มิถุนายน 2556

 
 
 
 
 
 
11
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
เป็ดที่ตามหาพรสวรรค์ของตัวเอง
สมัยเด็กๆ เรื่องที่เราสนใจมากที่สุดคือพรสวรรค์ คงเป็นเพราะแม่พูดให้ฟังเสมอว่า

คนเราทุกคนจะเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์อันเอกอุคนละ 1 อย่าง

เราก็เฝ้าเพียรหาว่ามันคืออะไร โดยการลองทำมันทุกอย่างเท่าที่จะนึกได้และไม่ผิดศีลธรรม

เริ่มแรกเราก็ลองแต่งกลอนส่งประกวด มันก็ได้รางวัลบ้างเล็กน้อย
จากนั้นก็เขียนเรื่องสั้นส่งไปตามนิตยสาร ก็ได้รับการตีพิมพ์ ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้หรอกว่า เพราะมีเราส่งไปคนเดียวเนื่องจากเขาไม่มีค่าตอบแทนอะไรให้หรือเปล่า เราถึงได้พิมพ์

เอาน่ะ ก็ได้ตีพิมพ์ละกัน

จากนั้นเราก็ละวงการนักเขียนมาพักนึง เข้าสู่วงการต่อสู้ ด้วยการไปเรียนศิลปะป้องกันตัวและการต่อสู้

เริ่มจากฟันดาบ ซึ่งเมื่อแรกมีคนเรียนพร้อมเราประมาณ 50 คนได้ แต่ภายในเวลาไม่นาน ก็เหลือคนเรียนกันอยู่เพียง 4 คน ทั้งนี้เพราะเป็นการเรียนที่หนักมาก ฟันดาบกันจนมือพองกันเลยเชียว

จากฟันดาบที่เป็นดาบเดี่ยวก็เป็นดาบ 2 มือ การใช้มีด การใช้กระบอง และจบท้ายด้วยการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ประมาณการหักแขน หักขา จิ้มตา ตีเข่าอะไรงี้

การเรียนศิลปะการต่อสู้ของเราในเวลา 3 ปี โดยเรียนทุกวันนั้นก็เป็นการบอกว่า ไม่ใช่พรสวรรค์ของเราโดยตรงนัก เพราะนักเรียนที่เหลืออยู่ พอสู้กันจริงๆ ก็มีคนนึงที่เก่งกว่าเรา สู้ทีไรแพ้ทุกที

จากนั้้นเราก็เริ่มเข้าสู่โหมดลูกกลมๆ เริ่มจากตะกร้อ ฟุตบอล วอลเล่บอล เราเลยรู้ตัวว่าพรสวรรค์ด้านลูกกลมๆ ของเรามีค่าเป็น 0 เพราะไม่ว่าจะเตะบอล รับบอล เตะตะกร้อ ล้วนแล้วแต่ "วืด" ตลอด ถ้าไม่เตะพลาด ก็จะเตะไปโน่นเลย ให้ฝ่ายตรงข้าม (เวงกำ)

ถึงแม้เพื่อนเราที่เป็นนักบอลระดับโรงเรียนจะสอนบอลเรา มันก็ไม่รุ่ง

ที่สำคัญเราเป็นประมาณตัวทำฟาวล์ก็ว่าได้ เพราะถ้าใครมาซ้อนหลังเราเมื่อไหร่เป็นได้เจ็บตัวอย่างแน่นอน เพราะผลพวงจากการเรียนการต่อสู้ดังนั้นถ้าใครเข้าข้างหลังเราเมื่อไหร่เป็นโดนศอกเราอย่างไม่ตั้งใจทุกครั้งไป ซึ่งปกติศอกก็มักจะโดนพุงถูกไหมล่ะ แต่กับเราไม่รู้ทำไม ถ้าไม่หางตาก็ปากครึ่งจมูกทุกที

ดูแล้วว่ากีฬาไม่น่ารุ่งเราก็เลยมุ่งไปสายดนตรีบ้าง เริ่มแรกจากดนตรีไทย อยากตีขิม แต่อาจารย์ส่งไปสีซอ โชคดีที่แถวนั้นไม่มีควายมิฉะนั้นเราอาจโดนควายขวิดไปแล้วก็ได้ เนื่องจากสีซอทีไรให้เสียงที่บอดสนิทหรือไม่ก็คีย์เพี๊ยนจนเกินอภัย สุดท้ายอย่าว่าแต่ตีขิมเลย เพียงแค่จับซอคนรอบข้างก็สะดุ้งกันเป็นแถวแล้ว 

ดังนั้นเราเลยถอนตัวจากการเรียนดนตรีไทยหันเข้าสู่ดนตรีสากลบ้าง โดยเริ่มจากกีต้าร์
คงไม่ต้องเดาใช่มั๊ยว่าผลจะเป็นอย่างไร เพราะปรากฏว่าจับกีต้าร์ดีดทีไรสายกีต้าร์มีขาดทุกที ทั้งที่เราไม่ได้ปรับอะไรเลยนะ แค่ดีดบรรเลงเพลง Romance ธรรมดาๆ เอง

