สัปดาห์นี้ราคาทองคำถูกแรงเทขายอย่างหนักจนปรับลดลงอย่างต่อเนื่องทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปี หลังจากหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,270 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือว่าแนวรับสำคัญเนื่องจากเป็นจุดต่ำสุดของราคาทองคำในปีนี้ ทำให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักในคืนวันอังคารและคืนวันพฤหัสบดี จนหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์
โดยประเด็นที่ทำให้ราคาทองคำลดลง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัญหาสภาพคล่องที่ตึงตัวของตลาดการเงินของจีน และการปรับลดประมาณการราคาทองคำของโบรกเกอร์ชั้นนำหลายแห่ง ดัชนีค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสุดในรอบ 7 สัปดาห์เป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง ทั้งยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนล่าสุดออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นักลงทุนจึงยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวขึ้นตามที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ประเมิน และจะมีการชะลอ หรือยุติการผ่อนคลายทางการเงินในช่วงสิ้นปี ปัญหาสภาพคล่องที่ตึงตัวของตลาดการเงินของจีน นอกจากนี้ การปรับลดประมาณการราคาทองคำในปีนี้และปีหน้าของโบรกเกอร์ชั้นนำหลายแห่งลง ได้แก่ โกลด์แมน ซาคส์, เครดิต สวิส, มอร์แกน สแตนลีย์, BNP Paibas, Deutsche Bank, HSBC
สัปดาห์หน้ามีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างเข้มข้น โดยจะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ และการประชุมธนาคารกลางยุโรป สำหรับตัวเลขการจ้างงานและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ จะมีผลต่อการตัดสินใจถอนมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ทั้งนี้ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดวันที่ 18-19 มิ.ย. ทางเบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้แถลงว่าจะมีการปรับลดขนาดวงเงินในการซื้อพันธบัตรของมาตรการ QE ช่วงปลายปีนี้ และถอนมาตรการ QE ในช่วงกลางปีนี้ ถ้าออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ จะส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ แต่ในทางตรงกันข้ามกรณีออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ราคาทองคำมีโอกาสถูกแรงเทขายออกมา ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรป คาดการณ์ว่าจะมีการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิมที่ระดับ 0.5% และคาดว่าจะมีการยืนยันที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปเนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปยังคงอ่อนแอ โดยมีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1,235-1,240 และ 1,270 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าคงยังมีแรงเทขายกลับออกมามาก และกดดันให้ราคาทองอ่อนตัวลงต่อไป โดยมีแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,180 และ 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ.