ผู้สื่อข่าวรายงานผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถาบันยานยนต์ (บอร์ดยานยนต์) ว่า ที่ประชุมได้รับทราบยอดการผลิตรถยนต์เพื่อขายในประเทศ และการส่งออกช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) ซึ่งพบว่ายอดการผลิตรถยนต์รวมอยู่ที่ 1,123,061 ล้านคัน ปรับเพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 852,542 คัน ยอดขายในประเทศอยู่ที่ 634,777 คัน เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 483,052 คัน และส่งออกอยู่ที่ 438,184 คัน เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 362,142 คัน โดยตลาดส่งออกรถยนต์ของไทย อันดับหนึ่ง ยังคงเป็นเอเชีย ที่มียอดส่งออกรวม 120,000 คัน แต่ตลาดส่งออกที่พบว่าเติบโตสูงมาก มี 3 ตลาด คือ แอฟริกา เติบโตมากถึง 85% ประเทศกลุ่มโอเชียเนียเติบโต 55% และสหภาพยุโรปเติบโต 40% และยังพบว่ารถกระบะเป็นกลุ่มรถยนต์จากประเทศไทยเป็น ที่ต้องการในตลาดโลก ในรอบ 5 เดือนแรกของปีนี้ แต่ตลาดส่งออกรถยนต์ที่ลดลงคือ ตลาดในประเทศตะวันออกกลาง มียอดส่งออก ติดลบ 5% สำหรับมูลค่าการส่งออกช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้รวม 196,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 170,139 ล้านบาท

นายปฏิมา จีระแพทย์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า สถาบันฯได้ร่วมมือกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพบก และ 4 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยสยาม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ด้านวิจัยและพัฒนา การทดสอบ และการพัฒนาบุคลากร” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ ในส่วนของรถยนต์ที่ใช้ในทางการทหาร โดยเฉพาะรถยนต์มาตรฐานความปลอดภัยที่ใช้ในพื้นที่ภาคใต้ โดยแผนพัฒนา ยังอยู่ระหว่างเริ่มต้น พล.ต.หม่อมหลวงระวีวัฒน์ เกษมสันต์ ผู้อำนวยการ สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพบก กล่าวว่า ล่าสุดกองทัพบกได้สนับสนุนให้พัฒนารถบรรทุกขนาดเล็กที่มีความปลอดภัยสูง ดัดแปลงมาจากรถยนต์พลเรือน เพื่อใช้ในพื้นที่ทางการทหาร อาทิ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความจำเป็นต่อพื้นที่อย่างมาก.