นิทานสร้างคน




นิทานสร้างคน


#1 นิทานดีกว่าทีวี



“กระต่ายกับเต่า”
นิทานยอดฮิตตลอดกาลที่อยู่ในใจของใครต่อใครหลายคน

คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า การเล่านิทานก่อนนอน คือความโหยหาของเด็กๆ และคงจะปฏิเสธไม่ได้อีกว่า นิทานสามารถจะช่วยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็กได้ดีอีกทางหนึ่ง


การที่พ่อแม่สละเวลาเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กฟัง อาจจะทำเพียงวันละ 15-20 นาทีเท่านั้น แต่ผลที่ได้รับตามมานั้น นับว่าคุ้มค่ามหาศาล

ดีกว่าการปล่อยให้เด็กอยู่แต่กับทีวีตามลำพัง

เพราะการฟังนิทาน เด็กจะได้รับทั้งความชอบ การซักถาม และความรู้สึกอันอบอุ่น


การเล่านิทานให้เด็กฟัง สามารถทำได้ตั้งแต่แม่เริ่มรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์ เพราะสมองของเด็กสามารถจะได้ยินเสียงตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เสียงที่มีความไพเราะ เสียงที่ทำให้เด็กในท้องสบายใจ ก็คือเสียงที่บอกถึงความรักความอบอุ่นจากพ่อและแม่นั่นเอง


โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ช่วงเด็กแรกเกิด - 6 ขวบ
จะเป็นช่วงที่มหัศจรรย์มาก เป็นช่วงที่สมองของเด็กจะเรียนรู้ได้เร็วกว่าปกติด้วย จึงเป็นช่วงที่ดีที่สุดที่พ่อแม่จะเล่านิทานให้ลูกฟัง และพูดคุยกับลูกบ่อยๆ


การเล่านิทาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ฟังคนอื่นเขาเล่ามา อ่านมาจากหนังสือ หรือแต่งเองก็ตาม ล้วนแล้วแต่เกิดผลดีทั้งนั้น

เพราะธรรมชาติของเด็ก จะชอบฟังเสียงและจะชอบดูท่าทาง ยิ่งพอเล่าให้ฟังแล้ว พ่อแม่ช่วยใส่ท่าทางและน้ำเสียงให้สนุกตื่นเต้นด้วย เด็กก็จะยิ่งรู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลิน หัวเราะอย่างชนิดลืมเวลาเลยทีเดียว เด็กจะรู้สึกมีความสุขและนอนหลับสนิทหรืออาจจะฝันดี ทั้งๆที่ใช้เวลาในการฟังนิทานก่อนนอนแค่15-20 นาทีเท่านั้นเอง





ครอบครัวเขมะโยธิน เป็นครอบครัวหนึ่งที่มีความตั้งใจเล่านิทานให้ลูกฟังอย่างสม่ำเสมอ

กวาง-กมลชนก เขมะโยธิน ดาราสาวเล่าว่า

"น้องเน็ตลูกชาย จะชอบให้แม่เล่านิทานให้ฟัง เพราะเขาบอกว่าแม่ทำเสียงสัตว์ตลกดี บางครั้งที่กวางไม่อยู่ คุณพ่อน็อตก็จะเล่าให้ฟังแทน นอกจากจะเป็นประโยชน์กับลูกแล้ว ยังทำให้ครอบครัวของเรา
ได้คุยกันมากขึ้นด้วย"


“การเล่านิทานนี่แหละ ที่ทำให้เกิดการสื่อสารระหว่างพ่อแม่กับลูกอยู่ตลอดเวลา ได้รู้ว่าขณะนี้น้องเน็ตมีพัฒนาการไปถึงขั้นไหนแล้ว

ช่วงเวลาก่อนนอน น้องเน็ตเขาจะชอบให้เล่านิทานให้เขาฟังมาก และจะชอบให้แม่หรือพ่อเลียนเสียงสัตว์ต่างๆประกอบในขณะที่เล่า มีบ้างเหมือนกันที่ถามขึ้นเองระหว่างที่เล่าว่า แม่ครับเสือมันร้องยังไง แม่ครับช้างมันเดินยังไง ก็จะทำเสียงให้น้องเน็ตฟัง แสดงท่าทางให้เขาดู เราก็สนุกสนานกันตามประสาแม่ลูก”


