ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย.พุ่งยกแผง 2 เดือนติด สูงสุดรอบ 14 เดือน หลัง เสธ.อ้าย ชุมนุมจบในวันเดียว และไม่มีเหตุรุนแรง คาดบริโภคในประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้น และจะกลับสู่ภาวะปกติไตรมาสสองปีหน้า
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยเดือนพ.ย.55 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 2,247 รายว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย.อยู่ที่ 79.1 เพิ่มขึ้นจาก 77.8 ในเดือน ต.ค. ซึ่งปรับตัวสูงสุดในรอบ 14 เดือนนับตั้งแต่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อเดือน ต.ค.ปีก่อน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 61.4 เพิ่มจาก 60.1 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 85 เพิ่มจาก 83.6 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 69.4 เพิ่มขึ้นจาก 68.1 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 71.2 เพิ่มจาก 69.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 96.8 เพิ่มจาก 95.3
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้น มาจากความกังวลเกี่ยวกับความวุ่นวายทางการเมืองคลายตัวลง หลังจากการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว และไม่เกิดความรุนแรงขึ้น ประกอบกับ รัฐบาลประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทพร้อมกันทั่วประเทศในปีหน้า ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้แก่ผู้มีรายได้น้อย และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กน.) ประกาศคงดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 2.75% อีกทั้งมูลค่าการส่งออกเดือน ต.ค.55 กลับมาขยายตัวได้สูงถึง 15.6% ทำให้ประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยลบที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนอยู่ คือ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ลดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จาก 5.5-6% เหลือเพียง 5.5% ความเสี่ยงจากราคาน้ำมันเบนซินที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองที่อาจปะทุขึ้นได้อีก รวมถึงความไม่แน่นอนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้ประชาชนยังระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่บ้าง
ปัจจัยบวกในเดือน พ.ย.นี้ มีอิทธิพลมากกว่าปัจจัยลบ ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยคึกคักมาก และคาดว่าความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อเนื่องไปถึงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีนในต้นปีหน้า ให้มีการจับจ่ายใช้สอยคึกคักมากกว่าปีที่แล้ว ที่ถูกน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม หากไม่มีความวุ่นวายทางการเมือง หรือปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบอย่างรุนแรง ดัชนีความเชื่อมั่นน่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ใน ปลายไตรมาสแรกปี 56 และตั้งแต่ไตรมาส 2 การใช้จ่ายจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ นายธนวรรธน์ กล่าว.