นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ คาดว่า กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% เนื่องจาก กนง. ต้องระมัดระวังเรื่องหนี้สินภาคเรือน และปัญหาฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีก อาจทำให้เงินไหลเข้าไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไรได้ ส่วนการปล่อยสินเชื่อบ้านของธนาคารในช่วง 6 เดือน อยู่ที่ 23,000 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีอยู่ที่ 48,000 ล้านบาท สินเชื่อบุคคลปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 13,000 ล้านบาท และสิ้นปีจะเกิน 15,000 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล อยู่ที่ 1.4%

สำหรับธุรกิจบัตรเครดิตในปีนี้คาดจะเติบโต 12% ชะลอตัวลงจากปีที่แล้วที่เติบโต 14% เป็นผลมาจากความกังวลปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งการซื้อรถยนต์จากโครงการรถคันแรก บ้านหลังแรก และสินเชื่อบุคคลทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง จึงส่งให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลงตามไปด้วย โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.) ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของธนาคารอยู่ที่ 110,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 10,000 ล้านบาท แต่เชื่อว่าในช่วงปลายปี อันเป็นช่วงฤดูกาลใช้จ่ายจะส่งผลให้ยอดบัตรเครดิตของธนาคารเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 280,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 2.8 ล้านใบ และสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 3 ล้านใบ

“หนี้สินภาคเรือนในส่วนของบัตรเครดิตยังไม่น่ากังวล เพราะสัดส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตในระบบมีมูลค่า 260,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนทั้งระบบที่มีประมาณ 8 ล้านล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนที่น้อย และผู้ถือบัตรเครดิตจะเป็นผู้ที่มีรายได้ปานกลางประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน ไม่น่าเป็นห่วงเท่ากับสินเชื่อบุคคล หรือบัตรกดเงินสดของผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน แต่เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์และบริษัทประกอบธุรกิจการเงินมีความเข้มงวดกลั่นกรองลูกค้าอยู่แล้ว.