แจ้งข่าวพี่น้องผองเพื่อน
ขณะนี้นอนตีพุงอยู่เชียงใหม่เรียบร้อยแล้วเจ้า
ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมกลับบ้านบ่อยจัง
เบื่อปักกิ่งละ กลับบ้านเราดีกว่า
เชียงใหม่อากาศดี๊------ดี กลางคืนหนาวๆ กลางวันแดดแรงแต่ก็สบายดี
สูดหายใจลึกลึ้ก........... บ้านจ๋า หนูกลับมาแล้ว
กลับมาพ่อกะแม่ก็ขุนใหญ่เชียว กินจนอืด กองอยู่หน้าคอมด้วยประการฉะนี้
ช่วงนี้ Blog Tag กะลังฮอต
อ่า...มีคน Tag บล๊อกนี้ด้วยเหมือนกัน ห่ะห่ะ แอบดีใจนะนี่
ตอนแรกว่าจะเอาไว้เขียนวันหลัง เพราะอยู่บ้านไม่อยากออนไลน์
เอาไว้ออนตอนเบื่อๆที่ปักกิ่ง ฮุฮุ
แต่ไหนๆก็มีเรื่องต้องเข้าเนต ก็เขียนเลยละกันนะคะ
เดี๋ยวหลุดเทรนด์ โฮ่
1. ชีวิต international แต่หัวใจ เชียงใหม่ล้านเปอร์เซ็นต์(อู๊ย.....นังเด็กเว่อร์)
เมื่อก่อนเป็นเด็กทะเยอทะยานมาก แบบว่าอยากไปที่อื่น ที่ไม่ใช่เมืองเล็กๆแบบบ้านเรา
สิ่งที่อยู่ในหัวคือ....มันจะต้องดีกว่า และจะต้องมีอะไรดีๆให้กับตัวเราเยอะแยะ
คิดได้ดังนั้นก็เริ่มเสาะหาวิธีเด้งตัวเองออกนอกประเทศตามประสาเด็กพ่อแม่ไม่รวย
สอบดะเลยค่ะทีนี้ ที่ไหนมีสอบ อิชั้นไปหมด
ตอนมอสี่ ก็ได้ออกประเทศครั้งแรก สู่ British Columbia ณ แคนาดาและได้เห็นหิมะครั้งแรกที่นั่น
อยู่แคนาดาสามอาทิตย์ ช่วงเวลาสั้นๆ รื่นรมย์กับความหนาวเย็น และภาษาอังกฤษรัวๆ
เรียนรู้ว่า...ถ้าไม่กระแดะ...ฝรั่งจะฟังเราพูดไม่รู้เรื่อง เราจะอดตายได้
ชอบเมืองหนาวและรอคอยการออกประเทศครั้งต่อไป
ตอนมอหกไปเอเอฟเอสที่สวิตเซอร์แลนด์
กลับบ้านมาด้วยความคิดที่ว่า...ตูจะไม่ไปไหนอีกแล้ว
แต่กลับมาได้ปีนิดๆ ก็ระเหินไปอยู่ปักกิ่ง
สมน้ำหน้า ไปสอบทำไมก็ไม่รู้ ไปจีนเพื่อจะไปบ่นคิดถึงบ้านแท้ๆ
แต่ก็ดีนะ ถ้าไม่ได้ไปไหนก็คงไม่คิดว่าบ้านสำคัญขนาดนี้ คงไม่มองเชียงใหม่ แบบที่มองอยู่ตอนนี้
ว่าไปหลวงท่านก็ช่างคิด ส่งไปอยู่ไกลๆ จะได้รู้ว่าบ้านเราดีแค่ไหน จะได้กลับมาตายรัง
2. สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝันดี????
