ป่ะ....ไปส่องงูกัน
ตามประสาคนบ้านนอกคอกนา
งูเงี้ยวเขี้ยวขอเยอะ
แม่บอกบ้านเราร่มเย็นมั้ง
งูเลยมาขอพักชั่วคราว
วันนี้เห็นเด็กๆที่บ้านไปรุมกันอยู่มุมหนึ่งของบ้าน
เรียกมากินปลาทูก็ไม่มา
พอเดินไปดู...อ้าว....น้องๆส่องงูกันอยู่นี่เอง
อย่างนี้ทุกทีล่ะ ชอบจริงเชียว...งูเนี่ย
เป็นแมวนะเฟ้ย...ไม่ใช่พังพอน
ไอ้คนดูแลเนี่ย...หัวใจจะวาย กลัว
งูวันนี้ตัวโตมาก...
เลยแอบถ่ายรูปเก็บมาซะหน่อย
ดีนะเนี่ย...สีเขียว
ถ้าเป็นสีดำๆละแผ่แม่เบี้ยได้เนี่ย....
จะยังมีกะจิตกะใจถ่ายรูปอยู่มั้ย
วันนี้อยากลงรูปงู...ละอยากพูดเรื่องครูด้วย
งงอยู่เหมือนกัน...งู..กะครู...เอามาลงบล๊อกรวมกัน
เอ๊ะ...หรือพวกครู...จะหัวงู.....เอ้ย.....บร้า...เหากินหัวหมดแล้ว
ไม่ใช่อะไรหรอก...วันนี้อ่านมติชนสุดฯของอาทิตย์ที่แล้ว
เรื่องครูเครียด....เพราะโดนนักเรียนแกล้ง
มีครูคนนึงพูดในที่ประชุมตัวแทนสมาคมครูและผู้บรรยาย ว่า
"ผมไม่เคยถูกทำร้ายอะไรที่โรงเรียน นอกเสียจากถูกเตะ ถูกกัด ถูกตี ถูกข่วน และถูกผลักให้ล้มอยู่บ้างในช่วง 27 ปีที่ผ่านมา"
อ่า....อ่านแล้วนึกถึงตัวเองตอนมัธยม
ที่ปฏิญาณตนไว้ว่า...ตูจะไม่เป็นครูมัธยมเด็ดขาด
กลัวกรรมตามทัน
ป๊าว..........
ไม่เคยทำร้ายร่างกายอาจารย์ดอกคร้า....คนเรียบร้อยน่ารักแบบนี้
แต่ถ้าเฮี้ยวๆละก็....ก็....ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน หึหึ
เพราะตอนมัธยมที่โรงเรียนจะมีนักศึกษามาฝึกสอนเป็นเทอมๆ
โอ้ว...นักศึกษาเอ๊าะๆ ส่งมาเข้าปากพญามารชัดๆ
ได้ยินข่าวมาจากปากอาจารย์โดยตรงว่า โรงเรียนหนูเนี่ย...นักศึกษาฝึกสอนกลัวกันทั้งนั้น
เด็กมัน..............น่ารัก
ก็แปลกแฮะ...เด็กมอหนึ่งเพิ่งเข้า...ยังอ่อนๆไม่ยอมมาสอนกัน
ชอบมาสอนตอนแก่กล้าวิชา โฮ่ๆ
ตามประสบการณ์ตรงแยกอาจารย์ฝึกสอนออกได้เป็นสองประเภท
ประเภทแรก น่ารัก ใจดี
ประเภทนี้จะเป็นขวัญใจเด็กๆมอต้น ประมาณว่าขวัญใจเด็กๆ แต่ก็อย่าได้คิดว่าชีวิตนักศึกษาจะราบรื่น...
มุขที่จะโดนส่วนมากก็จะเป็นการอ้อนให้ปล่อยก่อน
รวมหัวกันบอกว่า...งานส่งวันนี้เหรอคะอาจารย์....ม่ายยยย ใครบอก....ส่งคาบหน้าตะหากกกก
โรงเรียนหนูไม่มีกริ่งบอกเวลา รั้วโรงเรียนก็ไม่มี
ถ้าอ้อนให้ปล่อยก่อนได้ก็จะได้เวลาว่างเพิ่ม
แว้บออกไปยืมการ์ตูน(กว่าหนูจะรู้ว่าออกนอกโรงเรียนเป็นการผิดกฎก็ตั้งมอสองแน่ะ พูดจริงๆนะเนี่ย แต่พอรู้แล้ว...ก็ยังไม่หยุดทำ)
ซื้อขนม(ตอนหลังโรงเรียนออกกฎห้ามซื้อขนมนอกเวลาง่า...)
บางทีช่วงมีงาน
ก็ส่งหน่วยกล้าตายไปขอคาบ
เว้ากันซื่อๆ...ก็ขอโดดหมู่นั่นแล
ประเภทที่สองเป็นประเภทน่าแกล้ง
(เฮ้ยอย่าคิดไกล...เราไม่เคยทำร้ายร่างกายอาจารย์นะ ทำร้ายแต่จิตใจ ฮ่าฮ่าฮ่า)
น่าแกล้งนี่มีหลายสาเหตุนะ
(นึกก่อน..ว่าตัวเองแกล้งเค้าเพราะอะไร)
บางคนน่ารักดี เลยแกล้ง เอาขำๆ
บางคนมั่นเกิน ต้องสกัดความมั่นไว้ก่อน เดี๋ยวได้ใจ ควบคุมไม่ได้(โอ้ย...เลว)
บางคนไม่มั่นเลย แบบนี้ส่วนมากไม่ได้ตั้งใจแกล้งค่ะ
บางทีเราถามอะไรไปแล้วเค้ายังไม่ได้เตรียม เค้าจะเสียเซ้ลฟ์เองอ่ะ
โรงเรียนเก่าหนูขึ้นชื่อด้านเด็กมั่น เพราะเป็นโรงเรียนในมหาวิทยาลัยมั้ง
อันนี้ขอเดาเอาเองว่า...เพราะโดนแวดล้อมด้วยนักศึกษา
ถูกสอน(ในบางวิชา)ด้วยอาจารย์ที่สอนนักศึกษา
เราก็เลยไม่คิดว่าตัวเองต่างจากนักศึกษาซะเท่าไหร่
ยังจำได้...
ประโยคที่พูดบ่อยๆเวลาคิดว่าอาจารย์ไม่เข้าใจสิ่งที่เรากำลังจะสื่อ
"อาจารย์....ฟังหนูดิ่"
เราไม่คิดว่ามันแรงเลยนะ
แต่พอไปเล่าให้เพื่อนคนอื่นฟัง...มันบอก "โห..."
อ่า...สรุปตูพูดแรงไปเหรอเนี่ย
แต่ขอคอนเฟิร์มว่าจบเทอมแล้ว...ก็ซึ้งกัน...ก็รักกันนะ
อาจารย์คนนึงเคยบอกว่า
เวลาพวกเราจะดื้อ ก็ดื้อสุดๆ
แต่เวลาจะน่ารัก ก็น่ารักสุดๆเหมือนกัน
แต่ยังไง
ก็ไม่ขอเป็นครูมัธยมหรอกค่ะ
ถ้ากรรมตามทันจริงๆ....
บรึ๋ย....คิดจะเสียวง่ะ
เคยเจอครูสมัยมัธยมท่านนึงเรียกได้ว่า
ครูหัวงู