ทะเลาะกัน


ทะเลาะกันทำไม.............


ทะเลาะกับภรรยา เปลี่ยวกายาที่สุด

ทะเลาะกับสามี เขาจะมีน้องนุช

ทะเลาะกับแฟน แผนแต่งงานสะดุด

ทะเลาะกับมิตร ความใกล้ชิดเหินห่างสุด

ทะเลาะกับพ่อแม่ เป็นบาปแท้ที่สุด

ทะเลาะกับลูกลูก เป็นทุกข์กลุ้มที่สุด

ทะเลาะกับพี่น้อง มีฟ้องร้องไม่สิ้นสุด

ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ถูกประจานอายสุดสุด


ทะเลาะกับอาจารย์ สอบไม่ผ่านคะแนนถูกฉุด

ทะเลาะกับเจ้านาย จะถูกย้ายได้ง่ายสุด

ทะเลาะกับลูกน้อง งานจะกองไม่เร่งรุด

ทะเลาะกับผู้ร่วมงาน ประสานงานกันสะดุด

ทะเลาะกับนักเลง ถูกข่มเหงไม่สิ้นสุด

ทะเลาะกับขี้เมา โง่เง่าเป็นที่สุด

ทะเลาะกับคนบ้า ไร้ราคาเป็นที่สุด

และทะเลาะกับสตรี ก็เสียศักดิ์ศรีที่สุด



……..เฮ้ออออ!!!!!!!...............อย่าทะเลาะกันเลย…….


โดย yyswim




 

Create Date : 06 เมษายน 2548    
Last Update : 6 เมษายน 2548 20:35:04 น.
Counter : 1755 Pageviews.  

อยากไปนรก



อยากไปนรก หรืออยากไปสวรรค์…………



นิทานของชาวเดนมาร์ก เล่าว่า ชายคนหนึ่งนอนหลับอยู่…ในเวลากลางคืน แล้วก็มีนางฟ้าองค์หนึ่งลงมาที่ห้องนอนของเขา ชวนเขาไปเที่ยวสวรรค์และนรกกัน เขาก็ยินดีตามนางฟ้าไป

นางฟ้าพาเขาไปยังที่ที่หนึ่งแล้วบอกว่า “ถึงแล้ว นี่ไงนรก!!!!!"

ที่ที่นั้นเป็นห้องใหญ่ มีโต๊ะยาว บนโต๊ะมีอาหารที่ปรุงอย่างประณีต รสชาติอร่อยทุกประเภท มีคนนั่งล้อมโต๊ะอยู่หลายคน นางฟ้าบอกว่า "นี่แหละ สัตว์นรก"

คนเหล่านั้นนั่งมองอาหารที่น่ากินที่สุดในโลก แต่ตัวเขาทุกคนผอมซูบน่าสงสาร นางฟ้าบอกว่าที่นี่ อนุญาตให้กินอาหารดีๆได้ แต่มีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่งว่า ต้องใช้ช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรเท่านั้นที่จะตักอาหารเข้าปากได้ ซึ่งอาหารก็ไม่เคยเข้าถึงปากสักที เพราะมันจะหกลงพื้นเสียก่อนที่จะนำเข้าปาก

ทุกคนจึงหงุดหงิดเดือดร้อนและหิวมาก พยายามจะตักอาหารเข้าปากตัวเองทุกวิถีทาง แต่ตักอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าถึงปากได้ จึงผอมน่าสงสารเพราะอดอยากทั้งๆที่อยู่ใกล้ชิดอาหารที่อร่อยมาก




จากนั้นนางฟ้าก็นำชายคนนั้นไปอีกห้องหนึ่ง แล้วบอกว่า “นี่แหละ คือสวรรค์!!!!!”

