สิงหาคม 2548

 
1
5
7
9
10
11
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
เสน่หาโฮจิมินท์ ตอน...แรกสัมผัส
เที่ยวบิน TG 680 เริ่มวิ่งออกจากรันเวย์ของสนามบินดอนเมืองเวลา 8 โมง 50 ของวันที่ 10 สิงหา 2548 โดยจุดหมายของเครื่องบินลำนี้คือนครโฮจิมินท์หรืออดีตไซ่ง่อนนั่นเอง

เราเป็นหนึ่งในผู้โดยสารของเที่ยวบินนี้ ซึ่งเป็นเที่ยวบินงดสูบบุหรี่ ดังนั้นสิงห์อมควันทั้งหลายเลยหมดโอกาสปล่อยควันที่สะสมเอาไว้ในปอดออกมา แต่เอาเถอะนะ เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ (ประมาณ 20 นาที) ก็ถึงไซ่ง่อนแล้ว คงไม่ถึงกับลงแดงหรอก หรือถ้ามองในแง่ดีก็มีเวลาให้เลิกบุหรี่ตั้งชั่วโมงกว่าๆ แหนะ

การเดินทางไปต่างประเทศพักหลังนี่มีปัญหากับ ตม ฝั่งไทยน้อยลงเยอะ เรียกว่าไม่มีเลยจะดีกว่า เพราะปัญหาหนักสุดก็ตอนที่เราไปนอกครั้งแรกแหละ หลังจากนั้น ก็ไม่เคยถามอะไรเราอีกเลย จนบางที่เราคิดว่า ตม เขาคงเลิกสนใจเราแล้วมั๊ง จะไปตกระกำลำบากที่ไหนก็ช่างเหอะ หรือไม่ก็คงมั่นใจในสีมือ ที่ไม่ว่าจะตกระกำลำบากแค่ไหน ก็ยังใช้ภาษาใบ้เป็นบ้างเล้กน้อย

การเดินทางครั้งนี้ ค่อนข้างราบรื่น อากาศก็ดี อาหารก็ถูกปาก และเป็นครั้งแรกที่เราได้ใช้บริการสุขาที่ความสูง 33,000 ฟุตด้วยล่ะ ก็แหม บินไปต่างประเทศจนเกือบครบทุกประเทศที่อยู่ติดประเทศไทยแล้ว (ยกเว้นเขมร ยังไม่เคยไป) เชื่อมั๊ย เราไม่เคยใช้บริการสุขาของเครื่องบินเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันรู้สึกไงไม่รู้กะการเข้าห้องน้ำในที่สูงๆ เนี่ยะ กลัวว่า “มัน” จะไปลงหลังคาบ้านใครเข้า แต่คงไม่หรอกนะ เขาคงมีที่เก็บแหละ ไม่งั้นมันคงมีกระเซ็นกระสายมาลงหลังคาบ้านเราบ้างแหละ เครื่องบินบินผ่านทุกวันนี่นา และอีกอย่าง เราว่าก็ไม่อยากจะกลั้นไว้นานๆ ให้เป็นภาระกับอวัยวะภายในเรามากเกินไปด้วย

ห้องน้ำบนเครื่องบินเนี่ยะ ดูไปก็คล้ายๆ กับบนรถไฟเหมือนกันนะ คืออุปกรณ์เค้าเป็นสแตนเลสน่ะ มันเงาวับเชียว เรียกว่าน่าใช้เชียวล่ะ แถมตรงด้านข้างยังมีกล่องคล้ายๆ กล่องกระดาษทิชชู แบบดึงด้วย แปลภาษาอังกฤษที่เขียนไว้ก็ได้ประมาณว่าเป็นกระดาษสำหรับวางบนโถสุขภัณฑ์ จะได้ไม่รู้สึก “กี๊กกึ๋ย” เวลาที่เรานั่งลงไป

