อาลัยดร.อภิวัฒน์


อาลัยดร.อภิวัฒน์





จากไปอย่างไม่มีวันกลับ สำหรับคนทีวีคุณภาพ “ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร” (ดร. วรฑา วัฒนะชยังกูร) หนึ่งในผู้บริหารค่ายเจเอสแอลฯ และพิธีกรรายการ "คนค้นฅน" ในเช้าของวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2549 ณ โรงพยาบาลศิริราช หลังจากนอนต่อสู้กับอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน


คู่ชีวิตของ ดร.อภิวัฒน์ …คุณอทิตา วัฒนะชยังกูร ได้เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ พร้อมกับลูกชาย (เพชร ภาคิน) และลูกสาว (แพรว กวิตา) เธอเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนที่สามีจะสิ้นใจด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า แม้จะทำใจไว้บ้างแล้วแต่ก็รู้สึกใจหาย เพราะเพิ่งจะฉลองวันเกิดให้สามีไปเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา เผยสามีเข้มแข็งมากๆ


“ตอนหัวค่ำ คืนก่อนที่พี่เต้ยจะเสีย พี่เต้ยเริ่มหายใจแย่ลง พี่เต้ยเหนื่อย แต่ตอนกลางวันยังทานอาหารได้เหมือนคนปกติ ทานข้าวกับปลาเป็นเรื่องเป็นราว ตอนบ่ายก็ทานอาหารเสริม ซึ่งก็คือนม พี่เต้ยก็ยังทานได้อยู่ แต่พอตอนเย็นเริ่มมีอาการหายใจไม่ทัน หมอเลยให้ดมออกซิเจนเป็นท่อครอบจมูกเอาไว้ แต่ดมได้นิดเดียว
พี่เต้ยบอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่ชอบ ก็เอาออก"


"แล้วตอน 3 ทุ่ม พี่สะใภ้ของพี่เต้ยก็มาเยี่ยม เขาก็ยังคุยเล่นกันอยู่เลย พี่เต้ยยังบอกว่าให้กลับบ้านเถอะ ผมรักพี่นะ คุยธรรมดามากๆ แต่ตอนนั้นดูพี่เต้ยเหนื่อยมาก พอตอนเที่ยงคืน พยาบาลก็เข้ามาขยายหลอดลมให้ เพราะดูพี่เต้ยเนี่ย ไม่ค่อยไหวแล้ว พอรุ่งเช้าตอน 6 โมงเช้า คุณพ่อคุณแม่พี่เต้ยก็มา ซึ่งก็มาเป็นปกติทุกวันอยู่แล้ว"


"คุณหมอก็เข้ามาวัดความดัน ปรากฏว่าความดันตก ซึ่งก็หมายถึงใกล้แล้ว พี่ก็เลยโทรตามทุกๆ คน ที่พี่เต้ยสนิท ตามลูกๆ เพื่อแจ้งให้ทุกคนทราบ พี่เต้ยจากไปตอน 7 โมง 46 นาที จากไปอย่างสงบ พี่เต้ยอดทนมาก พี่เต้ยเข้มแข็งเสมอ เราสองคนจะคุยกันตลอด และมีการเตรียมใจกันไว้แล้ว”


“จริงๆ อาการแบบนี้ความดันต้องตก แต่ที่ผ่านมาพี่เต้ยไม่ตกเลย คือ 110 - 70 ตลอด ความดันปกติมาก แค่นี้หมอเขาก็งงแล้ว อย่างเวลาคุยกับหมอ พี่เต้ยยังคุยกับหมอรู้เรื่อง เวลาหมอมา เขายังเป็นคนยกเก้าอี้ให้หมอนั่ง เขาเป็นสุภาพบุรุษ มันคือตัวพี่เต้ยเลย เขาจะเป็นคนชอบดูแลเทกแคร์เสมอ...(เสียงสั่นเครือ)”




วินาทีก่อนที่จะไป…ได้พูดอะไรกันบ้างมั้ย?


“ไม่ได้พูดอะไร แต่พี่เขาก็ไม่ได้ทุรนทุราย พี่เต้ยไปด้วยอาการสงบจริงๆ มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่ได้คิดว่าพี่เต้ยจะไป อาการตอนนั้นคิดแค่ว่าพี่เต้ยคงเหนื่อยมากเท่านั้นเอง”


"ก่อนหน้านี้ คือ พี่เต้ยเกิดวันที่ 13 มิถุนายน ก็เพิ่งจะจัดงานเป่าเค้กวันเกิดกันที่นี่(ห้อง1603 ศิริราชพยาบาล) และเราได้นิมนต์พระ มาถวายสังฆทานที่นี่ด้วย ลูกๆ ก็นำกีต้าร์ตัวโปรดของพี่เต้ยมาเล่น มีลูกๆ ของเพื่อนนำเอากีต้าร์เอากลองมาตีมาร้องเพลงให้ฟัง ซึ่งพี่เต้ยก็มีความสุข และแฮปปี้มาก”


“พี่เต้ยพูดตลอดว่า พี่พร้อมจะจากไปได้นะ เพราะพี่ได้ทำคุณงามความดีมาในชีวิตมาโดยตลอดแล้ว และถ้าพี่เต้ยหาย พี่เต้ยเขาอยากจะบวช เพื่อทำนุบำรุงศาสนา"


ในส่วนของพิธีศพ ในวันที่ 28 มิถุนายน 2549 จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในเวลา 17.00 น. ณ ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส และจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้นจะเก็บศพไว้ 100 วัน


โดยคุณอทิตาบอกว่า อยากจะขอให้แขกที่มาร่วมงานศพ งดพวงหรีด แต่อยากขอให้บริจาคเงินร่วมทำบุญกับมูลนิธิของศิริราชมากกว่า เพราะเชื่อว่าพี่เขาจะได้บุญเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมทั้งเปิดใจว่า ดร.อภิวัฒน์ เป็นสามีที่ประเสริฐที่สุด ยืนยันจะไม่ร้องไห้ เพราะลากันมานานแล้ว


“พี่เต้ยเป็นสามีที่ดีมาก เป็นสามีที่ประเสริฐมาก ยอมรับว่าพี่ เป็นคนทำอะไรไม่เป็นเลย แล้วพี่เต้ยจะเป็นคนทำให้ทุกอย่าง พี่เต้ยจะซักผ้าให้ กับข้าวกับปลาก็ทำให้ ดูแลหมด ลากันมานานแล้วเพราะฉะนั้นจะไม่ร้องไห้ เราเตรียมใจกันไว้แล้ว พี่นั่งบนโซฟา แล้วพี่เต้ยแกนอนหนุนตัก (โซฟาในโรงพยาบาล) แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า พี่รักน้องนะ ถ้าเรามีโอกาสที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอีก ก็จะตั้งมั่นทำความดี”


“อยากจะทำบุญครั้งสุดท้ายให้พี่เต้ย ด้วยการที่ว่าขอ งดพวงหรีด จะขอเป็นเงินมาทำบุญเพื่อจะมอบให้ศิริราชมูลนิธิ อยากจะตั้งเป็นกองทุนขึ้นมา ในนามพี่เต้ย และมอบให้ศิริราชมูลนิธิ”


“เพราะ 2 เดือนที่เรามาอยู่ที่นี่ เราได้รู้ว่าเวลาที่พี่เขาได้เลือด หรือได้รับเครื่องมือดีๆ หรือการรักษาดีๆ ก็จะได้จากคนที่เขามาบริจาค ก็เลยอยากทำตรงนี้ตอบแทนคืนบ้าง”


“อยากให้พี่เต้ยได้ทำบุญครั้งสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนที่พี่เต้ยไม่สบายนั่งรถเข็น พี่เต้ยก็ได้ไปบริจาคให้ศิริราชมูลนิธิเหมือนกัน โดยให้ลูกๆเข็นรถพาไป คิดว่าพี่เต้ยจะได้รับบุญครั้งสุดท้ายนี้ด้วย”


ด้าน “น้องแพรว กวิตา” ลูกสาวอายุ 19 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่ออสเตรเลีย เผยสั้นๆว่า
“อยากให้พ่ออยู่นานๆ เคยบอกพ่อว่า ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เพราะแพรวโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว พ่อไม่ต้องห่วง”



สำหรับผลงานชิ้นสุดท้ายในรายการ “คนค้นฅน” ของดร.อภิวัฒน์ นั้น ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 ชื่อตอน "บทเรียน" ส่วนผลงานชิ้นล่าสุดเป็นงานเขียนหนังสือชื่อ “มองชีวิตผ่านมะเร็ง” ซึ่งพิมพ์เป็นครั้งที่ 5 แล้ว ทั้งนี้ได้มีการพิมพ์เพิ่มเติม บันทึกคำส่งท้ายที่ดร.อภิวัฒน์เขียนไว้ว่า “ผมไม่ได้ยินดีที่จะตาย แต่พร้อมจะตาย”




ดร.อภิวัฒน์ ได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการถูกโรคร้ายคุกคามว่า


“ผมเริ่มเข้าตรวจรักษาตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2547 หลังจากทราบแน่ชัดว่า เป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ หมอให้การรักษาแบบฉับพลันทันที คือ วันที่ 11 สิงหาคม ผ่าตัดเนื้อร้าย และลำไส้ใหญ่ส่วนหนึ่งออก แต่หลังจากนั้นอีก 1 เดือน ก็พบก้อนเนื้ออีก 2-3 ก้อนที่ตับ หมอจึงวางแผนรักษาด้วยการใช้เคมีบำบัด โดยใช้ทั้งยาฉีด และยารับประทานสมัยใหม่ ที่ไม่มีผลข้างเคียงมากนัก มีเพียงผิวคล้ำลง และอ่อนเพลีย”


“รับเคมีอยู่นานราว 5 เดือน ก้อนเนื้อเหล่านั้นก็เล็กลง หมอจึงใช้วิธีการผ่าตัดย่อย โดยอัลตร้าซาวนด์ดูว่า ก้อนเนื้ออยู่ตรงไหน แล้วใช้เข็มแทงเข้าไป และปล่อยคลื่นวิทยุทำลายก้อนเนื้อนั้นให้หมดหายไป ซึ่งทุกอย่างจบสิ้นลงแล้วเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2549”


“ถึงตอนนี้ เมื่อการรักษาเสร็จสิ้นลงแล้ว ผมได้มองย้อนดูชีวิตของผมก่อนจะมาเจ็บป่วย จึงรู้ว่าเราใช้ร่างกายใช้ชีวิตอย่างหนัก สมบุกสมบันมากเกินไป แม้จะบอกตัวเองว่า เราไม่ได้เครียดนะ แต่ในความเป็นจริง เราจัดการกับความเครียดทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตร ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคร้ายนี้”


“เมื่อมองอย่างนั้นแล้วจึงรู้ว่า เราจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้แล้ว ครั้งนี้จึงเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วบังเอิญได้รู้จักกับผู้ที่มีความรู้ด้านมงคลนามกับเลขศาสตร์ จึงเป็นโอกาสดีที่จะผสมตัวเลขในชื่อใหม่ เพื่อสร้างความเป็นมงคลให้กับตัวเอง จึงได้ชื่อใหม่ ว่า วรฑา”


อาจจะไม่ได้มีความหมายยิ่งใหญ่เท่ากับชื่อเดิม อภิวัฒน์ ที่แปลว่า ความมั่นคงอันยิ่งใหญ่


“แต่ วรฑา เป็นการผสมตัวอักษรที่เป็นมงคล เป็นเหมือนกับการให้พร ให้มีสุขภาพดี มีสติปัญญาเฉียบคม ส่วนนามสกุลก็เปลี่ยนแล้ว โดยขอจดตั้งเป็นนามสกุลใหม่เลย เปลี่ยนเป็น วัฒนะชยังกูร หมายถึง หน่อเนื้อแห่งความเจริญรุ่งเรือง”




Profile ดร.อภิวัฒน์(ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร)





ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร
อายุ 49 ปี
เกิด 13 มิ.ย.2500
ถึงแก่กรรม 27 มิ.ย. 2549 เวลา 07.46 น.