ห้องที่สองนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับห้องแรกทุกอย่าง นางฟ้าพูดว่า คนเรามักจะคิดว่าสวรรค์กับนรกแตกต่างกันมาก แต่ที่จริงแล้วสวรรค์กับนรก จะคล้าย ๆ กัน

ที่สวรรค์มีโต๊ะยาว ที่วางอาหารปรุงอย่างประณีตและรสชาติอร่อยทุกประเภทเช่นเดียวกับนรก มีคนนั่งอยู่รอบโต๊ะ แต่แปลกที่คนสวรรค์ยิ้มแย้มแจ่มใส สุขภาพดีแข็งแรงสมบูรณ์ จิตใจสบายทั้งๆที่เขากินโดยใช้เงื่อนไขอย่างเดียวกัน คือต้องใช้ช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรเหมือนกัน

เอ...ทำไมมันไม่เหมือนนรกล่ะ?"

อ้อ!!! วิธีของชาวสวรรค์ก็คือ คนข้างหนึ่งของโต๊ะเขาจะตักอาหารด้วยช้อนที่ยาวหนึ่งเมตร นำไปป้อนเข้าปากของคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม และคนอีกข้างก็ตักอาหารด้วยช้อนยาวหนึ่งเมตรป้อนเข้าปากของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเช่นเดียวกัน ทุกคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะจึงได้กินอาหารอร่อยอย่างสนุกสนานอย่างสุขสบายใจกันทุกคน



เรื่องนี้สอนว่า ที่นรก…คนคิดแต่จะได้ คิดแต่เรื่องผลประโยชน์ของตนเอง คิดแต่ว่าตนจะได้อาหารที่ตนชอบก่อนคนอื่น และดีกว่าคนอื่น

แต่ที่สวรรค์นั้น เขามีใจโอบอ้อมอารี เขาอยากให้ผู้อื่นได้กินอิ่ม ได้กินของอร่อย ของที่ดีที่สุดก่อนตนเอง เขามีการช่วยเหลือกัน เขามีความรักมีความสามัคคีให้กันและกัน

ทุกคนก็ได้รับความสุขความสบายใจ สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ร่วมกัน……




โดย yyswim




 

Create Date : 06 เมษายน 2548    
Last Update : 6 เมษายน 2548 21:49:39 น.
Counter : 1398 Pageviews.  

ไม่เคยนึกถึง....



ไม่เคยนึกถึง……………


ปรัชญาเต๋าบอกว่า "คนเราจะไม่เคยนึกถึงตีนเมื่อรองเท้าไม่กัด"
คนเรามักจะมองไม่เห็นของดีที่ตนมีอยู่ จนเมื่อคนเราสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว

คนเรามักจะมองไม่เห็นคุณค่าของสองแขน จนกระทั่งมันอยู่ในเฝือก

คนเรามักจะมองไม่เห็นคุณค่าของงาน (ที่เราว่าแย่) จนกระทั่งตกงาน

คนเรามักจะมองไม่เห็นคุณค่าของคนรัก (ที่เราว่าไม่เพอร์เฟ็กซ์) จนกระทั่งเธอหรือเขาหันไปแต่งงานกับคนอื่น

คนเรามักจะมองไม่เห็นคุณค่าของพ่อแม่ (ที่เราว่าขี้บ่น) จนกระทั่งเราไปงานศพของท่าน



สิ่งที่คนจำนวนมากเลือกทำก็คือ พร่ำบ่นกับตนเองว่าไม่มีความสุข ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่รวยเท่าที่ตนเองคิด ไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งนั้นสิ่งนี้ และเอ่ยประโยคยอดฮิตกับตนเองเสมอว่า "มันไม่แฟร์กับตนเองเลย"

ทุกครั้งที่เรารู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม …..ก่อนที่เราจะบ่น ลองมองตัวเองดูดีๆซิ แล้วเราจะพบว่าเรามีอะไรดีๆหลายอย่างที่คนอื่นเขาไม่มี เราสามารถทำ "หนึ่งวัน" ของเราให้มีความหมายได้ ถ้าเราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี…….


รอให้พอ เมื่อไหร่จะพอ
แต่หากเรารู้จักพอ ก็นับว่าพอแล้ว…….อ๊ะ!!!!…..เข้าใจยากมั้ย???????


