เพื่อนบ้าน ตลอดไป
เมื่อประมาณซัก 30ปีที่แล้ว ตอนที่ อ.เต๊ะ มาสร้างบ้านใหม่ ในที่ที่ซื้อไว้นานแล้ว
ตอนนั้น ที่แถวนั้น. ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มากๆ ในซอย ที่ อ.เต๊ะ อยู่ มีบ้านปลูกอยู่ไม่กี่หลัง ปลูกอยู่ห่างๆกัน
ข้างบ้าน อ.เต๊ะ เป็นที่รกร้าง ว่างเปล่ามานาน หญ้าขึ้นสูงท่วมหัว ตรงนั้นมีบ่อน้ำ ที่มีปลาชุุมมาก แต่ที่น่าประหลาด คือไม่มีใครกล้ามาจับกิน
ปลาที่เห็น ส่วนใหญ่จะเป็น ปลาหมอ กะ ปลาดุก
เวลาฝนตกใหม่ๆนี่ ปลาหมอจะแถกเหงือกขึ้นมาเล่นน้ำ อ.เต๊ะ ความที่เป็นคนใจบุญสุนทาน
รีบวิ่ง คว้าสวิง ไปช้อน ได้มา เกือบเต็มกระป๋อง จัดการเอามาย่างไฟ เตาถ่าน ขณะย่างก้ตั้งจิตอฐิษฐาน ส่งวิญญานปลาหมอไปสู่สรวงสวรรค์
เสียงมันปลา หยดลงใส่ถ่านดังฉี่ๆ ช่างหอมฟุ้งซะจริงๆ เนื้อปลาหมอนี่ ย่างใหม่ๆ กินกะข้าวสวยร้อนๆ อร่อย อย่าบอกใคร
ถ้าก้างไม่ติดคอซะก่อนนะ อิอิ เพื่อนๆ ต่างร้องกันระงมว่า โสนะน้า ไอ้คนใจบาป ไอ้ผีปอป ตายอดตายอยาก ไอ้ชูชก ไอ้ๆๆๆ องคุลิมาร เย้ย 555
ถัดจากบ่อน้ำมาอีกหน่อย มีต้นก้ามปูใหญ่ อยู่ต้นนึงอายุน่าจะราวๆ50-60ปี แผ่กิ่งใบ ร่มครึ้ม ขนาดกลางวัน แดดยังส่องลงมาไม่ถึงพื้นเลย
ดูแล้วน่าเอาเสื่อไปปู นั่งจกส้มตำปู ปลาร้าที่สุด555 แต่ถ้าเป็นกลางคืนนี่ซิ บรรยากาศ ตรงนี้จะวังเวงเป็นที่สุด
เพราะมันมืดสนิท เวลาลมพัดผ่าน เสียงใบไม้ไหวๆ นี่น่าขนลุกเอามากๆ บรื๋ออออ
จนมาวันนึง มีรถบรรทุก ขนไม้เก่ามาเต็มคันรถ มาจอดตรงที่ร้างข้างบ้าน
คนที่นั่งมากับรถ เป็นชายวัยทอง อุ๊ยๆ ใช้คำว่า วัยกลางคนดีกว่า เดี๋ยวจะสะเทือนใจเพื่อนๆกัน อิอิ
เพื่อนๆบอก เอ็ง นั่นแหละ แหมๆ จะแซยิด อยู่รอมร่อ ทำมาพูดดี โธ่ ไอ้เฒ่าทารก เย้ย 555
ชายคนนี้ ไว้ผมขาวโพลนยาวถึงต้นคอ หนวดเครารุงรัง คะเนว่าน่าจะอายุประมาณ 50กว่าๆ แกเดินมาสำรวจ บริเวณ
ใต้ต้นก้ามปู แล้วชี้มือ ชี้ไม้ อ.เต๊ะ แอบดูอยู่ห่างๆ เดาว่า แกน่าจะมาปลูกบ้านอยู่ แหงๆ
อ.เต๊ะ ด้วยความเป็นคนใส่ใจในเรื่องของชาวบ้าน เพื่อนๆตะโกนกันลั่นบล็อก เค้าเรียกว่า เผือก โว้ยย ไอ้เวร 555
ก็ไปสอบถาม คนขับรถขนไม้ ได้ความว่า ขนไม้ที่รื้อมาจากบ้านเก่า มาจากนครสวรรค์ จะมาปลูกที่นี่แหละ
เจ้าของ คือ ตาคำ ชายผมขาว ที่ อ.เต๊ะ เห็น นี่แหละ แกตัวคนเดียว ไม่มีลูกเมีย จะย้ายมาอยู่ที่นี่