บิดา เรืออากาศตรี อาชีพ วัฒนางกูร
มารดา นาวาอากาศเอกหญิง พูนศรี ทองปรีชา
มีน้องชาย1 คน นาวาอากาศตรี อัษฎาวุธ วัฒนางกูร (กัปตันสายการบินไทย)
สมรสกับนางอทิตา วัฒนะชยังกูร (ชื่อเดิม กมลนาท สุมาวงศ์)
มีบุตร 2 คน นางสาวกวิตา (แพรว) วัฒนะชยังกูร อายุ 19 ปี และนายภาคิน (เพ็ชร) วัฒนะชยังกูร อายุ 17 ปี


ประวัติการศึกษา

พ.ศ.2521 ครุศาสตรบัณฑิต (การสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พ.ศ.2523 Master of Education (Edducational Management and Supervision) Loyola Collage ,Baltimore,Maryland,USA

พ.ศ.2527 Doctor of Education (Higher Education Administration) Oklahoma State University,Stillwater,Oklahoma,USA



ประวัติการทำงาน

พ.ศ.2527 อาจารย์ภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

พ.ศ.2528 หัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

พ.ศ.2528 คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

พ.ศ.2532 ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

พ.ศ.2537-2549 รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอสแอล จำกัด



งานพิธีกรรายการวิทยุโทรทัศน์

พ.ศ.2546-2549 พิธีกรรายการ “คน ค้น ฅน” ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ( ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.)

พ.ศ.2542-2543 พิธีกรรายการ “ถูกใจใช่เลย” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7

พ.ศ.2532-2542 พิธีกรรายการ “จันทร์กะพริบ” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7

พ.ศ.2543 พิธีกรรายการ “Gent Request” ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี

พ.ศ. 2540 ผู้จัดรายการวิทยุ ( Air personality) ทางสถานีวิทยุ Star Radio FM 102.5 MHz.

พ.ศ.2540 พิธีกรรายการ “Business Variety” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5

พ.ศ. 2538-39 ผู้กำกับรายการสารคดีภาษาอังกฤษชุด Thai Cuisine แพร่ภาพทางสถานีเคเบิล NBC Asia และแพร่ภาพบนเครื่องบินสายการบินไทย (เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2539)

พ.ศ. 2538 ผู้ดำเนินรายการสารคดีสั้นชุด Tourist Tips แพร่ภาพบนเครื่องบินของสายการบิน ประเทศออสเตรเลีย และ เนเธอร์แลนด์

พ.ศ.2536-2548 พิธีกรรายการสารคดีสั้นทางโทรทัศน์ อาทิ รายการไฟฟ้าน่ารู้คู่บ้าน รายการคนรักหนัง รายการเพื่อนหนังสือ รายการคู่มือสื่อสาร รายการร้อยพันปัญหาโรคผิวหนัง รายการเปิดโลกเอกสาร ฯลฯ

พ.ศ. 2536-ปัจจุบัน ผู้ประกาศข่าวภาคภาษาอังกฤษ ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ FM 95.5 MHz. และ FM 105 MHz.



การทำงานด้านอื่นๆ

พ.ศ. 2537-ปัจจุบัน ที่ปรึกษาด้านการศึกษาและประชาสัมพันธ์ บริษัทโปรเกรสซีฟ อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด

พ.ศ. 2541 นายก สโมสรโรตารี พระโขนง

พ.ศ. 2542 ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์และกิจกรรมพิเศษ ของสายการบินแองเจิล ( Angel Air)




ในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2549 เวลา 07.46 น.
มะเร็งได้คร่าชีวิตพิธีกรเหล็ก "คนค้นฅน" ดร.อภิวัฒน์.






บทสัมภาษณ์ ดร. อภิวัฒน์ เมื่อปี 2547



พี่เต้ยทำงานกับบริษัท JSL มากี่ปีแล้ว?

• ทำงานที่ JSL เป็นปีที่ 10 แล้วจ้า เริ่มงานตั้งแต่ปี 2537


งานที่รับผิดชอบตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน คือด้านไหนบ้าง?

• เริ่มเข้าสู่ JSL ด้วยตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ (ทุกวันนี้ก็ตำแหน่งนี้แหละ) 10 ปีก่อน ดูแลฝ่ายกิจการต่างประเทศ ฝ่ายบุคคล แล้วก็มารวมดูแลฝ่ายสารคดี และฝ่ายกิจการพิเศษ จนมาทุกวันนี้ดูแลสายงานกิจการพิเศษ


งานด้านต่างประเทศให้อะไรกับพี่เต้ยบ้าง?

• งานด้านต่างประเทศ เปิดโลกทัศน์ของการทำรายการโทรทัศน์ที่ได้มาตรฐานที่ต่างชาติยอมรับ พร้อมไปกับการเจรจาติดต่อความร่วมมือกับต่างประเทศ อันนำมาซึ่งการทำให้ต่างประเทศรู้จัก JSL มากขึ้น รู้จักประเทศไทยของเรามากขึ้น


แล้วงานด้าน Event ให้อะไรบ้าง?

• งาน Event ให้อะไรมากมายกับชีวิต ให้ทักษะทางความคิด ที่ต้องคิดให้ดีที่สุด นำเสนอให้ดีที่สุด และจัดงานให้ดีที่สุด และนำเสนอเพื่อให้ลูกค้าประทับใจ งาน Event ให้เราได้รู้จักตัวเองว่า ถนัดอะไร ไม่ชอบอะไร คนทำ Event เป็นเผ่าพันธุ์ที่เฉพาะทางมาก มีทั้งความอดทน อดกลั้น ทำงานภายใต้ความกดดันได้ดี ต้องมีจิตใจแข็งแกร่งมั่นคง มีร่างกายที่แข็งแกร่ง


อะไรใน JSL ที่ทำให้พี่เต้ยรู้สึกผูกพัน?

• ผูกพันกับ JSL ด้วยเหตุหลายประการ เพราะงานที่เราทำ ต้องใช้ใจนำสมอง เวลาเราสื่อสารกับคน จึงเป็นการสื่อสารด้วยใจ “ให้ใจ ได้ใจ” ทั้งจากน้องๆ และพี่ๆ รวมทั้งผู้บริหารสูงสุด JSL เป็นบริษัทที่เปิดใจได้ทั้งหมด ไม่ว่าเรื่องดี หรือไม่ดี เหมือนคนที่รู้จักกันทั้งนอกและใน ทั้งยังเป็นที่เกิดในวงการบันเทิง หล่อหลอมให้ “เต้ย” เป็น “เต้ย” อย่างทุกวันนี้


ความแตกต่างขององค์กรนี้ กับที่อื่นๆ ที่พี่เต้ยพอจะเปรียบเทียบได้ ทั้งมุมที่น่าชื่นชม และมุมที่ต้องขยับปรับปรุง

• JSL ขยายตัวมาก เป็นองค์กรที่ใหญ่ ที่ต้องระวังไม่ให้สูญเสียวัฒนธรรมของความใกล้ชิด อย่าพัฒนาจนเป็นราชการ ที่คนเข้าถึงยาก แต่ละองค์กรแตกต่างกันด้วยวัฒนธรรม วัฒนธรรมที่เราใช้ คือใจนำสมอง รักพี่-รักน้อง ยึดถือความสำเร็จของบริษัทเป็นความสำเร็จของเรา ช่วยกันสร้าง ช่วยกันชื่นชมบริษัทที่เรามีส่วนร่วมพัฒนา


อยากให้พี่เต้ยให้มุมคิดกับผู้ที่อยากทำงานในสายงานธุรกิจบันเทิงนี้

• งานธุรกิจบันเทิง เป็นงานสร้างความสุขให้คน เราต้องเป็นคนที่มีความสุขก่อน ชอบที่จะเป็นผู้ให้ เป็นงานที่ใช้ความรักนำทาง ใช้หลักการบริหารทางธุรกิจเป็นหางเสือ ใช้ความเป็นเลิศของสมองเป็นเสน่ห์


พี่เต้ยมีอะไรอยากจะพูดกับน้องๆ พนักงานปัจจุบันบ้าง

• หาแรงจูงใจให้เจอว่า มาทำงานที่บริษัทเพราะอะไร? หาเจอแล้วใช้ความรู้สึกนั้นเป็นนาฬิกาปลุก ให้เราอยากตื่นมาทำงานทุกเช้า.




ขอกราบอธิษฐานให้คุณงามความดีที่ดร.อภิวัฒน์ สรรค์สร้างสั่งสมให้กับผู้อื่นและให้กับสังคมตลอดมา ส่งผลให้ดร.อภิวัฒน์ ไปสู่สุคติภพด้วยเถิด.





โดย yyswim



Create Date : 28 มิถุนายน 2549
Last Update : 30 มิถุนายน 2549 22:14:38 น. 28 comments
Counter : 8338 Pageviews.

 
เสียใจด้วยนะคะ ขอให้ไปอย่างสงบค่ะ


โดย: Malee30 วันที่: 28 มิถุนายน 2549 เวลา:14:23:43 น.  

 
ไม่มีใครที่ไม่ตาย
แต่กระนั่นก็ยังต้องมีน้ำตาทุกครั้งที่คนใกล้ชินมาจากไป

โรคใด ๆ ก็ไม่ร้ายเท่าโรคกิเลส อันได้แก่ โลภ โกรธ หลง ดังคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ผู้ที่ยังอยู่ เพียรสร้างความดี ตามหลักศาสนาของตน ก็นับว่าใช้ชีวิตแบบไม่น่าเสียดายแล้วครับ ผมว่านะ


โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 28 มิถุนายน 2549 เวลา:23:24:16 น.  

 
ขอร่วมอาลัยด้วยคน


โดย: somnumberone วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:0:03:37 น.  

 
น่าเสียดายคนดีที่ต้องจากลาก่อนเวลาอันสมควร
ชอบเขามากค่ะ เพราะการทำงานที่มีคุณภาพ
เคยพบตัวจริงหนหนึ่ง เป็นคนน่ารักจริง ๆ
ขอให้ไปสู่สคตินะคะ

ลาคุณสินชั่วคราวค่ะ


โดย: ซออู้ วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:0:21:28 น.  

 

คุณน้ำฝน……เข้ามาอาลัย เป็นคนแรก


ดำฮา……โรคใด ๆ ก็ไม่ร้ายเท่าโรคกิเลส เพียรสร้างความดี
ขอบคุณที่ช่วยเตือน




โดย: yyswim วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:9:18:12 น.  

 
หลบให้สบายค่ะ อาจารย์เต้ย




การป่วย อย่างน้อยก็ทำให้เราได้ร่ำลาคนใกล้ชิด ดีกว่า การจากไปด้วยอุบัติเหตุ และฆาตรกรรม ที่ไม่มีโอกาส แม้จะมองคนที่เรารัก


จุเอง ก็ไม่กลัวความตายนะ แต่ขอให้รับรู้การตายล่วงหน้าก็ดี เพื่อที่จุ จะได้มีโอกาสบอกลา ใครต่อใครได้



โดย: กระจ้อน วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:13:01:11 น.  

 
เสียดาย
เสียใจ
ขอไว้อาลัย กับการจากไปของ อ.อภิวัฒน์ ด้วยครับ

ป.ล.ครั้งหนึ่ง เคยร่วมงานกับ อ.อภิวัฒน์ ครับ


โดย: กุมภีน วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:14:32:13 น.  

 

คุณsomnumberone……เข้ามาร่วมอาลัย ขอบคุณครับ


คุณซออู้……ผมก็เคยเห็นเขาใกล้ชิด เขามาช่วยงานเป็นพิธีกรให้กับหน่วยงานผม ท่าทางเขาเป็นคนคล่อง ฉลาด และสมาร์ท บรี๊ฟงานให้เขาทราบแค่แป๊บเดียว เขาพูดบนโพเดียมคล่องปรื๋อเลย เป็นภาษาอังกฤษด้วย

ขออวยพรให้การประเมินผลงานของคุณซออู้ผ่านเกณฑ์ไปอย่างราบรื่น แน่นอนว่าไม่ใช่ของง่าย แต่ขอให้สู้ด้วยความเพียรนะครับ



โดย: yyswimไม่ได้log in IP: 203.152.15.3 วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:16:37:23 น.  

 

คุณจุ…..ผมก็คิดแบบเดียวกับคุณ


กุมภีณ……เสียดายดร.อภิวัฒน์นะครับ

ดร.อภิวัฒน์เคยให้สัมภาษณ์ว่า มะเร็งเกิดขึ้นจากความเครียด



โดย: yyswimไม่ได้log in IP: 203.152.15.3 วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:16:42:57 น.  

 
พี่สินครับ ผมดูรายการคนค้าคนตลอดเลย ผมว่าเขามีพรสวรรค์ทางด้านนี้มาก เสียดายครับ สวรรค์ไม่เป็นใจซะเลย


โดย: basbas วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:21:03:51 น.  

 
ไว้อาลัยและเสียดายคนเก่งอีก 1 คน
เรื่องราวของแกที่เผยแพร่ ทำให้ผมได้คิดอะไรหลายอย่าง
และหันมารักตัวเองมากกว่าเดิม
ขอบคุณครับ


โดย: แร้ไฟ วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:23:31:49 น.  

 
ขอไว้อาลัยที่สูญเสียบุคคลที่มีคุณค่าอีกหนึ่งคนครับ


โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:23:59:29 น.  

 
ขอร่วมไว้อาลัยด้วยครับ
และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของพี่พูนศรี
ขอขอบคุณ ดร.อภิวัฒน์ ที่เคยไปช่วยเป็นพิธีกรในงาน
ICQCC เมื่อครั้งที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
ขอให้บุญกุศลที่ทำไว้จงดลบันดาลให้ท่านไปสู่สุขคติ


โดย: U2 IP: 61.90.184.202 วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:8:43:07 น.  

 

น้องbass……พี่ก็ดูรายการ คนค้นคน เป็นประจำ ถ้าไม่ติดอะไร

อิอิ แต่วันนี้ ติดบอลโลก


แร้….ดร.อภิวัฒน์ พูดว่าความเครียดเป็นต้นเหตุของมะเร็ง

หากรักตัวเอง รักแฟน ต้องเฮฮาและหัดปล่อยวาง ถึงจะเร่งปั๊มเงินให้ได้หลักหลายล้านก็ไร้ประโยชน์ ถ้าเกิดมะเร็ง



โดย: yyswim วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:9:05:09 น.  

 

ตง…..เข้ามาไว้อาลัยคนดีของแผ่นดิน
คิดเหมือนกันเลย


U2……เข้ามาร่วมไว้อาลัย ดร.อภิวัฒน์ และ คุณอาพูนศรี(ผมไม่รู้จักคุณอาพูนศรีเป็นการส่วนตัวหรอก)

แต่ผมจำงาน ICQCC ได้(งานมหกรรมคิวซีนานาชาติ) งานนี้ ดร.อภิวัฒน์ ช่วยงานทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งเก่งทั้งสมาร์ท จำติดตาเลย(งานนี้นายกทักษิณไปร่วมงานด้วย)




โดย: yyswim วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:9:06:18 น.  

 
พี่สินครับ มะเร็งเกิดจากความเครียดหรือครับ งั้นวันนี้ผมเลยมาเล่นเกมแทน ไม่อยากเครียดเรื่องเรียน ยิ่งเรียนยิ่งยากอ่ะครับ


โดย: basbas วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:12:47:45 น.  

 
ขอไว้อาลัย กับการจากไปของ อ.อภิวัฒน์ ด้วยครับ
เสียดายคนดีๆไม่น่าไปเลย


โดย: แก๊ปกูร่า (gapkura3 ) วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:19:04:35 น.  

 
น่าเสีย ที่คนทำรายการดีๆ จากไปแบบไม่มีวันกลับไปอีกคน คนแบบนี้ตายไปก็คงได้ไปสวรรค์...

อ่านแล้ว งง กับข้อมูลนิดหน่อย

"ก่อนหน้านี้ คือ พี่เต้ยเกิดวันที่ 23 มิถุนายน ก็เพิ่งจะจัดงานเป่าเค้กวันเกิดกันที่นี่(ห้อง1603 ศิริราชพยาบาล)"

แต่พอมาอ่านอีกบท

ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร
อายุ 49 ปี
เกิด 13 มิ.ย.2500
ถึงแก่กรรม 27 มิ.ย. 2549 เวลา 07.46 น



โดย: merf1970 IP: 124.120.0.142 วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:19:36:11 น.  

 

น้องBass……ดร.อภิวัฒน์บอกไว้อย่างนั้น
เดี๋ยวอ่านเพิ่มเติมข้างล่างอีกหน่อยนะ


คุณแก๊ปกูร่า…..ขอบคุณครับ ที่เข้ามาร่วมอาลัย


Merf……อูยยยยยย ยอดดดดเยี่ยม ช่วยบอกที่พิมพ์ผิดให้ผม ผมเข้าไปแก้ไขเป็นวันที่ 13 มิถุนายน แล้วครับ ขอบคุณมั่กมัก ที่ช่วยกรุณาบอก



โดย: yyswim วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:23:06:29 น.  