"เพื่อนบ้านของกวาง เขามีลูกอยู่ในวัยเดียวกันเลย แต่ลูกเขายังไม่ยอมพูด ซึ่งขณะนั้นลูกของกวางพูดแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

แต่ก็มีอยู่สาเหตุหนึ่ง ที่ครอบครัวของเราต่างกับครอบครัวของเขา คือ ครอบครัวของเราจะเลี้ยงลูกด้วยการเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน ส่วนครอบครัวของเขามักจะให้ลูกเขาดูโทรทัศน์เป็นส่วนใหญ่"



หากพ่อแม่เล่านิทานไม่เป็น หรือไม่มีนิทานจะเล่า การอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง พร้อมกับให้ลูกดูภาพในหนังสือก็สามารถกระทำได้เช่นเดียวกัน


ที่จริง ช่วงเด็กแรกเกิด เด็กจะยังไม่เข้าใจเนื้อเรื่องที่เล่าเท่าใดนัก แต่เด็กจะสนใจฟังน้ำเสียงของพ่อแม่ ท่าทางของพ่อแม่ และการสัมผัสอันอบอุ่นจากพ่อแม่มากกว่า


พอเด็กเติบโตขึ้น เด็กจึงจะเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น แต่แม้จะเป็นการอ่านหรือเล่านิทานเรื่องเดิมซ้ำๆ เด็กก็ยังพอใจ เพราะเด็กจะพอใจฟังน้ำเสียง ดูท่าทางขณะเล่า มากกว่าความอยากจะทราบเนื้อเรื่อง




ยิ่งกว่านั้น นิทานที่มีตัวละครเป็นสัตว์ ยังจะช่วยทำให้เด็กเรียนรู้บทบาทของสัตว์ในตัวละครว่า ตัวใดเป็นผู้ร้ายหรือตัวใดอยู่ฝ่ายธรรมะ และตัวใดมีลักษณะนิสัยพื้นฐานเป็นอย่างไร วิธีการสอนแบบนี้จะซึมซับเข้าไปอยู่ในใจของเด็ก มากกว่าการสอนด้วยคำพูดด้วยซ้ำ


แต่การให้เด็กดูโทรทัศน์เอง คนเดียว เด็กจะไม่ได้พูดซักถามใคร เด็กจะขาดการสัมผัสที่อบอุ่น ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการพูดช้า ไม่ค่อยกล้าถาม และไม่ค่อยกล้าพูด


ยิ่งกว่านั้น เด็กบางคนจะชอบยืนดูทีวีอยู่ใกล้จอ ซึ่งจะมีผลเสียต่อสายตาของเด็กที่ได้รับรังสีมากเกินควร และถ้าให้เด็กยืนดูทีวีบ่อยๆ ความเร็วของภาพในจอจะเร็วจนทำให้เซลล์สมองรับภาพแล้วตัดทิ้ง ฉะนั้นหากดูเกิน 20 นาที ประสาทหูและประสาทตาจะล้ม เมื่อมีเรื่องที่น่าสนใจเข้ามา ประสาทหูและประสาทตาของเด็กอาจจะไม่รับก็ได้



ในกรณีที่จะให้เด็กดูทีวี จึงควรที่พ่อหรือแม่อยู่ด้วย เพื่อจะได้แนะนำตักเตือน ไม่ให้เด็กยืนดูอยู่ใกล้จอมากเกินไป คอยพูดแนะนำและซักถามเด็ก เพื่อให้เด็กได้หยุดดูทีวีเป็นช่วงๆ และเด็กจะได้มีการพูดคุยหรือซักถามพ่อแม่ในสิ่งที่ตนเองยังไม่เข้าใจและอยากรู้.



#2 สำนึกของความเป็นแม่



หญิงสาวคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า…...

พอดีวันนั้นดิฉันเพิ่งกลับจากทำงาน มันค่อนข้างจะดึกแล้ว และเป็นวันที่ดิฉันผจญเรื่องราวต่างๆมาหนักหนาสาหัสจากที่ทำงาน จะเรียกว่าดิฉันหมดสภาพเลยก็ได้ ทำให้พลอยไม่อยากจะทำอะไรเมื่อกลับไปถึงบ้าน ซึ่งมีลูกนั่งรอให้เล่านิทานอยู่ ลูกยังไม่ยอมเข้านอน


โดยปกติ ดิฉันและพ่อของลูกจะสลับกันเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอนเป็นประจำ วันนั้นพ่อของลูกก็กลับดึกเช่นกัน ในขณะที่ดิฉันก็ไม่มีอารมณ์จะมานั่งเล่านิทานให้ลูก เพราะรู้แต่ว่าตอนนั้นดิฉันเครียด


“วันนี้ แม่ขอไม่เล่านิทานให้ฟังได้ไหม?”