จากนั้น วันต่อมา ก็มีช่าง 2-3 คน มาลงมือ สร้างบ้านให้ ตาคำ ฟังจากสำเนียงแล้ว เหมือนจะเป็น ช่าง ต่างจังหวัด
แต่ละวัน ช่างจะทำงานอย่างเคร่งเครียด เร่งรีบมาก ไม่มีการพูดคุย เล่นหัวกันเลย
ระหว่างที่ทำการก่อสร้าง นี่ อ.เต๊ะ สังเกตว่า มีเสาต้นหนึ่ง แปลกกว่าเพื่อน
เข้าใจว่า น่าจะเป็น เสาเอก ที่ว่าแปลกคือ มีเหรียญ ตราครุฑ เก่าๆ ฝังอยู่ในเนื้อไม้
อ.เต๊ะ ได้แต่เก็บความสงสัย เอาไว้ในใจ เงียบๆ ไม่กล้าถามใคร ภาวนาว่า ขออย่าเป็นอย่างที่คิดเลย
ช่างทำงานอย่างเร่งรีบมาก ไม่มีการพูดคุย เล่นหัวกันเลยแล้วก็ ที่น่าแปลกมากก็คือ ช่างไม่เคย นอนค้างที่นี่เลยซักวันเดียว
เสร็จงาน ก็รีบกลับ คงจะไปนอนที่อื่น สบายกว่ามั้ง อ.เต๊ะ ได้แต่คิดในใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ราวๆ5-6เดือน บ้านไม้หลังนี้ก็สร้างเสร็จ ตัวบ้านเป็นไม้เก่าทั้งหลัง สร้างเป็น 2ชั้น
ชั้นบนมีชานระเบียงบ้าน มีราวลูกกรงไม้ วางโอ่งดินเผาเก่าๆ บรรยากาศ เหมือน บ้านตาม ต่างจังหวัด ไม่มีผิด
แต่ ที่น่าแปลกคือ บ้านหลังนี้ สร้างเสร็จ กลับไม่มีการทำบุญ ขึ้นบ้านใหม่
อ.เต๊ะ หวังว่าจะได้กิน ขนมจีน แกงเขียวหวาน อย่างน้อยก็ ต้มยำปลาหมอ แซ่บๆ ลาบปลาดุก ให้พุงป่อง
ก็อดอีก อิอิ
ตาคำ ได้แต่มาขอยืม ธูปเทียน ไปนั่งกราบไหว้ อะไรซักอย่างในบ้าน
นั่งพึมพำอยู่คนเดียว นานนับชั่วโมงเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปนาน หลายเดือน เป็นหลายปี จน อ.เต๊ะ ลืมไปว่า มีคนมาปลูกบ้านอยู่ข้างๆ
เพราะ วันๆไม่ค่อยจะเห็นหน้า ตาคำ แกเป็นคนเก็บตัว ไม่สุงสิงกะใคร
แล้ววันๆ ตาคำ ก็ไม่เห็นจะทำงานอะไร ได้แต่นั่งกินเหล้า อยู่ตรงระเบียงบ้าน
ถ้าไม่กินเหล้า ส่วนใหญ่ก็มักจะไปเจอที่ร้านลาบ เดาว่า น่าจะไปจีบแม่ค้า เหมือน อ.เต๊ะ เย้ย 555
ตาคำเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ทักทายใคร เวลาเจอ อ.เต๊ะ ที่เป็นเพื่อนบ้านกันแท้ๆ
ก็แค่มองหน้ากันเฉยๆ ไม่ทักทายซักคำ ผิดกับหมาที่ ตาคำเลี้ยงเอาไว้ตัวนึง
เป็นตัวเมียซะด้วย เวลาแกจูงมันไปเดินเล่น หมาตัวนี้เวลาเจอหน้า อ.เต๊ะ
จะยิ้มหวาน กระดิกหาง กระดี้กระด้า เป็นพิเศษ
นึกแล้วก็น่าภูมิใจ คนอะไร จะมีเสน่ห์ ดึงดูด คน สัตว์ สิ่งของ เหมือน อ.เต๊ะ นี่ ไม่มีอีกแล้ว เย้ย 555
จริงๆนี่ คือ หมาตัวนี้ อ.เต๊ะ มักจะแอบ เอาข้าวเอาน้ำ ไปให้มันกินอยู่เสมอๆ
เพราะ ตาคำ แกมัวแต่ เมาหลับ ไม่ค่อยจะคลุกข้าวให้มันกิน
มันเลยหลงรัก อ.เต๊ะ เป็น พิเศษ 555
ในเวลากลางวัน บ้านไม้หลังนี้ ก็ดูปรกติดีทุกอย่าง แต่เวลากลางคืนนี่ซิ
บ้านไม้ที่ปิด ประตู หน้าต่างเงียบ มีเพียงแสงไฟริบหรี่
อยู่ภายใต้เงา ต้นก้ามปูนี่ บรรยากาศจะน่า ขนลุกเพียงไหน
มีอยู่วันนึง อ.เต๊ะ กลับบ้านดึก ขับรถเข้าซอยมา เหลือบมองไปข้างทาง
ให้ตายซิ ทำไมไม่เห็นมีบ้านใครเลย
เฮ้ย บ้านตาคำ หายไปไหน เอาแล้วตรู โดนเข้าแล้ว แต่พอ อ.เต๊ะ ท่องนะโม 3 จบ พร้อมขยี้ตาอีกครั้ง
บ้านตาคำ ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง อ.เต๊ะ นั่งทบทวน ขาสั่นอยู่ในรถ ซักพักก็นึกขึ้นได้ว่า
อ.เต๊ะ เมื่อเช้า ลืมกินยา สงสัย เบาหวาน จะขึ้นตา ตาเลยพร่าไปหน่อย
แหม เล่นซะหัวแทบโกร๋นเลยอะ
เพื่อนๆ ร้องลั่น เฮ้ย ปกติ ผมเอ็ง ก็ใกล้จะโกร๋น อยู่แล้ว เอ็งจะไปกลัวทำไมกัน เย้ย 555
แต่แล้ว ก็เริ่มมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นที่บ้าน อ.เต๊ะ
ตอนกลางคืน นอนหลับอยู่ดีๆ ก็ต้องตกใจตื่น
เพราะมีเสียง เหมือนใครมาเดินอยู่บนหลังคา เดินไปเดินมา ซักพักเสียงก็หายไป
ตอนนั้น อ.เต๊ะ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อาจจะหูแว่วไปเอง
ผ่านไปอีก วันที่ 2 อยู่ๆนอนหลับกำลังฝันดี ก็ต้องตกใจตื่นอีกครั้ง
เพราะอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงเปียโน ตรงชั้นล่าง เล่นเพลง แสงสุดท้าย ของพี่ตูน 555
เอ๊ย เล่นเพลง ทำนองแปลกๆ ไม่เป็นภาษาคน
อ.เต๊ะ ด้วยความตกใจ คิดว่าโจรเข้าบ้าน หาปืนไม่ทัน เลยคว้าไม้เซลฟี่ วิ่งลงไปชั้นล่าง
เพื่อนๆบอก โจรบ้าที่ไหน มันช่างมีอารมณ์ สุนทรี ซะเหลือเกิ้น
แล้วเอ็ง จะไปถ่ายรูปคู่กับโจรมัน หรือไงว่ะนี่ ถึงเอาไม้เซลฟี่ลงไปด้วย ไอ้บร้า 555
พอ อ.เต๊ะ ลงไปดูเปียโน ที่ ชั้นล่าง ก็ไม่พบใคร แต่จมูกกลับได้กลิ่น สาบสาง เหม็นอย่างบอกไม่ถูก
ในใจก็นึก สงสัยจะโดนอีกแล้วตรู เลยวิ่งกลับมาห้องนอน คลุมโปง สวดคาถา ชินนะบัญชร ได้บรรทัดนึง
คือ ใจจริง ก้อยากจะสวด 3 จบ แต่เค้าจำไม่ได้อะ แง๊ๆ555
2คืน ผ่านไป อ.เต๊ะ ได้แต่เก็บ เรื่องนี้ไว้ ไม่ได้บอกใคร
