บารัค โอบามา







บารัค โอบามา








บารัค โอบามา (Barack Obama) ได้รับการยกย่องจาก นิตยสารไทม์ ให้เป็น บุคคลแห่งปี ของ นิตยสารไทม์ (Person of the Year) ประจำปี พ.ศ.2551 หรือ ค.ศ.2008 ในทุกๆปี นิตยสารไทม์ ฉบับสุดท้ายของปี จะทำการยกย่องบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ที่ได้สร้างผลกระทบมากที่สุดต่อเหตุการณ์ในระหว่างปี ….จัดมา 83 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1927




บารัค โอบามา พบปะกับจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในห้องทำงานรูปไข่ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551






นาย บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 44 สังกัดพรรค พรรคเดโมแครต ปัจจุบันอายุ 47 ปี จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2009 (อีกประมาณ 30 วัน) โดยรองประธานาธิบดี ที่จะเข้ารับตำแหน่งและทำงานด้วยกัน คือ นาย โจ ไบเดน







นาย บารัค โอบามา ( Barack Obama) มีชื่อเต็มว่า บารัค ฮุสเซน โอบามา ที่ 2 (Barack Hussein Obama II) เขาเกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1961 ที่ เมืองโฮโนลูลู มลรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา



ใบสูติบัตร ของ บารัค โอบามา






เขาสมรสกับ น. ส.มิเชล โอบามา มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน คือ มาเลีย แอน (เกิดปี 1998) และ นาตาชา "ซาชา" (เกิดปี 2001)












โอบามา นับถือ ศาสนา คริสต์ นิกายโปรแตสแตนท์ มีอาชีพเป็น ทนายความ และเป็นคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันคนแรกที่เป็นประธานาธิบดี ของประเทศสหรัฐอเมริกา







โอบามา เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาจาก มลรัฐอิลลินอยส์ เมื่อวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2005 จนกระทั่งถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2008 จึงลาออกเพื่อเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2008







โอบามา จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด







เขาเคยทำงานเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยชิคาโก ระหว่างปี ค.ศ. 1992 - 2004 และเป็นทนายสิทธิพลเมือง ก่อนที่จะหันมาสนใจการเมือง เขาเคยสมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ในการเลือกตั้งปี 2000 แต่ไม่ชนะการเลือกตั้ง จึงหันมาหาเสียงสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา และได้ดำรงตำแหน่งเป็น สมาชิกวุฒิสภาแห่งรัฐอิลลินอยส์







ในระหว่างการทำหน้าที่ในสภาคองเกรสที่ 109 โอบามา ได้เรียกร้องให้มี การควบคุมการใช้อาวุธ และเรียกร้องให้มีการแถลงการณ์ในเรื่องการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลให้สาธารณชนได้ทราบ ในช่วงเวลานี้ เขาเคยไปเยือนยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง และอาฟริกาอย่างเป็นทางการ







ในระหว่างการทำหน้าที่ในสภาคองเกรสที่ 110 โอบามาได้เรียกร้องให้มี การดูแลปัญหาอาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การดูแลสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงหรือสภาวะโลกร้อน การดูแลการก่อการร้ายด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และการให้การดูแลต่อทหารผ่านศึกสงครามอิรัก และสงครามอัฟกานิสถาน




















ชีวิตในวัยเด็กจนถึงวัยทำงาน


บารัค โอบามา เป็นบุตรของนายบารัค โอบามา ซีเนียร์ ชาวเมืองเซียยา ประเทศเคนยา และนางแอนน์ ดันแฮม ชาวเมืองวิชิทอ รัฐแคนซัส ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งคุณแม่ของเขามีเชื้อสายตระกูล มาจากอังกฤษ ไอร์แลนด์ และเยอรมนี



โดยคุณพ่อคุณแม่พบรักกัน ขณะศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาวาย ที่มานัว ซึ่งคุณพ่อของเขาได้เข้าศึกษาในฐานะนักเรียนต่างชาติ และได้แต่งงานกัน เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1961 แต่ต่อมาเขาทั้งสองได้แยกกันอยู่ เมื่อโอบามา อายุได้เพียง 2 ปี และหลังจากนั้นก็หย่าขาดจากกัน



หลังจากนั้น แอนน์ ดันแฮม คุณแม่ของเขา ก็ได้แต่งงานใหม่กับ โลโล ซูโตโร และได้พาครอบครัวไปอยู่ที่บ้านเกิดของสามีใหม่ ในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปีค.ศ. 1967 ซึ่งตอนนั้นโอบามา มีอายุได้เพียง 6 ปี



โอบามา ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนในท้องถิ่นของกรุงจาการ์ตา จนกระทั่งอายุได้ 10 ขวบ จึงได้ย้ายกลับโฮโนลูลูบ้านเกิด ไปอยู่กับครอบครัวของคุณแม่ และได้เข้าเรียนที่โรงเรียนปูนาฮัว ตั้งแต่เกรด 5 จนสำเร็จการศึกษาในปี 1979




ระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ระดับไฮสคูล นั้น เขายอมรับว่า เคย เสพกัญชา, โคเคน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเขาเปิดเผย ณ ที่เวทีประชุมพลเมืองสำหรับประธานาธิบดี ในปี 2008 ว่า เป็นความล้มเหลวที่เกี่ยวกับศีลธรรมความดีงาม







หลังจากจบไฮสกูล โอบามา ก็ได้ย้ายไปเรียนต่อที่ลอสแอนเจลิส ที่วิทยาลัยออกซิเดนทอล (Occidental College) เป็นเวลา 2 ปี จากนั้นจึงได้ย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในมหานครนิวยอร์ก สาขารัฐศาสตร์ เน้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ



โอบามา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 1983 และได้เข้าทำงานในบริษัทธุรกิจระหว่างประเทศและกลุ่มวิจัยสาธารณประโยชน์แห่งนิวยอร์ก ที่มหานครนิวยอร์ก







หลังจาก 4 ปีที่อยู่ในนิวยอร์ก โอบามา ก็ได้ย้ายไปอยู่ที่ชิคาโก โดยได้รับการว่าจ้างเป็นผู้อำนวยการโครงการพัฒนาชุมชน (DCP) ซึ่งเป็นองค์กรชุมชนที่ริเริ่มจัดตั้งจากศาสนา ...ประกอบด้วย 8 โบสถ์คาทอลิก ในโลสแลนด์ พูลแมนตะวันตก และ ริเวอร์เดล ทางด้านใต้ของเมืองชิคาโก







เขาได้ทำงานอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1985 จนถึง เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1988 ระหว่างที่เขาทำงานอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการพัฒนาชุมชน (DCP)นี้ ผู้ร่วมงานได้เพิ่มขึ้นจาก 1 คน เป็น 13 คน และงบประมาณประจำปี เพิ่มขึ้นจากปีละ 7 หมื่นเหรียญสหรัฐ เป็น 4 แสนเหรียญสหรัฐ โดยทำการช่วยเหลือเกี่ยวกับโปรแกรมการฝึกอบรม, การกวดวิชาเพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย และองค์กรสิทธิของผู้เช่าที่ดิน ในแอลเจลด์ การ์เดนส์ (Altgeld Gardens)







โอบามา ยังได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาและผู้สอนในมูลนิธิกามาลีล (Gamaliel Foundation) ซึ่งเป็นอีกสถาบันหนึ่งเกี่ยวกับองค์กรชุมชน และในกลางปี ค.ศ. 1988 เขาได้เดินทางไปยุโรปเป็นครั้งแรก เป็นเวลา 3 สัปดาห์ และไปเคนยา 5 สัปดาห์ ซึ่งเขาได้พบญาติๆ ชาวเคนยาหลายคนเป็นครั้งแรกด้วย



จากนั้นเขาเข้าเรียนต่อด้านกฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ในปี ค.ศ. 1988 และเพียงในสิ้นปีแรกเขาก็ได้รับคัดเลือกจากการแข่งขันในการเขียน บวกกับเกรดการเรียนของเขา ทำให้ได้เข้าไปเป็น บรรณาธิการคนหนึ่งของวารสาร Harvard Law Review



พอขึ้นปีที่สอง ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1990 เขาก็ได้รับคัดเลือกเป็น ประธานของ Harvard Law Review ในตำแหน่งหัวหน้าบรรณาธิการ(อาสาสมัครเต็มเวลา) และกำกับควบคุมนักเขียนถึง 80 คน โอบามา นับเป็นชาวผิวดำคนแรกที่ได้รับคัดเลือกเป็น ประธานของ Law Review …. ข่าวการคัดเลือกนี้ ได้มีการรายงานในวงกว้าง ตามด้วยประวัติส่วนตัวที่ละเอียดในสื่อระดับประเทศ







ระหว่างฤดูร้อน เขาได้กลับไปชิคาโก ซึ่งเขาทำงานเป็นทนายความฝึกงานช่วงปิดภาคฤดูร้อน ที่สำนักงานกฎหมายของ Sidley & Austin ในปี ค.ศ. 1989 และ ที่สำนักงานกฎหมายของ Hopkins & Sutter ในปี ค.ศ. 1990



หลังจากจบปริญญาทางกฎหมาย Juris Doctor จากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ในปี 1991 เขาก็ได้ย้ายกลับไปชิคาโก และเริ่มงานเขียนหนังสือเล่มแรก ชื่อ “Dreams from My Father : A Story of Race and Inheritance” ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1995







ในหนังสือ “Dreams from My Father : A Story of Race and Inheritance” หรือ ในชื่อภาษาไทย “บารัค โอบามา ผมลิขิตชีวิตตัวเอง” เป็นอัตชีวประวัติที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิต ความคิด และมุมมองที่มีต่อเรื่องสีผิว .....โอบามา มักจะบอกในภายหลังว่า เขาไม่ได้เขียนหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นคนเด่นดัง แต่ต้องการบันทึกเรื่องราวของเชื้อชาติ และมรดกทางปัญญาที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ สะท้อนความเหลื่อมล้ำในสังคม และเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่แสวงหาตัวตน