สุดท้ายอาจารย์เลยสอนมาเพียงคอร์ดเดียวคือคอร์ด D พร้อมกับสอนให้ร้องเพลงหมอลำด้วย

เฮ้อ! อยากเรียนกีต้าร์คลาสสิกแต่กลายเป็นหมอลำไปได้

พอรู้แน่ชัดแล้วว่าสายดนตรีนี่ไม่ได้เรื่องแน่นอน เราเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาสู้สายคอมพิวเตอร์บ้าง ซึ่งดูเหมือนว่าสายนี้น่าจะเหมาะกับเรามากที่สุด ทั้งนี้เพราะไม่ว่าจะเรียนอะไรที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ก็ดูจะรุ่งไปหมด เกรดเฉลี่ยจบมาเรายังตกใจเลย 3.8-3.9 อะไรซักอย่าง ผ่านมา 10 ปีแล้วจำไม่ค่อยได้ (คือเรียนมามีแต่ A กับ B+ เท่านั้น)

ดังนั้นเราก็เลยมุ่งสู่สายนักไอทีเต็มตัวตั้งแต่นั้นมา

แต่ก็ยังไม่วายนะ เพราะเราก็ไม้เรียนถ่ายรูป เรียนเขียนนิยาย เรียนปฏิบัติธรรม และอีกสารพัดเรียนเท่าที่เขาจะมีสอน

จนกลายเป็นว่าทุกวันนี้มีความรู้เหมือนเป็ด คือทำได้ทุกอย่างแต่ไม่เก่งจริงซักอย่าง

ก็เลยสรุปได้ว่า พรสวรรค์เราคงจะคือการเป็น "เป็ด" นั่นเอง





Create Date : 03 มิถุนายน 2556
Last Update : 3 มิถุนายน 2556 20:08:28 น.
Counter : 693 Pageviews.

2 comments
  
ผมชื่นชอบการเขียนเล่าเรื่องราวของคุณมากเลยครับ
จากที่อ่านดูทังหมดแล้ว เห็นได้เลยว่า คุณมีพรแสวงมากเลยครับ คุณทำทุกอย่างเพื่อค้นหาตัวเอง และในที่สุดคุณก้อค้นพบว่า คุณมีแนวโน้ม(เก่ง) ไปในด้าน Technology (Computer).
Thanks for sharing an experience

แต่หลายสิ่ง หลายอย่างที่คุณทำมา ผมอยากจะขอถามหน่อยนะครับว่า คุณพยายามเรียนรู้และทำมัน อย่างชื่นชอบและหลงไหลหรือเปล่าครับ หรือ ในช่างที่ find a talent ในสิ่งหนื่งๆ นั้นเต็มไปดว้ย ความรู้สืกที่ว่า ต้องทำ เพื่อนค้นหา ชื่งรู้สืกไม่มีความชอบและหลงไหลเลย (ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ สำหรับคำตอบ)
โดย: สมหวัง IP: 202.137.156.122 วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:21:55:56 น.
  
ขอบคุณคุณสมหวังนะครับ อาจจะตอบช้าไปหน่อยและไม่แน่ใจว่าคุณสมหวังจะเข้ามาอ่านอีกหรือเปล่า

ขอตอบคำถามนะครับว่าหลายสิ่งที่ทำมาและพยายามเรียนรู้นั้นมีหลายอารมณ์มากครับ ขึ้นอยู่กับว่ามันมาทางไหน แต่ทุกอันจะเริ่มต้นด้วยอยากลอง

พอลองแล้วขั้นต่อมาก็จะเกิดอีกอารมณ์ถัดมาคือ
อาจจะเบื่อ
อาจจะสนุก
อาจจะหลงไหล
อาจจะเฉยๆ
อาจจะรู้สึก เฮ้ย! ไม่ใช่
อาจจะรู้สึก ก็งั้นๆ

คือเริ่มด้วยการอยากลองมากกว่า จากนั้นก็จะดูขั้นถัดไปว่าเรารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เราทำ อย่างด้าน IT นี่เรียกว่าหลงไปกับมันเลยก็ว่าได้ เพราะยิ่งรู้ก็ยิ่งมีเรื่องที่อยากรู้อยากเห็นไม่รู้จบ
โดย: อืมม์ ครับ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:16:24:43 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปีกไม้หอม
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



เป็นนักเขียน
เป็นอาจารย์
เป็นพ่อบ้าน
เป็นพ่อครัว
เกิดในตระกูลหมอดู

รับสอน VBA บน Access และ VBA บน Excel ทั่วราชอาณาจักร
รับแนะแนวทางชีวิตด้วยไพ่ทาโร่ต์และเบอร์มือถือ
New Comments