ใครๆก็อยากไปใช่มั้ย ใครๆคงอิจฉาเราได้ไปอยู่มาตั้งปี
แต่ขอโทษเถอะ เพราะปีนี้แหละ ทีเราได้รู้ว่า ไม่มีที่ไหนสบายเท่า "บ้าน" อีกแล้ว
หนึ่งปี ก็มีทั้งฝันดีและฝันร้าย เหมือนฝันร้ายจะเยอะกว่านิดหน่อย
แต่ก็ทำให้ได้รู้ว่า ฝันร้ายครั้งหน้าจะต้องทำยังไงบ้าง
อยู่นานไป ก็ทำให้เห็นหลายๆด้านของที่นี่
ไม่ใช่แค่ภูเขาหิมะสวยๆ วัวหน้าตาสุขภาพดี ช็อกโกแลตอร่อยๆ ชีสเหม็นๆแต่กินไปทำไมอร่อยวะ
แต่ยังมีพื้นดำๆเต็มไปด้วยซากหมากฝรั่ง ฝรั่งเมาๆยามดึก ปัญหาการเมืองในประเทศและค่าครองชีพมหาโหด
มีข้อสังเกตว่า ที่คนสวิตไม่ฝ่าไฟแดงและข้ามถนนตรงทางม้าลายเสมอไม่ใช่เหตุผลเรื่องความปลอดภัย แต่เพราะกลัวประกันจะไม่จ่ายตังค์ให้เวลารถชน
ได้เจอคนประเภทที่ดีและไม่ดีแบบที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก
หุงข้าวแบบไม่ใช่หม้อหุงข้าวได้ ทำกับข้าวแบบที่คนกินขอเติมอีกได้ ทำงานบ้านได้ทุกอย่าง
ใช้เวลาแลกไปหนึ่งปี สิ่งที่ได้มาอาจไม่ใช่รอยยิ้มทั้งหมด แต่ก็ไม่ถือว่าขาดทุนนะ
3. การกินคือที่สุดของความสุข เพราะเราเกิดมาเพื่อกิน
ไม่ใช่แค่เป็นคนชอบกิน แต่เป็นคนกินเยอะและกินได้ทุกชนิดทุกเวลา
บางคนไม่กินปลาหมึก ไม่กินผัก ไม่กินนู่นนี่
ขอโทษนะ...พอดีแม่เลี้ยงมาดี กินได้ทุกอย่างค่ะ หนูไม่เลือกกิน เพราะหนูกินไม่เลือก ฮา
ยิ่งไปอยู่เมืองนอกมาบ้างแล้วนี่ยิ่งชอบใหญ่เลย ไม่ต้องมาเตือนเรื่องอาหาร
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็หาของอร่อยกินได้อยู่ดี อาหารฝรั่งเลี่ยน ไม่มีรสชาติ หนูปรุงได้ค่ะ
อาหารจีนมัน ไม่อร่อย หนูก็รู้จักร้านอร่อยค่ะ
ยิ่งพวกขนมนี่ชอบเลย จริงๆคือกินได้ทุกอย่างแหละนะ
เคยเจอคนแบบนี้ม้าย....
กินข้าวเช้าเสร็จก็คิดว่ากลางวันกินไรดี กินกลางวันเสร็จก็วางแผนมื้อเย็น แล้วก่อนจะเคลิ้มหลับก็คิดว่า..ตื่นขึ้นมากินไรดีน้อ
ไม่แปลกที่จะไม่ผอมเพรียวเช่นสาวๆสมัยนี้(และไม่มีหวังแน่นอน)
ครั้งหนึ่งแม่เคยทักว่า ตั้งแต่ตื่นมานี่...แม่ยังไม่เคยเห็นแกหยุดกินเลยนะ
โฮสต์ที่สวิตบอกว่าเวลาแกอยู่บนบ้านก็สามารถรู้ได้ว่าใครเปิดประตูเข้ามา
ถ้าเป็นสามีจะมีเสียงเครื่องทำกาแฟ แต่ถ้าเป็นหนู....จะมีเสียงเปิดตู้เย็น
หลายท่านเคยทักว่า....แกถือว่าไม่อ้วนเลยนะเนี่ย...ถ้าเทียบกะที่กินเข้าไป
(จะดีใจดีหรือไม่ครับพี่น้อง)
4. เป็นคนคิดมาก
เป็นเด็กคิดมากและขี้งอนมาแต่ไหนแต่ไร ใครพูดอะไรนิดหน่อยก็เก็บเอามาคิดเป็นตุเป็นตะ