โดย yyswim





 

Create Date : 04 เมษายน 2548    
Last Update : 4 เมษายน 2548 12:46:30 น.
Counter : 1725 Pageviews.  

ชอบแบมือ หรือชอบกำมือ?



คุณเป็นคนชอบแบมือ หรือชอบกำมือ?



วันก่อนผมได้ไปจ.พังงามา ก็วันเดียวกับที่มีการจัดมีตติ้งห้องเฉลิมไทยครั้งที่2 น่ะล่ะครับ ไปโดยติดสอยห้อยตามหน่วยราชการแห่งหนึ่ง คือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

เหตุที่เขาไปก็เพราะเขาจะไปแนะนำอาชีพให้กับชาวบ้านให้ทำมาหาเลี้ยงชีพตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น งานนี้มีหน่วยงานเอกชนประเภทมูลนิธิ ประมาณ4มูลนิธิไปร่วมทำงานด้วย

ระหว่างรายทางที่เดินทางผ่านไป ก็เห็นทหารบก ทหารอากาศ นักศึกษาอาชีวะทั้งจากใต้เหนืออิสาน ตลอดจนกลุ่มอาสาสมัครเอกชนทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศ ทำงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบกันอย่างเข้มแข็ง แม้ฝนจะตก แดดจะร้อน ฝุ่นจะฟุ้ง ทุกคนก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ เป็นที่น่าปลาบปลื้มใจมาก

ตอนที่ไปถึงบ้านบางม่วง อันที่จริงก็ไปเยี่ยมกันหลายๆที่นะครับ แต่ขอเล่าเหตุการณ์ที่นี่เป็นตัวอย่างก็แล้วกัน

ตอนนั้นมีชาวบ้านเกือบทุกครัวเรือนมามุงดูคณะของเราที่ไป มีทั้งเด็ก มีทั้งคนแก่ และผู้ใหญ่ที่อุ้มลูกจูงหลาน มานั่งมองตาคณะของพวกเรา ประมาณสัก200คนเห็นจะได้ พวกเราคนหนึ่งก็เลยสอบถามบรรยากาศโดยรวมๆก่อน ชาวบ้านบอกว่าวันนี้มีคณะมากันน้อย มีเพียงแค่2คณะ วันก่อนๆบางวันมีถึง7คณะ

พวกเราช่วยกันยกของแจกลงจากรถ ของแจกก็ได้แก่พวกเบเกอรี่ พวกน้ำผลไม้บรรจุกล่อง พวกยาหม่องยาดม ของพวกนี้ถ้าไม่กินไม่ใช้ในวันนี้ ก็อาจจะเก็บไว้กินไว้ใช้ในวันต่อไปได้ ผู้บริหารประมาณ5-6คนที่มาในคณะเป็นคนแจก หนุ่มๆและสาวๆก็ช่วยกันยกของ ช่วยถ่ายรูปบ้าง

ผมเองพอหมดหน้าที่แล้วก็ไปยืนปะปนอยู่ด้านหลังของชาวบ้าน ก็เลยได้ยินเสียงที่ไม่ค่อยพอใจของชาวบ้านพูดว่า “ห้ายแต้ของนิ ไม่ห้ายตางค์กูเลย!!!!!” (แปลประโยคนี้ว่า ให้เพียงแต่สิ่งของ ไม่ให้เงินข้าพเจ้าเลย)


จากนั้นผู้บริหารซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละหน่วยงานที่ไปในครั้งนี้ ก็ร่วมนั่งกับประธานอ.บ.ต.ด้านหน้าของชาวบ้าน เพื่อสอบถามปัญหาต่างๆจากชาวบ้าน แล้วผู้บริหารก็ช่วยกันตอบปัญหา ช่วยกันแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาเดี๋ยวนั้นเลยถ้าทำได้ สำหรับปัญหาที่แนะนำช่วยเหลือไม่ได้ก็จะจดบันทึกไว้อย่างละเอียดเพื่อนำมาหารือในกรุงเทพต่อไป