 

“มองชีวิตผ่านมะเร็ง ดร.วรฑา วัฒนชยังกูร (ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร)”


“.…ผมเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง ทำอะไรได้ดีในชีวิต แต่ไม่ฉลาด หลายคนอาจจะมองว่า คนเรียนจบดอกเตอร์ ต้องมีสติปัญญาล้ำเลิศ แต่ผมมีความล้ำเลิศในเรื่องอื่นๆ ผมได้ปริญญาเอกทางวิชาการก็จริง แต่ผมไม่ได้ปริญญาชีวิต และนึกย้อนกลับไป มีคำสอนหนึ่งที่พ่อสอนผมมาตั้งแต่เด็ก คือ ‘คนเราต้องได้ทั้งปริญญาวิชาการ และปริญญาชีวิตด้วย’ เราต้องเจนจบกับชีวิต นี่คือเรื่องสำคัญ แต่ผมรู้ไม่เท่าทันชีวิต ถึงลงเอยด้วยการเจ็บป่วยครั้งใหญ่นี้...”

---นี่คือบางถ้อยคำ จาก หนังสือ “มองชีวิตผ่านมะเร็ง ดร.วรฑา วัฒนชยังกูร (ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร)”


หนังสือเล่มนี้ จัดทำขึ้นโดยนิตยสารแพรว ในเครืออมรินทร์ฯ ตีพิมพ์มาแล้ว 3 ครั้ง และติดอันดับขายดี 1/5 ของร้านหนังสือ บี2เอส หลายเดือน ทว่าในครั้งที่ 4 นี้ มี “บันทึกส่งท้าย” ของ ดร.อภิวัฒน์ เพิ่มเข้ามาด้วย

เป็นบันทึกที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของชีวิต ช่วงที่เข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่กลางเดือนเมษายนเป็นต้นมา

...หากการจากไปของผู้เป็นที่รักคือ “การสูญเสีย” ความเข้มแข็งในทุกขณะจิตของผู้ที่รู้ว่าตนเองต้องตายในที่สุด ก็น่าจะเปรียบได้กับ “ข้อเตือนใจ” ที่มาพร้อมกับการสูญเสียนั้น

“ผมไม่ยินดีที่จะตาย...แต่พร้อมจะตายเท่านั้นเอง”

เป็นบันทึกส่งท้าย ของ ดร.อภิวัฒน์ ที่เพิ่มเข้ามา



โดย: yyswim วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:23:08:26 น.  

 

จากหัวใจของ ตุ้ม ผุสชา โทณวณิก

อดีตพิธีกรที่เคยทำงานคู่กับ ดร.อภิวัฒน์ ในรายการ "จันทร์กระพริบ"



"ก็ใจหายนะคะ เราสนิทกับพี่เต้ยมานานนับ 10 ปี ทำรายการด้วยกันก็เห็นความสามารถ จิตใจดี เราไม่เคยคิดมาก่อนว่า พี่เต้ยจะจากไปเร็วอย่างนี้ เพราะเราก็ยังเห็นว่าพี่เขากระฉับกระเฉงอยู่ ใน 2 ปีที่แล้วที่ได้ทราบข่าวว่าเป็นมะเร็ง ก็ตกใจกัน แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็ว เพราะพี่ยังแข็งแรงอยู่นะ พอมาถึงวันนี้แน่นอนน่ะ ใครสักคนที่เราผูกพันที่เรารักจากไป เราก็เสียใจนะคะ"

"เจอครั้งล่าสุดตอนวันเกิดพี่เต้ย เดือนนี้(มิถุนายน) พี่เขาเกิดวันที่13 แต่เราไปอวยพรก่อนวันที่ 12 ร่างกายก็เริ่มแย่แล้ว แต่พี่เต้ยกำลังใจดีมากเลย ใครมาก็พยายามยิ้ม ยกมือไหว้ เราเอาขนมเค้กไปให้ตัด ก็พยายามที่จะตัดขนมเค้ก พอพวกเราร้องเย้ ก็ร้องเย้ตามด้วยความพยายามสูงสุดนะคะ มันเป็นเรื่องที่พูดยากนะ เราก็อยากที่จะตัดเค้กอย่างนี้ไปอีกนานๆหลายๆปี"

"ในวันนั้นไม่สามารถพูดคุยได้มากมายนะคะ เพราะว่าพี่เต้ยก็ได้แค่ลืมตามามอง แค่นั้นเราก็รู้แล้วล่ะว่า พี่เขาจำเราได้นะ จำสิ่งดีๆ เราก็จับมือเขาไว้ คือไม่ได้อยากรบกวนเวลามาก เพราะทราบว่าพี่เต้ยต้องพักผ่อนมากๆ นะค่ะ"

"พี่เต้ยถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของวงการทีวี เพราะว่าเป็นพิธีกรรายการ ทอล์คโชว์ ถ้าพูดถึงรายการ จันทร์กระพริบ แล้วเมื่อปี 2532 ที่ได้เริ่มมา ถือได้ว่า ตัวจันทร์กระพริบ เองก็เกิด ตัวพิธีกรก็เกิด การเกิดของรายการทีวีสักรายการหนึ่ง ก็หมายถึงคนทุกๆ คนในทีมงานต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่ พี่เต้ยถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากๆ เพราะว่าเป็นพิธีกรที่ต้องถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ"

"ส่วนตัวตุ้มเองประทับใจเนื่องจากว่าพี่เต้ยเป็นด็อกเตอร์ เราเองก็ไม่ค่อยคุ้นกับการทำงานกับด็อกเตอร์ เพราะอย่างพวกเราสูงสุดในช่วงนั้นก็ปริญญาตรีแล้วล่ะ ถ้าด็อกเตอร์สักคนที่เราถือว่าลงมาทำงานกับเรา แล้วก็ไมได้ถือตัว พวกเราน่ะทำงานบันเทิงแล้วก็วินาทีนั้นเราถือได้ว่า เรามีประสบการณ์ และเราก็ถนัดจะเจนกับงานมากกว่า"

"พี่เต้ยก็ไม่ได้ถือว่าตัวเองเป็นด็อกเตอร์นะ พี่เต้ยถือว่าตัวเองเริ่มจากศูนย์ วิพากษ์วิจารณ์อะไรหรือจะให้ทำอะไร พี่เต้ยทำอย่างเต็มที่แล้วก็ทุ่มเทให้กับงาน ค้นคว้าหาข้อมูลอะไรต่างๆ ไปพร้อมๆ กับเราด้วย ซึ่งตรงนั้นก็สร้างความประทับใจให้กับทีมงานแล้ว ท่านสละเวลา 10 ปีที่ทำจันทร์กระพริบอยู่ด้วยกัน มันคือความสุขที่เราได้สร้างงานมาตลอด เพระฉะนั้นมันก็เป็นความประทับใจอย่างสูงสุดของพี่ดีกว่า"