ก่อนเข้าห้องน้ำบนเครื่องบินก็ให้สังเกตป้ายที่อยู่ด้านบนของห้องน้ำด้วยล่ะว่าไฟสว่างเป็นสีแดงอยู่หรือเปล่า ถ้าสว่างอยู่ก็แสดงว่าไม่ว่าง จะย้ายไปอีกห้อง หรือยืนรอหน้าห้องก็ตามแต่ใจนะครับ

เท่านั้นยังไม่พอ ถึงไฟจะไม่สว่าง ก่อนเปิดประตูเราก็ต้องเคาะประตูเบาๆ 2-3 ทีก่อนนะครับ ไม่งั้นอาจเกิดเหตุการณ์ที่เราคาดไม่ถึงได้

พูดถึงเรื่องเหตุการณ์แบบนี้ นี่เพื่อนคนนึงเคยก่อวีรกรรมชวนสยิวเอาไว้ที่บ้านของเพื่อนอีกคนเอาไว้เหมือนกัน

เพื่อนคนนี้น่ะ มันชื่อ “ไอ้นา” ครับ ไอ้นาเป็นคนเรียนเก่ง หล่อ ล่ำ เดี๋ยวนี้ไปเป็นหมอ อยู่ที่ไหนซักที่แหละ เพราะไม่ได้ติดต่อด้วยนานแล้ว

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อพวกเราไปติวหนังสือกันที่บ้านเพื่อนอีกคนที่ชื่อ “ไอ้ทีป” แล้วเวลาติวเนี่ยะ มันก็ใช้เวลานานใช่ไหมครับ เมื่อนานก็ต้องใช้บริการห้องน้ำบ้านเพื่อนด้วยเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ความธรรมดานี่แหละที่สร้างเรื่องเสียวให้ไอ้นา เพราะมันไปเข้าห้องน้ำเพื่อปล่อยน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย ไม่รู้มันทำยังไง เงียบกริบ ที่สำคัญมันปิดประตู แต่ไม่ล๊อคกลอน

ผลหรือครับ น้องสาวของไอ้ทีปเกิดปวดห้องน้ำในเวลาไล่หลังกับไอ้นาแป๊บเดียว โดยที่ไม่รู้ว่าเพื่อนของพี่ชายตัวเองมาที่บ้าน เพราะตัวเองอยู่ชั้น3 แต่ตัวไอ้ทีปและผองเพื่อนอยู่ชั้นล่าง ส่วนห้องน้ำน่ะอยู่ชั้น 2

น้องไอ้ทีปเลยผลักประตูห้องน้ำเข้าไปเพื่อจะพบไอ้นากำลังยืนปลดทุกข์ โดยหันเอา “ไอ้นาน้อยๆ” ออกมาทางหน้าประตู

รายงานข่าวไม่ได้บอกนะครับ ว่าน้องไอ้ทีปเห็นอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ เสียงกรี๊ดลั่นบ้าน ตามด้วยการแซวไอ้นาจนทุกคนเรียนจบม.ปลายไปด้วยกันว่า “วันนั้นน่ะ ไอ้นามันตั้งใจเข้าห้องน้ำโดยไม่ปิดประตู” ส่วนไอ้นาก็บอก มันไม่รู้นี่หว่าว่าไอ้ทีปน่ะมีน้องสาว (แถมสวยซะด้วย) มันเลยทำเหมือนตอนมันอยู่บ้าน...เฮ้อ!!! (เราเฮ้อเอง ไอ้นาไม่ได้เฮ้อด้วยหรอก)

เล่าเรื่องเครื่องบินอยู่ดีๆ ไหงวกมานินทาเพื่อนได้เนี่ยะ

กลับมาต่อเรื่องเครื่องบินดีกว่าครับ

การบินในวันนั้น ทุกอย่างราบเรียบ จนจะลงที่สนามบินโฮจิมินท์แหละ เครื่องถึงได้สะเทือนแบบที่เรียกว่า “เจ้าเข้า” แถมจังหวะดนตรีก็ดันเร้าใจอีกแหนะ ไม่รู้กัปตันตั้งใจ หรือว่าได้จังหวะของเพลงที่เปิดมาตั้งแต่ดอนเมืองพอดี

