การมีผลย้อนหลังของกฎหมาย : กรณียุบพรรคไทยรักไทย
พลันที่ตุลาการรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นจากคณะปฏิวัติ มีคำวินิฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิทางการเมือง กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้งร้อยกว่าคน โดยอ้างกฎหมายที่ออกโดยคณะปฏิวัติให้มีผลย้อนหลัง ในทางที่เป็นโทษแก่กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย สำหรับการวินิฉัยการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนกฎหมายคณะปฏิวัติบัญญัติ ให้มีผลย้อนหลังในทางที่เป็นโทษแก่พรรคไทยรักไทยได้ คำวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางก็บังเกิดขึ้น
ส่วนตัว จขบ. เองชอบมากๆ กับคำเปรียบเปรยจากคุณจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่เปรียบคำวินิจฉัยครั้งนี้ว่าเสมือนเป็น ความพ่ายแพ้ของระบอบประชาธิปไตย ที่ปล่อยให้กฎหมายที่ออกโดยคณะปฏิวัติ มาใช้บังคับกับบุคคลที่มาจากครรลองของระบอบประชาธิปไตยได้ เพราะมันแฝงเร้นไว้ด้วยนัยที่สำคัญให้ได้คิด เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมิได้ตราโดยผ่านกระบวนการรัฐสภาซึ่งถือเป็น คณะบุคคลที่เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย โดยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง การบัญญัติกฎหมายโดยรัฐสภา จึงมีความศักดิ์สิทธิ์และมีความชอบธรรมยิ่งกว่า กฎหมายที่ตราโดยคณะบุคคลที่ฉีกรัฐธรรมนูญ และมิได้มาจากครรลองของระบอบประชาธิปไตย โดยผ่านกระบวนการทางรัฐสภา
ในประเด็นที่เกี่ยวกับดารมีผลย้อนหลังของกฎหมาย เราลองมาดูกันซิว่านักกฎหมายของ คมช. เขามีความเห็นเกี่ยวกับ การมีผลย้อนหลังของกฎหมายกันอย่างไร ศาลรัฐธรรมนูญเคยวางหลักไว้แล้วว่า กฎหมายอะไรก็ตามถ้าไม่ใช่เป็นกฎหมายอาญาแล้ว ก็ย้อนหลังได้เสมอ มีชัย ฤชุพันธุ์ 17 ตุลาคม 2549
หลักการที่กำหนดไม่ให้กฎหมายมีผลย้อนหลังนั้น ใช้กับเฉพาะกรณีที่เป็นโทษทางอาญา ถ้าอะไรที่ไม่ใช่โทษทางอาญาก็ย้อนหลังได้ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานแล้ว มีชัย ฤชุพันธุ์ 4 ตุลาคม 2549 (ตรงนี้หมายเฉพาะกฎหมายที่ผ่านกระบวนการรัฐสภาหรือเปล่า น่าคิด น่าคิด --- จขบ.)
แล้วลองย้อนมาดูหลักกฎหมายทั่วไปเกี่ยวกับ การมีผลย้อนหลังของกฎหมายกันซิว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร เครดิตข้อมูลส่วนนี้มาจาก //www.thaiechamber.com
กฎหมายนั้นย่อมมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ระบุไว้ในกฎหมายนั้น ดังจะเห็นได้ว่าโดยปกติพระราชบัญญัติจะระบุให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสทราบข้อความของกฎหมายล่วงหน้าหนึ่งวัน แต่พระราชบัญญัติหรือกฎหมายบางอย่างอาจกำหนดวันใช้บังคับ เป็นอย่างอื่นได้ เช่น ในกรณีรีบด่วนให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือให้ใช้บังคับย้อนหลังขึ้นไป หรือให้ใช้บังคับในอนาคต (นั่นหมายถึงกฎหมายของคณะปฏิวัติ ถ้าอยากให้มีผลย้อนหลังก็ต้องบัญญัติไว้ใน กฎหมายนั้นด้วยว่า กฎหมายนี้ให้มีผลย้อนหลังไว้ด้วย --- ความเห็น จขบ.)
โดยกำหนดวันใช้บังคับไว้แน่นอนหรือกำหนดให้ใช้บังคับ เมื่อระยะเวลาหนึ่งล่วงพ้นไป เช่น เมื่อพ้นสามสิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ในกรณีที่กฎหมายไม่ได้กำหนดวันใช้บังคับดังกล่าว ก็ต้องเป็นไปตามหลักที่ว่า กฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง กล่าวคือ กฎหมายจะใช้บังคับแก่กรณีที่เกิดขึ้นในอนาคต ตั้งแต่วันประกาศใช้บังคับกฎหมายเป็นต้นไป และกฎหมายจะไม่ใช้บังคับแก่การกระทำ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าวันใช้บังคับกฎหมาย...
การที่กฎหมายจะมีผลย้อนหลังนั้นเป็นข้อยกเว้น และจะยกเว้นได้ภายใต้เงื่อนไข 2 ประการ ประการแรกจะต้องระบุไว้ให้ชัดเจนในกฎหมายนั้นเองว่า ให้กฎหมายมีผลย้อนหลัง ประการต่อมาการบัญญัติให้กฎหมายมีผลย้อนหลังนั้น ต้องไม่แย้งหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วย[1]
[1] ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทัย, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป (พิมพ์ครั้งที่ 14) (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ประกายพรึก), หน้า 84-85. -------------------------------------------- ที่มา: วารสารกฎหมายใหม่
สรุปได้ว่าตามหลักฎหมายทั่วไปนั้น โดยทั่วไปแล้วกฎหมายจะไม่มีผลย้อนหลัง การที่จะให้กฎหมายมีผลย้อนหลังจะต้องมีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจน และแม้จะมีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจน ผลย้อนหลังจะต้อง ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ถ้ากฎหมายใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ กฎหมายฉบับนั้นก็ต้องเป็นโมฆะ ไม่สามารถไช้บังคับได้
มาถึงตรงนี้ ผู้อ่านทั้งหลายก็โปรดใช้วิจารณญาณกันเอาเองแล้วกันว่า ท่านจะให้เครดิตกับใครระหว่างนักกฎหมายของคณะปฏิวัติ กับนักกฎหมายอาชีพ
Create Date : 31 พฤษภาคม 2550 |
|
25 comments |
Last Update : 12 ธันวาคม 2550 8:12:55 น. |
Counter : 1343 Pageviews. |
|
|
|
ไม่รู้นะค่ะ ไม่ใช่นักกฎหมายอาชีพ แต่ความคิดเห็นก็คิดว่าถ้าต้องการให้มีผลย้อนหลัง ก็คงต้องบัญญัติไว้นะค่ะ เพื่อให้เกิดกฎหมายย้อนหลังขึ้นได้ภายในอนาคตนะค่ะ แต่ก็ต้องไม่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่กฎหมายย้อนหลังก็ยังไม่ค่อยคุ้นนะค่ะ
สุดท้ายตอบว่า ไม่รู้ดีกว่าปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายนะค่ะ