พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 
18 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
ผนึก"ธงฟ้า-ถูกใจ-โชว์สวย" สูตร"ทรีอินวัน"ลดค่าครองชีพ

ผนึก"ธงฟ้า-ถูกใจ-โชว์สวย" สูตร"ทรีอินวัน"ลดค่าครองชีพ

คอลัมน์ รายงานพิเศษ



ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องหาทางออก

กระทรวงพาณิชย์ถือเป็นหน่วยงานหลักที่ต้องทำนโยบายดังกล่าวมาโดยตลอด

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2546 รัฐบาลไทยรักไทยที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ พร้อมกับได้กำหนดแนวทางการบริโภคของประชาชน

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน (คน.) จึงปักธง "โครงการธงฟ้า ราคาประหยัด" ขึ้นมาเพื่อจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ในราคาต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป 20-40% ซึ่งกระจายในแหล่งชุมชนทั่วไป

รวมทั้งผลักดันเครือข่ายร้านอาหาร ธงฟ้าขายข้าวแกงในราคาจานละ 20-30 บาททั่วประเทศ ปัจจุบันมีร้านอาหาร ธงฟ้า 5,955 ร้าน แบ่งเป็นส่วนกลาง 649 ร้าน ภูมิภาค 5,306 ร้าน

ครั้นมาในยุคของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ในขณะนั้น ได้นำเสนอโครงการลดค่าครองชีพ ไทยช่วยไทย วงเงิน 1,620 ล้านบาท แยกเป็นโครงการโชห่วยช่วยชาติ "ร้านถูกใจ" (หรือโครงการ 1 ร้านค้า 1 ชุมชน) วงเงิน 1,320 ล้านบาท ซึ่งรับสมัครร้านค้าปลีกทั่วไป หรือโชห่วย ให้เข้าร่วมโครงการ

โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดส่งสินค้าให้กับร้านค้าที่ร่วมโครงการกว่า 10,000 ราย ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป 10-20% เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย ผงชูรส น้ำปลา ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมยูเอชที ซอสปรุงรส เนื้อสุกร สบู่ ยาสีฟัน แชมพู ผงซักฟอก แป้งโรยตัว น้ำยาล้างจาน ผ้าอนามัย ยากำจัดยุงและแมลง

โดยประเมินว่าค่าใช้จ่ายของประชาชนในส่วนนี้ประมาณเดือนละ 2,000-3,000 บาท ราวๆ 20-30% ของรายได้ขั้นต่ำวันละ 300 บาท จะช่วยลดค่าครองชีพได้ประมาณเดือนละ 300-600 บาท จำนวนผู้บริโภคประมาณแห่งละ 500 คน รวมทั้งหมดราวๆ 5 ล้านคน สามารถลดค่าครองชีพได้เดือนละ 1,500-3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการมหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพไทยช่วยไทย วงเงิน 300 ล้านบาท

เมื่อสิ้นสุดโครงการแล้วพบว่า สามารถลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มรายได้ทางตรงประมาณ 2,370 ล้านบาท ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าบริการเพิ่มขึ้นประมาณ 4 รอบ เป็นมูลค่ารวม 9,480 ล้านบาท เมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่มจะทำให้เงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 10,100 ล้านบาทเลยทีเดียว

ส่วนการจัดจำหน่ายสินค้าธงฟ้าปี 2555-56 ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 6 ส.ค. 2556 มีการจัดงาน 2,004 ครั้ง ยอดจำหน่าย 1,375 ล้านบาท ลดค่าครองชีพได้ 606 ล้านบาท ประชาชนร่วมงานกว่า 6 ล้านคน โดยใช้งบประมาณ 192 ล้านบาท

สําหรับโครงการร้านถูกใจนั้น แม้ว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการได้ตามเป้าหมายทางปริมาณ แต่กลับพบว่าบางร้านค้าไม่ได้จำหน่ายสินค้าราคาถูกกว่าตลาดทั่วไป บางร้านก็ไม่ตั้งใจที่จะประกอบกิจการ แต่ทำเพราะอยากได้เงินค่าจ้างวันละ 300 บาทเท่านั้น

รวมทั้งงบประมาณหมดไปกับการจัดหาอุปกรณ์ให้กับร้านค้า และค่าจ้างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบร้านค้าทั่วประเทศอีกเดือนละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายจนต้องปรับลดและยกเลิกการจ่ายค่าจ้าง กระทั่งเมื่อสิ้นสุดโครงการเหลืองบประมาณเพียง 200 ล้านบาทเท่านั้น

ขณะเดียวกัน โครงการดังกล่าวก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีความโปร่งใส โดยเฉพาะการบริหารจัดการด้านการขนส่งสินค้า การผลิตข้าวถุงตราสัญลักษณ์ "ถูกใจ" ที่มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า(อคส.) ดำเนินการ เพื่อจำหน่ายในร้านค้าจนต้องสั่งให้หยุดผลิต พร้อมทั้งยังไม่มีการดำเนินโครงการร้านถูกใจแต่ อย่างใด

