ธปท.ปรับขึ้นจีดีพีปีนี้เป็น 5.1%เงินเฟ้อลดเหลือ 2.7%
ธปท.ปรับขึ้นจีดีพีปีนี้เป็น 5.1%เงินเฟ้อลดเหลือ 2.7% ธปท.ปรับขึ้นประมาณการเศรษฐกิจไทย 56 เพิ่มเป็น 5.1% ลดเงินเฟ้อลงเหลือ 2.7% ประสาร ระบุ คนแห่เที่ยวญี่ปุ่นทำสต๊อกเงินเยนเกลี้ยงแบงก์พาณิชย์ ยันดูแลบาทใกล้ชิด เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายนโยบายการเงิน แถลงข่าวการปรับขึ้นประมาณการตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2556 และปี 2557 ในการประกาศรายงานนโยบายการเงิน ประจำเดือน เม.ย.ว่า ธปท.ปรับขึ้นประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2555 เป็น 5.1% เพิ่มขึ้นจาก 4.9% ในการประมาณการครั้งก่อน และปรับเพิ่มการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2557 เป็น 5% จาก 4.8% ในครั้งก่อน จากปัจจัยที่ดีขึ้น 3 ประการ คือ 1. การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2555 ที่ดีกว่าที่ ธปท.ประมาณโดยขยายตัวได้สูงถึง 6.4% ทำให้แรงส่งทางเศรษฐกิจในปีนี้ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ในครั้งก่อน 2. แรงกระตุ้นภาครัฐ ที่คาดว่าในระยะต่อไปจะเพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนในงบประมาณรัฐบาลปรับเพิ่มงบเหลื่อมปีของปี 2556 ขึ้นอีก 50,000 ล้านบาท และในปี 2557 เพิ่มวงเงินงบประมาณรายจ่ายอีก 25,000 ล้านบาท ขณะที่ ธปท.ตั้งสมมุติฐานการจ่ายเงินตามโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้าล้านบาท ในปี 2556 ไว้ที่ 17,000 ล้านบาท และปี 2557 ลงทุนได้ 93,000 ล้านบาท หรือประมาณ 40% ของงบที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ และ 3. เศรฐกิจคู่ค้าในปีนี้ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น และเศรษฐกิจเอเชียที่ยังขยายตัวดี ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ทรงตัวในลักษณะค่อยๆ ฟื้น ยกเว้นสหภาพยุโรปที่เศรษฐกิจยังอ่อนแอ และถดถอย ผู้ ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวต่อว่า การประมาณการครั้งนี้ ธปท.ได้ปรับขึ้นประมาณการการอุปโภคภาคเอกชน โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 4.7% จาก 4.3% ในครั้งก่อน และปรับขึ้นการอุปโภคภาครัฐเป็น 4.5% จาก 2.2% ปรับเพิ่มการลงทุนภาครัฐโดยให้ขยายตัว 22.3% จาก 17.7% แต่ได้ลดประมาณการการส่งออกในปีนี้ลงเหลือขยายตัว 7.5% จากครั้งก่อนที่คาดจะขยายตัว 9% ดุลบัญชีเดินสะพัด ณ สิ้นปีเกินดุลเล็กน้อยที่ 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ธปท.ยอมรับว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมีส่วนทำให้กำไรของผู้ส่งออกลดลง จากการตีราคาเป็นเงินบาทที่ได้เงินลดลง แต่ในด้านปริมาณนั้น การลดลงหรือเพิ่มขึ้น ขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า สำหรับการประมาณการอัตราเงินเฟ้อ ในระยะสั้น ธปท.เห็นแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ทำให้ปรับลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อของปี 2556 จากที่คาดไว้เดิมที่ 2.8% ในครั้งก่อนลดลงเหลือ 2.7% และปรับลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลงเหลือ 1.6% จากประมาณการ 1.7% ในครั้งก่อน โดย ธปท.จับตาราคาน้ำมันดิบโลกที่อาจเพิ่มขึ้น และการส่งผ่านต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะยาว นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยคงจับตาใน 3 ประเด็นคือ 1. ภาวะการเงินที่ผ่อนคลาย และบรรยากาสการลงทุนที่ดี อาจจะจูงใจให้คนนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น 2. หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจจะกระทบต่อความสามารถในการใช้จ่ายและชำระหนี้ของภาคครัวเรือน และ 3. การเคลื่อนย้ายเงินทุนที่รวดเร็ว ซึ่งจะกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทได้ ขณะที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวถึงกรณีที่มีการร้องเรียนว่า ธนาคารพาณิชย์ และร้านรับแลกเงินไม่มีเงินเยนให้แลกว่า ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ ธปท.ไม่ปล่อยเงินเยน หรือไม่มีเงินเยนเพียงพอ แต่เป็นเพราะธนาคารพาณิชย์ และที่รับแลกเงินจะสต๊อกเงินเยนไว้จำกัด แต่ช่วงที่ผ่านมาค่าเงินเยนอ่อนลงมากถึง 17% ทำให้คนไทยนิยมไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก ทำให้อาจจะมีปัญหาบ้าง แต่ไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ในส่วนของการดูแลค่าเงินบาท เราก็ยังมีทั้ง 4 มาตรการคือ การใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นตัวปรับ การรักษาสมดุลของเงินไหลเข้าออก การแทรกแซงค่าเงิน ซึ่งส่วนนี้เราก็ดูแลอยู่ที่ไม่อยากพูดอะไรมาก ส่วนมาตรการกำกับเงินทุนเคลื่อนย้าย จะทำเมื่อจำเป็นเท่านั้น ซึ่งการข้อข้อมูลการซื้อขายพันธบัตรของนักลงทุนต่างชาติจากคัสโตเดียนนั้น เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์และลักษณะการลงทุนมากขึ้น ซึ่งคงต้องรอให้ส่งข้อมูลกลับมาก่อน นายประสาร กล่าว
Create Date : 13 เมษายน 2556 |
Last Update : 13 เมษายน 2556 4:57:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1605 Pageviews. |
|
|