ช่วงปี 1993 และ 2002 โอบามาเข้าทำงานเป็นผู้ช่วยในคณะกรรมการบริหารกองทุนไม้แห่งชิคาโก องค์กรที่ช่วยจัดสรรเงินทุนให้กับประชาชนและชุมชนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบเปรียบในชิคาโก …… ต่อมาในปี 1999 ก็ได้เข้าเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารด้วยความช่วยเหลือของ บิล อาเยอร์ส



ต่อมาเขาก็รับงานสอนนอกเวลา ที่วิทยาลัยกฎหมาย ของมหาวิทยาลัยชิคาโก โอบามา สอนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ รวมเวลา 12 ปี เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย 4 ปี (1992-1996) และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอาวุโส 8 ปี (1996-2004)







โอบามา เคยเป็นสมาชิกสรรหา ของบอร์ดบริหารแห่งพันธมิตรสาธารณะแห่งชิคาโก ในปี ค.ศ. 1992 และได้ลาออกไปก่อนที่ มิเชล ภรรยาของเขาจะเข้ามาเป็นผู้อำนวยการใหญ่ ของพันธมิตรสาธารณะแห่งชิคาโก ในต้นปี ค.ศ. 1993







และ เขายังเคยเป็น สมาชิกของบอร์ดบริหาร หลายที่ เช่น สภาทนายความเพื่อสิทธิพลเมืองภายใต้กฎหมายแห่งชิคาโก, ศูนย์กลางเพื่อเทคโนโลยีเพื่อนบ้าน, ศูนย์ลูจีเนียเบิร์นโฮป (Lugenia Burns Hope Center) เป็นต้น








สมาชิกสภานิติบัญญัติ แห่งรัฐอิลลินอยส์, 1997-2004


โอบามา ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา แห่งรัฐอิลลินอยส์ ในปี ค.ศ. 1996 แทนที่ตำแหน่งของวุฒิสมาชิก อลิซ ปาล์มเมอร์ จากเขตปกครองที่ 13 … เมื่อได้รับการเลือกตั้งแล้ว โอบามา ก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนพรรคการเมืองทั้ง 2 พรรคใหญ่ ให้มีการปฏิรูปกฎหมายจริยธรรมและสุขภาพ







เขาสนับสนุนกฎหมายเรื่อง การเพิ่มเครดิตภาษีให้กับแรงงานผู้มีรายได้ต่ำ เจรจาเรื่อง การปฏิรูปสังคมสงเคราะห์ และเพิ่มเงินสมทบสำหรับการดูแลเด็กเล็ก ในปี ค.ศ. 2001







เขาเป็นประธานร่วมในเรื่องของกฎหมายว่าด้วยการปกครอง เขาสนับสนุนกฎระเบียบที่เสนอโดยผู้ว่าการรัฐ Ryan เพื่อควบคุมเงินกู้ใช้จ่าย และการให้จำนองที่เอาเปรียบ เพื่อลดปัญหาบ้านถูกยึด







ต่อมา โอบามา ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาแห่งรัฐอิลลินอยส์ อีกสองครั้ง คือ ในปี ค.ศ. 1998 และในปี ค.ศ. 2002 แต่ ในปี ค.ศ. 2000 นั้น เขาแพ้การเลือกตั้งแบบไพรแมรี เพื่อชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา เขาแพ้ต่อ นาย บอบบี รัช เจ้าของตำแหน่งคนเก่า ด้วยคะแนนเสียง 2 ต่อ 1







ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2003 โอบามา ได้เป็นประธานคณะกรรมการบริการสุขภาพและมนุษย์ แห่งสมาชิกวุฒิสภาแห่งรัฐอิลลินอยส์ … ในระหว่างการเลือกตั้งทั่วไปในปี ค.ศ. 2004 เพื่อหาวุฒิสมาชิกแห่งสหรัฐอเมริกานั้น โอบามา ได้ลาออกจากสมาชิกวุฒิสภาแห่งรัฐอิลลินอยส์ ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2004 และได้เริ่มหาเสียงเพื่อรับการเลือกตั้งเป็น สมาชิกวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกา







และเขาก็ได้รับเลือกตั้งให้เป็น วุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกา ด้วยคะแนนเสียงถึงร้อยละ 70 ขณะที่คู่แข่งขันได้คะแนนเสียงไปเพียงร้อยละ 27 เท่านั้น ชัยชนะอันท่วมท้นของโอบามาครั้งนี้ ถือเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ ที่มีความต่างของคะแนนมากที่สุด ในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของรัฐอิลลินอยส์ ทีเดียว









สมาชิกวุฒิสภา, 2005-2008


โอบามา ได้สาบานตนในฐานะเป็นสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2005 เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาทำงานที่วอชิงตัน เขาจึงได้ตั้งคณะที่ปรึกษาที่มีความสามารถสูงมาช่วยเหลือการทำงาน .....เขาว่าจ้าง ทอม แดสเชิล อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของประธานวุฒิสภาแห่งพรรคเดโมแครต เข้ามาเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของเขา .....ว่าจ้าง โรเบิร์ต รูบิน อดีตรักษาการหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย ......และให้ ซาแมนตา พาวเวอร์ ผู้นำด้านสิทธิมนุษยชน และการต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์, แอนโทนี เลค กับ ซูซาน ไรซ์ อดีตเจ้าหน้าที่บริหาร สมัยประธานาธิบดีคลินตัน เป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศ เป็นต้น







ชื่อของ โอบามา ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์สมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกา เพราะเขาเป็นอเมริกันผิวสีคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ ที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกา และเป็นคนที่ 3 ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เขาเป็นสมาชิกวุฒิสภาเพียงคนเดียว ที่เป็นสมาชิกของ Congressional Black Caucus







นิตยสาร GQ Weekly นิตยสารที่เป็นกลางของสหรัฐอเมริกา ได้ยกย่องโอบามา ว่า เป็น "นักประชาธิปไตยผู้ซื่อสัตย์" จากผลการวิเคราะห์การโหวตให้คะแนนเสียง สมาชิกวุฒิสภาทั่วประเทศ ในปี 2005-2007 และนิตยสาร National Journal จัดว่าเขาเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ "มีความเป็นเสรีนิยมมากที่สุด" จากการโหวตในปี 2007







ในเดือนมกราคม ปี 2007 โอบามา ได้รับมอบหมายให้เป็น คณะกรรมการวุฒิสภาเพื่อดูแลเกี่ยวกับสาธารณสุข, การศึกษา, แรงงาน และเงินสงเคราะห์ผู้ที่ไม่มีบ้าน และสวัสดิการของรัฐ …และ เขาเป็นประธานคณะกรรมการวุฒิสภายุโรปอีกด้วย



ในงานนี้ โอบามาได้ปฏิบัติภารกิจในการไปดูงานที่ ทวีปยุโรปตะวันออก, ตะวันออกกลาง, เอเชียกลาง และแอฟริกา ... โอบามา ได้พบกับ มาห์มุด อับบาส ก่อนที่ มาห์มุด อับบาส จะได้เป็นประธานาธิบดีปาเลสไตน์ และยังได้ประณามการทุจริตของรัฐบาลเคนยา ในการกล่าวสุนทรพจน์ ที่มหาวิทยาลัยไนโรบี ประเทศเคนยา









การหาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งประธานาธิบดี


ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2007 โอบามา ได้ประกาศบนเวทีหน้าอาคาร Old State Capitol ในนครสปริงฟิลด์ รัฐอิลลินอยส์ว่า เขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2008







โอบามา เลือกสถานที่นี้เพราะเป็นสถานที่ซึ่งอดีตประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น กล่าวปราศรัยเมื่อปี ค.ศ. 1858 และเขาอ้างถึงคำปราศรัยของประธานาธิบดีลินคอล์น ในการที่จะรวมประเทศที่แตกแยกให้เป็นหนึ่งเดียว



ก่อนหน้าที่ โอบามา จะประกาศต่อหน้าสาธารณชนหนึ่งสัปดาห์นั้น ในที่ประชุมคณะกรรมการพรรคเดโมแครต ระดับประเทศ (DNC) ในการหาเสียงชิงชัยตำแหน่งตัวแทนพรรค โอบามา ได้เรียกร้องให้ยุติการหาเสียงแบบโจมตีคู่แข่ง (negative campaigning), โอบามา ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการยุติสงครามอิรัก การประหยัดพลังงาน และการประกันชีวิตแบบสากล ซึ่งเขาได้นำมาเป็นประเด็นหลักในอภิปรายหาเสียง ซึ่งปรากฏว่าเขาได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง และกลุ่มชาวอเมริกันผิวดำ







ช่วงเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2008 ในการเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครต บารัค โอบามา ต้องเจอคู่แข่งคนสำคัญ คือ นางฮิลลารี คลินตัน เริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งแรก ที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งเขาพ่ายไปก่อน







แต่กลับมาเอาชนะได้ในการเลือกตั้งแบบครั้งแรก และคอคัส ที่รัฐไอโอวา, เนวาดา และเซาท์แคโรไลนา โดยในวันซุปเปอร์ทิวส์เดย์ (Super Tuesday) นั้น เขาสามารถเก็บแต้มได้เหนือ นางฮิลลารี คลินตัน 20 แต้ม ..... จากนั้นก็มาทำลายสถิติได้งบเพิ่มอีกภายในสองเดือนแรกของปี 2008



หลังจากซุปเปอร์ทิวส์เดย์แล้ว โอบามาก็ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งแบบไพแมรี และคอคัส ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึง 11 ครั้ง … แล้วคะแนนของ โอบามา และ คลินตัน ก็กลับมาสูสีกันในการแข่งขันวันที่ 4 มีนาคม ในการเลือกตั้งที่ รัฐเวอร์มอนต์, เท็กซัส, โอไฮโอ และโรดไอแลนด์ แล้วส่งท้ายเดือนมีนาคม ด้วยชัยชนะของโอบามาใน ไวโอมิง และมิสซิสซิปปี