ตัวอย่างปัญหาที่ชาวบ้านเสนอมา เช่นว่า

“ผมมีลูกชายอยู่คนเดียวส่งไปเรียนที่ร.ร.วัดมกุฏ ที่กรุงเทพ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นม.2 แล้ว อยากให้คณะที่มา ช่วยส่งเสียลูกชายของผมให้เรียนจนจบมหาวิทยาลัยด้วย”


“ตอนนี้ฉันได้เรียนทำอิฐบล็อกตามที่กระทรวงฯมาช่วยสอนฉันจนฉันทำเป็นแล้ว และฉันก็ได้รับประกาศนียบัตรแล้วด้วย ฉันจึงอยากจะได้รถปิคอัพมือสองสักคัน จะเอามาใช้บรรทุกอิฐบล็อกออกไปเร่ขายที่อำเภอต่างๆ ตอนนี้ฉันยังไม่มีลูกค้า ฉันจึงต้องทำอิฐบล๊อกแล้วนำไปเร่ขายเอง”


“ผมเคยมีเรือสปีดโบ๊ตทำมาหากินมาก่อน แต่พอคลื่นซึนามิซัดเข้ามา ผมก็หมดเครื่องมือทำมาหากิน จึงอยากจะขอรับบริจาคเรือสปีดโบ๊ตเก่าๆ หรือท่านจะช่วยซื้อมาให้ผมก็ได้ ราคาของเครื่องมือสองคงจะราวๆ2แสนบาทครับ”


“ผมก็อยากจะได้กระชังไว้เลี้ยงปลากระพง เพราะกระชังของเดิมของผมเสียหายไปหมด ผมขอให้ทางคณะที่มา ช่วยเหลือจัดหาให้ผม ขอเพียง10กระชังในตอนแรกก่อนก็พอ ราคาของกระชัง1กระชังก็ประมาณหมื่นหนึ่ง”


“แต่สำหรับผม อยากจะได้รถซาเล้งที่ประกอบขึ้นมาจากรถมอเตอร์ไซค์ ผมจะเอามาไปเร่ขายไอศกรีม เพราะตอนนี้ผมได้เรียนวิธีทำไอศกรีมจนเป็นแล้ว”



ผมและกลุ่มที่ร่วมเดินทางไปครั้งนี้ คงจะคิดใจตรงกันจึงหันมาสบตากันพอดี ในใจก็คงพูดเหมือนๆกันว่า “โห โห!!!!! ดูมัน ดูมัน!!! มีแต่แบมือขอ”….ขอโทษที่ใช้คำไม่เพราะ แต่มันทนไม่ไหวจริงจริงนะครับ ก็ไม่มีคนไหนเลย ไม่ว่าคนหนุ่มหรือสาวๆที่จะกำมือสู้ชีวิตอย่างกับปู่เย็นของจังหวัดเพชรบุรีในรายการคนค้นคนสักคนเลย

ปู่เย็นอายุก็ตั้ง100กว่าปีแล้ว แต่ปู่เย็นก็ยังสู้ชีวิต ไม่เคยขอเงินใครหรือแม้แต่คิดที่จะขอ แม้ใครๆจะให้ฟรีๆปู่เย็นก็ยังไม่ขอรับ ถ้าจะรับก็ต่อเมื่อปู่จะนำปลาที่ปู่หามาได้เองมาแลกเปลี่ยนเท่านั้น หากเงินที่ให้มากกว่าราคาปลา ปู่เย็นก็จะรับเพียงเท่าราคาปลาเท่านั้น บางวันแม้ปู่เย็นจะเจ็บป่วย ปู่ก็ยังทระนง ไม่ยอมคิดที่จะแบมือขอให้ใครมาช่วย

คำพูดที่เป็นอมตะของปู่เย็นตอนหนึ่ง คือ ขนาดหอยที่ไม่มีมือไม่มีขา มันยังหาเลี้ยงตนเองได้ แล้วประสาอะไรกับคนล่ะ? มีทั้งแขนมีทั้งขาครบ ทำไม?จะต้องไปขอพึ่งคนอื่น