แต่ลูกไม่ยอม ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ลูกก็ไม่ยอม ลูกยิ่งดื้อ ดิฉันยิ่งอารมณ์เสีย พยายามจะบอกเขาว่า วันนี้แม่ไม่มีอารมณ์จริงๆ ขอไม่เล่านะ


เขาไม่ยอม เราก็ยิ่งอารมณ์เสีย จนกระทั่งเขาร้องไห้ เขาปล่อยโฮออกมาเสียงดังปากสั่นมาก ชนิดที่ดิฉันเองก็ตกใจและใจหายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน




วินาทีนั้น สำนึกของความเป็นแม่ก็แว๊บเข้ามา เข้าใจเลยว่าลูกตั้งหน้าตั้งตารอเราจนดึก เพื่อจะรอให้แม่เล่านิทานให้เขาฟัง ซึ่งเป็นช่วงเวลาความสุขของเขามาก


เราต่างหากที่เอาตัวเองเป็นตัวตั้ง เครียดมาจากที่ทำงานแล้ว กลับไม่สนใจความรู้สึกของลูกที่รอเราอยู่ และยังนำความเครียดกลับมามอบให้เขาก่อนนอน


ดิฉันเดินเข้าไปกอดลูกทั้งน้ำตา ทิ้งทุกอย่างรอบๆข้างในคืนนั้น แล้วนั่งเล่านิทานให้ลูกฟังอย่างรู้สึกผิดระคนรู้สึกสุขใจ



ดิฉันเชื่อว่า คนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนต่างก็คงจะเคยประสบเหตุการณ์แบบนี้ ที่ทำให้เราต้องหันมาทบทวนตัวเองว่า...

เราจะทำสิ่งใดก็ตาม เราได้คิดถึงตัวเองเป็นหลัก หรือได้คิดถึงลูกเป็นหลัก หรือได้คิดถึงครอบครัวเป็นหลัก


มันอยู่ที่ว่า เราจะจัดลำดับความสำคัญของชีวิตของเราเอาไว้ตรงไหน ถ้าเราคิดว่าครอบครัวต้องมาก่อน การตัดสินใจในเหตุการณ์ต่างๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องง่าย


ถ้าวันนั้นดิฉันเห็นแก่ตัว เดินหนีลูก ไม่สนใจว่าลูกจะร้องไห้หรือน้อยใจเพียงใด เพราะเด็กกับเรื่องการร้องไห้ มันเป็นของคู่กัน
เดี๋ยวก็คงเงียบไปเอง


แต่สิ่งที่เราเรียกกลับคืนมาไม่ได้ ก็คือ จิตใจที่ถูกทำร้ายด้วยท่าทีของพ่อแม่ ถูกทำร้ายด้วยการเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง.




#3 พระเจ้าสร้างประเทศไทย

เรื่องนี้เขียนดัดแปลงมาจาก ฟอร์เวิดเมล์

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ครั้งที่พระเจ้าเพิ่งจะสร้างโลก

พระองค์มีถุงหนังใบใหญ่เอาไว้ใส่ของวิเศษ แล้วพระองค์ก็นำของวิเศษไปวางไว้ ณ พื้นที่ต่างๆทั่วโลก โดยพระองค์จะทรงวางของดีและของไม่ดีควบคู่กันเสมอ เพื่อไม่ให้ที่หนึ่งที่ใดสมบูรณ์ไปกว่าที่อื่นๆ


พระองค์ทรงวางเทือกเขาร็อกกี้และน้ำตกไนแอการ่าไว้ที่อเมริกา แล้วก็ไม่ทรงลืมวางทะเลทรายอริโซนากับพายุทอร์นาโดไว้ให้ด้วย