และที่สุด ในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 2008 โอบามา ก็มีคะแนนคณะผู้แทนรวมเหนือกว่า นางฮิลลารี คลินตัน







ระหว่างเดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน โอบามา ได้รับชัยชนะใน รัฐนอร์ทแคโรไลนา, ออริกอน ขณะที่ นางฮิลลารี คลินตัน ชนะ ในรัฐเพนซิลวาเนีย, อินเดียนา, เวสต์เวอร์จิเนีย, เคนทักกี, เปอร์โตริโก, เซาท์ดาโคตา …. ระหว่างนั้น โอบามา ถูกรับรองจากภายในพรรค ให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในนามพรรคเดโมแครต มากกว่า นางฮิลลารี คลินตัน .. ในวันที่ 31 พฤษภาคม โอบามายังคงได้รับชัยชนะเหนือ คลินตัน อย่างต่อเนื่อง







ในวันที่ 3 มิถุนายน จากผลการนับของทุกรัฐแล้ว โอบามา มีคะแนนนิยมเหนือกว่า คลินตัน และในวันเดียวกันนี้ เขาได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ภายหลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ ใน เซนท์ พอล, รัฐมินนิโซตา







หลังจากนั้น นางฮิลลารี คลินตัน จึงได้ยุติบทบาทการหาเสียงตั้งแต่วันนั้น และหันมาสนับสนุนโอบามา …… โอบามาจึงประกาศชัยชนะ และเป็นชาวผิวดำคนแรกที่ได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี







วันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2008 โอบามา ได้เลือก โจ ไบเดน (Joe Biden) จากมลรัฐ เดลาแวร์ ให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่ง รองประธานาธิบดี ในนามพรรคเดโมแครต ณ ศูนย์ประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต ...และนางฮิลลารี คลินตัน ได้กล่าวสุนทรพจน์สนับสนุน โอบามา อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ โอบามา เป็นตัวแทนพรรค ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยได้รับการตะโกนแสดงความยินดีอย่างกึกก้อง



โจ ไบเดน







ในวันที่ 28 สิงหาคม โอบามา กล่าวสุนทรพจน์ท่ามกลางผู้สนับสนุนประมาณ 84,000 คน และผู้ที่ดูทางโทรทัศน์อีกราว 38 ล้านคน ....ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์นั้น โอบามา ได้รับให้เป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ และนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายของเขา







หลังจากนาย จอห์น แมคเคน ซึ่งเป็นตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน เข้ามาโต้วาทีกับ โอบามา นั้น ปรากฏว่า โพลจากหลายสำนัก บ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของ โอบามา ทิ้งห่างจากนายจอห์น แมคเคน อย่างขาดลอย และหลังจากนั้นยังมีการโต้วาทีระหว่าง บารัค โอบามา กับ จอห์น แมคเคน กันอีกถึงสามครั้ง ในช่วงเดือนกันยายน ถึง เดือนตุลาคม ปี 2008 ซึ่งหลังจากการโต้วาที โอบามา ก็ได้รับชัยชนะจากโพลต่างๆทุกครั้ง







ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 นางแมดาลีน ดันแฮม คุณยายของโอบามา เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ขณะอายุ 86 ปี แต่เขาเพิ่งทราบข่าวในวันถัดมา คือวันที่ 3 พฤศจิกายน ก่อนการเลือกตั้งเพียงวันเดียว




ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี คนที่ 44


สำหรับการเลือกตั้งจริงนั้น บารัค โอบามา ได้รับคะแนนความนิยม 53% ผลการเลือกตั้งทั่วประเทศ 364 คะแนน เอาชนะนาย จอห์น แมคเคน พรรครีพับลีกัน ที่ได้คะแนนความนิยม 46% และผลการเลือกตั้งทั่วประเทศ 162 คะแนน ทำให้ บารัค โอบามา กลายเป็น ประธานาธิบดีเชื้อสายอเมริกัน – แอฟริกัน คนแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เกิดในรัฐที่ไม่ได้ติดกับอเมริกา(มลรัฐฮาวาย) ทันทีที่ได้รับเลือกเข้ามา



บารัค โอบามา กับ ภรรยา







ในการกล่าวสุนทรพจน์ ในชัยชนะของเขา โอบามา ได้ป่าวประกาศต่อหน้าฝูงชนเรือนแสนที่สนับสนุนเขาให้เป็นประธานาธิบดี ในชิคาโก ว่า "อเมริกาได้เข้ามาสู่จุดเปลี่ยนแปลงแล้ว"



เมื่อ โอบามา ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง ก็มีการเฉลิมฉลองตามท้องถนนทั่วไปในสหรัฐและทั่วโลกอย่างทันที บทบรรณาธิการหลายแห่งเขียนว่า ภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในสายตาของต่างชาติ ซึ่งดูย่ำแย่ระหว่างการบริหารภายใต้การนำของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช นั้น โอบามา จะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น และจะมีความวิตกกังวลในเรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับปืน ที่จะกลายเป็นข้อจำกัดในระหว่างการบริหารของ โอบามา ที่อาจจะนำไปสู่การลักลอบค้าอาวุธปืนข้ามชาติในสหรัฐฯ







บารัค โอบามา มีกำหนดจะเข้าทำพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดี อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2009 และเขาจะได้ รหัสโค้ดเนม ในการลงนามต่างๆ (Secret Service codename ) คือ "Renegade"










งานเขียนของโอบามา


1. Dreams from My Father : A Story of Race and Inheritance, (1995). Time Books an imprint of Crown Publishers, Division of Random House, NY



2. The Audacity of Hope : Thoughts on Reclaiming the American Dream,(2006). Crown Publishers, Division of Random House, NY



3. Change We Can Believe In : Barack Obama's Plan to Renew America's Promise, (2008). Three Rivers Press, an imprint of Crown Publishers, Division of Random House, NY









Merry Christmas ครับ




yyswim






 

Create Date : 21 ธันวาคม 2551    
Last Update : 21 ธันวาคม 2551 1:00:27 น.
Counter : 8021 Pageviews.  

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ






อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ




















นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (Abhisit Vejjajiva)

นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย

























1. ประวัติ




นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกิดวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2507 เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันอายุ 44 ปี


เป็นบุตรคนเดียวและลูกคนสุดท้อง ในจำนวน 3 คน ของ ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ศ.พญ.สดใส เวชชาชีวะ


สมรสกับ ดร. พิมพ์เพ็ญ (ศกุลตาภัย) เวชชาชีวะ อาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


มี ธิดา – บุตร คือ น.ส. ปราง เวชชาชีวะ(มะปราง) และ ด.ช. ปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ(ปัณ)













2. การศึกษา




อนุบาล โรงเรียนอนุบาลยุคลธร


ประถมศึกษา โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนสเกทคลิฟ ประเทศอังกฤษ


เตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนมัธยมอีตัน อังกฤษ


ปริญญาตรี สาขาวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เกียรตินิยมอันดับ 1 ประเทสอังกฤษ


ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง


ปริญญาโท(เศรษฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ


ดุษฎีกิตติมศักดิ์ทางนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง








3. การทำงาน - การเมือง




ปี พ.ศ. 2530 - 2531 อาจารย์ประจำ (ยศร้อยตรี) โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) เขาชะโงก จังหวัดนครนายก


ปี พ.ศ. 2532 อาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อังกฤษ


ปี พ.ศ. 2533 - 2534 อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


ปี พ.ศ. 2535 ขณะมีอายุ 28 ปี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 (สาธร, ยานนาวา, บางคอแหลม พ.ศ.2535/1, 2535/2) กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์























ปี พ.ศ. 2538 - 2539 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 (ดินแดน, ห้วยขวาง, พระโขนง, คลองตัน) กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์


ปี พ.ศ. 2535 - 2537 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี


ปี พ.ศ. 2537 – 2538 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง


ปี พ.ศ. 2538 - 2539 ประธานกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร


ปี พ.ศ. 2538 - 2540 โฆษกพรรคประชาธิปัตย์


ปี พ.ศ. 2540 - 2544 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบกำกับดูแล


• สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

• สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวง
ราชการ

• สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ

• สำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น



ปี พ.ศ. 2541 ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542


ปี พ.ศ. 2542 รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์


ปี พ.ศ. 2544 - 2548 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์


ปี พ.ศ. 2548 – 23 กุมภาพันธ์ 2549 ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร


ปี พ.ศ. 2548 หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์,


และ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย




4. บางเรื่องของนายอภิสิทธิ์ที่บางคนไม่รู้








1) นายอภิสิทธิ์เป็นผู้ติดตามการแข่งขันฟุตบอลของสโมสรต่างๆในประเทศอังกฤษ และการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกรายการสำคัญๆมาตลอด นายอภิสิทธิ์เป็นแฟนคลับที่เหนียวแน่นของสโมสรนิวคาสเซิล และเป็นผู้ที่สามารถวิจารณ์ผู้เล่น ครูฝึกสอน และผู้จัดการของทีมฟุตบอลต่างๆได้คมชัด อย่างที่ไม่มีใครนึกถึง
















2) การแสดงละคร ...... เชิญกดอ่าน




เคยลงหน้าปก นิตยสาร “แพรว”







3) นายอภิสิทธิ์ เปิดตัวหนังสือ "การเมืองหลังรัฐประหาร : ทางออกจากวิกฤต ก่อนจะกลับไม่ได้ไปไม่ถึง” แสดงความเห็นทางการเมืองต่อการรัฐประหาร รวมทั้งแนวโน้มทางการเมืองและสถานการณ์ข้างหน้าที่ต้องเผชิญของคณะทหารที่ยึดอำนาจ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ขอคิดด้วยคน ราคาเล่มละ 99 บาท พิมพ์จำนวน 5,000 เล่ม



