เสื้อยกทรง
เสื้อยกทรง
ควรสวมเพราะมีประโยชน์
เสื้อชั้นใน หรือเสื้อยกทรง เป็นอาภรณ์เฉพาะของผู้หญิง ที่ผู้หญิงทุกคนควรจะใช้ เพราะใช้แล้วจะได้ประโยชน์ ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวประเภทน้อยอกน้อยใจ หรือหนักอกหนักใจ เพราะเนื้อเยื่อหน้าอกนั้นเป็นส่วนที่บอบบาง การกระเพื่อมจากการเคลื่อนไหวที่บ่อยๆ การถูกกระแทกที่รุนแรง อาจจะทำให้เนื้อเยื่อนี้ เคล็ดและฉีกขาดได้ ยิ่งกว่านั้น หากเต้านมหย่อนคล้อยจะได้ยกขึ้นเพื่อความเต่งตึง ทำให้ดูสวยงาม จึงควรที่ผู้หญิงที่มีเต้านม ควรจะใช้เสื้อชั้นใน หรือเสื้อยกทรง ช่วยประคับประคองเต้านมอย่างทะนุถนอมเหมาะสม
อุปมาคล้ายกับ ผู้ชายสวมกางเกงใน เพื่อห่อหุ้มคุ้มครองถุงอัณฑะ เพื่อป้องกันอันตรายอันเกิดจากอาการไส้เลื่อนของถุงอัณฑะ (ยิ่งกว่านั้นยังเพื่อป้องกันปัญหาจากอาการตื่นตัวผิดเวลา และเพื่อซึมซับน้ำที่อาจเล็ดออกมาป้องกันสภาพเปียกกางเกงภายนอก)
ความเป็นมาในอดีต
ผู้หญิงในหลายภูมิภาคของโลก มีการสวมใส่เสื้อชั้นในมาร้อยกว่าปีแล้ว หากแต่เสื้อชั้นในในยุคแรกนั้น มีลักษณะคล้ายเกราะอ่อน ที่ใช้รัดลำตัวแน่น แน่นอนว่า เครื่องพยุงหน้าอกลักษณะนี้นอกจากจะมีน้ำหนักมากแล้ว ยังสร้างความอึดอัดให้กับผู้หญิงมิใช่น้อย และยังราคาแพงอีกด้วย
ถึงขนาดที่มีข้อมูลว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 รัฐบาลสหรัฐได้รณรงค์ให้สตรีอเมริกัน เลิกซื้อเสื้อรัดลำตัว ทำให้สหรัฐลดการนำเข้าโลหะได้ถึง 28,000 ตัน หรือคิดเป็นปริมาณโลหะที่สามารถนำสร้างเรือรบได้ถึง 2 ลำทีเดียว ประวัติศาสตร์ของเสื้อชั้นใน ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเสื้อชั้นในที่สวมอยู่ในปัจจุบัน เริ่มขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ.1913 โดย แมรี่ เฟลพ์ จาคอบ (Mary Phelps Jacob) สาวชาวนิวยอร์ก เธอได้เตรียมชุดราตรีเพื่อออกงานกลางคืน แต่ได้ประยุกต์นำผ้าเช็ดหน้าไหม 2 ผืนมาผูกเข้าด้วยกันด้วยริบบิ้นสีชมพู เพื่อใช้คาดอกแทนแบบเดิมๆ คือ เสื้อชั้นในแบบเสื้อเกาะอกที่ทำขึ้นจากกระดูกสันหลังปลาวาฬ
หลังจากค่ำคืนนั้น เสื้อชั้นในแบบที่ แมรี่ ประดิษฐ์ขึ้นมา ก็ได้รับการกล่าวขวัญกันทั่วไป เนื่องจากมีน้ำหนักเบา นุ่มนวล และดูเป็นธรรมชาติเวลาสวมใส่ แมรี่ เรียกเสื้อชั้นในที่เธอเป็นผู้ค้นคิดขึ้นมา ว่า 'บราเซียร์' (Brassiere) ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส
และจากความนิยม เสื้อชั้นใน รูปแบบใหม่นี้ ทำให้ แมรี่ ต้องตัดเย็บ บราเซียร์ ให้กับผองเพื่อน ญาติๆของเธอ และผู้มาว่าจ้างเธอ ให้ช่วยตัดเย็บให้ เป็นจำนวนมากต่อสัปดาห์ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ.1914 เธอจึงได้จดสิทธิบัตร เสื้อชั้นใน แบบของเธอ รวมทั้งได้ผลิตออกขายอย่างเป็นทางการ ภายใต้เครื่องหมายการค้า ชื่อ 'คาริสส์ ครอสบี้' (Caresse Crosby) ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จากผู้หญิงสาวและแก่ทั้งหลาย
