นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับผู้ค้าน้ำมัน อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด และกรมธุรกิจพลังงาน เกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันตามนโยบายรัฐบาลว่า ผู้ค้าน้ำมันทุกรายยืนยันความพร้อมที่จะสำรองน้ำมันตามยุทธศาสตร์เพิ่มความมั่นคงทางพลังงานของรัฐบาลจากปัจจุบัน 5% เป็น 6% หรือเพิ่มขึ้นจาก 36 วัน เป็น 43 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป โดยกระทรวงพลังงานจะออกประกาศเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะทำให้มีสำรองเพิ่มขึ้นอีก 4.7 ล้านบาร์เรล หรือเพิ่มเป็น 28 ล้านบาร์เรล จากปัจจุบันสำรองอยู่ที่ 23.3 ล้านบาร์เรล
ตนได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานไปหารือร่วมกับ ปตท.และผู้ค้าน้ำมันเอกชนเกี่ยวกับการสำรองน้ำมันเพิ่มเป็น 90 วัน หรือเพิ่มขึ้นอีก 47 วัน จากปัจจุบัน เพื่อรองรับปัญหาด้านการขนส่ง หรือการขาดแคลนในอนาคต โดยสั่งให้รายงานตนทราบทุกเดือนว่าจะดำเนินการรูปแบบใด และจะยึดวิธีใดเป็นต้นแบบ เช่น ญี่ปุ่นที่รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด หรือสหภาพยุโรป (อียู) ที่รวมตัวเป็นสมาคม โดยให้เอกชนลงทุน ซึ่งเบื้องต้นรัฐบาลไทยไม่ต้องการลงทุนเอง ด้านนายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า การลงทุนด้านสำรองน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หากจะมอบให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุน แต่สุดท้ายต้นทุนที่เกิดขึ้น ก็จะนำมารวมอยู่ในค่าน้ำมันที่ประชาชนจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปการจัดตั้งสมาคมขึ้นมาใหม่ก็ต้องมีค่าบริหาร ภาระดอกเบี้ยเงินกู้ กรณีที่ต้องกู้เงินมาซื้อสินทรัพย์น้ำมัน เหมือนกรณีที่กลุ่มประเทศยุโรปดำเนินการ แต่คงเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นในราคาขายปลีกน้ำมันไม่สูงมากนัก.