บางทีคนพูดเค้าไม่ได้คิดอะไรเล้ย(หรือไม่ก็เจตนามีนิดเดียว) เราก็โกรธเค้า งอนเค้า หรือไม่ก้อ...ชอบเค้า ไปซะแล้ว
ดังนั้นเวลาใครมาคุยอะไร ต้องบอกให้พูดมาตรงๆ ชมก็ชม ด่าก็ด่า อย่ามาหยอดให้คิด
คนมันคิดมาก เข้าใจมั้ย
หรือไม่บางทีตัวเองไปปากร้ายใส่คนอื่น พูดไปแล้วไม่ได้คิดไง แต่พอพูดแล้วมานั่งคิด
แล้วก็คิดมาก....ปวดหัวเองซะงั้น
พอคิดมาก แล้วรู้ว่ามันไม่ได้ ก็เลยนั่งคิด ว่าทำไมถึงคิดมาก แล้วจะแก้ยังไง
ก็เหมือนคิดซ้ำเข้าไปอีก ยิ่งมากกว่าเดิม....โอ...ควรปรึกษาจิตแพทย์
5. Johnson Reach---The one for my teeth
เมื่อก่อนเป็นคนแปรงฟันไม่ค่อยสะอาดมั้ง กินขนมก็เยอะ ก็เลยฟันผุเต็มปาก
โดนหมอฟันฟันไปหลาย พอโดนเยอะๆเข้าชักแค้น
ไรฟะ ตังค์กรู...ลอยอกไปอย่างไร้ความยุติธรรม บอกเท่าไหร่ก็ต้องให้งั้นรึ
ก็เลยตัดสินใจว่าจะดูแลฟันแบบซุปเปอร์ๆกู้ดให้ดู
ด้วยการแปรงฟันบ่อยๆ นานๆหน่อย แปรงเสร็จก็ขัดฟัน....นี่
เอ..พล่ามมาเยอะมันเกี่ยวกะจอห์นสันรีชตรงไหน
ก็....ก็ชอบแปรงสีฟันยี่ห้อนี้ที่สุด แค่นั้นแหละ
โฮ่
แปรงหัวเล็กๆ แปรงแล้วรู้สึกว่ามันเหม้าะะะ เหมาะ แปรงไปเยี่ยงได้ขึ้นสวรรค์
จำได้ว่าเมื่อก่อนซื้ออันละตั้งเจ็ดแปดสิบบาทแน่ะพี่น้อง
ใช้ได้ซักพักมันก็คงเลิกผลิตไป เพราะหาไม่เจอ พลิกห้างหายังไงก็ไม่เจอ(หลังๆเลยเลิกหาไปแล้ว)
ใช้ยี่ห้ออื่นยังไงก็ไม่ถูกใจ ออรัลบีก็หัวแปรงใหญ่โตมโหฬาร
คอลเกตก็ไม่ชอบยี่ห้อมัน รู้สึกไปเองว่าคอลเกตเป็นศัตรูกะดาร์ลี่(ที่บ้านใช้ดาร์ลี่มาอย่างน้อยๆก็ยี่สิบปี)
แต่จริงๆ บริษัทแม่มันก็ คอลเกต-ปาล์มโอลีฟเหมือนกัน (กรรม...)
ทรมานมาหลายแปรง....สุดท้ายก็เจอจนได้ จอห์นสัน รีช ณ ปักกิ่ง แถมยังเป็นรุ่นราคาประหยัดอีก
แพ๊คสาม รู้สึกจะประมาณยี่สิบบาท
เหมามาเก็บไว้หลายแพ๊ค....กลัวมันหมด
คือชอบง่ะ.....แง้
tag ไร้สาระครบห้าข้อแล้ว ยินดีเหลือเกินที่อ่านจบ อิอิ
ตามธรรมเนียมเราก็ต้องส่งต่อ อ่ะ ส่งๆ
คนที่หนึ่ง พี่เอก Marvellous Boy ย้ายบ้านไปอยู่ exteen ก็ยังมีใจคิดถึงส่ง tag มาให้....ซึ้งๆ
คนที่สอง คุณ Due_n คนที่สองที่tagข้าพเจ้า
คนที่สาม พี่แพนด้ามหาภัย พี่สาวคนสวยใจดี ส่งtagให้ด้วยความรัก อิอิแต่พี่แพนด้าปิดบล๊อก ทำไงดี
คนที่สี่ พี่นายเบียร์ ศิษย์พี่ร่วมสถาบัน ช่วงนี้พี่นายเบียร์ไม่อยู่ แต่ก็อยากส่งให้อ่ะ อยากอ่านที่พี่นายเบียร์เขียน
คนที่ห้า พี่ biggg อยากอ่านที่เฮียเขียนอ่ะ tag เรื่องตัวเองจะยังเจ็บแสบเหมือนเขียนเรื่องอื่นๆมั้ยน้อ
แอบมาทำความรู้จักเพิ่มน๊า