กรกฏาคม 2548

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
22
23
29
30
 
 
25 กรกฏาคม 2548
All Blog
เรื่องไร้สาระ
วันจันทร์ทีไร ไม่ค่อยอยากจะตื่นเล้ย เมื่อคืนก็นอนซะเที่ยงคืน ซึ่งจริงๆ แล้วก็อยากจะนอนหัวค่ำหน่อยแหละ แต่ตอนบ่ายของวันเสาร์ก็นอนไปยกใหญ่ๆ 1 ยก เสร็จแล้วคืนวันเสาร์ก็นอนซะหัวค่ำ เช้าวันอาทิตย์ก็ตื่นสายโด่งอีกสงสัยมีการนอนสะสม ส่วนต้นฉบับเหรอไม่ไปถึงไหนเลย มัวแต่ขี้เกียจ

พอวันจันทร์เราก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตคนทำงานเป็นลูกจ้าง ซึ่งมันก็ดีอย่างตรงที่มีเงินใช้แน่นอน แต่เสียอีกหลายๆ อย่าง เช่นเรื่องเวลาที่เป็นของตัวเองจริงๆ ไม่ค่อยจะมี บ่อยครั้งที่เราคิดอยากจะกระโจนออกจากวงโคจรที่เจออยู่แทบทุกวัน แต่ก็ติดตรงเรื่องเงินนี่แหละ กลัวไม่มีเงินกินขนม

เมื่อก่อนเราก็พยายามหลายวิธีแหละที่จะเป็นแบบนั้นให้ได้ เช่นการทำธุรกิจขายตรง (ทำตั้งหลายยี่ห้อ) หรือจะเป็นการออกไปสร้างธุรกิจอะไรบางอย่าง อีก 2-3 ครั้ง แถมยังไปศึกษาพวกอะไรนะที่เขาบอกว่า Work @ Home อะไรนั่นอีก

ท้ายที่สุดเราก็ต้องเลิก เพราะงานพวกนั้นเราทำไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่ไม่มีความฝัน แต่บังเอิญว่าความฝันที่เรามีไม่ได้อยู่ที่นั่น
เราไม่รู้หรอกว่าคนอื่นจะเป็นแบบเราหรือเปล่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเราไม่ใช่เงิน (แต่เงินก็มีค่ากะเรานะ ไม่งั้นไม่ทนเป็นลูกจ้างยังงี้หรอก)

เคยมีฝรั่งถามเราว่า เป้าหมายในชีวิตของเราคืออะไร เราก็ตอบเขาไปว่า คือความสุข ขอให้มีความสุขในการมีชีวิตอยู่ ไม่ขาดแคลนจนเกินไปก็พอแล้ว
ฝรั่งทำหน้างง ถามกลับมาว่า แล้ว You ไม่ต้องการร่ำรวยเหรอ แล้วถ้า You ไม่มีเงินมากๆ You จะมีความสุขได้อย่างไร?

เราก็ไม่ตอบนะ เพราะเราคิดไม่ออกจริงว่าจะตอบเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ทิ้งไว้ให้ฝรั่งคนนั้นคิดต่อ ดีกว่าเก็บเอามาให้ปวดหัวตัวเอง
เรามีคำตอบของเราอยู่แล้วในใจ แต่ตอนนั้นมันแปลเป็นภาษาอังกฤษไม่ออกนี่

ถ้าเรามีเงินรวยล้นฟ้า แต่ชีวิตไม่มีใครรัก ไม่มีใครจริงใจกับเราเลย สุขภาพก็แย่ ชีวิตทุกวันไม่มีความสุข มีแต่เรื่องเครียดๆ ทุกข์ๆ เข้ามาตั้งแต่ลืมตาตื่นจนหลับไป

