นสูง กระโปรงยีนส์สั้น เสื้อสายเดี่ยวสีชมพูอีกตะหาก ช่างกล้าหาญชาญชัยดีแท้

ใจก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมออกเดทของเธอแหละว่าคิดยังไง ถึงมาเที่ยวน้ำตกด้วยชุดแบบนี้ แต่คิดไปคิดมาแล้ว กลับบ้านดีกว่า เพราะนี่ก็เริ่มเย็นแล้ว

ก็เลยลากสังขาร ขับรถรวดเดียวถึงบ้านไม่แวะ ไม่พัก ไม่เติมน้ำมัน รวดเดียว จากสระบุรี ถึงกรุงเทพเอาเกือบทุ่ม
แล้วก็หลับยาว เพราะวันจันทร์ต้องทำงาน ส่วนวันพุธก็จะไปเวียดนามซึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องไปเป็นกระเหรี่ยงหลงทางอยู่ที่นั่น แบบทุกครั้งที่ไปเมืองนอกด้วยหรือเปล่า แล้วรอลุ้นเรื่องราวในวันถัดไปนะครับ


ดูภาพการเดินทางได้ที่นี่ครับ




Create Date : 12 สิงหาคม 2548
Last Update : 13 พฤษภาคม 2550 21:59:17 น.
Counter : 962 Pageviews.

5 comments
  
ช้างยกขึ้นได้ ด้วยแรงอยากให้สมปรารถนา
โดย: nuyo (CooKiiE ) วันที่: 12 สิงหาคม 2548 เวลา:22:58:44 น.
  
ลืมบอกไป ภาพสวยคะ
โดย: nuyo (CooKiiE ) วันที่: 12 สิงหาคม 2548 เวลา:23:00:02 น.
  
น่าสนใจดีจัง..

โดย: zaesun วันที่: 13 สิงหาคม 2548 เวลา:0:06:10 น.
  
ได้ยินพูดถึง "จา พนม" เลยรีบเข้ามา อิๆๆๆๆ

หนุกหนานจังเลยจ้า จานปีก
โดย: ศูนย์สองหก วันที่: 13 สิงหาคม 2548 เวลา:15:33:42 น.
  
:] เข้าวัดเข้าวาดีจิงๆ พี่ฉานนนนน
โดย: [K]atZu [o] วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:5:09:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปีกไม้หอม
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



เป็นนักเขียน
เป็นอาจารย์
เป็นพ่อบ้าน
เป็นพ่อครัว
เกิดในตระกูลหมอดู

รับสอน VBA บน Access และ VBA บน Excel ทั่วราชอาณาจักร
รับแนะแนวทางชีวิตด้วยไพ่ทาโร่ต์และเบอร์มือถือ
New Comments