พระองค์ทรงวางป่าอเมซอนไว้ที่บราซิล แล้วก็ไม่ทรงลืมวางไข้ป่า
เอาไว้ให้ด้วย

พระองค์ทรงวางขั้วแม่เหล็กโลกไว้ที่แคนาดา แล้วก็ไม่ทรงลืมวางความหนาวเย็นเอาไว้ให้ด้วย

พระองค์ทรงวางเทือกเขาหิมาลัยเพื่อเป็นปราการไว้กั้นข้าศึก ไว้ที่ทิเบตและเนปาล แล้วก็ไม่ทรงลืมวางความเบาบางของอากาศและความแห้งแล้งเอาไว้ให้ด้วย


ลองมองดูซิ ทุกประเทศจะได้ของคู่กันทั้งนั้น ไม่มีประเทศใดได้น้อยหน้ากว่าประเทศใดเลย


แต่แล้วพระองค์ก็ทรงลืมประเทศรูปขวานเล็กๆในแหลมอินโดจีน พระองค์ทรงลืมวางของไว้ให้กับประเทศไทย!!!!


แต่ให้บังเอิญ ขณะที่พระองค์ทรงสะพายถุงวิเศษก้าวข้ามภูเขาหิมาลัยนั้น เพราะความที่ภูเขาหิมาลัยนั้นสูงมาก มันจึงเกี่ยวถุงของพระองค์ขาด สิ่งของดีๆที่พระองค์จะเตรียมนำไปวางไว้ที่ประเทศอื่นๆ

เช่น แดดสวยฟ้าใส ฝนที่ตกชุ่มฉ่ำตลอดปี ป่าไม้และที่ราบลุ่มอันอุดมสมบูรณ์ แม่น้ำไหลแรงหลากหลายสาย นกปลาสัตว์ป่าหลากหลายพันธุ์ ไม้ผลอร่อยหลากหลายชนิด ดอกไม้กลิ่นหอมหลากหลายสี หาดทรายขาวสวยและปะการังรูปทรงแปลกตา

สิ่งของเหล่านี้ จึงรั่วออกจากถุง เทลงมากองรวมกันที่ประเทศไทย
ทั้งหมด


ว้า แย่แล้ว พระเจ้าทรงคิด…ประเทศนี้ท่าทางจะเจริญรุ่งเรืองกว่า
ประเทศอื่นๆเป็นแน่


พระเจ้าจึงทรงมองหาภัยธรรมชาติที่จะมาถ่วงดุลสิ่งดีๆ
ที่ถูกเทมากองรวมกัน


แต่มันก็สายเกินไป
เพราะพระองค์ทรงวางภูเขาไฟกับแผ่นดินไหวไว้ที่ญี่ปุ่นไปแล้ว
ทรงวางไต้ฝุ่นไว้ที่เวียตนามและที่ฟิลิปปินส์ไปแล้ว

โอว์ …ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ประเทศอื่นๆก็จะหาว่าเรานั้นไม่ยุติธรรม
อืมม...จะมีภัยธรรมชาติอันใดอีกน๊ออออ

ที่จะทำให้ประเทศไทย ไม่เจริญไปกว่าประเทศอื่นๆได้



สุดท้ายพระองค์ก็ทรงคิดออก

เพื่อเป็นการป้องกันประเทศอันสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้
ไม่ให้ล้ำหน้าไปกว่าประเทศอื่นๆ

พระองค์จึงทรงสร้าง “นิสัยของคนไทย” ให้อยู่คู่กับคนไทยขึ้นมา


ถ้ามีคนไทยอยู่ที่ไหน ละก้อ ต่อให้ที่นั้นๆสมบูรณ์มากขนาดไหน คนไทยก็จะทำให้ที่นั้นๆ ไม่มีวันเจริญไปได้


..…พระเจ้าทรงรู้ความจริงข้อนี้ดี....




อิอิอิ มีเรื่องไหนชอบบ้างครับ?
#1, #2, หรือ #3




โดย yyswim



Create Date : 17 เมษายน 2549
Last Update : 17 เมษายน 2549 22:33:04 น. 24 comments
Counter : 2283 Pageviews.