หากแต่ด้วยความที่เธอ ไม่ชอบการทำธุรกิจ ต่อมาเธอจึงตัดสินใจขายสิทธิบัตรเสื้อชั้นในของเธอ ให้กับบริษัท วอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Brothers Corset Company) ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทวอร์เนอร์อย่างมหาศาลแล้ว แต่ยังทำให้ผู้หญิงทั่วโลกรู้จัก บราเซียร์ มากขึ้นอีกด้วย
หญิงไทยโบราณ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าและเครื่องแต่งกายไทย ได้อธิบายประวัติศาสตร์การแต่งกายของหญิงไทย ว่า หญิงไทยในอดีตห่มผ้าแถบ หรือบ้างก็เปลือยอกอยู่กับบ้าน เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน จนกระทั่งในรัชสมัย รัชกาลที่ 5 ซึ่งไทยได้รับค่านิยมจากทางตะวันตก พระองค์จึงโปรดให้ตราพระราชกำหนดขึ้น ให้สตรีสยาม นุ่งและห่มผ้าให้มิดชิดก่อนออกจากบ้าน อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงไทยในท้องถิ่นชนบท ก็ไม่ถนัดที่จะใส่เสื้อชั้นใน โดยเด็กผู้หญิงจะเกล้าจุก ใส่เสื้อคอกระเช้า แต่ข้างในจะไม่ใส่อะไร พอเริ่มแตกเนื้อสาวจึงใช้แถบผ้า คล้ายริบบิ้นสอดรอบคอเสื้อ และรูดให้เสื้อพองย่นออกด้านหน้า ป้องกันไม่ให้เห็นหน้าอกชัดเจน อาจารย์เผ่าทอง บอกว่า สำหรับการคาดผ้าแถบของผู้แสดงที่พบเห็นกันทั่วไปในละครโทรทัศน์นั้น เป็นการคาดผ้าที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะหากคาดผ้าแถบได้อย่างถูกต้องแล้ว ตัวผ้าแถบจะเป็นได้ทั้งเสื้อยกทรงและเสื้อตัวนอกในตัวเอง การห่มผ้าแถบที่ถูกต้องจะต้องมีลักษณะที่ช่วยประคองหน้าอกหรือหิ้วนมไว้ ไม่ใช่พันรัดรอบอก และกดทับนม แบบที่ทำกันอยู่ในทีวี ซึ่งจะทำให้หน้าอกแบนแต๊ดแต๋ อาจารย์เผ่าทอง บอก
อย่างไรก็ตาม ไทยเราก็มีเครื่องแต่งกายที่คล้ายยกทรงในอดีต แต่ใช้เฉพาะในการแสดงละครรำ โดยทำมาจากกะลามะพร้าวขัดมันลงรักปิดทองประดับกระจก ส่วนด้านในเย็บนวมกรุไว้ เวลาสวมใส่จะคล้ายบีกินี่ ที่ผูกรวบไว้กลางหลัง ไม่ได้ผูกบนบ่า ซึ่งเครื่องแต่งกายดังกล่าวเรียกว่า 'กล่องนม'
นอกจากนี้ เมื่อมีการสอบถามถึงความเปลี่ยนแปลงในแบบแผนการแต่งกาย หลังจากที่สาวไทยหันมาใส่ยกทรงกันทั่วหน้า อาจารย์เผ่าทอง ได้สรุปในเชิงชื่นชมว่า ยกทรงช่วยจัดรูปหน้าอกให้ชิด กระชับสวยงาม เพราะโบราณจะชมผู้หญิงว่า นมสวยต้องมีร่องอกที่ทัดดอกจำปาได้ไม่ร่วง ดังนั้น ยกทรงจึงช่วยให้หญิงไทยเข้าใกล้ความงามในอุดมคติมากขึ้น
หญิงไทยกับลักษณะนิยมเสื้อชั้นในหรือยกทรง
จากการสุ่มถามข้อมูลจากหญิงไทยจำนวนหนึ่ง พบว่า ทัศนคติของหญิงไทยที่มีต่อเสื้อชั้นใน ยังค่อนข้างอนุรักษ์นิยม โดยส่วนใหญ่จะใช้ยี่ห้อที่ใช้มาตั้งแต่เด็กๆ มีความถี่ในการซื้อ เฉลี่ย 3-6 เดือนต่อ 1 ครั้ง ยกเว้นในบางครั้งที่เจอตัวที่สวยถูกใจก็อาจจะซื้อเพิ่ม และส่วนใหญ่จะไปซื้อกับแม่หรือกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง โดยให้เหตุผลว่า ควรมีคนช่วยดูช่วยตัดสินใจ
ข้อมูลเบื้องต้นนี้ สอดคล้องกับความคิดเห็นของผู้ประกอบธุรกิจชุดชั้นในรายหนึ่งที่ว่า ผู้หญิงไทยยังคงซื้อเสื้อชั้นในตามประโยชน์ใช้งานมากกว่าตามแฟชั่น ส่วนใหญ่จะใส่แบบมาตรฐานสำหรับที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป แต่สำหรับเสื้อชั้นในแบบแฟชั่น เช่น สายผูกคอ สายไขว้ ไร้สาย หรือถอดสาย จะถูกใช้ในเวลาพิเศษหรือใช้ใส่กับเสื้อคอกว้างหรือเปิดไหล่ นานๆครั้ง
ในเรื่องสีสัน สีที่ขายดีที่สุดในไทย เป็นสีครีม ชมพู และเป็นสีขาวในกรณีของตลาดวัยรุ่น ซึ่งต่างจากในสหรัฐอเมริกา ที่สีดำจะได้รับความนิยมสูงสุด และไซส์มาตรฐานหญิงไทยทุกวันนี้ จะอยู่ที่ขนาด 34B
อย่างไรก็ตาม ค่านิยมเรื่องเสื้อชั้นในดูจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป จากยุคของการปกปิด หรือเสื้อชั้นในตัวใหญ่ ที่มองเห็นจากภายนอกได้น้อยที่สุด ก็เข้าสู่ยุคของการเปิดเผยอย่างมั่นใจมากขึ้น เสื้อชั้นในมีขนาดเล็กลง หรือบางคนไม่สวมอะไรเลย จะมีก็เพียงแผ่นชิ้นบางๆเล็กๆแปะไว้ที่ส่วนหัวของเต้านมเท่านั้น
น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญการให้คำปรึกษาปัญหาทางเพศ ให้ความเห็นว่า เด็กสาวสมัยนี้ ส่วนใหญ่จะมีหน้าอก คัพเอ เพราะนอนดึกและทานอาหารไม่ถูกส่วน การโนบรานั้น คงไม่สร้างปัญหาแต่อย่างใด
แต่สำหรับคุณผู้หญิงที่มีหน้าอกปริมาณมาก การไม่ใส่ จะทำให้ทรงคล้อยหรือหย่อนยานได้
หมอพันธ์ศักดิ์ บอกสิ่งที่น่าสนใจว่า ชุดชั้นในเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างสรรค์จินตนาการทางเพศได้ คล้ายๆกับการเปิดกล่องของขวัญห่อสวย เป็นการเปลี่ยนความซ้ำซากจำเจในชีวิตคู่แบบผัวเดียวเมียเดียวได้ แบบว่า แทนที่จะเปลี่ยนภรรยา ก็เปลี่ยนแค่ ภรรยาเปลี่ยนชุดชั้นในแปลกๆบ่อยๆ โดยมีงานวิจัยพบว่า ชุดชั้นในที่ sexy ที่สุด คือ แบบที่เป็นลูกไม้สีดำ ประเภทครึ่งเต้า รองลงมาคือ สีแดง
หมอพันธ์ศักดิ์ยังแสดงทัศนะ เรื่องอาภรณ์ชิ้นสำคัญของคุณผู้หญิงว่า ผู้หญิงใส่ชุดชั้นใน ไม่ได้แต่งให้ผู้ชายดู แต่เพื่อให้ตัวเองดูดี มั่นใจ มันน่าแปลกนะ ที่สาวไทยสาวจีนชอบซื้อยกทรงที่เขาลดราคา ในขณะที่สาวฝรั่งจะซื้อยกทรงเฉพาะรุ่นล่าสุด ซึ่งบางครั้งแพงกว่าเสื้อตัวนอกเสียอีก
หมอพันธ์ศักดิ์บอกว่า ผู้หญิงมากกว่า 60% สวมเสี้อชั้นในผิดขนาดโดยไม่รู้ตัว บางคนไม่เคยเปลี่ยนขนาดเสื้อชั้นในเลย แม้ว่าอายุตัวจะเปลี่ยนไป ซึ่งจะทำให้เต้านมมีรูปทรงที่ผิดสัดส่วน และยังเป็นสาเหตุของอาการปวดหลังปวดไหล่ได้อีกด้วย
การวัดขนาดเสื้อชั้นในแบบง่ายๆ กระทำได้ดังนี้
1.วัดรอบตัวตรงจุดบริเวณใต้ฐานอก โดยใช้สายวัด ว่าได้เท่าไร
2.วัดรอบตัวตรงจุดยอดของอกให้พอดี ไม่คับไป หรือหลวมไป ดูว่าตัวเลขที่ได้มากกว่าที่วัดรอบใต้ฐาน-อก เท่าใด
3.นำขนาดที่วัดได้ในข้อ 2 มาเทียบกับขนาดในข้อ 1 ว่า มากกว่ากี่นิ้ว
- หากมากกว่า 1 นิ้ว ขนาดของ กรวย-อก หรือ คัพ คือ A - หากมากกว่า 2 นิ้ว ขนาดของ กรวย-อก หรือ คัพ คือ B - หากมากกว่า 3 นิ้ว ขนาดของ กรวย-อก หรือ คัพ คือ C
ภาพวาดป้าเผี้ยน
ป้าเผี้ยน เป็นชื่อภาพวาด ที่ชนะการประกวด 1 ใน 5 ชิ้น ในการประกวดศิลปกรรมยอดเยี่ยม แห่งประเทศไทย ประจำปี พ.ศ.2546 ภาพนี้ศิลปินที่วาดภาพ คือ คุณชัยรัตน์ แสงทอง นักศึกษาปริญญาโท จากรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร
เป็นภาพที่ถ่ายทอดหน้าตา ร่างกาย และชีวิตจิตใจของผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่ง ที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงที่เรามักจะเห็นทั่วไปนับไม่ถ้วนในเมืองไทยทั้งในเมืองและในชนบท ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ ให้เหลือบตามอง ตามสถานที่ก่อสร้างและมีเพิงพักของคนงาน หรือเหลือบมองตามสลัม หรือบางครั้งตามทางเท้าบนถนน ก็จะมีผู้หญิงหน้าตาท่าทางอย่างป้าเผี้ยน เดินออกมาตามหาหลาน หรือเดินออกมาซื้อของจุกจิกอยู่แถวปากซอย มือของป้าเผี้ยนบางครั้ง อาจจะหิ้วถุงโอเลี้ยง หรืออาจจะกำลังกระเตงหลานสักคน ที่สวมแค่กางเกงขาสั้นตัวเดียวอุ้มหลานเดินกลับบ้าน ถ้าอยู่นอกเมือในชนบท ผู้หญิงหน้าตาท่าทางอย่างป้าเผี้ยน ก็อาจจะเดินหอบฟืน อยู่ใกล้ๆรั้ว แล้วกำลังจะนำฟืนกลับไปติดไฟหุงข้าว ภาพแบบนี้แหละที่จะมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ไม่ต้องมองหาไกลหรือยุ่งยาก
เสื้อยกทรงสีขาวและผ้าถุงที่ขมวดปมอย่างง่ายๆที่นุ่งอยู่ บอกถึงสภาพสังคม ฐานะความเป็นอยู่ และยุคสมัย รวมทั้งความนึกคิดชีวิตจิตใจของผู้หญิงไทยคนนี้ได้ดี
เสื้อยกทรงตัวนี้ ในความรู้สึกนึกคิดของป้าเผี้ยน คือ เสื้อชนิดหนึ่ง ไม่เรียกว่าเสื้อชั้นในด้วยซ้ำ เพราะใส่แล้วถือว่าออกนอกบ้านได้เลย พบผู้คนได้เลย ถือว่ามีสิ่งปกปิดแล้ว คล้ายๆกะที่ผู้ชายนุ่งผ้าขาวม้า อะไรทำนองนั้น ผู้หญิงอย่างป้าเผี้ยน เสื้อยกทรงเป็นเสื้อชนิดหนึ่ง ไม่เชิงเป็นเสื้อชั้นใน เพราะเมื่อปกปิดเต้านมได้แล้ว ก็ถือว่าเป็นเสื้อที่ใช้งานได้
ควรสังเกตว่า เสื้อยกทรงของ ป้าเผี้ยน เป็นแบบปิดเต็มตัว ซึ่งในบางครั้งอาจจะมีกระเป๋าใบเล็กๆเย็บติดอยู่ที่ด้านหน้าด้วย เพื่อไว้ใส่ธนบัตรที่พับเป็นชิ้นเล็กๆหรือพวกสิ่งของมีค่า แล้วที่ด้านหลังอาจจะมีตะขอเกี่ยวเสื้อ แบบหลายๆตะขอ ไม่ใช่เสื้อยกทรงแบบบราเซียร์ตัวเล็กที่ติดตะขอด้านหน้าอย่างในปัจจุบัน
เสื้อยกทรงของ ป้าเผี้ยน น่าจะเป็นผ้าฝ้าย อาจตัดเย็บด้วยฝีมือช่างพื้นบ้าน หรือไม่ก็ขายกันแบบสำเร็จรูปราคาถูกๆ ไม่ใช่มียี่ห้อที่มีการโฆษณากันอย่างแพร่หลาย ส่วนผ้าถุงของ ป้าเผี้ยน ก็เก่าและยังสวมแบบเดิมๆ คือ ขมวดปมไว้ง่ายๆ ไม่มีเข็มขัดรัดไว้ จากภาพ หน้าตาของ ป้าเผี้ยน บอกถึงความอดทน สู้งาน ไม่ยิ้ม แต่ก็ไม่ถึงกับเศร้าสร้อยหมดหวัง คุณชัยรัตน์ ศิลปินผู้วาดภาพ ให้สัมภาษณ์ว่า แรงบันดาลใจของภาพนี้ คือป้าเผี้ยนเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง อยู่ที่นครศรีธรรมราช ลูกเป็นโรคเอ๋อ สามีหายไป แต่ป้าเผี้ยน ยังต้องต่อสู้ชีวิตต่อไป ทำให้ผมประทับใจ อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวของป้าเผี้ยนออกมา โดยพยายามเก็บรายละเอียดทุกอย่างของป้าเผี้ยน เพื่อเขียนให้เป็นภาพที่แสดงถึงการต่อสู้ ความอดทน ให้มากที่สุด
เสื้อยกทรงตาม ออเดอร์
สุขศรี ใจเอื้อ วัย 62 ปี เจ้าของร้าน "ยกทรงสุขศรี แปดริ้ว" แต่อยู่ย่านสุทธิสาร กรุงเทพ เล่าถึงความเป็นมาของการเปิดร้านตัดเสื้อยกทรงตามออเดอร์ของลูกค้า ว่า ดิฉันเมื่อแรกก็เริ่มจากตัดเสื้อชั้นในให้กับตัวเอง ตั้งแต่ยังอยู่ที่แปดริ้ว เพราะเป็นคนที่อกไม่เท่ากัน ไปเรียนเพิ่มเติมกับหลายอาจารย์ หลักสูตรปารีสก็มี แล้วนำมาเปรียบเทียบกับหลักสูตรของญี่ปุ่น เพื่อจะหาสูตรที่เหมาะๆสำหรับคนไทย
ดิฉันตัดให้ตัวเองอยู่หลายปี แล้วก็มีคนชวนให้มาตัดเสื้อให้กับคนที่เข้าร่วมประกวดบนเวทีนางงาม ตั้งแต่รุ่นอาภัสราโน่น เพราะในสมัยก่อนหุ่นจะสวยหรือไม่สวย ก็อยู่ที่เสื้อตัวใน โดยเฉพาะชุดไทย เพราะจะต้องให้เข้ารูป รับกับสัดส่วน แม้ปัจจุบัน ดิฉันจะร้างราจากการตัดให้กับเหล่านางงาม แต่ก็ยังตัดให้กับลูกค้าทั่วไป
สุขศรีบอกว่า ลูกค้าที่เข้ามาที่ร้าน มักจะเป็นคนที่หาขนาดของเสื้อชั้นในได้ไม่พอดีตัว อย่างธิดาช้าง คือ ถึงจะหาเสื้อขนาดที่ตัวเองใส่ได้ แต่กับเสื้อไร้สาย เสื้อเปิดไหล่ ห่มสไบ จะหาเสื้อชั้นในไม่ได้ เพราะขนาดของเสื้อชั้นในจะไม่พอดี จึงมาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่แทบทุกคน
หลักฐานของความนิยมของร้านยกทรงสุขศรีนี้ คือ จำนวนลูกค้าที่หลั่งไหลเข้ามา ทั้งที่เป็นขาประจำในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และยังที่เดินเข้ามาตามคำบอกเล่า ปากต่อปากอีก นอกจากนี้ก็ยังมีลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศอีก ที่เมื่อมีโอกาสเดินทางมาเมืองไทยเมื่อไร ก็จะมาวัดตัวไว้ และสั่งออเดอร์เพื่อให้ส่งตามไปให้ ครั้งละ 5 - 12 ตัว