แต่ที่สุดแล้ว เครื่องบินก็ลงจอดได้โดยปลอดภัย เราจัดการแบกเป้หลังใบเล็กที่มีอยู่ใบเดียวจนคนที่ร่วมทริปไปกับเราครั้งนี้พากันงง ว่าทำไมเราเอาของไปน้อยจัง ในขณะที่พวกเค้าใช้กระเป๋าล้อลากกันซะทุกคน

เหมือนเดิมครับ สิ่งแรกที่เรามองหาคือป้ายชี้ไปหา Immigration หรือด้านตรวจคนเข้าเมืองของทางเวียดนามนั่นเอง ซึ่งในการบินสมัยใหม่นี้ค่อยข้างจะเข้มงวดเรื่องการตวรจวัตถุที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ ดังนั้นก่อนจะถึง Immigration เขาก็จะมีช่องตรวจกระเป๋าโดยการใช้ X-Rays เราเคยลองแอบๆ ดูด้วยนะ เขาจะเป็นหน้าจอแบบโทรทัศน์ที่บ้านนี่แหละ บางประเทศก็เป็นจอสี บางประเทศก็เป็นจอขาวดำ ที่เวียดนามก็เป็นขาวดำ แล้วในจอเนี่ยะ ก็จะแสดงให้เห็นถึงของที่อยู่ข้างใน แบบเป็นรูปเป็นร่างเลยเชียวล่ะ
ดังนั้นใครที่คิดจะประหยัดค่าเครื่องบินโดยการแอบเข้าไปในกระเป๋าเพื่อนก็ล้มเลิกความคิดซะเถอะ เพราะมันมองเห็นได้แค่เอากระเป๋าผ่านเจ้าเครื่องนี้เท่านั้นเอง

พอมาถึง Immigration ก็เหมือนทุกประเทศคือจะมีเขตบอกไว้ว่าให้ยืนหลังเส้นนี้ รอจนข้างหน้าว่างถึงเข้าไปยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ได้

เอกสารการเข้าเมืองของที่นี่ค่อนข้างแปลก เพราะเป็นเอกสารแบบมีสำเนาในตัว คือเขียนใบสีขาวที่อยู่ใบหน้า แล้วมันจะไปติดที่ใบสีเหลืองที่อยู่ใบหลัง (มี 2 ใบ) ที่ว่าแปลก ไม่ใช่เรื่องเขียนใบหน้าแล้วติดใบหลังหรอก (เดี๋ยวจะหาง่าเราตื่นตกใจกับกระดาษสำเนา) แต่ที่แปลกคือ ที่เราเคยไปประเทศอื่นน่ะ มันจะเป็นกระดาษที่ใช้การฉีกเป็นส่วน 2 ส่วน โดยส่วนแรกเจ้าหน้าที่ขาเข้า จะเก็บไว้ สำหรับส่วนที่เหลือห้ามทิ้ง ถึงส่งชิงโชคไม่ได้ แต่คงสิ้นโชคแน่ ถ้าเราไม่เอามายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตอนขาออก

สำหรับข้อความที่กรอกก็จะเหมือนทุกประเทศ คือ ชื่อ นามสกุล อาชีพ จะเข้าไปประเทศเค้าเพื่อทำอะไร ซึ่งช่องนี้ ก็เป็นช่องให้เลือกตอบอะนะ เช่น ท่องเที่ยว ทำธุรกิจ มาอยู่อาศัย และอีกหลายๆ ช่อง แต่พยายามหาดูว่าจะมีให้เลือก “ก่อวินาศกรรม” หรือเปล่า ก็ไม่ยักกะมี สงสัยคงไม่มีใครคิดจะมาทำที่นี่