 
สินฟังนิทานบ่อยๆในวัยเด็ก เพราะอาหญิงจะชอบชวนสินไปนอนที่บ้านของอาหญิง แล้วจะเล่านิทานให้สินฟังก่อนนอน

ที่จริง หนทางไปมาระหว่างบ้านอาหญิงกับบ้านสินนั้นก็ห่างกันมาก เพราะอยู่กันคนละอ่าว ยิ่งสมัยเด็กนั้น รถราแถวบ้านสินก็ไม่ค่อยจะมีด้วย จะไปจะกลับแต่ละทีค่อนข้างจะลำบาก แต่สินก็เต็มใจจะไปที่บ้านอาหญิง

ไปก็เพราะจะไปฟังนิทานนี่แหละ

อาหญิงนั้นมีสามคน แต่ละคนก็อยากจะชวนให้สิน(ยังเด็กนะครับ)ไปนอนด้วย ตัวเลือกให้สินจะไปนอนที่เตียงของอาหญิงคนไหน ก็อยู่ที่นิทานอีกนั่นแหละ



โดย: yyswim วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:22:44:23 น.  

 
เรื่องสุดท้ายเจ็บจินๆ นะ
ตอนเด็กจำได้ว่าไม่มีนิทานก่อนนอนเลยอ่ะ
ตอนโตเลยเล่าไม่เป็น บังคับหลานให้เล่าให้ฟังแทน
อิอิ หนุกดีเหมือนกานนะ หลานพยายามเล่าแบบไม่ค่อยรู้เรื่อง


โดย: ladybear วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:23:01:15 น.  

 
นิทานสร้างคน เห็นด้วยค่ะ
อ่านแล้วเหมือนมีตากะยายเล่านิทานให้ฟังในสมัยเด็กเลย
ชอบฟังนิทานมาก ฟังจนหลับทุกครั้ง
ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่เลย ชอบทั้ง 3 เรื่องค่ะ

ไปเที่ยวสงกรานต์สนุกไหมคะคุณสิน


โดย: ซออู้ วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:23:28:58 น.  

 
แวะมาอ่านนิทานครับ สงกรานต์ไปเที่ยวไหนบ้างครับ


โดย: ชายคา วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:23:32:57 น.  

 
ชอบเรื่องที่สามครับ เหอๆๆๆๆ โดนใจมากๆ


พ่อแม่ไม่เคยอ่านนิทานให้ผมเลย ที่จริงไม่เคยมีนิทานอะไรให้ผมเลยครับ ส่วนมากผมจะเอาหนังสือที่แม่อ่านมาอ่านเองมากกว่า และชอบวาดรูปแล้วค่อยไปถามพ่อกับแม่ว่าวาดถูกมั้ย ประมาณนั้นน่ะครับ มิน่า..โตมาผมถึงได้แปลกๆ


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:0:10:39 น.  

 
ชอบนิทานจังเลยเพลินดีค่ะ ช่วงนี้เลี้ยงหลานน้อยอยู่ค่ะ ก็จะมีการเล่านิทานและสอนหลานๆบ้างค่ะ ส่วนมากจะเป็นนิทานประรำประรา(ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า)นิทานเก่าๆสมัยคุณแม่คุณยายนะค่ะและก็จะมีการเล่าเรื่องจากวีซีดีนะค่ะ วันก่อนไปซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือ ดีมากๆเลยค่ะ

เสียดายมากที่ไม่รู้ว่าคุณอยู่บูธไหน เลยไม่ได้แวะไปขอลายเซ็นต์เลยค่ะ


โดย: erina วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:0:50:55 น.  

 
แวะมาอ่านนิทานก่อนนอนจริงๆ....เรื่องสุดท้ายโดนใจที่สุด....อิอิ.." นิสัยคนไทย "

และก๊ขอยกย่องชื่นชม บทบาทของความเป็นแม่ ของผู้หญิงทุกคน เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหน อย่างไร มันก็ไม่มีทางหายไปจากตัวคุณเลย...จะเศร้าดีมั้ยหนอ...


โดย: Tahannam วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:1:24:27 น.  

 
เรื่องสุดท้ายแอบเจ็บนะคะ เคยได้ FW mail มาเหมือนกัน

ตอนเด็กๆชอบฟังนิทานมาก พ่อเล่าให้ฟังก่อนนอน เอาจากหนังสือบ้าง โม้เองบ้าง ชอบค่ะ อยากเป็นเด็กอีก


โดย: เนียนอ๋อง วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:9:26:49 น.  

