กลับมาแล้วค่ะ
มันร้อนน่ะค่ะ
อยู่ไม่ค่อยได้นานหรอกวัดเนี่ย
ฮะฮะฮะ
ถ้าจะได้บุญมาก็ตรงทำให้แม่พอใจล่ะมั้ง
สาธุ
ตอนนี้พลังมารฟื้นคืนมาแล้ว
โย่
ดูเอาเหอะ ไม่ถูกกะวัดแค่ไหน
อยู่วัดสิวปูด บึ้มบึ้มบึ้ม
ออกวัดวันเดียวยุบเลย
โอ้...พลังมารมีจริง
หลายคนรอฟังมุขจากวัดรึเปล่า มานั่งพิมพ์แล้วก็คิดไม่ค่อยออกนะคะ เพราะอยู่วัดไม่ค่อยได้คิดอะไร กินๆ นั่งๆนอนๆ สามวัดขึ้นมาโลครึ่งค่ะพี่น้อง พระพุทธเจ้าช่วย....
แต่ก็มีเรื่องเล่าเล็กน้อย..ก็มาลองฟังกันดู
วัดที่ไปมาเป็นวัดสายกรรมฐาน แม่ชีกะคนมาปฏิบัติธรรมเย้ออออออออ ฝรั่งมังค่าก็มากมาย มีชื่อว่างั้นเถอะ
บ่ายหนึ่งเรานั่งเนเกมส์มือถืออยู่ในห้อง
(ดูความเลวของมัน...แม่ส่งไปวัด มันนั่งเล่นเกมส์)
ก็ได้ยินเสียงโยคี(คนมาอยู่วัด/ถือศีล) ตะโกนว่าแม่ชีแก่ๆคนนึงที่กุฏิของแก บอกว่าแม่ชีไปขโมยของในตู้เย็นแกมา แม่ชีก็ปฏิเสธสุดฤทธิ์ ฝ่ายโยคีก็เอาพยานมายืนยัน ว่าแม่ชีคนนี้ ใช้ป้าคนนี้ไปเปิดตู้เย็น และอื่นๆ
ป้าโยคีเห็นแม่ชีไม่รับ ก็เดินจากไปแบบฮึ่มๆ เรานั่งฟังก็เอ๋อๆ สรุปว่าใครผิดใครถูกก็ไม่รู้ แต่แม่ชีดูดีกว่าหน่อย เพราะแกแก่แล้ว แถมยังดูเป็นคนดี เพราะชุดขาวที่ใส่อยู่นั่นแล
แต่แม่ชีไม่ยอมจบ ยังกะเปิดม้วนเทปคำด่า ด่ามันซ้ำๆอยู่นั่น "กรูไม่ได้เอาไป มรึงนั่นแหละขี้ลัก มรึงมาว่ากรู กรูจะแช่งมรึง กรูมีเงินตั้งสามสี่ธนาคาร บ้านกรูก็มีหลายหลัง รถกรูก็มี บลา บลา บลา"
คือจำได้อ่ะค่ะ ก็นั่งฟังตลอดบ่าย
ฟังไปขำๆ
เราคิดไปในแนว Politic is perception การเมืองคือการสร้างภาพ ใครขโมยใครเราไม่รู้ แต่แม่ชีมาป่าวประกาศอยู่ตลอดเวลาเนี่ย นอกจากจะผิดศีลกะรุ่งกะริ่งแล้ว ภาพลักษณ์ยังไม่ดีแบบสุดๆอีกต่างหาก โทสะ โมหะวิ่งวุ่นที่เดียวเชียว
สำรวมกว่านี้จะดูดี๊ ดูดี
เล่าให้แม่ฟังแม่ก็คิดไปในแนวเข้าข้างแม่ชี ตั้งข้อสังเกตว่า พวกมาอยู่วัดแบบคนไม่ค่อยดีมากบดานก็ใช่น้อย
แล้วความจริงก็เฉลย เมื่อแม่ชีจากสำนักงานดูแลฯมาประกาศ ว่าแม่ชีท่านนั้นน่ะ ท่านหลงแล้ว คือท่านก็ไปเอาของคนอื่นมานั่นแหละ แต่อาจจะคิดว่าเป็นของแก พอเอามาละก็ลืม บางทีไม่ใส่รองเท้า ขอคนปฏิบัติธรรมแถวนั้น เค้าก็ซื้อให้ ละแกก็เอาไปเก็บไว้ที่บ้าน...ละก็ลืม
บางทีบอกคนอื่นว่าจะกินขนม เค้าสงสารก็ซื้อให้ อันเดียวก็ไม่เอา ขอหลายๆอัน แต่เอากลับบ้าน ละก็ไม่กินอยู่ดี
จากเหตุการณ์นี้ คิดไปถึงมุมมองของคนที่มองเรื่องราวแต่ละเรื่องเนอะ เลือกมองทางนู้น ทางนี้ ก็เข้าใจไปได้แตกต่างกัน เรื่องแม่ชีนี่ ก็ดีที่เราได้มาหลายด้าน แล้วก็ได้ความจริงมาด้วย แต่ลองคิดดูว่า จริงๆแล้ว เราจะได้ความจริง ที่มันจริงๆบ่อยซักแค่ไหนกันเชียว
เหมือนในละคร ที่เวลาเราดูก็อยากเอาหมอนขว้างทีวี
"พระเอกแมร่งโง่.............มรึงดูสิ...มรึงดู...แมร่งไม่เก็ทได้ไงฟระ โง่......................
เลิกดูแล้ว"
บางทีละครก็สร้างมาจากชีวิตจริงนั่นแหละ เราดูละครเรารู้มากกว่าตัวละคร เรารู้สิ่งที่เกิดขึ้นมุมนั้น มุมนี้ แต่ตัวละครนั้นมันรู้มุมเดียวนี่หว่า
ถ้าบางที เราได้รู้อะไรบางอย่างจากอีกมุมหนึ่ง มันอาจจะเปลี่ยนทัศนคติของเราไปอย่างสิ้นเชิงก็ได้
เวลารับข่าวสาร...ก็คิดหลายๆด้านนะคะ
ปล. นี่คือสิ่งที่ได้จากการอยู่วัด....การค้นพบว่ามือถือตัวเองอัดเสียงละเอามาทำเป็นริงโทนได้ อยากได้เสียงแมวร้องอ่ะ ถ้าบีบคอแมวมันจะร้องมั้ยนะ