“คลัง–คมนาคม” เร่งปิดดีลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีม่วง หอบแฟ้มเข้า ครม. 6 สิงหานี้ หลังกรรมการกลั่นกรองอนุมัติสัมปทาน 30 ปีให้บีเอ็มซีแอล ลงทุนระบบรถไฟฟ้าและบริหารการเดินรถ ไปตั้งแต่ 29 ก.ค. ก่อนชงเข้า ครม. วงในเผยเบื้องหลังรวบรัดเพื่อให้เดินหน้าโครงการต่อได้ หวั่นการเมืองพลิกผัน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ที่ประชุม ครม.อนุมัติให้ความเห็นชอบสัมปทานลงทุนระบบรถไฟฟ้า และการให้บริการการเดินรถในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนเหนือ (บางซื่อ-บางใหญ่) วงเงินดำเนินการกว่า 82,980 ล้านบาท เป็นเวลา 30 ปี โดยได้ขออนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ ไทย (รฟม.) ลงนามในสัญญากับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล ให้เป็นผู้รับสัมปทาน หลังจากโครงการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองด้านเศรษฐกิจ ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและ รมว.คลัง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนเหนือ (บางซื่อ-บางใหญ่) ในส่วนของสัมปทานการลงทุนระบบรถไฟฟ้า และการให้บริการเดินรถ ให้แก่บีเอ็มซีแอล ตามรูปแบบสัมปทาน PPP-Gross Cost ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยรูปแบบ PPP-Gross Cost นั้น รัฐจะเป็นผู้จัดเก็บรายได้ และรับความเสี่ยงในด้านจำนวนผู้โดยสารและจัดจ้างเอกชนให้บริหารรถไฟฟ้า โดยกำหนดค่าจ้างคงที่บนพื้นฐานของประสิทธิภาพการให้บริการของเอกชน

โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการเจรจาต่อรองราคา ที่คณะกรรมการตามมาตรา 13 ของ พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 ซึ่งมีนายรณชิต แย้มสะอาด รองผู้ว่าการ รฟม.เป็นประธาน ซึ่งรายงานผลการเจรจากับบริษัทบีเอ็มซีแอล ที่ทางบีเอ็มซีแอล ยอมปรับลดราคาในชั้นสุดท้ายลงมาเหลืออยู่ 82,980 ล้านบาท ซึ่งยังไม่เป็นไปตามกรอบการเงินที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องการ คณะกรรมการจึงยังไม่ได้พิจารณารับรองผล อย่างไรก็ตาม นายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์  รมว.คมนาคมได้กล่าวในที่ประชุมว่า นโยบายของรัฐบาล และนายกฯ ต้องการเร่งรัดโครงการนี้ได้ข้อยุติโดยเร็วหลังจากที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปีนับตั้งแต่ รฟม. เปิดประมูลโครงการไปตั้งแต่ต้นปี 2554 และหากยังไม่สามารถเจรจาหาข้อยุติในส่วนของสัญญาสัมปทานได้ จะกระทบต่อกำหนดการเปิดให้บริการในปี 2558 และเห็นว่าหากเปิดประมูลใหม่ก็อาจเสี่ยงที่จะได้ราคาสูงกว่านี้ จึงขอให้คณะกรรมการตามมาตรา 13 จัดประชุมนอกรอบ เพื่อรับรองผลการเจรจาดังกล่าวก่อนเสนอต่อที่ประชุมกรรมการกลั่นกรองเห็นชอบในทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังที่ประชุม คณะกรรมการกลั่นกรองฯให้ความเห็นชอบผลประกวด ราคาตามข้อเสนอของคณะกรรมการเจรจาต่อรองราคาแล้ว นายกิตติรัตน์ได้สั่งให้กระทรวงคมนาคม และ รฟม.จัดเตรียมเอกสารเพื่อนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 6 ส.ค.นี้ในทันที พร้อมสั่งให้ที่ประชุมปิดปากเงียบไม่ให้แพร่งพรายรายละเอียดเรื่องดังกล่าวต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด

“สาเหตุที่รัฐบาลต้องเร่งรัดโครงการนี้ให้จบโดยเร็ว เนื่องจากไม่แน่ใจในสถานการณ์การเมืองที่กำลังคุกรุ่น ประกอบกับมีกระแสข่าวจะมีล้มร่าง พ.ร.บ.เงินกู้เพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล จึงเห็นว่าจำเป็นจะต้องเร่งรัดสัมปทานโครงการดังกล่าว เพื่อที่ว่าหากเกิดปัญหาขึ้นรัฐบาลยังคงสามารถที่จะเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้ต่อไปได้”.