 
เห็นด้วยกับการเล่านิทานให้เด็ก แต่อย่างว่าเดี๋ยวนี้พ่อแม่ไม่มีเวลาจะเล่านิทานให้ลูกฟังหรอก ยิ่งสังคมเมืองยิ่งเลิกพูดได้เลย อย่างหลานที่บ้านเนี่ยพ่อแม่ไม่ค่อยได้เลี้ยงเล้ย กลายเป็นปู่กับย่า แทน ซึ่งเค้าก็เหนื่อยมาทั้งวันกับการดูแลบ้านไหนจะต้องไปส่งไปส่งไปรับหลานอีก กว่าพ่อแม่เค้าจะกลับ เค้าก็ต้องเปิดทีวีให้หลานๆดู ส่วนปู่กับย่าก็หลับแล้วเพราะเหนื่อย พ่อแม่ก็ต้องหาเงินเพื่อมาใช้จ่ายในบ้านคงไม่เหมือนต่างจังหวัดเพราะค่าครองชีพมันคงไม่สูงเท่าไหร่ แต่สังคมเมืองอะไรก็เป็นเงินไปทองไปโม้ด แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว สิ่งที่จะช่วยได้ก็ต้องพยายามให้ความรักและความอบอุ่นกับเค้าให้มากที่สุดเมื่อมีเวลา


โดย: N_view วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:9:48:34 น.  

 
ผมชอบทั้งสามเรื่องเลยครับ..

ถ้ามีลุกเมือ่ไหร่ ผมก็ตั้งใจว่าจะเล่านิทานให้ลุกฟังบ่อยๆ
เท่าที่จะมีเวลาและมีความเป็นไปได้ครับ

เห็นด้วยว่า นิทานดีกว่าทีวี แน่ๆครับคุณสิน


โดย: กุมภีน วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:12:38:30 น.  

 
อันนี้แม่เล่าให้ฟังว่า...
ตอนเด็กๆ ผมชอบให้แม่เล่านิทานให้ฟังทุกคืนครับ
ผมกลายเป็นเด็กติดนิทานไปเหมือนกัน ฟังแค่เรื่องสองเรื่องแล้วมันไม่จุใจเลยชอบอ้อนให้แม่เล่าให้ฟังหลายๆ เรื่อง
แม่ผมเลยบอกว่า ถ้าอยากฟังนิทานมากขนาดนั้น จะต้องหัดอ่านหนังสือให้เก่งๆ ดีมั้ย เวลาอยากรู้นิทานเรื่องอะไรจะได้อ่านเอง
เลยเป็นเหตุผลให้ผมอ่านหนังสือเป็นตั้งแต่อนุบาลครับ เพราะแม่ขี้เกียจเล่านิทานแท้ๆ


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:12:54:18 น.  

 
คุณlady bear…..ประสาผม คนยังโสด
อิอิ งั้นจะขอให้หลานเล่านิทาน ให้น้าสินฟังมั่งดีฟร่า
เล่าแบบไม่ค่อยรู้เรื่อง ก้อเอา


คุณซออู้……ชอบทั้งสามเรื่อง
ขอบคุณนะครับ ที่ให้กำลังใจ

ผมไปเที่ยวช่วงสงกรานต์ แต่ผมไม่ได้สาดน้ำครับ
ที่โน่นผมเอาแต่shop แต่ก้อสนุก แล้วคุณซออู้ล่ะครับ



โดย: yyswim วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:15:27:26 น.  

 
ชายคา…..เข้ามาอ่านนิทาน ขอบคุณนะครับ
ขอโทษที ที่ช่วงนี้ ผมไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมBlogใครเลย
นิสัยเสีย ซะแหล่ว ผม


พ่อน้องโจครับ…..เรื่องที่ # 3 ผมเขียนแก้ไขมาจากฟอร์เวิดเมล์คร้าบ
รู้สึก จะเห็นแว๊บๆในไทยรัฐ เมื่อวันศุกร์นี้ด้วย
เรื่องนี้ ไม่รู้ใครเป็นเจ้าของต้นฉบับ เขียนให้ข้อคิดที่แสบดี
ผมเองก้อชอบบบ



โดย: yyswim วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:15:28:17 น.  