โดยเนื้อหาในหนังสือ แบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ บทความที่เขียนขึ้นใหม่ บทความที่เคยเผยแพร่ในเว็บไซต์ส่วนตัว //www.abhitsit.org และบทสัมภาษณ์พิเศษ โดย นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง



มีทั้งหมด 16 บท บทที่น่าสนใจ เช่น คมช.ทำอย่างไรจะไม่เป็นเยี่ยง รสช. สภาพการณ์และจุดจบของรัฐบาลสุรยุทธ์ บทเรียนจากกรณีทุจริตในระบอบทักษิณ ปฏิเสธทักษิณอย่าปฏิเสธประชาธิปไตย











นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือเกี่ยวกับข้อเขียนทางการเมืองชิ้นแรก หลังถูกมองว่า มักจะนำเสนอแนวคิดต่างๆ ผ่านการอภิปราย และการให้สัมภาษณ์ จึงหวังจะแสดงบทบาท ความคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้ที่หวงแหนประชาธิปไตย และห่วงใยอนาคตในหนังสือเล่มนี้








4) ดวงของนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ เชิญอ่านโหรวิจารณ์ดวงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โหรวิจารณ์เอาไว้ตั้งแต่ วันที่ 02 / 12 / 2550 เชิญกดอ่าน







5) วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เขียนถึงนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าอย่างไรบ้าง? ....เชิญกดอ่าน



หมายเหตุ : ในช่วงนี้ วิกิพีเดียแจ้งว่า ....”บทความนี้ถูกล็อกเนื่องจากถูกก่อกวนหลายครั้งติดต่อกัน ...ผู้ใช้ที่ไม่ได้ลงทะเบียน หรือผู้ใช้ใหม่ จะไม่สามารถแก้ไขได้ ….อย่างไรก็ตามบทความนี้สามารถแก้ไขได้ตามปกติสำหรับผู้ใช้ทั่วไป”




เพื่อนๆบล๊อก หากสนใจจะใกล้ชิดกับ นายกรัฐมนตรีของเมืองไทยคนใหม่ ขอเชิญติดต่อได้ที่








1. ที่อยู่ : พรรคประชาธิปัตย์ เลขที่ 67 ถนนเศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ : 0-2270-0036 โทรสาร : 0-2357-1151(ที่อยู่ใหม่ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป คงจะเป็นตึกไทยคู่ฟ้า)







2. hi 5 ของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ….เชิญกดที่นี่








สถิติที่น่าสนใจ ของ Hi 5 ของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ



จำนวน 113388 เพื่อน

จำนวน 256929 ครั้งที่เข้าไปดู

จำนวน 60368 ข้อความที่ฝากไว้

จำนวน 5736 Fives ที่ได้รับการโหวต











แต่ใน hi 5 ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีข้อความหมายเหตุ บอกไว้ว่า


หมายเหตุ : hi5 คุณอภิสิทธิ์ จัดทำขึ้นโดยทีมงานสำนักเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากคุณอภิสิทธิ์ไม่มีเวลาว่าง ท่านจึงไม่สามารถตอบได้ทุกคอมเมนท์หรือคำถาม ทางทีมงานฯ จึงปริ๊นท์คอมเมนท์และคำถามบางส่วนให้คุณอภิสิทธิ์อ่าน ซึ่งท่านเป็นผู้ตอบเอง





3. เว๊ปของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ....... เชิญกดที่นี่



4. เว๊ปของคุณมาร์ค “พรรคประชาธิปัตย์ เสียงของคนรุ่นใหม่” …..เชิญกดที่นี่








แต่ในช่วงสัปดาห์นี้ เว๊ปทั้ง 3 เว๊ป อาจจะล่มก็ได้นะคร้าบบบ โปรดเตรียมใจไว้บ้าง




yyswim






 

Create Date : 16 ธันวาคม 2551    
Last Update : 17 ธันวาคม 2551 22:08:15 น.
Counter : 7605 Pageviews.  

วัดพระบรมธาตุไชยา









วัดพระบรมธาตุไชยา




“ร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ” - คำขวัญของ จ.สุราษฎร์ธานี




“แหล่งธรรมะ” ที่เด่นดังมีชื่อเสียงของ จ.สุราษฎร์ฯนั้น นอกจากจะหมายถึง “สวนโมกขพลาราม”หรือ”วัดธารน้ำไหล”แล้ว ยังหมายถึง “วัดพระบรมธาตุไชยา” หรือ “วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร” รวมอยู่ในความหมายนี้ด้วย







เดิมที วัดพระบรมธาตุไชยา เป็นวัดราษฎร์(หมายถึงชาวบ้านเป็นผู้ทำนุบำรุงวัด).... เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2491 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยกฐานะขึ้นเป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มีนามว่า “วัดพระธาตุไชยา” .....และต่อมาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ระดับเดียวกับ วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร, และ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ฯลฯ



วัดพระบรมธาตุไชยา เป็นวัดเก่าแก่มาก สังเกตได้จากโบราณวัตถุและโบราณสถานที่ยังปรากฏอยู่ในวัด ทำให้ทราบว่าวัดนี้มีมานานหลายยุคสมัยคือตั้งขึ้นแล้วร้างไป แล้วกลับฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ในพื้นที่เดิม








สมัยศรีวิชัย


วัดพระบรมธาตุไชยา มีองค์เจดีย์พระบรมธาตุแบบศรีวิชัย (หรือที่เรียกกันว่าแบบอินโดชวานีส ในทางโบราณคดี) ปรากฎอยู่เป็นปูชนียสถานสำคัญโดยมิได้รับการดัดแปลงเว้นแต่ตอนส่วนยอดเพราะได้หักพังลงมาและหายสาบสูญไป จึงทำขึ้นใหม่เป็นศิลปะแบบไทย ....มีรูปสำริด ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ขนาดใหญ่สวยงามเป็นชิ้นเอกของประติมากรรมสมัยศรีวิชัย ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร ....มีองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ขนาดย่อม รวมทั้งที่ทำด้วยศิลาอีกหลายองค์ มีมากกว่าในสถานที่ใดๆในประเทศไทย ....รวมทั้งเศษหักพังของโบราณวัตถุสมัยศรีวิชัยอีกหลายชิ้น ....จนเป็นที่สันนิษฐานว่าวัดพระบรมธาตุไชยามีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ในสมัยศรีวิชัยระหว่าง พ.ศ. 1200 -1500 หรือเมื่อประมาณ 1,000 ปีที่แล้ว…...(เชิญอ่าน อาณาจักรศรีวิชัย )



พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์






สมัยสุโขทัย


มีพุทธศิลป์เป็นแบบสกุลช่างนครศรีธรรมราช โดยได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาลัทธิเถรวาทแบบลังกาวงศ์ มีหลักฐานปรากฏเป็นใบพัทธสีมาคู่แฝดปรากฏอยู่รอบๆเขตพระอุโบสถเดิมของวัด ทำให้เชื่อได้ว่าสมัยสุโขทัยซึ่งอยู่ในระยะเวลาใกล้เคียงกับสมัยนครศรีธรรมราชหรืออาณาจักรตามพรลิงค์นั้น วัดนี้มีปรากฏขึ้นแล้ว



สมัยกรุงศรีอยุธยา


มีหลักฐานปรากฏมากมายกว่าสมัยใดคือ พระพุทธรูปภายในวัดเป็นพระพุทธรูปศิลาทรายแดง ซึ่งมีมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ มีขนาดโตกว่าคนธรรมดาลงมาถึงขนาดเท่าคนและย่อมกว่าคน แสดงให้เห็นความศรัทธาความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในสมัยกรุงศรีอยุธยาปรากฏอยู่ในวัดแห่งนี้



เช่น พระพุทธรูป 3 พี่น้อง เป็นพระพุทธรูปศิลาทรายแดงสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยฝีมือสกุลช่างไชยา สันนิษฐานว่าแต่เดิมบริเวณนี้คงเป็นวิหารแต่ชำรุดทรุดโทรมลงด้วยภัยธรรมชาติ จนเหลือแต่พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่กลางแจ้งบนลานภายในกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ...อาสน์เป็นของทำใหม่โดยยกให้สูงขึ้น











สมัยรัตนโกสินทร์


สันนิษฐานว่า วัดพระบรมธาตุไชยาคงจะรวมอยู่ในบรรดาสิ่งที่ถูกทำลายโดยกองทัพพม่าในสมัยรัชกาลที่ 1 จนกระทั่งร้างไปในที่สุด …และได้มาบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระชยาภิวัฒน์สุภัทรสังฆปาโมกข์ เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระครูรัตนมุนีศรีสังฆราชาลังกาแก้ว เจ้าคณะเมืองไชยา ระหว่าง พ.ศ. 2439 – 2453 ทำให้วัดพระบรมธาตุไชยาฟื้นคืนสภาพขึ้นมาอีกครั้ง



การบูรณะที่สำคัญ คือ การตกแต่งพระบรมธาตุเจดีย์แล้วฉาบปูนผิวบางๆทั่วทั้งองค์ พร้อมทั้งเสริมยอดที่หักหายไป มีการสร้างพระวิหารหลวงขึ้นใหม่ ณ ที่เดิม และสร้างพระวิหารคดหรือพระระเบียงรอบบริเวณล้อมองค์พระบรมธาตุเจดีย์และพระวิหารหลวง พระวิหารคดมีแปลนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 39 เมตร สูง 4 เมตร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสกุลช่างไชยา ขนาดและปางต่างๆ รวมทั้งสิ้น 180 องค์




























