ชาวนา"พระนครศรีอยุธยา"เร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำ หลังฝนตกต่อเนื่อง ทำระดับน้ำในแม่น้ำ"ป่าสัก"แม่น้ำ"ลพบุรี" เพิ่มสูง จนเอ่อเข้าท่วมที่นา

เมื่อ วันท่ี 28 ก.ย. ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ลงสำรวจการทำนาในพื้นที่ ต.ท่าแล และ ต.บางระกำ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่า ชาวนาต่างเร่งเก็บเกี่ยวข้าว หลังน้ำจากแม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี เริ่มเอ่อเข้าท่วมท้องนา

ชาวนาในต.ท่าแล บอกกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า ไม่คิดว่า น้ำจะเอ่อเข้าท่วมเร็วขนาดนี้ มาแบบไม่รู้ตัว เพียงข้ามคืน น้ำท่วมนาสูงเท่าเอว ต้องรีบตามลูกๆ มาช่วยกันเอาเรือออกไปเกี่ยวข้าว

“หลังจากปี 2554 ก็ไม่เคยเจอแบบนี้ มาแบบไม่รู้ตัว เขาว่ากันว่ามีการระบายน้ำเพิ่มน้ำเลยเอ่อเข้ามา ปกติปลูกข้าว 10 ไร่ จะเกี่ยวได้ประมาณ 9 ตัน แต่ครั้งนี้ไม่รู้จะเกี่ยวมาได้เท่าไร่ เพราะบางไร่ก็ยังไม่สุก ที่เกี่ยวได้ก็ไม่รู้จะเสียหายเท่าไร่ นอนไม่หลับ คิดตลอดจะเหลือเท่าไร่ เงินลงทุนไปมาก เกี่ยวข้าวไปน้ำตาก็ไหล”

ชาวนา ใน ต.ท่าแล ต้องจ้างเรือออกไปเกี่ยวข้าวที่จมน้ำให้ได้มากที่สุด แล้วนำมากองไว้ที่ลานวัดแก้ว แล้วขับรถทับไปมาเพื่อนวดข้าว ใช้ไม้ปลายเหล็กรุข้าว หรือเอาฟางออกจากเมล็ดข้าว ที่นวดแล้ว จากนั้น ก็ต้องตากทิ้งไว้ให้แห้ง ก่อนนำไปขายกับโรงสี ชาวนาทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คงขายได้ไม่ได้ราคา เพราะข้าวมีความชื้นสูง แต่ก็ดีกว่าไม่เหลือให้ขายเลย

นายภุชงค์ อยู่เกษม ผู้ใหญ่บ้านหมู่3 ต.บางระกำ อ.นครหลวง จ.อยุธยา เปิดเผย ไทยรัฐออนไลน์ว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝนตกทุกวัน ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก ก็ขึ้นสูง แม้ว่าจะปิดท่อไม่ให้น้ำไหลเอ่อมา แต่ก็ยังซึมเข้านา ในละแวกนี้ เลยเร่งมือเกี่ยวข้าว ก่อนที่จะเสียหายมากกว่านี้

“จริงๆ แล้วข้าวแปลงนี้ ต้องรออีก 10 วัน ถึงจะเกี่ยวได้ แต่ตอนนี้น้ำมันเริ่มเข้านา รอไม่ได้แล้ว ถ้ารอข้าวอาจเน่า อาจได้ราคาไม่ดี ยังดีกว่าไม่เหลืออะไรเลย”

นาย ภุชงค์ กล่าวว่า ปีนี้ชาวนาในต.บางระกำ ทำนาได้ช้ากว่าเดิม ปกติจะเริ่มหว่านต้นเดือนก.พ. แต่ปีนี้กรมชลประทานปล่อยน้ำมาช้า จึงเริ่มหว่านได้ประมาณปลายเดือนก.พ. ข้าวสุกไม่ทันน้ำมา จึงอยากให้กรมชลประทาน ประกาศ หรือทำความเข้าใจเรื่องการปล่อยน้ำเพื่อการเกษตรให้ชัดเจนมากกว่านี้ เพราะกว่าจะปลูกข้าวได้อีกที ก็ต้องรอให้หมดหน้าน้ำไปก่อน หรือ ประมาณเดือนธ.ค.