เงินเดือน
เงินเดือน
จอร์จ ดับเบิลยู บุช
...บทความของ CNN ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 1999 รัฐสภาสหรัฐฯได้ลงมติให้เพิ่มเงินเดือนของ ประธานาธิบดีคนต่อไป เป็น 4 แสนดอลลาร์(ประมาณเดือนละ16ล้าน4แสนบาท)
นั่นหมายความว่า จอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีคนที่ 43 ของสหรัฐอเมริกา จะได้รับเงินเดือนมากขึ้นเป็นสองเท่า ของอดีตประธานาธิบดี คลินตัน ซึ่งในช่วงที่ดำรงตำแหน่งได้รับเงินเดือน 2 แสนดอลลาร์ (ประมาณ8ล้าน2แสนบาท)
แต่เงินเดือนจำนวนเท่านี้ถือว่า น้อยมาก หากเปรียบเทียบกับอัตราเงินเดือนของผู้บริหารในองค์กรธุรกิจในอเมริกา
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาผังบัญชีเงินบำนาญของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดทำโดยสมาคมผู้เสียภาษีแห่งชาติ บิลล์ คลินตัน เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญมากที่สุดในบรรดาอดีตประธานาธิบดีที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะเขาได้รับบำนาญประมาณ 7.29 ล้านดอลลาร์
ในขณะที่ก่อนอสัญกรรมอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ได้รับเงินบำนาญในราว 2.5 ล้านดอลลาร์เท่านั้น(1ดอลลาร์ประมาณ41บาท)
ในโอกาสที่นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ยังค้นข้อมูลไม่ได้ว่ามีการปรับเงินเดือนประจำตำแหน่งประธานาธิบดีอีกหรือไม่?
พระสันตะปาปา
ข้อมูลจากเว็บไซต์ "beliefnet" อธิบายว่า พระสันตะปาปา หรือ Pope ไม่ทรงได้รับเงินเดือน และพระองค์ไม่ทรงมีบัญชีเงินฝากธนาคารแต่อย่างใด สิ่งตอบแทนต่อตำแหน่งของพระสันตะปาปาประกอบด้วย ที่พำนักอาศัยซึ่งก็คือ พระราชวังวาติกัน และอาหารเท่านั้น
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย
.มีเงินเดือนต่อปีประมาณ 32,188 ดอลลาร์ 1,384,084 บาทต่อปี (เฉลี่ยเดือนละ115,340 บาท)
ระดับรัฐมนตรีอย่าง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มีเงินเดือนปีละ 1,292,000 บาท (เฉลี่ยเดือนละ107,500 บาท)
ลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์
.มีรายได้รวมปีละ 600,000 ดอลลาร์ หรือราว 26 ล้านบาท
จุนอิชิโร โคอิซุมิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
.มีรายได้ปีละประมาณ 13 ล้าน 2 แสนบาท (เดือนละ 1 ล้าน 1 แสนบาท)
กลอเรีย อาร์โรโย มาคาปากัล ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
.มีรายได้อยู่ที่ 24,000 ดอลลาร์ ประมาณ 1,032,000 บาทต่อปี (เฉลี่ยเดือนละ 86,000 บาท)
อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
มีเงินเดือนปีละ 65,000 ดอลลาร์ 2,795,000 บาท (เดือนละ 223,000 บาท)
สูงสุดในภูมิภาคแถบนี้คือ ต่งเจี้ยนหวา ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีน
..รวมแล้วสูงถึง 800,000 ดอลลาร์ต่อปี
นั่นคือเท่ากับ รับไปแต่ละเดือนคิดเป็นเงินไทย 2 ล้าน 8 แสน 6 หมื่นบาท หรือมากกว่านายกรัฐมนตรีไทย51.61 เปอร์เซ็นต์ หรือ 2,747,660 บาท
ประธานสภาผู้แทนราษฎรของไทย
.ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 108,500 บาท แยกเป็นเงินประจำตำแหน่ง 63,000 บาท เงินเพิ่มอีก 45,500 บาท
กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด
. ได้รับเงินไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1 ล้านบาท นับรวมทั้งปีไม่ต่ำกว่า 12 ล้านบาท ยังไม่รวมโบนัสกับเงินพิเศษอีกไม่รู้เท่าไหร่
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย
.. ได้เงินเดือนๆ ละ 750,000 บาท
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ อ.ส.ม.ท
เงินเดือนๆละ 8 แสนบาท
จุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รัฐวิสาหกิจเหมือนกัน
.กลับรับเพียงแค่เดือนละ 150,000 บาทเท่านั้น
สรยุทธ สุทัศนจินดา กับรายได้ที่ไม่น่าเชื่อ
คุณสรยุทธ ทำงานเป็นลูกหม้อเนชั่นฯ มาตั้งแต่เงินเดือน 5 พันกว่าๆ แต่ตอนหลังเขาดังมากจากหลายรายการในช่องเนชั่น ทีวี เพราะฉะนั้นในช่วงหลังตอนที่ไปโด่งดังอยู่หน้าจอ "เนชั่นทีวี" ก็จึงปรับค่าเหนื่อยให้เป็น 100,000บาท
เมื่อโด่งดังขึ้น ก็เลยมีคนต้องการตัวให้ไปร่วมงานเพิ่มขึ้น นั่นก็คือ คุณประวิทย์ มาลีนนท์" แห่งช่อง 3 คุณสรยุทธคิดว่าอะไรๆก็เคลียร์กันได้
อยู่ๆจะได้เงินเอ็กซ์ตร้าเพิ่มขึ้นอีก 300,0000 บาท/เดือน จึงวางแผนว่าหลังจากรายการ"เรื่องเล่าเช้านี้" เสร็จ ก็จะบึ่งรถไปบางนาทัน 9โมง แล้วนั่งดื่มกาแฟจัดรายการ "เก็บตกเดอะเนชั่นฯ "ต่อไป อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
แต่เมื่อเข้าไปพบเจ้านาย ผู้บริหารเนชั่นฯกลับยืนกราน "ถ้าคุณทำได้ คนอื่นก็ทำได้.... คุณจะต้องเลือกเอา ถ้าจะไปช่อง 3 ก็ต้องลาออกจากเนชั่นฯ"
สุดท้ายคุณสรยุทธลาออก ข้ามฟากไปอยู่ที่ช่อง 3 ทีแรกก็ไม่ได้คิดจะขยับขยายอะไรใหญ่โต ขอแค่ไปเริ่มทำรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" กับสาวๆด้วยความสบายใจ ด้วยค่าเหนื่อย 300,000 บาท/เดือน
แต่แล้ว "ตาอยู่" ผู้หยั่งรู้ฟ้าดินอย่าง "ผอ.มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" ก็ไม่ยอมให้ทำงานสบายๆ ดังๆแบบนี้ควรจะต้องทำงานหนัก และเหนื่อยเพิ่มอีกหน่อย
ก็เลยยื่นข้อเสนอให้ "เฮียสอ" มาร่วมงานในรายการ "ถึงลูกถึงคน" ทอล์คโชว์หนักๆ ตามแนวถนัดอีกรายการ ด้วยค่าเหนื่อยตอนละ 5,000 บาท (1 เดือน มี 22 ตอน ก็เท่ากับมีรายรับเพิ่มขึ้นมา ประมาณ 100,000 บาท)
รวมแล้วเพียง 2 รายการ "เฮียสอ" ได้ค่าเหนื่อยเข้าไปแล้ว 400,000 บาท แถมยังทำงานสบายกว่าที่เนชั่นฯ ไม่ต้องไปเฝ้าแหล่งข่าวตามที่ต่างๆ
แล้วเชื่อมั๊ยล่ะ!!! หลังจากทำรายการ "ถึงลูกถึงคน" ดังกระหึ่ม จนได้รางวัล TOP AWARDS 2003 พร้อมเรทติ้งที่ดีวันดีคืน "ผอ.มิ่งขวัญ" ก็เลยตบรางวัลด้วยการเพิ่มค่าเหนื่อยให้อีกเป็น ตอนละ 20,000 บาท (20,000 x 22 วัน = 440,000 บาท)
แล้วยังให้เวลาแก่ "บริษัท ไร่ส้ม จำกัด " ของ "เฮียสอ" ทำรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ร่วมกับซี้เก่า "คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล" อีก ทุกวันเสาร์- อาทิตย์ เวลา 12.00 - 13.00 น.
ก็ได้ข้อมูลที่ทำให้ตาร้อนวูบวาบอีกว่า รายการ "คุยคุ้ยข่าว" ของ เฮียสอ เองราคาขายปลีกอัตราค่าโฆษณานาทีละ 200,000 บาท ลด 20% (เหลือ 160,000 บาท) โฆษณาวันละ 10 นาที (ตอนนี้โฆษณาเต็มแล้วด้วย) อาทิตย์ละ 2 ครั้ง (รวม 20 นาที) อาทิตย์หนึ่งมีรายได้ 160,000 x 20 = 3,200,000
ออกอากาศ 4 สัปดาห์ต่อเดือน รายได้สุทธิ 3,200,000 x 4 = 12,800,000 บาท / เดือน อันนี้ยังไม่รวมราคาโฆษณาแผ่นป้าย ที่ติดอยู่หน้าจออีกมากมาย
เมื่อนำไปหักลบกลบหนี้กับ ค่าเช่าสถานี ค่าพนักงานฝ่ายข้อมูล ค่าจ้างพิธีกรร่วม รวมๆกันแล้วก็รายได้ประมาณ เดือนละ 2 ล้านกว่า บาท ทำให้ "เฮียสอ" ยังเหลือเงินเหนาะๆ ในมืออีก เดือนละร่วม 10 ล้านบาท
นี่ยังไม่ได้รวมรายได้จากงานพิธีกรรายการ "ถึงลูกถึงคน" 440,000บาท และค่าพิธีกรรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" 300,000 บาท
อิจฉาจังวุ๊ยยยยยยยยยยยย
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2548 |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2548 16:50:35 น. |
|
20 comments
|
Counter : 2617 Pageviews. |
|
|
|
ฝากBlogไว้ด้วยคับ มันน่าสงสาร มันขี้เหงา