 
คุณerina…..ขอให้มีความสุข กับการเลี้ยงหลานนะครับ
และขอให้หลานโตขึ้น ทั้งเก่งและทั้งมีน้ำใจ เหมือนคุณerina

ปรัมปรา คำนี้เขียนยากครับ ผมเองก้อไม่ค่อยได้ใช้คำนี้ ซะนาน
ปรัมปรา (ปะรำปะรา) ว. สืบๆกันมา, เก่าก่อน. (ป., ส.)


คุณTahannam……น้องคนเก่ง ที่สอบเข้าสาธิตได้
เป็นไงครับ น้องเขาชอบฟังนิทานตอนเด็กๆมั๊ย
คุณเลี้ยงดี คุณเลี้ยงเก่งนะครับ

เรื่องสุดท้าย โดนใจผมเหมือนกัน ขอบอก




โดย: yyswim วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:15:29:00 น.  

 
เนียนอ๋อง…..ชอบเรื่องที่ 3 เหมือนกันนะครับ ขอบคุณครับ
ผมเองก็ชอบฟังนิทานตอนเด็กเหมือนคุณ พวกการ์ตูน ผมก้อชอบอ่าน


คุณนุช……อืมม เห็นด้วยในบางอย่างครับ

แต่ ผมก้ออยากจะให้บางคน เห็นความรักอบอุ่น ในบ้านของคุณกวาง-กมลชนกด้วย
ยิ่งเรื่องที่ #2 คำพูดของคุณแม่คนหนึ่ง ที่พยายามจะสื่อบางอย่าง
ผมอ่านแล้ว น้ำจะเล็ดออกทางลูกตา ทู๊กที



โดย: yyswim วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:15:29:31 น.  

 
กุมภีณ……ขอโทษที ผมยังไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านคุณเลย คุณมาเยี่ยมบ้านผมสองรอบแล้ว รู้สึกผิดชะมัด

เรื่องนิทาน หากถามเด็กๆ มักจะชอบฟังทั้งนั้น
เพียงแต่บ้านคนจีน เขาจะไม่ค่อยได้เล่าให้ลูกฟังนัก คงจะไม่ว่างล่ะมากกว่า

เออ แม่พลอย พ่อเปรม ในสี่แผ่นดิน ไม่รู้เขาเล่านิทานมั่งมั๊ย?
อิอิ ผมจำไม่ได้แหล่ว


พลอั้น……แม่ของนายรักลูก และสอนลูกเป็นนะครับ
อย่าว่ายังโง้น ยังงี้เลย
นายนี่ เก่งซะหลายเรื่อง นับถือ นับถือ



โดย: yyswim วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:15:30:25 น.  

 
นิทานดีดี

หนังสือ เจ้าหงิญ หนังสือซีไรท์ประจำปี 2548
ผู้แต่ง บินหลา สันกาลาคิรี
ประเภท เรื่องสั้น ปีที่พิมพ์ 2546 ราคา 100 บาท

เป็นหนังสือ รวมเรื่องสั้น 8 เรื่อง ซึ่งอาจอ่านแยกกันเป็นเรื่องๆ
แต่ด้วยวิธีการจัดเรียงอย่างมีระเบียบ เรื่องสั้นทั้ง 8 เรื่อง จึงกลายเป็นเรื่องสั้นในเรื่องยาว

เป็นนิทานซ้อนนิทานที่เรื่องต้นกับเรื่องท้ายมาบรรจบกันอย่างแนบเนียน ชวนให้ยิ้มและขันในความช่างคิดของผู้เขียน

ผู้เขียน เล่าเรื่องในรูปของนิทาน ซึ่งอิงกับประสบการณ์การอ่านการฟังนิทานของคนในสังคม ทั้งเรียบง่ายและงดงาม

เรียบง่ายด้วยเรื่องการเล่าที่แฝงนัยเสียดสีความเขลาของมนุษย์ งดงามด้วยกวีโวหาร และจินตภาพที่อาจปลุกจินตนาการของผู้อ่านให้บรรเจิด



โดย: yyswim วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:15:32:34 น.  

 
ตอนเด็กๆชอบฟังครับ นิทาน ดูเป็นอะไรที่สนุกดี โตขึ้นไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ มักเน้นดูหนังหรืออ่านนิยายแทนครับ


โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:20:37:15 น.  

 
อ่านแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กอีกจังเลยค่ะ
ชอบฟังนิทานค่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีครายมาเล่าให้ฟังเยย
อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง


โดย: rd_lam IP: 58.64.109.242 วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:21:31:26 น.  