เช้าตื่นขึ้นมา ก็รีบขี่จักรยาน ไปซื้อของ จะเอามาใส่บาตร เพื่ออุทิศส่วนกุศล
พระองค์ที่มารับบาตร หน้าบ้าน อ.เต๊ะ นี่ ท่านเป็นพระสายวิปัสนา ชอบออกธุดงค์ตามป่าอยู่บ่อยๆ
พอ อ.เต๊ะ ถวายของ รับพรเสร็จ ท่านก็เอ่ยปากว่า
ช่วงนี้ โยม กลางค่ำ กลางคืน ปิดประตูหน้าต่างให้ดี อย่าเที่ยวออกมาเดินเพ่นพ่าน
เห็นอะไร ก็อย่าไปทักนะ พูดเสร็จ ท่านก็เหลือบมองไปทาง บ้านตาคำ
แล้วร้องเรียก ลูกศิษย์ ที่ขี่มอไซค์มาด้วยกัน เสียงละล่ำละลัก
แล้วบอกลูกศิษย์ว่า ไอ้ปื้ด เอ็งบิดหมดปลอก พาหลวงพี่ กลับวัดด่วน
ลูกศิษย์ ได้ยินดังนั้นก็รีบบิดมอไซค์ ให้หลวงพี่นั่งคร่อม จีวรปลิวไปในทันที 555
พอคืนที่ 3 นี่ อ.เต๊ะ ตั้งใจว่า จะไม่ยอมนอน เพราะ อยากรู้ว่า มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่
พอตกดึก ก็นั่งคลุมโปง อยู่ในห้อง แถมอ่านคอมเมนต์ เพื่อนๆในบล็อกไปพลางๆ
เผื่อว่า จะมีใครนินทา อะไรหรือเปล่า ช่วงที่หายไปเนี่ย
เพื่อนๆร้องเสียงหลง หนอยๆ ใครเค้าจะไปนินทาอะไรเอ็ง เค้ามีแต่ด่ากับแช่งไปเลย ก็แค่นั้นเอง เดี๊ยะๆๆ 555
คืนนั้น ราวๆตี 2 อ.เต๊ะ กำลังเคลิ้มๆ ใกล้จะหลับ ก็ได้ยินเสียง แกรกๆ ลากยาว
เหมือนมีใคร เอาเล็บมาข่วนหน้าประตูห้อง ลากอยู่อย่างนั้น 2-3นาทีเห็นจะได้
เพื่อนๆคิดว่า แมนๆ อย่าง อ.เต๊ะ จะกล้าออกไปดูมั้ยครับ อิอิ
ระดับนี้แล้ว ไม่ออกจ้า เค้ากลัว นะตะเอง ไม่รู้ว่า ผีหรือคนด้วย แฮ่ๆ
คิดได้ดังนั้น ก็รีบวิ่งไปใส่กลอนประตู แถมล็อค dead bolt อีกชั้นกันเหนียว แล้วกลับมาคลุมโปงต่อทันที 555
เช้าวันที่ 4 อ.เต๊ะ ก็ตกใจ ตื่นขึ้นมา เพราะมีเสียง คนมาเอะอะ โวยวาย อยู่แถวๆ หน้าบ้าน ตาคำ
เลยรีบวิ่งโทงๆ ออกไปดู เห็นรถ พี่ปอเต๊กตึ้ง จอดเปิดไฟกระพริบอยู่
มีเจ้าหน้าที่ กำลัง หามร่างคนออกมา อ.เต๊ะ รีบวิ่งไปถามทันทีว่า
พี่ครับพี่ บ้านนี้ มีใครเป็นอะไรหรือครับนี่
เจ้าหน้าที่มองหน้า อ.เต๊ะ แล้วหันไปมองศพที่หามออกมา
รีบเอาปิดปากปิดจมูกทันที แล้วบอกว่า ตาคำ ตายมา 3 วันได้แล้วครับ
สงสัยจะไหลตาย เห็นแต่ ขวดเหล้ากองอยู่ คงจะหนาวด้วย เสื้อก็ไม่ใส่
แล้วเอ่ยปาก พูดกับ อ.เต๊ะ ว่า พี่แปรงฟันหรือยังนี่ พี่ปากเหม็นกว่าศพ อีกนะครับ เย้ย 555
อ.เต๊ะ ได้ยินดังนั้น ก็ตัวเนย็นเฉียบ ขนลุกซู่ กลัวก็กลัว ปวดอึก็ปวด