ยิ่งชาวบ้านหนุ่มลักษณะแข็งแรงคนหนึ่ง มาบอกปัญหาที่ต้องการให้ช่วย ครั้นเมื่อพวกเราทราบความเป็นจริงแล้ว พวกเราก็ถึงกับรู้สึกหงุดหงิด มีอคติต่อชาวบ้านแถบนี้ไปเลย เพราะมีแต่แบมือ….แบมือขอให้ช่วย แถมยังคิดโกงต่อคนที่เขามาช่วยอีกด้วย

เขาบอกว่า อยากให้ทางคณะช่วยติดต่อหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง หาทางต่ออายุการทำงานของคนงานและคนที่ทำหน้าที่ร.ป.ภ.จำนวนรวมกันแล้วประมาณ600คนต่อเนื่องต่อไปอีก เพราะหากยกเลิกอาชีพนี้ไป พวกตนก็จะไม่มีรายได้จุนเจือครอบครัวอีก

ทางผู้บริหารก็ถามรายละเอียดกับประธานอ.บ.ต.ว่า ที่บอกว่าเป็นคนงานน่ะ ทำหน้าที่อะไร? แล้วได้ค่าจ้างวันละเท่าไหร่?

ประธานก็ตอบว่า เป็นคนงานก่อสร้างบ้าน ร่วมกับพวกอาสาสมัครที่มาจากกรุงเทพ และ อาสาสมัครที่มาจากทางเหนือทางอิสาน ส่วนที่เป็นเจ้าหน้าที่ร.ป.ภ.ก็คอยเฝ้าโกดังเก็บของ จำพวกไม้ ปูน สังกะสี และของกินของใช้ต่างๆ มิฉะนั้นพวกชาวบ้านแถวนี้แหละจะขโมยไปขายเสียเอง

ทางผู้ใหญ่ก็ตอบว่า “ดีนี่….แล้วทำไมจะต้องเลิกจ้างเสียล่ะ?”

ประธานตอบว่า “ก็ส่วนใหญ่เขาจะมาเซ็นชื่อตอนเช้า แล้วเขาก็หลบไปนอน พอจะขอให้มาช่วยยกของบ้างแบกของบ้างสักนิดสักหน่อย ก็จะหาตัวไม่เจอ จะเจออีกทีก็โน่น ตอนเซ็นชื่อเลิกงานน่ะ คนที่ทำงานเกือบทั้งหมดจึงเป็นพวกอาสาสมัครเท่านั้น จริงมั้ยหนุ่ม?” ประธานอ.บ.ต.ถามกลับไปที่ชายหนุ่มผู้ถาม

ชาวบ้านหนุ่มคนนั้นมีท่าทีอึกอักก่อนจะตอบ แล้วจึงตอบเบาๆว่า “แต่ไม่ใช่ผมนะ!!!”


ประธานอ.บ.ต.พูดต่อว่า “การจ้างชาวบ้านที่นี่มาทำงาน ทำกันมาราว2เดือนแล้ว เป็นค่าจ้างเพื่อให้ชาวบ้านช่วยสร้างบ้านให้คนภายในหมู่บ้านของตนนี่แหละ วันหนึ่งๆก็จ้างราวคนละ200กว่าบาท โดยคิดกันว่าถ้าชาวบ้านมาช่วยกันทำบ้านพักของตนเอง และบ้านของญาติพี่น้องหรือเพื่อนของตนเอง ก็คงจะตั้งใจทำงานให้แข็งแรงให้ประณีตที่สุด แต่มันไม่ใช่อย่างที่หวังเอาไว้เลย”

“คราวนี้พอหลวงเขารู้ว่าเบิกเงินไปเป็นเดือนๆโดยชาวบ้านไม่มาช่วยทำงาน อันนี้ผมก็ไม่ได้ฟ้องหลวงเขาไปนะ หลวงเขารู้ของเขาเอง เขาก็เลยคิดจะเลิกจ้างชาวบ้าน…จะเริ่มเร็วๆนี้แหละ แล้วคงจะเปลี่ยนเป็นจ้างช่างก่อสร้าง ช่างไม้มืออาชีพ และร.ป.ภ.มืออาชีพมาทำงานแทน งานจะได้เสร็จเร็วขึ้น และของในโกดังจะได้เลิกหายสักที”

ผู้ใหญ่ของกระทรวง และผู้ใหญ่ของมูลนิธิที่นั่งอยู่ด้านหน้า จึงไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้กับชาวบ้าน!!!!!