เราไม่เอาหรอกชีวิตแบบนั้น

เราว่านะ เงินซื้อความรักไม่ได้ ยิ่งความจริงใจด้วยแล้ว ยิ่งซื้อไม่ได้เลย ส่วนสุขภาพเหรอ ถ้าเจ็บป่วยมากๆ มีเงินมันก็ดีหรอก เพราะเราสามารถนำเงินที่มีอยู่ไปซื้อเวลา ต่อชีวิตเพื่อจะเพิ่มความทรมานให้ตัวเองได้ยาวขึ้นอีกนิดนึง

พูดไปใครจะคิดว่าปลง จริงๆ แล้วไม่ได้ปลงอะไรหรอก

เพียงแต่วันนึงมันเกิดคิดขึ้นได้เองยังงัยก็ไม่รู้
แล้วก็ได้เห็นบางคนที่เขารวยนะ รวยมากด้วย แต่ลูกไม่เอาอ่าวเล้ย (เพื่อนเราเองแหละ) เรียนยังไงก็ไปจบปีหนึ่งเลย ปีแรกเข้ามหาวิยาลัยเอกชนก็เรียนจนเขาเชิญออก ปีต่อมาไปเข้าอีกที่ ก็ได้แค่ปีแรก แล้วก็เปลี่ยนมหาวิทยาลัยอีก จนเราจบปริญญาตรี มันก็ยังวนเวียนกับชีวิต Fleshy ตามมหาวิทยาลัยอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าติดใจอะไรนักหนา

เวลาไปหาเพื่อนคนนี้ทีไร แม่เพื่อนก็จะฝากฝังกะเราทุกที บอกว่านึกว่าเอาบุญเถอะ ช่วยเพื่อนให้เรียนจบทีนะลูก
เราก็ได้แต่รับปากไปเพราะคงทำอะไรได้ไม่ดีไปกว่านี้

โธ่!!!! จะให้ตอบเหรอครับว่า ขนาดแม่มันยังไม่ฟัง แล้วเราน่ะมันก็แค่เพื่อนเรียน ไหนเลยมันจะคิดว่ามีความจริงใจเท่าเพื่อนตามสถานเริงรมณ์เล่า เราน่ะมีแต่บังคับให้มันเรียนหนังสือ ซึ่งก็คงพอๆ กับบังคับให้มันกินยาขมๆ แหละ แต่เพื่อนคนอื่นมีแต่ห้ามไม่ให้มันเรียนหนังสือ เพราะสุรานารีรออยู่...เฮ้อ!!!

อีกอย่างเราว่าถ้าเพื่อนเรามันเป็นผู้หญิงนะมันก็คงท้องไม่มีพ่อไปหลายร้อยรอบแล้ว เพราะมันค่อนข้างติดใจในรสเพศซะขนาดนั้น แต่แม่ของมันไม่รู้เรื่องนี้

เดี๋ยวนี้ไม่ได้ข่าวมันเลย ไม่รู้ไปติดเอดส์ หรือไปเผยแพร่เอดส์ที่ไหนอยู่หรือเปล่า!!!

พูดถึงเรื่องเอดส์เนี่ยะ อยากทำอะไรดีๆ ให้ผู้ป่วยเอดส์มากๆ เลย ยิ่งกับเด็กที่เป็นเอดส์นะ เราว่าน่าสงสารมากเลย ชีวิตติดบาปที่รับมาจากพ่อแม่ ตัวเอง แถมโรคเอดส์ก็เป็นสิ่งที่หลายคนก็รังเกียจซะเหลือเกิน เราว่าเด็กเค้าไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้หรอก แต่อย่างที่เคยบอกไว้

ชีวิตของบางคนมันก็มีทางเลือกน้อยซะเหลือเกิน

สมัยเด็กเราก็เป็นเด็กที่แปลกแยกจากเพื่อนๆ นะ ค่าที่คาวามคิดความอ่านอะไรแปลกจากเด็กอื่นซะแทบทุกเรื่อง จนเพื่อนหลายคนไม่คุยกะเราเลย ทำให้เราพอจะเข้าใจแหละว่าความรู้สึกของเด็กพวกนี้เป็นอย่างไร