"เสียดายนะในความสามารถเพราะจากตรงนั้นเป็นต้นมา พี่ก็สะสมประสบการณ์เยอะมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะการเป็นพิธีกรเท่านั้นนะคะ พี่เต้ยยังสร้างประสบการณ์เบื้องหลังร่วมกับพวกเราด้วย ก็ได้สร้างงานระดับชาติอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เอเชี่ยนเกมส์ ฉลอง 223 ปีกรุงเทพมหานคร เอเป็ก 3 ปีที่แล้ว มากมายนับไม่ถ้วน นั่นคือสิ่งที่พี่เต้ยได้สร้างให้กับประเทศชาติด้วย ถือได้ว่าสำหรับคนๆหนึ่ง ที่เกิดมาสามารถทำหน้าที่ของตัวเองแทนคุณแผ่นดินครบถ้วนบริบูรณ์"

"มาถึง ณ วินาทีนี้แล้ว อยากให้พี่เต้ยพักให้สบายที่สุด แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร พวกเราที่อยู่ก็จะทำหน้าที่ต่อในสิ่งที่พี่เต้ยสร้างเอาไว้ให้ดีที่สุดต่อไป แล้วก็สำหรับเราพี่เต้ย ก็จะขึ้นไปเป็นพระจันทร์นะคะ แล้วก็ส่องแสงบนนั้น เป็นความภูมิใจของเราตลอดไปค่ะ"



โดย: yyswim วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:23:09:22 น.  

 

เกี่ยวกับอาการป่วย


ดร.อภิวัฒน์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า มีสาเหตุมาจากการทำงานหนักแบบบ้างานของตนเอง ชนิดอดหลับอดนอน 3 วัน 3 คืนก็เคยมี ก่อนจะเริ่มมีอาการเจ็บป่วยจนกระทั่งต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยครั้ง มีอาการเวียนหัวง่าย จนต่อมาเจ้าตัวจึงพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคร้าย "มะเร็ง" ที่ลำไส้ใหญ่ในระยะแรก และหลังจากนั้นเพียง 2 สัปดาห์การผ่าตัดเฉือนเนื้อร้ายก็เกิดขึ้น

"บังเอิญในช่วงสุดท้ายของการรักษา เป็นการใช้คลื่นวิทยุจี้บริเวณที่มีเนื้อร้ายออกไป แล้วติดตามดูว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นตรงนั้นหรือเปล่า จะมีร่างกายส่วนบนที่เล็กลงบ้าง เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมทานอาหารน้อยลง จริงๆแล้ว ผมไม่ได้ถูกควบคุมเรื่องการรับประทานอาหารนะครับ ภรรยาของผมเธอให้อิสรภาพผมตามใจปากตามใจท้อง แต่จะคอยเข้มงวดให้รับประทานสิ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่เรื่อยๆ"

"ช่วงรับเคมีบำบัด น้ำหนักตัวของผมขึ้นๆ ลงๆ แต่หลังจากหยุดรับเคมีบำบัด สิ้นสุดการรักษา น้ำหนักตัวก็คงที่ และไม่มีอาการแพ้เลย แม้กระทั่งอาการผมร่วง ตรงนี้เป็นผลจากการเลือกใช้ยา ยาที่ผมเลือกใช้ ไม่มีผลข้างเคียงทำให้ผมร่วง แต่จะส่งผลให้เนื้อตัวคล้ำง่ายเวลาโดนแดด ในช่วงรับเคมีบำบัด ผิวหนังจะแห้งมาก หลังจากที่ผมรับการรักษาก็มียาดีกว่าตัวนี้ออกมา แต่ค่าใช้จ่ายครั้งละล้านบาท (หัวเราะ) ซึ่งต้องรักษาประมาณ 8 ครั้ง ของผมไม่ใช่ยาตัวนั้น"

ในช่วงระยะเวลาของการพักฟื้นนานกว่า 10 เดือน หลังจากนั้นเขาได้กลับเข้าสู่การทำงานแบบเกิดใหม่อีกครั้ง พร้อมกับชื่อใหม่ 'วรฑา วัฒนะชยังกูร' แม้ทุกอย่างจะดูดี ทว่าเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว อาการของโรคก็กลับมาอีกครั้ง และเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างกายไม่สามารถทนทานแล้วก็พรากชีวิตของเขาไปในที่สุด

โดยก่อนหน้านี้ ช่วงที่ร่างกายของเขาดีขึ้นนั้น เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างน่าคิด สำหรับคนที่ทำงานโดยละเลยสภาพของร่างกายว่า...

"เวลานี้ผมได้ร่างกายใหม่กลับมา ในขณะที่หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป โดยไม่มีการผ่าตัดหรือปลูกถ่ายอวัยวะ แต่ผมเปลี่ยนไปจริงๆ ผมยอมรับว่าผมไม่ได้มีลำไส้ใหญ่เหมือนคนอื่นเขา มันมีข้อจำกัดเรื่องการกินการอยู่ เราไม่ใช่คนที่คล่องตัวเหมือนแต่ก่อน ผมทำงานอยู่ถึงค่ำไม่ได้ เพราะว่าพอเย็นๆ แบตเตอรี่ในร่างกายเริ่มหมด อาจเป็นเพราะการผ่าตัดทำให้ผมมีพลังงานที่บรรจุน้อยกว่าปกติ"