พระบรมธาตุไชยามีความสูงจากฐานเดิมถึงยอด 24 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมย่อเก็จ ขนาดฐานวัดจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกยาว 13 เมตร จากด้านเหนือถึงด้านใต้ยาว 18 เมตร .... ฐานพระบรมธาตุขุดเป็นสระกว้างประมาณ 50 ซ.ม. ลึกประมาณ 60 - 70 ซ.ม. จนเห็นฐานเดิมซึ่งก่อสร้างด้วยอิฐโบกปูนอยู่ต่ำกว่าพื้นดิน มีน้ำขังอยู่โดยรอบฐานตลอดปี บางปีในหน้าแล้ง รอบๆฐานพระบรมธาตุจะแห้ง แต่จะมีตาน้ำ พุขึ้นมาจนชาวบ้านพากันแตกตื่นถือว่าเป็นน้ำทิพย์ที่สามารถรักษาโรคภัยต่างๆได้ ต่อมาทางวัดได้ใช้ปูนซิเมนต์ปิดตาน้ำนั้นเสียเพื่อป้องกันผู้คนหลงงมงาย
















พระวิหารหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระบรมธาตุไชยา ด้านหลังพระวิหารหลวงสร้างยื่นล้ำเข้าไปในพระวิหารคด ภายในพระวิหารหลวงประดิษฐานพระพุทธรูปใหญ่น้อยหลายองค์ศิลปะอยุธยาสกุลช่างไชยา





































ความสำคัญของวัด


วัดพระบรมธาตุไชยา เป็นพุทธสถานแห่งเดียวในประเทศไทยที่ยังรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของช่างสมัยศรีวิชัยได้อย่างสมบูรณ์ เป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มานานนับ1,000 ปี ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญแก่วัดโดยประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ และยกฐานะวัดเป็นพระอารามหลวง



วัดพระบรมธาตุไชยา เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระบรมธาตุไชยา ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยอดองค์พระบรมธาตุ .....องค์พระบรมธาตุไชยาเป็นตราประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเครื่องหมายบนผืนธงของจังหวัด และเป็นเครื่องหมายบนผ้าพันคอลูกเสือสำรองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี



วัดพระบรมธาตุไชยา เป็นหนึ่งในสามของโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของภาคใต้ อันประกอบด้วย พระบรมธาตุไชยาจังหวัดสุราษฎร์ธานี พระบรมธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราช และพระพุทธไสยาสน์ถ้ำคูหาภิมุขจังหวัดยะลา ….และครั้งหนึ่งท่านพุทธทาสภิกขุ เคยเป็นเจ้าอาวาส ณ.วัดพระบรมธาตุไชยาฯ







นมัสการพระบรมธาตุไชยา


29 กค.2458 - พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการพระบรมธาตุไชยา เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินมามณฑลปักษ์ใต้ และได้ทรงพระราชทานเงินจำนวน 1,000 บาท เพื่อการปฏิสังขรณ์วัด



23 พค. 2510 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา และประทักษิณเวียนเทียน ณ วัดพระบรมธาตุไชยา



13 พย. 2512 สมเด็จพระภิคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดา สิริโสภาพรรณวดี และ พระนางเจ้าสุวัทนาพระวรราชเทวี เสด็จถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพระบรมธาตุไชยา



23 สค. 2521 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดราชบพิธ เสด็จมานมัสการพระบรมธาตุไชยา



4 กย. 2525 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร (เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ) ทรงยกสุวรรณฉัตรพระบรมธาตุไชยา ทรงเปิดพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไชยา และทรงพระรานทานธงลูกเสือชาวบ้าน



13 สค. 2532 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จมานมัสการพระบรมธาตุไชยา



17 สค. 2532 สมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ สุวฑฒโน) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จมานมัสการพระบรมธาตุไชยา



10 พ.ศ. 2533 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาธินัดดามาตุ เสด็จมานมัสการพระบรมธาตุไชยา



7 มีค. 2534 สมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ สุวฑัฒโน) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จมานมัสการพระบรมธาตุไชยา



23 พค. 2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมานมัสการพระบรมธาตุไชยา



14 มค. 2540 สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จมานมัสการพระบรมธาตุไชยา



24 พค. 2541 สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฒโน) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จมานมัสการพระบรมธาตุไชยา









วัดพระบรมธาตุไชยาฯ ตั้งอยู่ที่ 50 หมู่ 3 ตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ...อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอไชยา ประมาณ 2 กิโลเมตร ....อยู่ห่างจากสถานีรถไฟไชยา ประมาณ 1 กิโลเมตร ....และอยู่ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปทางทิศเหนือ ประมาณ 54 กิโลเมตร



หากขับรถยนตร์ไปจากกรุงเทพ พอถึงสี่แยกปฐมพร จ.ชุมพร ให้ขับไปทางเส้นทางที่จะไปจ.สุราษฎร์ฯ ถนนหมายเลข41(A2) เมื่อถึงระยะประมาณ 100 เมตร ก่อนหลักกิโลเมตรที่ 132 จะมีสี่แยกไชยา ให้เลี้ยวซ้าย ขับรถตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร วัดพระบรมธาตุไชยา จะอยู่ทางขวามือ ภายในบริเวณวัดเป็นทั้งที่ตั้งของพระบรมธาตุไชยา โรงเรียนวัดพระบรมธาตุไชยา และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอำเภอไชยา











yyswim







 

Create Date : 09 ธันวาคม 2551    
Last Update : 9 ธันวาคม 2551 9:26:45 น.
Counter : 7838 Pageviews.  

เพื่อนบล๊อกขึ้นบ้านใหม่




เพื่อนบล๊อกขึ้นบ้านใหม่




หลานชาย ช่วยอาราธนาศีล


























‘อาคุงกล่อง’ ซื้อบ้านแถวถนนพระราม 2 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของคุณพ่อคุณแม่ ขี่จักรยานเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงบ้านคุณพ่อคุณแม่



บ้านที่ซื้อ ราคาเท่าไหร่ อุ อุ อุ มิกล้าถาม ...ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ครัว มีรั้ว มีไม้กระถางทั้งรุ่นลอยฟ้า และรุ่นบนดิน บ้านหลังนี้หน้าตากลางเก่ากลางใหม่ ...เหมาะครับ เหมาะทีเดียว สำหรับชายโสดที่จะชวนเพื่อนๆไปนั่งงัดข้อในบางวัน



ตอนนี้ ก็เริ่มมีคนรำพึงความกระหายน้ำ ในเทศกาลปลายๆเดือนธันวาคมกันแล้ว



ผมทราบข่าวเรื่องงานบุญขึ้นบ้านใหม่จาก ‘อาคุงกล่อง’ ด้วยความยินดี ...วันงาน คือวันนี้ วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2551 ผมรีบไปถึงบ้านพร้อมเพื่อนๆชาวบล๊อกแก๊งค์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ... โห ไปถึงก่อนใครๆ ตอนนั้นจะมีก็แต่ญาติสนิท เช่น คุณพ่อ คุณแม่ พี่สาว และคนข้างบ้าน ....เพื่อนๆ และพระยังมาไม่ถึงเลย แต่ไม่นาน คนก็มาร่วมงานกันเต็มบ้าน



อาหารที่จะใช้เลี้ยงพระและเลี้ยงเพื่อนๆ... คุณพ่อของ ‘อาคุงกล่อง’ ทำเอง คุณแม่ ทำเอง คุณป้า ทำเอง พี่สาวปอกผลไม้เอง ข้างบ้านก็ยกจานไข่เจียวหอมฉุย 5 – 6 จานมาช่วยงานเอง ...ผมรู้สึกปลื้มและประทับใจมากๆที่ได้มีโอกาสรู้จักครอบครัวที่น่ารักน่าอบอุ่นมากๆ เช่นครอบครัวของ ‘อาคุงกล่อง’























ของขวัญที่ผมนำไป.... ‘อาคุงกล่อง’ ได้ประกอบใช้งานเดี๋ยวนั้นเลย



















ประเคนอาหาร














ระหว่างพระฉันเพล…..ออกมาถ่ายรูปรอบบริเวณ นี่แหงนดูชั้นสอง





ชั้นล่าง









‘อาคุงกล่อง’ บอกว่า เพิ่งย้ายมาอยู่ ยังไม่ว่างจัดอะไรเลย เพราะกลับดึก งานช่วงนี้หนัก





กระถางต้นนี้ 60 บาท เพิ่งไปซื้อมา





กระถางลอยฟ้านั่น คุณแคท แคทลียา ขับรถยกมา อภินันทนาการให้ทั้งหมด เป็นพันธุ์ที่เพิ่งผสมใหม่ ต้องรออีกราว 2 ปี จึงจะนำผลงานออกมาโชว์ในบล๊อกได้





จักรยานของคุณพ่อ





ซักผ้าเอง...... ‘อาคุงกล่อง’ บอก





ปกติ ห้องนี้จะปิด ‘อาคุงกล่อง’ จะใช้ห้องที่อยู่ในห้องนอน





เขียนบล๊อก ตรงนี้ .....แต่ช่วงนี้ อุ อุ “ไม่ว่างเขียน”





ทีวี ยังไม่ว่าง ดู เล๊ยยย






คุณพ่อ เป็นคนสงขลา.... ท่านเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ใจดี





คุณแม่เป็นคนกรุงเทพ เป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่ง คล่องแคล่ว ไม่แต่งหน้าทาปาก และไม่ชอบออกงาน

ขอนำผลงานของท่าน ที่ท่านถักให้ลูกชาย มาเป็นตัวแทนของท่าน





น้องมีน ....เป็นลูกของเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านที่สนิทกับ ‘อาคุงกล่อง’ มาก... เพราะออกไปทำงานตอนเช้าพร้อมกัน และบางครั้งก็กลับตอนเย็นพร้อมกันอีก









เพื่อนบล๊อก ....สวย นิสัยดี น้ำใจงาม





แสนซน ผู้ไม่เกรงกลัวใคร ….‘อาคุงกล่อง’ บอกว่า “นี่ถ้านับตามศักดิ์ ผมเป็นปู่ของมัน”





กลับเข้ามา ถวายจตุปัจจัย









กรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศล










รับพร




















เจิมห้องนอน





ไล่สิ่งที่ไม่ดีออกไป









พระสงฆ์จาก ‘วัดเลา’ กลับวัด ด้วยรถตู้ของคนใกล้บ้าน





อาหารสำหรับญาติโยม คุณพ่อคุณแม่และพี่สาวจัดเตรียมไว้เยอะมาก





เมื่อทานอิ่มแล้ว ยังแพ็คใส่ถุง มอบให้ทุกคนนำกลับไปบ้านอีกด้วย





บางคนบอกว่า “ไม่ได้หุงข้าวที่บ้านค่ะ พึ่งพาร้านอาหารตามสั่ง”

สักครู่ คุณแม่ก็นำข้าวสวยใส่ถุง มาเพิ่มให้ในถุงเป็นการพิเศษ

โอ๊ย บ้านนี้เขา น่ารัก จิ๊ง





มีคนถาม ‘อาคุงกล่อง’ ว่า....”ข้างบน แอบใครเอาไว้ รึ เปล่า?”