พอมาถึงช่องที่พักที่เราอยู่ที่เวียดนาม เราก็ดันจำชื่อโรงแรมไม่ได้ซะนี่ ก็เลยปล่อยว่างไว้ แล้วก็เกิดปัญหากะเจ้าหน้าที่เขาจนได้ เพราะเขาถามเราว่า เราจะพักที่ไหน อ้ำอึ้งอยู่พักนึงเพราะไม่คิดว่าจะถูกถาม แต่ก็ตอบไปได้ทัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่คนนั้น จะชวนไปอยู่บ้านเค้า ว่าที่พักน่ะ ทางบริษัทที่นี่เตรียมไว้ให้แล้ว แต่เราจำชื่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่ ”ชาย” คนนั้นก็เลยพยักหน้าแล้วปล่อยให้เราผ่านเข้าประเทศเขาได้

สนามบินที่โฮจิมินท์ ถึงจะไม่กว้างใหญ่และไม่ทันสมัยเท่าดอนเมือง หรือกัวลาลัมเปอร์ แต่เราว่าเขาจัดระเบียบผู้คนเขาดีนะ

คนทั่วไปที่ไม่ได้โดยสารเครื่องบิน คือไม่มีตั๋วเครื่องบินนั่นแหละ เขาจะไม่ให้เข้าไปในตัวอาคารเลย ทุกคนต้องรอยู่ด้านนอกหมด ที่แปลกอีกอย่างคือ เขามีเก้าอี้ให้นั่งรอด้วยนะ โดยเก้าอี้เหล่านี้จะวางไว้ 2 ข้างทางตรงประตูทางออก แถมหันหน้าเก้าอี้ทั้ง 2 ฝั่งเข้ามาตามทางเดินด้วย เวลาที่เราเดินออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้า แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญจังเลย

แต่อากาศที่นี่ร้อนชมัด ร้อนกว่าบ้านเราอีกนะจะบอกให้
ไว้พรุ่งนี้จะเล่าต่อว่า จากสนามบินแล้วเป็นอย่างไรต่อไป




Create Date : 15 สิงหาคม 2548
Last Update : 13 พฤษภาคม 2550 22:02:11 น.
Counter : 691 Pageviews.

7 comments
  
เข้ามาอ่านเรื่องราวสนุกดีจังเลย
โดย: zaesun วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:17:13:43 น.
  
ตามมาอ่านเรื่องราวของเวียตนามครับ ได้ของแถมอ่านเรื่องอื่นๆซะด้วยเลย
โดย: 99smiles IP: 61.91.218.113 วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:21:26:41 น.
  
ยาวชะมัดเลย มาลงชื่อ นั่งอ่านก่อน เดี๋ยวเย็นๆจะมานั่งอ่านอีกรอบ -_-'
โดย: [K]atZu [o] วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:22:00:31 น.
  
ยาว แต่สนุกดีค่ะ

อยากไปเที่ยวเวียดนามบ้างจังเลยย
โดย: ลำพูริมน้ำ วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:22:45:05 น.
  
พิมพ์ รอบที่ 2

พออ่านถึง เอกสารเข้าเมืองต่างๆ
ขนตั้งหางชี้เลย เฮ้ยย!! ของเรายังอยู่กับเขาหรือป่าวหว่า

ประเทศที่มาซุกหัวอยู่ ยิ่ง ดุ โหด อยู่

ไอ้กระดาษรองนั่งนั่น ตอนอยู่ไทย ไม่คุ้นไม่เคยเอาซะเลยคับ แต่พอมาอยู่นี่ ก็ ชินไปซะแล้วอ่ะ
โดย: katzu IP: 64.136.49.229 วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:5:38:33 น.
  
-_-' 5 วันผ่านไป
โดย: [K]atZu [o] วันที่: 21 สิงหาคม 2548 เวลา:9:05:30 น.
  
๘ วันผ่านไป ไวเหมือนโกหก
โดย: ๐๒๖ (ศูนย์สองหก ) วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:14:31:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปีกไม้หอม
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



เป็นนักเขียน
เป็นอาจารย์
เป็นพ่อบ้าน
เป็นพ่อครัว
เกิดในตระกูลหมอดู

รับสอน VBA บน Access และ VBA บน Excel ทั่วราชอาณาจักร
รับแนะแนวทางชีวิตด้วยไพ่ทาโร่ต์และเบอร์มือถือ
New Comments