ลูกค้าที่มาตัดจะเป็นทางแถบยุโรป ล่าสุดเพิ่งส่งไปที่ประเทศเดนมาร์ก ส่วนต่างจังหวัดที่มากก็คือ ภาคเหนือกับอีสาน อย่างโคราชเนี่ย เป็นลูกค้าแทบทั้งจังหวัด จนเราต้องตัดไปวางขายให้ที่ร้านของเราที่โคราช ครั้งละเป็นโหลๆเลย
พวกอาชีพครู เขาจะชอบตัด เพราะเวลาที่ยกแขนขึ้นเขียนกระดาน เสื้อจะไม่เลื่อนขึ้นตาม จึงถูกใจกันมาก ระดับไฮโซ คุณหญิงคุณนายก็มีอยู่หลายคน เพราะต้องแต่งตัวสวย ออกงานเป็นประจำ
ราคาของเสื้อของไฮโซนั้นตัวละ 4 - 5 หมื่น หรือแสนกว่าบาทก็มี เพราะจะต้องตัดเย็บให้เป็นพิเศษ เช่น ทำสายเป็นเพชร บางคนก็สั่งตัดด้วยผ้าไหม บางคนก็สั่งเอาไปแต่งผ้าด้านนอก ทำเป็นกระโปรง ปักเหลื่อม ปักเพชร เพราะเราเองที่ร้านเราทำไม่ไหว
อย่างนางงามจักรวาลปีนี้ นาตาลี เกลโบวา ก็มาสั่งตัดที่นี่ แล้วนำไปต่อเป็นชุดราตรียาวปักเพชรอีกที อันนี้คนมาสั่งตัดเขาบอก
นอกจากลูกค้าสาวหลากอาชีพแล้ว ลูกค้าอีกกลุ่มที่จะตรงดิ่งมาที่ร้านของดิฉันเป็นแห่งแรกเลย คือ หญิงสาวที่มีปัญหาเรื่องทรวงอกเพราะโรคร้าย คือ ต้องตัดเต้านมออก 1 เต้า หรือตัดทิ้งทั้งสองเต้า
ลูกค้าเหล่านี้ ส่วนมากจะมาเพราะบอกกันต่อๆ โรงพยาบาลที่มีคนไข้ตัดหน้าอกแนะนำมาก็มีหลายคน ดิฉันไม่ได้ให้เปอร์เซ็นต์เขาหรอก จริงๆแล้วที่โรงพยาบาลเขาก็มีขาย แต่เป็นเต้านมประเภทให้ใส่ในเสื้อชั้นใน แต่ถ้ามาที่นี่ เราจะตัดเป็นเสื้อให้ได้ตามขนาดของเขาเลย หรือถ้าต้องการแค่เต้าสำหรับใส่เข้าไปในตัวเสื้อดิฉันก็ทำให้ได้ สุขศรีอธิบายต่อไปว่า การตัดยกทรงสำหรับสตรีที่ต้องตัดเต้านมทิ้ง ต้องพิถีพิถันเรื่องเลือกวัสดุ
ดิฉันไม่ใช้ซิลิโคน เพราะจะร้อน ใส่ทั้งวันจะรู้สึกรำคาญ จึงใช้ไข่มุก ไม่ใช่ไข่มุกแท้ๆหรอกค่ะ แต่มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ เหมือนเม็ดที่ใช้ปักเลื่อม ใส่แล้วเย็นสบาย น้ำหนักก็ใช้ได้ โดยจะทำเป็นรูปสามเหลี่ยมใส่เข้าไปเป็นทรงเหมือนเต้าจริงๆ ไข่มุกที่ใส่เข้าไป ราคาจะอยู่ที่ถุงละ 1,000 บาท ใช้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นกับขนาดของเต้านม โดยจะใส่เป็นถุงแล้วเอาใยสังเคราะห์หุ้มอีกที ก่อนจะเย็บเข้าไปในตัวเสื้อ น้ำหนักจะได้พอดี ทำให้เสื้อไม่ลอยขึ้นข้างหนึ่ง ลูกค้าใส่แล้วจึงมีความมั่นใจ มีความรู้สึกสบายใจ
ราคาของยกทรงสุขศรี จะขึ้นกับเนื้อผ้าที่ใช้ ราคาอย่างต่ำประมาณ 350 - 500 บาท ซึ่งถ้าเป็นเสื้อสำหรับคนที่ตัดเต้านมทิ้ง จะมีค่าวัสดุคือ ไข่มุกเพิ่มเข้าไปอีก ยกตัวอย่าง ถ้าเต้านมขนาด 4 นิ้ว (วัดจากฐานถึงยอด) ราคาจะตกข้างละ 8,000 บาท
ที่นี่ถ้าใส่ แล้วไม่พอดี ไม่มีการแก้ แต่จะตัดให้ใหม่เลย แก้ไปก็เสียผ้าเปล่า ที่สำคัญคือ จะเสียเวลาเป็นวันๆ ไม่คุ้มค่ะ เอาเวลาไปตัดตัวใหม่เลยดีกว่า เพราะลูกค้ารอคิวมีอีกเยอะ
หมวยคัพดี