"หรือเมื่อก่อน ผมอาจมีหม้อแบตเตอรี่ขนาดนี้แหละ แต่เป็นการลากสังขารมั้ง เลยรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรง สามารถวิ่งต่อได้ทั้งที่แบตเตอรี่หมดแล้ว หรือเมื่อก่อนที่ผมบอกว่า ผมไม่เครียดหรอก แต่จริงๆ แล้วมันหมายถึง เราทำงานจนไม่รู้สึกว่ามันเครียด เพราะเราดีลกับความเครียดได้ดี เรารับความเครียดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้ แต่ทุกวันนี้ พอเริ่มรู้สึกว่าตึงเครียด มันจะหนักศีรษะ ผมเลยคิดว่าผมคงเป็นมนุษย์ที่ปกติมากขึ้นมั้ง"

"ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เวลาที่มีเพื่อนร่วมงาน น้องๆ เรียกเราว่า 'คนเหล็ก' บ้าง 'ซูเปอร์แมน' บ้างล่ะ มันเป็นคำชมเชยและรู้สึกภูมิใจที่เราเป็น 'คนเหล็ก' ได้”

“แต่ทุกวันนี้ผมไม่อยากกลับไปเป็น 'คนเหล็ก' อีก เพราะรู้แล้วว่า 'คนเหล็ก' ที่สุดมันจบตรงไหน 'ซูเปอร์แมน' ที่สุดมันก็ต้องบินลงมาตกตรงไหน เป็นมนุษย์ทั่วๆ ไปนี่ล่ะดีแล้ว ใช้ชีวิตอย่างที่เขาให้ร่างกายเรามาแต่พอดี"



โดย: yyswim วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:23:10:12 น.  

 
พอได้รู้ข่าวก็อดเศร้าไม่ได้เหมือนกัน แม้จะไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว

รู้สึกหดหู่ใจว่าคนเรานี่ตายง่ายเหลือเกิน ตัวเราเองก็เหมือนกัน จะไปวันไหนก็ไม่รู้


โดย: 9A วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:23:20:27 น.  

 
ดูฟุตบอลจบแล้ว ในที่สุดทีมที่เชียร์คือเยอรมันก็ชนะ แม้จะเหนื่อยสุดตัว นี่กำลังดูคู่ใหม่ค่ะ รู้สึกมึนหัวตาลาย เครียดกับงาน นึกถึง ดร.อภิวัฒน์ขึ้นมาได้ เลยเข้ามาพบ และได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณสิน

"จบปริญญาทางวิชาการ แต่ไม่จบปริญญาชีวิต" เป็นคำคมที่มีความหมายมาก ๆ ให้ข้อคิดที่ดีมาก ๆ สำหรับการดำเนินชีวิต ดีนะคะที่ปีนี้ไม่ตัดสินใจเรียนต่อเอก ไม่งั้นสงสัยจะแย่ เท่าที่อยู่นี่ก็เครียดพอแล้ว กำลังถูกประเมินค่ะ งานยังเตรียมไม่ถึงไหน คิดว่าไม่ผ่านแน่ ๆ เพราะเจ้านายไม่ชอบ

ขอบคุณน้ำใจของคุณสินที่สรรหาเรื่องดี ๆ มาฝากเพื่อน ๆ คงจะเหนื่อยและใช้เวลามากกว่าจะได้ข้อมูลครบถ้วน รักษาสุขภาพด้วยล่ะ หวังว่าอาการปวดหลังคงหายแล้วนะคะ


โดย: ซออู้ วันที่: 1 กรกฎาคม 2549 เวลา:1:49:01 น.  

 

9A……รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
ขอให้มีเวลาออกกำลังกาย รับประทานผักครึ่งหนึ่งอย่างอื่นครึ่งหนึ่ง และมีจิตใจผ่องใสอย่าเครียด


คุณซออู้……เย้ เย๊ เยอรมัน เข้ารอบรอง ขอเชียร์ตามคุณซออู้ด้วยครับ
อิตาลีก็ชนะ นะครับ บอลเพิ่งเลิกเดี๋ยวนี้เอง

ขอให้นอนหลับให้สบายนะครับ



โดย: yyswim วันที่: 1 กรกฎาคม 2549 เวลา:3:55:17 น.  

 
ปกติผมเป็นคนที่ไม่ชอบดูรายการทีวีฟุ่มเฟือยนัก คือดูแบบไร้สาระทำนองนั้น
จำได้ว่าเคยได้รับคำแนะนำจากเพื่อนคนหนึ่งให้ดู รายการจันทร์กระพริบ ซึ่งพิธีกรคือ ดร.อภิวัฒน์ กับ คุณผุสชา นั่นเอง ตอนที่ดูนั้นเป็นตอนสัมภาษณ์คุณชูศรี มีสมมนต์ ดาราตลกหญิงที่ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย
จากนั้นก็ติดตามดูผลงานทางทีวีของ ดร.อภิวัฒน์ มาตลอด จนมาถึงรายการ คนค้นคน ที่กำลังออกอากาศอยู่ทาง ทีวี ช่อง 9 ปัจจุบันนี้
อายุ 49 ปี ของดร.อภิวัฒน์ นับว่าเร็วไปที่จะจากโลกนี้ไป แต่ทุกอย่างมันก็เป็นอนิจจังนะ ทุกคนต้องตาย และอาจตายได้ทุกช่วงชีวิต เพราะฉะนั้นเมื่อยังมีเวลาอยู่ในโลกนี้ ก็ควรจะทำความดีไว้ให้มาก หากทำความดีไม่ได้ขออย่าทำความชั่วก็พอแล้ว
สุดท้ายขอขอบคุณที่นำเนอเรื่องดีๆมาให้อ่านอยู่เสมอ


โดย: หนุ่มร้อยปี (หนุ่มร้อยปี ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:52:51 น.  

 
ขอให้ครอบครัว ดร.วรฑา เข้มแข็งนะ


โดย: พลอย IP: 124.121.196.133 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:06:30 น.  

 
ทุกคนต้องตายแต่ก่อนตายเราทำอะไร ขอให้ ดร.วรฑา ไปอย่างสงบที่ท่านทำนะประเสริฐแล้วสาธุ


โดย: หมี IP: 58.147.37.129 วันที่: 6 กันยายน 2551 เวลา:19:46:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.