“ไม่ มี๊... ห้องว่าง ...แต่มานอน ได้ นะ”

ห้องนี้ หน้าต่างติดกับต้นมะเฟือง เลยถือโอกาสเด็ดผลมะเฟือง





อีกห้อง ก็ยังว่าง





เจ้าของห้องว่าง….แต่ มิ แน่ใจ เรื่อง หัวใจ





นานๆ โชว์โฉม ที .... อุ อุ อุ ขอ เยอะๆ













ทำ อะ ไร น่ะ!!!!





ดอกหน้าวัว สีจุมพู





ฮ่า ฮ่า ฮ่า






เห็น ‘อาคุงกล่อง’ บอกว่า....เดี๋ยวตอนเย็นจะมีเพื่อนบล๊อกอีกชุดจะมาหาที่บ้าน





แต่ เพื่อนบล๊อกคณะแรก ขอกลับก่อน

ขอบันทึกไว้ว่า ออกจากบ้านงานตอนเวลา 13.30 น. และกลับถึงบ้านราว 18.00 น.

เพราะไป “ป้อมพระจุลฯ” ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระประแดง กันต่อ





yyswim








 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 1 ธันวาคม 2551 13:03:58 น.
Counter : 6650 Pageviews.  

เปิดหอ





เปิดหอ








บล๊อกเรื่องนี้ นำข้อมูลมาเขียนจากกระทู้ของคุณ phraisohn ในเว๊ปบอร์ด ซีมะโด่งดอทคอม

ที่จริง เหตุการณ์เปิดหอได้ผ่านไปแล้ว...อ่านเอามัน กะแล้วกัน





1. เปิดหอ




วันที่ชาวหอส่วนใหญ่รอคอย วันที่หอหญิงจะได้วิ่งขึ้นไปบนหอชาย และวันที่หอชายจะได้ขึ้นไปห้องหอหญิง(ซึ่งบางคนแซวว่า จะได้ขึ้นไปหาเพื่อนสาวของเธอ) นั่นก็คืองานสุดยิ่งใหญ่ในรอบสองปีของหอจุฬาฯ .... แต่น แต๊น แต้นนนนนน..... 'งานเปิดหอ’



สำหรับชาวหอชาย ที่อยากจะรู้นักรู้หนาว่าชาวหอหญิงเค้าอยู่กันยังไง แล้วชาวหอหญิงที่อยากจะเห็นกะตาชัดๆว่า ห้องหอชายเขาจะรกกันสักแค่ไหนเพราะได้ยินกิตติศัพท์มานาน ...วันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ อย่าลืมเด็ดขาด เพราะโอกาสจะไม่มีหวนกลับ พ้นแล้วพ้นเลย ไม่มีหรอกที่จะเปิดอะไรให้ดูกันง่ายๆฟรีๆ ...นู่น หากจะต้องการดูอีกรอบ ก็ต้องรอไปอีกสองปี!



นักข่าวหนุ่มกระชุ่มกระชวย ได้ถามกระทาชายแห่งจำปีวิหารนายหนึ่งที่เดินผ่านมาว่า “งานเปิดหอครั้งนี้ จะรีบขึ้นไปดูหอหลังไหน?”(จำปี คือชื่อตึกหอชาย)



กระทาชายนายนั้นรีบตอบทันที "จะรีบขึ้นไปดูหอชาย หลังข้างๆ”



“โอ้ว แม่เจ้า” นักข่าวเผลออุทาน



ส่วน หนึ่งดรุณหญิงก็ไม่น้อยหน้า ระริก ระรี้ปลากระดี่โดนน้ำร้อน(ขออภัยที่ต้องขอสงวนชื่อและนามสกุล เนื่องจากกลัวบุพการีของเธอจะยอมรับไม่ได้) …."จะขึ้นไปดูห้องน้องหนุ่ม นักเทนนิส ค่ะ เพราะชอบน้องเค้า อยากรู้ว่าน้องเค้านอนยังไง...." เธอพูดพร้อมแววตาอันเป็นประกาย ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก




ตึก จำปี






















ตึก จำปา






ตึก ชวนชม(ด้านหน้า) ….ผมพักอยู่ตึกนี้ ชั้น 3 ทั้ง 4 ปี





ตึก ชวนชม(ด้านหลัง)





บึงน้ำ มีปลาหลากหลายพันธุ์







ไหนๆก็จะได้ขึ้นไปดูหอข้างๆ จะเป็นหอต่างเพศ หรือหอเพศเดียวกัน ก็ช่างเถอะ ...วันนี้ทีมงานมีคำแนะนำมาฝาก จะได้รู้เทคนิคของรุ่นพี่ๆตอนเข้าไปห้องหอ ...อุ๊บ ตอนเข้าไปชมหอในพิธีเปิดหอ



อย่างแรกก็คือ ขอให้เตรียมกล้องไป ถ่ายให้ทุกมุม ทุกจุด ทุกช็อต แม้แต่ราวตากผ้า ที่เก็บเกือก ถังผ้าส่งซัก ก็ถ่ายเก็บไว้ ...ใช้แก้วน้ำ รึ ใช้แก้วพลาสติก กอดหมอนข้าง รึ ปล่าว? คราบบนที่นอน มีกี่แหมะ ก็อย่าลืมกดมาหลายๆรูป จากนั้นพวกเอ็งก็จงเอามาประจาน ณ บอร์ดแห่งนี้ว่า ห้องแม่คนสวย ห้องพ่อหนุ่มรูปหล่อนั้น สภาพที่แท้จริงแล้วเป็นเยี่ยงไร ต่อไปจะได้ไม่ต้องทะนงตนมากนัก ..เพราะมันตาร้อน วุ๊ย ....แต่ แฮ่ แฮ่ ข้างต้น โพ้มพูดเกินจริงไปหน่อย ที่จริงอยากจะบอกว่า รูปภาพเหล่านี้มันมีค่ามากๆ จ้า ....เมื่อทุกคนจบออกไปแล้ว มันจะเป็นของที่ระลึกที่มีคุณค่ายิ่งเมื่อเอาไปมอบให้เจ้าของห้อง เมื่อเจ้าของห้องเป็นใหญ่เป็นโต เธอหรือเขาจะขำก๊ากกกะรูปเหล่านี้ ทีเดียวเชียว



อย่างที่สอง เจ้าของห้องก็ควรจะเตรียมตัว ‘รับแขก’ หน่อย หากไม่เคย ขอแนะนำให้ไปหาหนังแนวๆ ‘รับแขก’ มาดูไว้บ้าง ถ้าไม่รู้จักชื่อหนัง ก็โน่นเลย แวะไปที่ร้านวีซีดี บอกเขาว่าเอาเรื่องนี้.... "เกอิชา นางโลมโลกจารึก" นั่นละตัวอย่างการ ‘รับแขก’ ชั้นเซียน ก็นะ มีคนมาเยี่ยมถึงห้องทั้งที ควรจะดีใจ มิใช่ ทำหน้ายิ่งกว่าตูดลิง ควรจะเตรียมน้ำเย็น เตรียมมะยม มะกอกดอง รอเอาไว้บ้าง ...อิ อิ จะได้ขึ้นไปมีเอี่ยว



สำหรับคนที่เอาแต่หมกมุ่นเรียนอยู่แต่ในห้อง ชีวิตนี้ทั้งชีวิต ชั้นจะอยู่แต่ภายในห้องของชั้น ก็หัดเปิดหู เปิดหอ ซะมั่ง อย่าช่างมันฉันไม่แคร์จนเกินไป เพราะคุณกำลังคิดผิด กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ชาวหอชายและหอหญิงได้รู้จักกัน ได้สนิทสนมเป็นพวกเดียวกัน เมื่อต่างคนต่างจบออกไป ก็จะได้เกี่ยวดองเป็นพี่เป็นน้องกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ....นิสิตเป็นภาษาบาลีหมายถึง ผู้ที่เล่าเรียนและพำนักอยู่กับอุปชาย์หรือพำนักอยู่ในสำนักวิชา คุณเป็นผู้โชคดีแล้วที่ได้มาอยู่หอพักนิสิต เพราะมีหลายคนอยากจะมาอยู่ ใจจะขาด แต่ก็สอบสัมภาษณ์เข้ามาไม่ผ่าน แถมบางคนก็ไม่มีสิทธิจะเข้ามาสอบด้วย(เพราะอยู่ในกรุงเทพ) จงภาคภูมิใจในความเป็นนิสิตหอ...อยู่หอ ความสนิทสนมกัน จึงต้องมีมากกว่าพวกที่เดินเรียน จ้า ...หัด จำ ไว้



และอย่างที่สาม อย่างสุดท้ายแล้ว.... คนที่ไปเยี่ยมห้องคนอื่นเขา ก็ควรจะมี ’มารยาท’ ....ไม่ใช่เห็นอะไรก็อยากจับ อยากพลิก อยากหยิบ อยากถ่าย ขออนุญาตเค้าซะก่อน ...บางคนก็ทำน่าเกลียด เห็นเจ้าของเค้าใจดี ก็ขอเค้า ทั้งๆที่เค้ามีอยู่ชิ้นเดียว น่าจะลองถามเค้าว่า “อยากจะซื้อบ้าง แบบนี้ หาซื้อได้ที่ไหน?” คือ ถ้าเขาจะซื้อให้จริงๆ ก็ อิดออดเล็กน้อยพองาม



ตัวอย่าง สิ่งที่ควรขออนุญาตเจ้าของห้อง ก่อนที่จะไปจับต้อง ได้แก่ ชุดชั้นใน กระเป๋าตังค์ มือถือ และตัวเจ้าของห้อง!