สาวๆบ้านเรา อ่านข่าวนี้แล้วคงตาร้อนผ่าว เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่มีรายงานฉบับหนึ่งในจีน ตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันบรรดาสาวหมวยจำนวนมาก มีหน้าอกขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ข้อมูลนี้ได้จุดกระแส ทอล์กออฟเดอะทาวน์ ไปทั่วประเทศจีนเลยทีเดียว
สถาบันเทคโนโลยีด้านสิ่งทอแห่งปักกิ่ง ได้ออกมาเปิดเผยรายงานว่า รอบอกเฉลี่ยปัจจุบันของสาวจีน อยู่ที่ 83.53 เซนติเมตร หรือเพิ่มขึ้นราวๆ 1 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อน
เคล็ดลับที่ทำให้สาวๆจีน มีรอบอกใหญ่ขึ้น ก็เนื่องมาจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และมีการเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ (เขาไม่ได้พูดถึงศัลยกรรมพลาสติก ซึ่ง จขบ. คิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญประการใหญ่)
แต่ข่าวนี้ ไม่ทำให้บริษัทผู้ผลิตชุดชั้นใน ในจีนตื่นเต้นไปด้วย ไม่ใช่เพราะตกข่าวแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะว่าบริษัทผู้ผลิตชุดชั้นใน รู้เทรนด์ "บิ๊กไซส์" ล่วงหน้ามาเป็นแรมปีแล้ว และได้เริ่มผลิต บราคัพใหญ่ ออกป้อนตลาดมาตั้งนานแล้วด้วย
ถึงขนาดที่บริษัทชุดชั้นในบางแห่ง ได้ตั้งแบรนด์รองขึ้นมาใช้กับ บราแบบบิ๊กไซส์ โดยเฉพาะ ซึ่งแยกออกมาจากแบรนด์ปกติ ที่ใช้กับบราไซส์มาตรฐานทั่วไป
"เอ็มบรี้ กรุ๊ป" บริษัทชุดชั้นในสัญชาติฮ่องกง ที่จำหน่ายชุดชั้นในที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองเซี่ยงไฮ้ เริ่มหยิบฉวยกระแส คัพใหญ่ มาตั้งแต่เมื่อปีก่อน โดยบริษัทเริ่มชะลอการผลิตยกทรงคัพเล็กลงไปบางส่วน "หลี่ นา" เจ้าหน้าที่ของเอ็มบรี้ กรุ๊ป กล่าวแบบเปิดอกว่า เรายกเลิกการผลิต บราคัพเอ บางรุ่นไปแล้ว เนื่องจากสาวๆมีรอบอกใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ เอ็มบรี้ กรุ๊ป ยังได้เปิดเคาน์เตอร์พิเศษ สำหรับสาวๆทรงใหญ่โดยเฉพาะ เพื่อการให้คำปรึกษาแนะนำสำหรับการซื้อและการใช้ขึ้นด้วย
"ชาง จิง" พนักงานขายของ "ไทรอัมพ์" แบรนด์ยกทรงชื่อดัง ที่มีวางขายใน ห้างแลนด์มาร์ก พลาซ่า ยอมรับว่า เธอค่อนข้างแปลกใจที่พบว่า ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 20 ปีจำนวนมาก ต้องการ บราคัพซี, คัพดี หรือบางคนก็ถึงขนาดคัพอีเลยทีเดียว สถานการณ์เดี๋ยวนี้ แตกต่างจากแต่ก่อนมาก เพราะสมัยก่อนวัยรุ่นสวมยกทรงคัพเอ หรือคัพบี แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่ บางครั้งคุณอาจจะคิดไม่ถึงว่า สาวๆรูปร่างผอมบางที่คุณเห็น ไม่น่าจะมีหน้าอกใหญ่มากขนาดนั้น