ล่าสุด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ มีแนวคิดต่อยอดโครงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม(โชห่วย) ภายใต้โครงการ "โชห่วย โชว์สวย ทั่วไทย ร่วมใจ ช่วยสังคม" ร่วมกับสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย ด้วยการเสนอแนวคิดการบริหารร่วมกันระหว่างโครงการร้านถูกใจ ร้านธงฟ้า และร้านโชห่วย โชว์สวย เข้าด้วยกัน เพื่อลดต้นทุนการใช้จ่ายในการขนส่ง และการบริหารจัดการในภาพรวมจากเดิมที่แยกกันทำคนละหน่วยงาน

นายณัฐวุฒิระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมรายละเอียดการดำเนินงานทั้งหมด รวมทั้งมีแนวคิดจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) อนุมัติการระบายข้าวในโกดังเพื่อนำมาผลิตเป็นข้าวถุงซึ่งจะไม่ใช้ยี่ห้อถูกใจอีกต่อไป เพราะจะต้องใช้ยี่ห้อใหม่ที่สามารถจำหน่ายรวมกันทั้ง 3 โครงการแต่ยังไม่ได้กำหนดชื่อข้าวถุงยี่ห้อใหม่

ขณะนี้ได้สั่งการให้อคส.ร่างเงื่อนไขการประกวดราคา(ทีโออาร์) เพื่อสรรหาผู้ที่จะเข้ามาผลิตข้าวถุงในโครงการใหม่นี้ รวมทั้งจะมีการทำทีโออาร์หาเอกชนเข้ามาขนส่งสินค้าในโครงการ และคอลเซ็นเตอร์รับคำสั่งซื้อ

โดยคาดว่าทั้งหมดนี้จะได้ข้อสรุปภายในเดือนส.ค.นี้อย่างแน่นอน ซึ่งได้เสนอ รูปแบบคร่าวๆ ต่อนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ และนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ไปแล้ว

นายณัฐวุฒิยืนยันว่า โครงการทั้งหมดมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือต้องการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ก็ควรมีการบริหารจัดการภายใต้ระบบเดียวกัน เช่น หากพบว่าเป็นร้านค้า บางแห่งอยู่ละแวกเดียวกันก็จะให้มีการจัดส่งสินค้าไปให้พร้อมๆ กันเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง

ซึ่งจะมีการหารือร่วมกันกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทั้งอคส. กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในเร็วๆ นี้ ก่อนจะมีการเปิดตัวชื่อโครงการในรูปแบบใหม่อย่างเป็นทางการในเดือนส.ค.นี้

สำหรับรูปแบบโครงการใหม่นี้ยังไม่มีชื่อโครงการอย่างเป็นทางการ แต่จะคล้ายกับโครงการร้านถูกใจเดิม โดยจะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการทั้งหมดทั้งการผลิตข้าวถุงเพื่อส่งให้ร้านค้าในโครงการ เป็นรับผิดชอบในการขนส่งสินค้า และคอลเซ็นเตอร์รับคำสั่งซื้อ โดยที่จะไม่มีการนำงบประมาณรัฐเข้าไปอุดหนุน จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด

"ส่วนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคใน ร้านค้าที่ร่วมโครงการทั้ง 3 โครงการจะยังต่ำกว่าราคาท้องตลาดทั่วไป รวมทั้งข้าวถุงซึ่งอาจมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น เพราะส่วนแบ่งกำไรทางการค้าต่อถุงที่ผู้ขนส่งจะได้รับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของข้าวถุงจะเพิ่มจาก 3.50 บาทต่อถุงเป็น 5 บาท แต่ราคายังต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป" นาย ณัฐวุฒิกล่าวสรุป

ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องนั้นกลายเป็นโจทย์ยากของทุกรัฐบาลที่ต่างต้องงัดไม้เด็ดออกมาเพื่อพิสูจน์ถึงความตั้งใจในการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยมีคะแนนความนิยมของรัฐบาลเป็นที่ตั้ง

ขณะเดียวกัน กลายเป็นช่องทางแสวงหา ผลประโยชน์ของบุคคลบางกลุ่ม ส่วน ผลประโยชน์ที่ตกอยู่กับประชาชนตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้หลังสิ้นสุดโครงการก็ยากที่จะพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นจริง

จึงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าโครงการใหม่ ที่จะคลอดออกมานั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาปากท้องได้ดีกว่าที่ผ่านๆ มาหรือไม่

หรือจะตำพริกละลายแม่น้ำ ซ้ำซาก อีกครั้ง!?!



Create Date : 18 สิงหาคม 2556
Last Update : 18 สิงหาคม 2556 4:38:18 น. 0 comments
Counter : 1336 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.