เลยรีบวิ่งกลับบ้าน อย่างเร็วกลัวไม่ทัน ข้าศึกจะตีด่านแตก 555
หลังจาก ตาคำตายไป 3วัน ห้องนอน อ.เต๊ะ ก็ติดกับบ้านแกเลย
แต่ อ.เต๊ะ กลับไม่รู้เรื่องเลย คิดว่าแกไป ต่างจังหวัด
ด้วยความสงสาร หมาที่ ตาคำเลี้ยงไว้ อ.เต๊ะ ก็เลยเอามันมาอยู่ด้วย
คืนนั้น หมาแก เห่าหอน ทั้งคืน อ.เต๊ะ คิดว่า มันคงคิดถึงนายมัน
อาจจะมีอะไรสื่อถึงกัน พูดแล้วขนลุก บรื๋อ
หลังจากที่ ตาคำตายไป อ.เต๊ะ ก็นิมนต์พระจากหิ้ง มาคล้องคอพวงใหญ่
ปิดยันต์ ที่หน้าประตู แล้วก็ไปหาหมอฟัน เพราะ ฟันผุ ปากเหม็นมาก เย้ย 555
แล้วในช่วงกลางคืนนี่ อ.เต๊ะ หัวเด็ดตีนขาด จะไม่ออกจากบ้านเด็ดขาด
เพราะ ตาคำตายแบบนี้ โบราณ เค้าว่า 7วันแรก วิญญาน จะไม่ไปไหน
ญาติพี่น้องแกก็ไม่มี เลยไม่ได้ทำพิธีอะไร
อ.เต๊ะ ก็อยู่บ้าน มาด้วยความหวาดผวาตลอด
ผ่านไป2วัน เพื่อนบ้านอีกหลัง ก็มาตะโกนเรียก อ.เต๊ะ หน้าบ้าน
จะขอเข้ามาในบ้านหน่อย แล้วถามว่า พี่ครับพี่
แล้วพี่กลัวอะไร ห้อยพระพวงเบ้อเริ่มขนาดนี้
แล้วพี่เห็น ลิงกระรอก บ้างมั้ย มันตัวเล็กๆ วิ่งเร็วๆ
หลุดจากกรงมาได้ 3 วันแล้ว ไม่รู้มาอาศัย อยู่ตามต้นไม้บ้านพี่หรือเปล่า
ถ้าพี่เจอมัน ตะโกนเรียกผมเลยนะครับ ผมจะมาจับมันกลับบ้าน
อ.เต๊ะ ได้ยินดังนั้น ก็ร้อง อ๋อ รีบถอดพระที่คล้องคอออกทันที 555
เรื่องของเรื่อง ก็คือ เพื่อนบ้านข้างๆ ของ อ.เต๊ะ เค้า ชอบเลี้ยงสัตว์แปลกๆ
มีสารพัดทั้ง งูเผือก จรเข้ รวมทั้ง ไอ้เจ้า ลิงกระรอก ตัวที่หลุดมาเล่นเปียโน บ้านอ.เต๊ะ นี่แหละ
เพื่อนบ้านจริงๆ บ้านเค้า มีลูกสาวอยู่คนนึง สวยมากระดับ ดารา อ.เต๊ะ เคยเห็นอยู่ครั้ง 2ครั้ง
ทำไม้ ทำไม ไม่ยักกะหลงมาบ้าน อ.เต๊ะ มั่งก็ไม่รู้
ถ้าหลงมาจริง อ.เต๊ะ จะชวนมาเล่นคลุมโปง เอ๊ย 555 มาสวดมนต์ด้วยกันเลยเชียว แฮ่ๆ
จบแล้วจ้า
Base on true story จริงๆนะจ๊ะ
ตอนแรกก็เสียวสันหลังวาบ
กลายเป็นอ่านไปหัวเราะคิกๆไปตลอดเรื่องครับ 5555
วิญญาณเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นจริงๆ
เลยมีคำพูดที่ว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่
สมัยเป็นหนุ่ม
ผมก็มีเรื่องน่ากลัวอยู่หลายเรื่อง
แต่พอโตมา
ความกลัวผีก็หายไป
หลังจากได้รู้ว่าคนนี่ล่ะครับ
ที่หลอกคนได้น่ากลัวกว่าผี 555