แม้แต่แบรนด์ชุดชั้นใน จากไต้หวันอย่าง "ออร์ดิเฟน" ก็ปรับตัวอย่างรวดเร็ว ดังที่ "เฟง เหว่ย" เจ้าหน้าที่ ฝ่ายออกแบบพัฒนาและวิจัย บอกว่า บริษัทของเธอเริ่มผลิต ยกทรงคัพซี เพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากกระแสตอบรับจากยอดขาย และการสำรวจภายในประเทศที่สะท้อนเทรนด์ดังกล่าว
"บินิกี" บราสำหรับก้น
ไม่รู้ว่าจะให้คำจำกัดความสำหรับเจ้า "บินิกี" นี้เป็นภาษาไทยอย่างไรดี
จะเรียกว่า "ยกทรงก้น" ก็กลัวจะเข้าใจผิดว่า เอาบราเซียร์ไปสวมไว้ที่ก้น เหมือนอย่างที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า "บัตต์ บรา -Butt Bra" เลยขออนุโลมเรียก บินิกี อันเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าสิ่งนี้ไปพลางๆ
"บินิกี" เป็นผลงานการคิดค้นพิสดารของดอกเตอร์ คาริน มอนต์โกเมอรี่ ฮาร์ต ชาวแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เธอเป็นจิตแพทย์ ความคิดพิสดารที่ว่านี้ เป็นผลมาจากการตัดสินใจลดความอ้วนของคุณหมอคารินเอง เมื่อปี 1998 เพราะน้ำหนักของเธอ หายไปราวๆ 6-7 กิโลกรัม
ดีใจน่ะ เธอดีใจ แต่เธอต้องพบเหตุที่ต้องหงุดหงิดใจแทน คือ ก้นที่เคยอวบตึง พาลห้อยย้อยลงมากองอยู่ที่ต้นขา มองจากด้านหลังในกระจกทีไร เป็นได้หงุดหงิดใจ เพราะน่าเกลียดอย่างมาก
เธอคิดว่า น่าจะหาอะไรมายกๆมันขึ้นไว้บ้าง วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี โดยหวังเอาว่า ร่างกายมันจะจดจำที่มันควรอยู่ได้ ก้นกอยของเธอจะได้งดงามอย่างใจในอนาคต แล้วคารินก็คิดได้ว่า นอกจากเจ้าก้อนเนื้อข้างหลังแล้ว ผู้หญิงเราก็ยังมีก้อนเนื้อข้างหน้าอยู่เหมือนกัน นั่นคือสองเต้าเจ้าปัญหา ที่ต้องใช้ บราเซียร์ "ยก" อยู่ทุกวันนั่นแหละ
จากนั้น เธอก็เริ่มทดลองใช้ อีลาสติกชนิดเหนียวขด เป็นวงกลม 3 วงต่อเนื่องกัน ใช้มันเป็นเครื่อง "ยก" ก้นของตัวเอง นั่นแหละเป็นที่มาของ บราเซียร์สำหรับผู้มีก้นย้อย
วันหนึ่ง ขณะที่คารินออกกำลังกายที่โรงยิมใกล้บ้าน หลังจากเธออาบน้ำเสร็จ เธอก็หยิบเอาเครื่อง "ยกก้น" ของเธอขึ้นมาสวม แล้วก็ได้ยินเสียงนินทาแต่ด้วยน้ำเสียงที่เขาต่างก็สนอกสนใจทันทีว่า ดูแน่ะเธอ ผู้หญิงคนนั้นใช้บราเซียร์ยกก้น!
เธอกลับมาบ้านวันนั้นด้วยความคิดใหม่ ถ้ามันน่าสนใจขนาดนั้น มันก็น่าจะขายได้
คาริน มอนต์โกเมอรี่ จดทะเบียนสิทธิบัตร บินิกี ของเธอเมื่อปี 1999 แล้วก็ตั้งบริษัท คารินอาร์ต อิงค์. ผลิตและขายมันอย่างเป็นงานเป็นการมาจนทุกวันนี้.
เอ
..มันเป็นแบบไหน หน๊ออออ
..
เสียงรำพึงจากปากของเจ้าของบล็อกครับ.
Create Date : 05 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 5 พฤษภาคม 2549 3:22:37 น. |
|
51 comments
|
Counter : 14136 Pageviews. |
|
|
สวัสดีค่าคุณจขบ.
เห็นยกทรงแว้บๆเลยรีบเข้ามาอ่านก่อนเข้านอนค่ะ
อ่านแล้วได้ความรู้เยอะเลย
ขอบคุณสาระดีๆที่นำมาเล่าสู่กันฟังนะคะ