เมื่อคนแบมือ ลักษณะของมือจะเป็นแบบหงายฝ่ามือ คล้ายๆกับการวางมือยอมแพ้ หรือการไม่ยอมต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคอีกต่อไป ชีวิตของคนๆนั้นจึงไร้ความหมาย ไร้ซึ่งความเป็นตัวตน หรือจะเรียกว่า ตายไปแล้ว เพราะการหงายฝ่ามือก็เหมือนกับรอให้คนมารดน้ำศพนั่นเอง

แต่หากคนใดกำมือ มือของเขาจะอบอุ่น มีเลือด มีพลัง ยิ่งกำแน่นเท่าใดก็ยิ่งมีเลือด มีพลังเพิ่มขึ้น ลองดูตอนนักมวยกำมือชกซิ คนที่กำมือจึงเป็นคนที่มีใจสู้ สู้ปัญหาสู้อุปสรรคต่างๆ เขาจึงเปรียบเสมือนคนที่มีชีวิต


ฉะนั้นในทุก ๆ วันที่เราตื่นขึ้นมา เราควรกำมือ เราอย่าแบมือ การมีชีวิต ดีกว่า การไร้ชีวิต…….


ผมคนหนึ่งล่ะ!!! จะขอกำมือ….จะไม่ขอจนหนทาง ยอมตายง่ายง่าย….



โดย yyswim




 

Create Date : 27 มีนาคม 2548    
Last Update : 12 เมษายน 2548 0:57:47 น.
Counter : 2814 Pageviews.  

ยาโด๊ป…ไปออกกำลังกาย


ยาโด๊ป…ไปออกกำลังกาย…



ยาโด๊ป…..เป็นของผิดกฎหมายค้าบ……แฮ่ะ แฮ่ะ

ทุกประเภทกีฬาและในทุกๆประเทศเขาแบนกันจริงจังนะคับ ขนาดริบเหรียญ รึ ปรับเงิน รึ ขนาดห้ามแข่งกันหลายนัดหลายเดือน ก็เคยได้ยินกันมาแล้วใช่มั้ยคับ?

แต่ไงก็ตาม 5 วิธีที่จะบอก ก็..แรงพอๆกับยาโด๊ป….เจียวล่ะ……..จะลองมั้ยล่ะ?


ยาโด๊ปเม็ดที่หนึ่ง : ชวนเพื่อนที่ทำงาน หรือเพื่อนแถวๆบ้านไปออกกำลังกายด้วยกัน


การมีเพื่อนร่วมก๊วนไปออกกำลังกายจะรู้สึกว่าได้ไปสนุก ได้ไปหัวเราะเฮฮา ได้หยอกล้อกัน ได้แข่งขันแบบทีเล่นทีจริงกัน

หากยังจำวัยประถมหรือวัยมัธยมต้นได้ ช่วงนั้นพวกเราจะสนุกกับเพื่อนมาก ออกจากบ้านตั้งแต่สายๆจะกลับเข้าบ้านก็มืดค่ำโน่น ทำอะไรบ้าง? ก็บอกยาก ส่วนมากก็จะเล่นๆกัน ขี่จักรยาน ปีนต้นไม้ ขโมยผลไม้ กระโดดน้ำแถวๆน้ำตก วิดบ่อปลาจับปลา ตอนนั้นสนุกจนลืมเดือนลืมตะวันไปเลย แม่ของแต่ละคนต้องถือไม้มาตามหา ไม่งั้นแต่ละคนก็จะไม่กลับบ้านไปกินข้าวเย็น แต่พอสายๆของวันใหม่ทุกคนก็จะมาเจอกันอีกโดยไม่ต้องนัดหมายก็ได้ เพราะมันสนุกไง!!!!!!

