ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมการค้าต่างประเทศว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ กัมพูชาส่งออกข้าวไปแล้ว 49,815 ตัน เพิ่มขึ้น 106% หรือเพิ่มขึ้น 24,120 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกข้าวหอมมะลิ 23,956 ตัน ข้าวขาวเมล็ดยาว 21,179 ตัน ข้าวหอมพันธุ์อื่นๆ และข้าวกล้องรวม 4,680 ตัน โดยผู้นำเข้าสำคัญได้แก่ มาเลเซีย ฝรั่งเศส และจีน
ขณะที่เวียดนาม ส่งออกแล้ว 744,408 ตัน เพิ่มขึ้น 117,226 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ส่งออกได้ 627,182 ตัน คิดเป็นมูลค่า 332 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12.187 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 319 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 เดือนแรก ผู้ส่งออกเวียดนามได้ทำสัญญาขายข้าวแล้วประมาณ 2.9 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นจากปริมาณที่ทำสัญญาขายในช่วงเดียวกันของปีก่อน 99% แต่ยังไม่ได้ส่งมอบ สำหรับไทยส่งออกข้าวไปแล้ว 1.042 ล้านตัน ลดลง 0.018 ล้านตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 737 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 2% หรือลดลง 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากผู้ส่งออกข้าวว่า จากสถิติการส่งออกข้าวของกัมพูชาชี้ให้เห็นว่า ยิ่งราคาข้าวของไทยปรับตัวสูงขึ้นนานเท่าใด ตลาดผู้ซื้อจะยิ่งหันไป ซื้อข้าวจากผู้ผลิตรายใหม่ๆ มากขึ้นอย่างตลาดมาเลเซีย ซึ่งนำเข้าข้าวจากไทยเป็นส่วนใหญ่ ได้เริ่มลดสัดส่วนการนำเข้าจากไทยลงเรื่อยๆ และไปนำเข้าจากแหล่งอื่นแทนเช่นเดียวกับเวียดนาม เนื่องจากราคาข้าวของไทยสูงกว่าของประเทศคู่แข่ง
ทั้งนี้ ราคาส่งออกข้าวไทยล่าสุดในเดือน มี.ค.56 ข้าวหอมมะลิ เฉลี่ยที่ตันละ 1,180 เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ตันละ 1,081 เหรียญสหรัฐฯ ข้าวขาว 5% ตันละ 579 เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.46% จากตันละ 549 เหรียญสหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนข้าวขาว 5% ของเวียดนาม ตันละ 405 เหรียญสหรัฐฯ ลดลง 4.76% จากตันละ 420 เหรียญสหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อถึงเป้าหมายการส่งออกข้าวในปี 56 ว่า กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายส่งออกที่ 8.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่ส่งออกได้ 6.954 ล้านตัน เพราะภาคเอกชนสามารถปรับตัวให้สามารถขยายตลาดข้าวในตลาดโลกได้มากขึ้น และรัฐบาลได้เจรจาขายข้าวกับประเทศคู่ค้าหลายประเทศ รวมทั้งขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ว่า ในปีนี้ไทยจะกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก โดยมีปริมาณรวม 8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.05 ล้านตัน จากปี 55.