 
แวะมาฟังนิทานค่ะ เรื่องสุดท้ายเศร้าใจจริงๆอ่ะค่ะ
สบายดีนะคะ


โดย: HACKER HUNTING in The City วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:23:33:44 น.  

 
หวัดดียามเช้าค่ะ ก่อนอื่นก๊ะต้อง...ขอบคุณคร๊าบ..... ที่แวะไปเยี่ยมบ้านกระพ้ม...กำลังสงสันชื่อหนังสืออะ....อิอิ

หนังสือ เจ้าหงิญ หนังสือซีไรท์ประจำปี 2548
ผู้แต่ง บินหลา สันกาลาคิรี
ประเภท เรื่องสั้น ปีที่พิมพ์ 2546 ราคา 100 บาท

ตาหานน้ำว่าสมัยมันมีการพัฒนาเรื่องของการอ่านนิทานเป็นฟังเทปเพลงนิทานแล้ว มันก๊ะสนุกไปอีกอย่างนะครับแถมเวลาฟังเเล้วตัวตาหานจะสอนเกี่ยวกับเรื่องของการฟังให้เจ้าตัวเล็กเสมอ เพราะถ้าเค้ามัวแต่พูดๆ เค้าจะฟังไม่รู้เรื่อง

แต่เวลานอนยังเล่านิทานกันเสมอ ตามวัยนะครับ ไม่ทราบยังพอจำนิทานเด็กๆกันได้บ้างมั้ยครับ...อย่าว่าเลลยนะครับตาหานอ่านแต่นิทานแปลของฝรั่งเพราะสมัยก่อนรูปมันสวยมาก อย่างเช่น อาลีบาบา กับโจร 40 คน...( อัพ..อัพ เซซามิ จงเปิดพลัน อิอิ ) หรือ เรื่องห่านทองคำ...แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์...เด็กขายไม้ขีดไฟ..นิทานไทย ส่วนมากจะเป็นจำพวกนิทานอีสป แต่ของไทยไม่ค่อยมีรูปสมัยเด็กๆเลยไม่ค่อยชอบนะครับ


โดย: Tahannam วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:7:36:58 น.  

 
ตงเหลงฉ่า……วัยเปลี่ยน ความสนใจเปลี่ยน
คนมีพัฒนาการอ่ะ

แต่จินตนาการในวัยเด็ก ความสนุกสนานและความอบอุ่นในวัยเด็ก อยู่ในตัวเด็กเสมอ
นี่แหละ เป็นผลของนิทาน


Lam….
อู้ว์ ลุงมาเยี่ยมหลาน เอ๊ย หลานมาเยี่ยมลุง เอ๊ยหลานมาเยี่ยมสิน
ความสุขในวัยเด็ก สุขใจและรู้สึกอบอุ่นนะ ว่ามะ



โดย: yyswim วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:11:27:26 น.  

 
น้องกอล์ฟ…..ช่าย เรื่องสุดท้าย เป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคน ….ผมด้วย
เด๋ว จะเปลี่ยนBlogเรื่องใหม่แล้ว


Tahannam……ชื่อหนังสือ เจ้าหงิญ กวนใจเหอ อิอิ
นิทานของฝรั่งเขารูปสวย จริงด้วย

ชอบอ่านเมนต์ดีดีของคุณ ขอบคุณมากๆ



โดย: yyswim วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:11:28:14 น.  

 
สวัสดีครับ

ผมตระหนักในความสำคัญของนิทาน
ตอนนี้ผมใกล้จะมีลูกแล้ว อีกประมาณ 3 เดือนก็จะคลอดแล้วครับ

ผมกำลังหานิทานที่เป็นเพลงนิทาน ไม่ต้องมีรูปครับมาเพื่อเปิดให้ลูกฟัง ในเวลาอยู่ปบ้านครับ

ไม่ทราบว่าจะมีให้ผมไหมครับ หรือหาจากไหน

มันหายากครับ

หากกรุณา หรือใครมีก็ช่วย ส่งมาหน่อยยะครับที่
vee_nun@hotmail.com
จะขอบพระคุณอย่างสูง

เชิดชาย


โดย: วี IP: 118.175.46.3 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:40:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.