หากนำบรรยากาศของการได้ไปสนุกสนานกับเพื่อนๆในวัยเด็กมาใช้ในปีปัจจุบัน และเพื่อนที่ดีที่ชอบไปออกกำลังกายก็ยังจะช่วยคอยโทร.นัด คอยเร่งเตือนให้คุณรีบไปออกกำลังกายด้วย ก็จะทำให้เหมือนกับได้ยาโด๊ปไปเม็ดหนึ่งทีเดียว




ยาโด๊ปเม็ดที่สอง : จัดหาเสื้อผ้าที่สวยงาม จัดหาอุปกรณ์ออกกำลังกายที่มีคุณภาพ


การมีเสื้อผ้าสวยรองเท้าสวย ทันสมัยและสะอาด จะทำให้คุณอยากไปสวมโชว์ กระตุ้นให้คุณอยากไปออกกำลังกายได้วิธีหนึ่ง การมีอุปกรณ์ดีๆก็จะทำให้คุณเล่นได้ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น ก็จะช่วยกระตุ้นให้คุณอยากไปออกกำลังกายเป็นแรงผนวกมากยิ่งขึ้น……อันนี้เป็นการลงทุน…ซึ่งเหมาะกับคนที่มีกะตังค์หน่อย แต่ก็เป็นยาโด๊ปได้…..เป็นยาโด๊ปเม็ดที่สอง.



ยาโด๊ปเม็ดที่สาม : มองการไปออกกำลังกายว่าเป็นเรื่องของโชคดี


โชคดีกว่าการต้องไปนอนป่วยในโรงพยาบาล การไปออกกำลังกายทุกครั้งขอให้มองว่า จะทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรง มีเหงื่อออก รูปร่างเฟิร์มมีกล้ามแข็ง หายจากอาการไข้หนาวสั่น หายจากอาการหืดหอบอาการไอ หากไปออกกำลังกายเป็นประจำก็สามารถกินอาหารที่อยากจะกินได้ ไม่ต้องกลัวอ้วน และจะได้อยู่ในสถานที่ที่มีแดดหรือที่มีอากาศโปร่งสบาย

ซึ่งย่อมจะดีกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ หากคุณต้องไปนอนอยู่ในโรงพยาบาล แล้วต้องใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางขยับไปมาแทนท่าวิ่ง หรือมองจากหน้าต่างลงมาที่ข้างล่างแล้วเห็นคนงานเฮฮาสนุกสนานเตะบอลพลาสติกกันทุกเย็นและทุกวัน

ซึ่งสภาพนอนป่วยเนี่ย…คุณจะรู้สึกว่าน่าเบื่อมาก แถมอากาศก็อับ มีกลิ่นยา มีเสียงร้องโอดโอย โอ้..โชคดีจังโว๊ย ที่ยังไม่ป่วย ตะโกนดังๆเลยคับ…….

คิดเสมอว่า “ สุขภาพที่ดีเงินซื้อไม่ได้ สุขภาพที่ดีต้องขวนขวายหาเอง”

ยิ่งกว่านั้นขอให้คุณมองว่า การไปออกกำลังกายจะทำให้คุณโชคดีอีกข้อ คือ คุณจะได้มีโอกาสพบเพื่อนใหม่ที่ชอบในกีฬาชนิดเดียวกัน……ขอโทษที่ขอพูดว่า ได้เห็นทั้งหน้า ได้เห็นทั้งนิสัยของเพื่อนเหล่านี้…ใกล้ชิดกว่าเพื่อนในเนตซะอีก อันนี้ก็นับเป็นยาโด๊ปเม็ดที่สาม