หลังจากที่ดูหอ จนนัยน์ตาอิ่มหนำสำราญ ตกตอนเย็นย่ำ เราก็จะรับประทานอาหารร่วมกันระหว่างหอชายกับหอหญิงให้ปากอิ่มหนำสำราญ แล้วก็ฟังคอนเสิร์ตร่วมกันต่อ ให้หูได้อิ่มหนำสำราญ ...ย้าง ยัง ไม่ หมด ตกดึกเราก็จะมาดิ้นด้วยกัน เอาให้ขากับน่องได้อิ่มหนำสำราญกันต่อ



ขอให้สนุกสนานและสนิทสนม รู้จักตัวรู้จักห้องกันทั่วถึงทั้งหอชายและหอหญิงนะน้อง.....











2. วันดวลเพลง





พี่ๆไซด์หรือพี่ๆกลุ่มเชียร์บอกว่า ห้องร้องเพลงเชียร์ของหอชาย น้องๆเขาเข้ามาซ้อมกันน้อยมาก ประมาณ 150 คนได้มั๊ง จากจำนวนน้องใหม่หอชายปีนี้ 319 คน ไม่ถึงครึ่งเลยแฮะ ...แล้วอย่างนี้จะไปสู้อะไรได้กับหอหญิง ที่เขามีกำลังพลเข้าพักแต่ละปีมากกว่าหอชายถึงสองเท่า



และแล้ว ‘วันดวลเพลงหอ’ ระหว่างหอหญิงกะหอชาย ก้อมาถึงจนได้



วันนี้ มีน้องๆหอชาย รวมพลกันได้ประมาณ 120 คน ส่วนของหอหญิง ก็ปล่อยๆเค้าไป ก็เค้ามีตั้งสามตึกนี่ ของเรามีแค่สองตึก เอิ๊กๆๆๆ



น้องๆหอชายบางคู่ สวมปลอกแขนสีเขียว กันคนละแขน

ดู๊ ดู มันนั่ง สำรวม เกินปกติ....





ผัดหน้า ประแป้ง ออกมาดวลเพลง กะ หอหญิง





สามัคคีล้ำเลิศ ผัดหน้ามาคนละ ครึ่งซีก เหอ เหอ





ซีกที่ไม่ผัดหน้า อุ อุ ดูสวยกว่าอีก





หอชาย ดิ ...หน้าตาถึงตลกยังงี้





ท่า ผีหลอก โบร๊ะ โบร๊ะ บรื๊อออส์ส์ส์





แข่งสมาธิ ห้ามยิ้ม ห้ามหัวเราะ ....หอชายไปเย้าไปยั่วก่อน





แล้วก้อถึง คิวหอหญิงเย้ายั่วบ้าง ...โห เธอมากันเป็น โขลง








เสร็จจากการดวลเพลง และเสร็จจากการแข่งขันสมาธิของน้องๆ ก็ต้องขอให้อาจารย์อนุสาสกช่วยตัดสินว่า หอไหนร้องได้ดังกว่า ถูกทำนองกว่า และร้องได้พร้อมเพรียงกว่า



อาจารย์อนุสาสก ประกาศผ่านไมค์



"ถ้าดูเรื่องปริมาณก็ต้องยกให้หอหญิง" ....(มวลด้วยแหละ หุ หุ หุ)



"แต่ถ้าดูเรื่องความเข้มแข็ง ก็ต้องยกให้หอชาย" .....(ก้อ ของมันแน่ อยู่แว้ววว)



เมื่ออาจารย์ประกาศเสร็จ พิธีกรก็เลยสรุปว่า ทั้งสองหอ เสมอกัน …..เย้



เสร็จจากการดวลเพลง พี่ๆทั้งสองหอ ก็ไล่จัดแถวตามระเบียบเชียร์ให้น้องๆกลับไปประจำยังห้องเชียร์หอของตน



และนี่เป็นเหตุการณ์ในห้องเชียร์หอชาย



"เห้ย พวกมรึงดวลเพลง แพ้หรือชนะ" พี่วินัยถาม


"เสมอครับ" น้องตอบ


"เห้ย กุบอกแล้ว 90 ปี หอชายไม่เคยแพ้ ....ถ้าเสมอ แปลว่าอะไร?"


"แพ้ครับ" น้องตอบ …(โอว์ สวรรค์ น้องกุ ดวลเพลงแพ้ ม่ายจริงงงงงงงงงงงงง)




จากนั้น น้องๆ ก็ถูกกดดัน ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วก้อถูกกดดัน เรื่องที่แพ้ดวลเพลง


"บอกกุมาซิ ว่าทำไม มรึงถึงแพ้!"


"ปริมาณน้อยกว่าครับ"


"ร้องเพลงเสียงเบากว่าครับ"


"ไม่อยู่ในระเบียบวินัยครับ"…… เสียงน้องๆหอชายช่วยกันตอบ


"พี่ครับ ผมร้องเพลงเดี่ยวๆไม่ค่อยได้ครับ แต่ถ้าให้ร้องด้วยกันกับเพื่อน ผมร้องได้คับ" ......นี่เป็นเสียงของ “ไอ้ปั่นป่วน’ จอมแสบของน้องปีหนึ่ง (ตอนที่เค้าพูด เค้าก็แต่งกายผิดระเบียบห้องเชียร์หอด้วยแร่ะ คือ ดั๊น เสียบที่คาดผมมา)




จากคำตอบนี้เอง.. น้องๆทุกคนก็ถูกสั่งให้ถอดเสื้อออก โชว์ก้างกันเห็นๆ ....(ฮ่า ฮ่า ฮ่า)


"กุ เสียใจนะเฟร้ย ที่พวกมรึงแพ้"


"มึงได้แต่รับปากพวกกุ ว่าได้ ทำได้ ตั้งแต่วันแรก แต่ไม่มีสักอย่าง ที่มรึงจะทำได้เลย" พี่ๆก็ไซโค




บรรยากาศคืนนี้ ยอมรับว่า จำนวนพี่ไซด์ หรือพี่กลุ่มเชียร์ เยอะมากมายมหาศาล ว้ากๆๆ ว้ากกกๆๆ


"พวกมรึง ดวลเพลงแพ้ ....90ปี หอกุ ไม่เคยแพ้ เข้า จั๊ย กุ บอกมรึงแล้วว่า ให้ตั้งใจ ในเมื่อพวกมรึง ทำไม่ได้ มรึงก็ไม่สมควรจะได้อยู่หอนี้ต่อ พรุ่งนี้พวกมรึง เก็บกระเป๋า ออกไปจากหอพวกกุ แปดโมงเช้าเท่านั้น วันนี้พวกมรึงไปนอนหอกุได้ คืนนี้คืนสุดท้าย เท่านั้น.....ห้ามใช้น้ำ ห้ามใช้ไฟ และกุ อนุญาตให้พวกมรึง นอนได้เฉพาะในห้อง 201 202 204 205 206 ..5 ห้องนี้เท่านั้น ไป!!"



แต่น้องๆทุกคน หน้าด้านครับพี่น้อง ไม่ยอมไป นั่งนิ่ง



"กุ บอกให้พวกมึงไป ไป๊!!" พี่ๆไล่ แต่น้องก็นิ่ง (สีซอ จริง จิ๊ง)



"งั้น ถ้ามึงไม่อยากไปนอน ก็นอนซะตรงนี้ หาที่เฉพาะตัว!!! อ้าว หมอบ" แล้วก็ให้น้องหมอบ



แต่สุดท้าย ก็ต้องให้น้องๆขึ้นไปนอน โดยบอกว่า



"มึงไม่เคยทำตามที่กุขอ ได้เล๊ยยยย ไหนๆ กุก็ไม่ได้ เจอพวกมึงอีกแล้ว กุขอเถอะ ไปนอนซะ"



น้องๆ ก็เลยได้ไปนอน



ย้าง เหตุการณ์ ยังไม่หมด ได้นอนกันราวสักสิบห้านาที



โป๊งๆๆๆๆ เป๊งๆๆๆๆ เสียงเคาะประตูห้องของทั้ง 5 ห้อง ก็ถูกรัวดังขึ้น



พี่ๆปีสอง ...ไล่น้องๆลงมารวมกันที่ห้องเชียร์อีก พร้อมกับ ว้ากๆๆๆ แว๊กกกๆๆๆ และทวนเรื่อง order ว่า ทำไม ทำไม่ได้ ทำไม ต้องให้ขายขี้หน้า (เล่นเอาซะน้องอ่วมไปเลย)



จากนั้นก็ถึงคิว พี่ปีสาม มาถึง ก็ทวนเรื่อง unity กับ tradition ว่า ความสามัคคีของพวกมรึง ยังไม่มีเลย กุ เสียเวลามาสอน แต่พวกมรึง ก็ไม่เคยทำตาม จากนั้นพอกรู ถามคำถาม ก็มีแต่พวกหน้าเดิมๆยกมือตอบ



พี่ปีสาม อารมณ์ค้างจากไหนก็ไม่รู้ ก้อเลยบอกให้คนที่ชอบยกมือ ออกมาข้างนอก พร้อมกับด่าว่า “อย่าทำตัวเป็น hero” แล้วก็สั่งให้พวกที่ชอบยกมือ ลุกนั่งตามจำนวนรุ่นของปีสาม คูณด้วยสิบเท่า ...นั่นก็คือ 89*10 = 890 นั่นเอง



น้องที่ชอบยกมือ ถูกทำโทษลุกนั่งไปได้สักพัก ก็มีน้องๆบางคนยกมือ เพื่อขอแบ่งปัน



"เอามือลงไป กุ ไม่ต้องการ hero" เสียงของพี่ปีสาม สั่ง



น้องๆก็ไม่ยอม พี่ปีสาม ก็เลยสั่งให้พวกที่ถูกลงโทษลุกนั่งอยู่แล้ว ถูกทำโทษลุกนั่งเพิ่มขึ้นตามจำนวนของคนที่ยกมือ แล้วคูณด้วย 10



ลุกนั่ง ผ่านไปสักพัก ก็มีน้องๆบางคนยกมือจะช่วยแบ่งปันอีก พี่ๆก็ด่าอีก ...