กำลังคิดหาทางอยู่ เพราะเงินทองเราก็มีไม่มากพอที่จะบริจาคเพื่อซื้อยาและสิ่งของอะไรให้ชีวิตเขาอยู่สุขสบายขึ้น คงมีก็แต่พวกรูปภาพที่ถ่ายด้วยกล้องธรรมดาๆ 1 ตัว ถ้าจะทำ Post Card ช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นเด็กอยู่เนี่ยะ แต่ไม่รู้จะไปได้แค่ไหน
หรือใครมีไอเดียอะไรดีๆ ก็บอกมาได้นะครับ

กลับมาเรื่องธุรกิจต่างๆ ที่เราเคยทำ ด้วยหวังว่าจะกระโจนออกจากชีวิตลูกจ้างหน่อย
ครั้งแรกสุด เราทำธุรกิจขายตรง พวก MLM ก็เลยพบว่าโดยหลักการมันก็ดีแหละ เสียอย่างเดียวเอาเงินมาล่อเรา ซึ่งล่อเรายังไงมันก็ไม่ขึ้น พอเอาเรื่องเวลาว่างมาล่อ ก็ปรากฏว่าไม่สำเร็จอีก เพราะที่เราเห็นเขาบอกว่าว่างๆ น่ะ คือว่างหลังจากประสบความสำเร็จแล้ว โดยก่อนเวลานั้นเราจะไม่มีเวลาว่างเลย แม้กระทั่งวันอาทิตย์

เราไม่เอาหรอกแบบนั้น เรายังชอบจะมีเวลาว่างแบบกระปิดกระปรอยแบบนี้อยู่ ที่สำคัญเราไม่ชอบว่างนานๆ กลัวไขข้อยึดหมด
แล้ว MLM กี่เจ้าๆ ก็เหมือนกันหมด ไม่เอาเงินก็เอาเวลาว่างมาล่อ ซึ่งเราไม่เอาหรอก คนขี้เกียจแบบเราไปทำ มีแต่จะทำให้เขาเสียสถาบันเปล่าๆ

ท้ายที่สุด เราได้มารู้จักกับเพื่อนที่เป็นนักเขียน เขาก็เลยยุให้เราเขียนเรื่องสั้น พอเขียนแล้วติดใจอ๊ะ ก็เลยพยายามเขียนมาเรื่อยๆ เวลามีใครมาอ่านสิ่งที่เราเขียนแล้วมันมีความสุข ถึงแม้จะมีคนด่ากลับมา มันก็ยังมีความสุขนะ สุขที่รู้ว่าเขาอ่าน (สงสัยเป็นพวกชอบความเจ็บปวดแล้วมีความสุข อิอิ)

แล้วก็เพราะงานเขียนนี่แหละที่ทำให้เราเจ็บซะแทบเป็นแทบตายอยู่เป็นปี เรียกว่าแทบเลิกเขียนไปเลยเชียวหล่ะ
แต่เก็บไว้เล่าพรุ่งนี้ดีกว่า วันนี้มันชักยาวแล้วอ๊ะ...เดี๋ยวจะเบื่อกัน




Create Date : 25 กรกฎาคม 2548
Last Update : 13 พฤษภาคม 2550 21:39:23 น.
Counter : 566 Pageviews.

1 comments
  
แหมกำลังสนุกเลย เดี๋ยวตามมาอ่านนะพ่อนะ
โดย: ดา ดา วันที่: 27 กรกฎาคม 2548 เวลา:19:39:49 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปีกไม้หอม
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



เป็นนักเขียน
เป็นอาจารย์
เป็นพ่อบ้าน
เป็นพ่อครัว
เกิดในตระกูลหมอดู

รับสอน VBA บน Access และ VBA บน Excel ทั่วราชอาณาจักร
รับแนะแนวทางชีวิตด้วยไพ่ทาโร่ต์และเบอร์มือถือ
New Comments