ยาโด๊ปเม็ดที่สี่ : มองการไปออกกำลังกายด้วยใจที่หวังสนุกใจสบาย


มองการไปออกกำลังกายว่าเป็นกิจกรรมที่สนุก ผ่อนคลายความเครียด ทำให้ได้คิดแตกต่างจากการเรียนหรืองานที่ทำทั้งวัน ได้ห่างออกมาจากบรรยากาศ เอกสาร หรือคนที่มีแต่ปัญหา แต่ได้มาอยู่กับสถานที่หรือสิ่งที่ตนชอบจนเหงื่อออก

ต้องไม่มองว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องถูกบังคับให้ทำ หรือเป็นเรื่องที่ต้องทำทุกวัน ไม่ทำไม่ได้ มาสายไม่ได้

ถ้าคุณไม่ว่าง คุณไม่สบาย รถติดจนคุณไปสาย ก็ไม่มีใครจะมาบังคับหรือลงโทษคุณได้…ไม่ใช่หรือ?

และการออกกำลังกาย ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องทำกันถึงขนาดทุ่มเทเอาเป็นเอาตาย เพราะถึงทุ่มเทไปคุณก็ไม่ได้รับรางวัล มีแต่จะบาดเจ็บหรือมีแต่จะทะเลาะกับผู้อื่นเปล่าๆ ควรไปออกกำลังแบบที่ทำแล้วรู้สึกสบายใจ เหนื่อยก็หยุด ทำตัวเป็นมิตรยิ้มทักทายกับผู้ที่ออกกำลังกายใกล้ๆ หากมองแบบนี้ได้ ก็จะเป็นยาโด๊ปที่ทำให้คุณอยากไปออกกำลังกายเม็ดที่สี่




ยาโด๊ปเม็ดที่ห้า : ควรตั้งเป้าหมายสักหน่อย แต่ตั้งในปริมาณที่เหมาะสมกับตัวคุณ

คนที่ยังไม่ชำนาญหรือไม่แข็งแรง ควรตั้งเป้าหมายเพียงเล็กน้อยต่อการออกกำลังกาย 1 ครั้ง……..ใช้เวลาน้อยออกกำลังน้อย แต่พักถี่ๆ….ทำได้คับ

เช่น ยกเวทขนาดเบา น้อยครั้ง เวลาสั้น หากออกกำลังกายแบบวิ่ง ก็ใช้วิธีเดินเร็ว รึเดินเร็วผสมวิ่งแทนการวิ่ง ใช้เวลาสัก20นาทีก็พอ คุณจะได้ไม่รู้สึกกลัว….กล้าที่จะไปออกกำลังกายเหมือนคนอื่น

ห้ามตั้งเป้าหมายเท่าผู้อื่นที่เขาชำนาญและแข็งแรงเด็ดขาด ไม่ว่าผู้อื่นคนนั้นจะเป็นผู้หญิง คนผอมๆ รึเด็กๆ…มิฉะนั้นคุณจะเสียหน้า เหนื่อยหอบ ปวดกล้ามเนื้อชนิดที่ตื่นนอนตอนเช้ารู้สึกทรมานมั่กมากกก

และข้อสำคัญก็คือจะทำให้คุณเข็ดขยาดต่อการคิดจะไปออกกำลังกายในครั้งต่อไป

แต่คุณที่เล่นมานานและแข็งแรง คุณสามารถตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและมากขึ้นตามกำลังและประสบการณ์ได้นาคับ

เป้าหมายในระยะสั้นแบบเจาะจงนี้ หากคุณทำได้ก็มักอยากจะทำซ้ำ แถมอยากจะให้ผู้อื่นรู้ด้วย จึงนับเป็นยาโด๊ปเม็ดที่ห้าที่ขอแนะนำ

ตอนนี้คุณมีสิ่งที่แรงเท่ากับยาโด๊ป…จำนวนห้าเม็ดแล้ว…ผมก็ขอให้คุณสนุกกับการไปออกกำลังกายวันนี้เลยนะคับ…..เดี๋ยวผมขอไปหยิบกระเป๋าก่อนคับ…...จะไปเหมือนกัน



โดย yyswim




 

Create Date : 25 มีนาคม 2548    
Last Update : 25 มีนาคม 2548 9:21:24 น.
Counter : 2207 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.