เมื่อคืนฝันเสียว

เมื่อคืนก่อนนอนมันปวดหัวตุ๊บๆ ชอบกล แต่ก็เป็นไปตามปกติครับ คือหัวถึงหมอนปุ๊บ หลับปั๊บ ส่วนใหญ่นะ เราจะเป็นแบบนี้แหละ หลับง่าย ตื่นไว ใครเดินผ่านหน่อยเดียวก็ตื่นแล้ว ซึ่งคงเกิดจากเพราะถูกฝึกมาแต่เล็กๆ
กรรมวิธีการนอนของเราใครจะเอาไปเป็นแบบบ้างก็ได้นะ มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี ขึ้นอยู่กับเรื่องราวที่ผ่านไปในแต่ละวัน

วิธีแรกใช้ประจำ เพราะสบายสุดๆ
ใช้การกำหนด อานาปาณสติ คือหายใจเข้าก็ ”พุท” หายใจออกก็ ”โธ” แบบนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หลับ ที่สำคัญท่องในใจนะครับ ไปต้องท่องออกมาดังๆ เพราะแทนที่จะหลับก็อาจจะสว่างคาตาก็ได้ ยิ่งใครที่ไม่ได้นอนคนเดียว คนที่นอนอยู่ข้างๆ อาจซึ้งในรสพระธรรม ยกมือประนม แล้ว ”ดีด” ให้เรากระเด็นไปไกลๆ ก็ได้

หรือถ้าวันไหนเหนื่อยหน่อยก็ใช้การเข้ากรรมฐานในท่านอนเอา ตื่นมาก็จะมีแรงสู้ต่อไป ส่วนวิธีการคงไม่เขียนอธิบาย ใครสนใจก็ไปศึกษาได้ที่ วัดหลวงพ่อจรัล สิงห์บุรีโน่นได้ครับ เพราะเราเรียนมาจากที่นี่

ส่วนวิธีที่ 2 เราจะใช้ในเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังขาดจิตนาการ
วิธีการง่ายมาก เพียงแค่คิดทบทวนว่าวันนี้เราทำอะไรบ้าง
แต่...เดี๋ยวก่อน มันไม่ง่ายอย่างนั้น ให้เราคิดทบทวน เหมือนกับเวลาดูหนังแล้วเรากดปุ่ม Review นั่นแหละ คือคิดย้อนกลับ เช่น ก่อนนอนเราทำอะไร ก็แปรงฟันดิ (หรือใครไม่แปรง...ยี๋) แล้วก่อนแปรงฟันล่ะ ก็อาบน้ำ (หยึย ลืมเรื่องใส่เสื้อผ้าไปอ๊ะ แต่จริงๆ ไม่ได้โป๊นะ ละไว้ไง ละไว้) ก่อนอาบน้ำทำอะไร อย่างนี้ไปเรื่อยๆ

สิ่งที่ได้จากวิธีนี้คือ ได้จินตนาการ และความจำ ไม่เชื่อลองดูสิ

แต่เดี๋ยวนี้ทั้ง 2 วิธีใช้กับเราไม่ค่อยได้ผลแล้ว เพราะพอหัวสัมผัสหมอนปุ๊บหลับปั๊บเลย...แย่จัง

ตามปกติเวลาคนเราหลับ (รวมไปถึงแมวด้วย) ก็จะฝันกันทุกคน แถมฝันกันทีไม่ต่ำว่า 7-8 เรื่อง เพียงแต่ส่วนใหญ่เราจะจำความฝันกันไม่ได้ แล้วก็ตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ฝัน
และอีกเรื่องเกี่ยวกับความฝันก็คือ คนเรามักฝันเป็นภาพขาว-ดำ ถ้าใครเคยดู TV ขาวดำ หรือหนังเงียบสมัยก่อน จะเข้าใจดี ยกเว้นคนสติไม่สมประกอบถึงจะฝันเป็นภาพสี
พอเราอ่านเจอเรื่องนี้เลยเริ่มเป็นกังวล เพราะเราฝันเป็นภาพสีอ๊ะ โอ!!! พระเจ้า ให้ปีกฯมาเกิด ทำไมต้องให้ปีกฯ ฝันเป็นภาพสีด้วย ก็เลยเริ่มสงสัยว่าตัวเองจะเป็นพวก ”บ้าหลบใน” ใครทำไม่ถูกใจอาจโดนกัดได้

ย้อนกลับมาเรื่องความฝันต่อ
เมื่อคืนฝันว่าไปหาหมอฟัน (ไปหาหมอฟันนะครับ ไม่ใช่ไปให้หมอฟัน)
ก็ไปทำฟันขูดหินปูนตามปกติซึ่งเราจะพยายามทำประจำทุก 6 เดือนอยู่แล้ว
แต่คราวนี้ไหงหมอทำหน้าเป็นกังวลแล้วบ่นว่า ทำไมเราปล่อยให้หินปูนเยอะขนาดนี้ แล้วค่อยมาหาหมอ
เราก็เถียงไปสิ ว่าเรามาประจำทุก 6 เดือน หมอก็ดูประวัติเราสิ ว่าเราเป็นคนไข้ดีเด่นขนาดไหน
แต่หมอก็บอก ไม่น่านะ แล้วหมดก็ถ่ายรูปภายในช่องปาก เอาขึ้นเครื่องฉายแบบในโรงภาพยนต์
โอว! พระเจ้าช่วยกล้วยทอด พระเจ้าจอร์จมันทอดยาก นั่นถ้ำหรือปากคนอ๊ะ (ปากเราเอง แต่ตอนนั้นลืมไป) มีทั้งหินงอก หินย้อย หินเขี้ยวหนุมาน หินปูน หินลาวาเต็มไปหมด โอย!!! จะบ้าตาย
แล้วหลังจากนั้น หมอก็ถือสิ่วกะค้อน เตรียมกะเทาะหินปูนให้เราเต็มที่

โชคดีที่เราสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนที่จะได้เห็นพฤติกรรมที่หวาดเสียวมากกว่าที่ควรจะเป็น
เรารีบวิ่งไปดูกระจก พร้อมกับแยกเขี้ยวแหกปากทั้งอ้าทั้งฉีก พบคราบหินปูนเล็กน้อย สงสัยถึงเวลาที่เราต้องไปให้หมอฟันทำเราเสียวอีกแล้ว ก่อนที่จะมีปฏิมากรรมธรรมชาติภายในช่องปากเรามากกว่านี้

Create Date : 28 กรกฎาคม 2548 Last Update : 13 พฤษภาคม 2550 21:42:24 น. Counter : 843 Pageviews.		8 comments
Share Tweet