แต่ตอนนี้ มีทีเด็ดครับ ‘ไอ้เจ้าปั่นป่วน’ ที่ถูกลงโทษไปแล้ว มันชูมือขึ้น พร้อมกับบอกว่า



"เพื่อนๆ ถ้าจะยกมือช่วยกรู ก็ยกกันทั้งรุ่นเถอะ กรูยอม"



เสร็จจากปีสาม ก็เป็นคิวของพี่ปีสี่ แต่เนื่องจากพี่ปีสี่ ลงมากันน้อยคน ทีมงานไซด์ของพี่ปีสี่จึงต้องมีพี่ปีสามเข้าไปสมทบ



จากนั้นก็ถึงคิวของพี่บัณฑิต ...โห พี่บัณฑิต องค์เจ้าพ่อลง ต้องขอยอมรับว่าคืนนี้เล่นแรงจริงๆ คือ ลงโทษ พี่ๆปีสี่ ปีสาม ปีสองซะอ่วม ...ให้ลุกนั่ง 100 ที โทษฐานสอนน้องๆไม่ดี



พี่บัณฑิต คือพี่ๆที่กำลังเรียนปริญญาโท ปริญญาเอก ส่วนใหญ่ก็คือ พี่ๆชาวหอลูกหม้อทั้งนั้น ถ้าใครเข้าใหม่ ก็จะต้องเป็นน้องใหม่หอ ต้องซ้อมเพลงเชียร์ของหอให้ได้เสียก่อน



"พี่ครับ ผมขอโทษ" เสียงน้องๆกล่าวต่อรุ่นพี่ ที่ถูกทำโทษ ... (โห ได้ยินแล้วน้ำตาซึม)



"กุ ไม่มีอะไรจะพูด กับพวกมรึงแล้ว แต่กุว่า พวกมรึงคงมีอะไรจะพูด พูดออกมาได้เลย กุ ยินดีรับฟัง กุ ไม่มีอะไรจะพูด เพราะพูดไป มรึง ก็ไม่เอาสักอย่าง ขอกุ ฟังพวกมรึงบ้าง"



"ขอบคุณครับ" เสียง “ไอ้ปั่นป่วน’



เสียงพี่ไซต์ ก็ร้องใส่ “จะมาขอบคุณอะไร กะกุ กุ ทำอะไรมรึง ไม่ต้องมาขอบคุณ กันและกัน”



"ผมคิดว่า แทนที่เราจะมาเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ทำไมเราไม่เอามาเป็นบทเรียน แล้วทำสิ่งต่อไปให้มันดีขึ้นกว่าเดิมละครับ" ....(วิชาการจริงๆ ไปรับรางวัลโนเบลเลยน้อง ไปส้วมโน่น!)



"มรึง จะทำได้ยังไง ขนาดเรื่องแค่นี้ มรึง ยังทำไม่ได้!!" พี่ไซด์ เล่นบทบาทต่อไป



"ผมอยากจะขอขมารุ่นพี่ๆครับ" .... (โอ้ ขอขมา เลย เรอะ)



"กุ ไม่ใช่ศาลพระภูมิ จะมาขอขมา ทำไม กรู๊ !"



"ผมอยากจะบอกพี่ๆว่า ผมรักห้องเชียร์หอ ครับ และผมจะพยายามไม่ขาดห้องเชียร์ แล้วครับ"…. "ถึงเราจะดวลเพลงแพ้ แต่ก็ทำให้เรารักหอ มากขึ้นครับ"



แค่นี้ละครับ ที่น้องๆ มันพูด



มาต่อกัน ที่พี่บัณฑิต.... ก็มีการด่าว่าพี่เชียร์อีกรอบ ที่สอนน้องๆไว้ไม่ดี และ บอกว่า เด๋วกุจะรับมันเอง พวกพี่ไซด์ก็เลยต้องยกน้อง ให้พี่บัณฑิตรับไป



"ถึงแม้ว่าต่อไป พวกคุณจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่อย่างที่ผมบอกว่านะครับว่า ถึงอย่างไร พวกคุณก็มีพระเกี้ยวประทับอยู่ที่หน้าผาก อย่าทำให้พระเกี้ยวเสื่อมเสีย เพราะพวกคุณ นะครับ"




พี่บัณฑิต พูดต่อ.....”สมัยก่อนห้องเชียร์จะใช้สถานที่ที ก็ต้องโน่น สนามหญ้าข้างคลอง ข้างๆตึกหอชาย แล้วก็ให้น้องไปจัดแถวพร้อมอยู่ในระเบียบเชียร์ ดูซิ มันแสนทรมาน ยุงก็เยอะ แต่ทุกคนก็ทำกันได้อย่างพร้อมเพรียง ไม่มีใครเคยหนีซ้อม”



"ก่อนที่ผมจะปล่อยพวกคุณไป ผมขอถามหน่อยว่า พวกคุณ ดวลเพลง แพ้หรือชนะ"



"ชนะ ครับ" เสียงตอบเบามาก



"คุณดวลเพลงแพ้หรือชนะ"



"ชนะครับ" เริ่มดัง



"แพ้หรือชนะ"



"ชนะครับ!!!" เสียงน้องตอบเป็นหนึ่งเดียว



"เออ!!! จำไว้ พวกมรึงดวลเพลง ต้องชนะ !!"



"จำไว้ หอชายไม่เคยแพ้!!!" และ "พวกมรึงน่ะ น้องกรู๊!!!!!!!!!!!!!"





แค่นั้นแหละครับ ไอ้หัวชี่ทุกคน มันก็ลุกขึ้น เฮ้!!!!!!!!!!! พร้อมกัน ...(ไม่รู้ว่า มันจะดีใจอะไรกัน นักหนาเอาตอนดึกๆ)



และแล้ว กิจกรรมห้องเชียร์ก็ผ่านไป จากรุ่นไปสู่รุ่น.....



"น้องเอ๋ย การได้เป็นนิสิตหอพักฯ ขอให้พวกเจ้าจงภาคภูมิใจเถิดว่า เจ้าคือ REAL CHULA เป็นจุฬาฯที่มีมากกว่านิสิตอื่น เมื่อเจ้าได้รับสิ่งดีๆไปจากพี่ ขออย่าเก็บมันไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่จงสานต่อ และจงมอบมันให้กับน้องๆของพวกเจ้ารุ่นต่อๆไป”



“แล้วเจอกันในงานรับน้องใหม่ปีหน้า ....ในฐานะรุ่นพี่จุฬาฯ เต็มตัว"




ขอขอบคุณ ข้อมูลจากกระทู้ของคุณ phraisohn ในเว๊ปบอร์ด ซีมะโด่งดอทคอม













อยากบอกเพิ่มเติมว่า


งานจุฬาฯ วิชาการ’ 51 กำลังจัดอยู่ในจุฬาฯ จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน




“จุฬาฯ วิชาการ’ 51” ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13 โดยจัด 3 ปี ต่อครั้ง จัดทั้งทีจัดแบบยิ่งใหญ่อลังการ ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวความคิด “พลังแห่งปัญญา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เปิดต้อนรับบุคคลทั่วไป นักเรียน นิสิตนักศึกษา เข้าร่วมงาน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 - 30 พฤศจิกายน 2551 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใครไม่ได้ไปดูในปีนี้ ต้องรอไปอีก 3 ปี ล่ะคร้าบ



จุดเด่นของงานอยู่ที่ศาลาพระเกี้ยว ซึ่งจะเป็นนิทรรศการแสงสีมัลติมีเดียล้ำยุค ที่สะท้อนแนวความคิดวิธีการพัฒนาภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง มีการจำลองสภาพปัญหาภาวะโลกร้อนและปัญหาอื่นๆที่ประสบอยู่ในปัจจุบัน ผ่านรูปแบบสื่อผสมสุดไฮเทค ที่ให้ผู้ชมสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมใช้ประสาทสัมผัสทุกมิติ รับประสบการณ์ปัญหาเสมือนเกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งร่วมกันคิดหาหนทางแก้ไข และมีการนำเสนอผลงานของนิสิตเป็นพลังส่วนหนึ่งในการแก้ไขและพัฒนาที่ยั่งยืน







นอกจากนิทรรศการหลักแล้ว ยังมีการจัดแสดงผลงานทางวิชาการของนิสิตจุฬาฯที่โดดเด่น โดยจะแบ่งโซนกิจกรรมออกเป็น 4 เมืองตามสาขาวิชาต่างๆ เช่นเมืองวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เมืองวิทยาศาสตร์สุขภาพ เมืองมนุษย์ศาสตร์ และเมืองสังคมศาสตร์ ซึ่งแต่ละเมืองจะนำเอาผลงานเด่นๆของแต่ละคณะมาอวดโฉม เช่น หุ่นยนต์รางวัลระดับโลก ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ แฟชั่นโชว์สุดเก๋จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ นิทรรศการแนวคิดการเมืองสีเขียวโดยคณะรัฐศาสตร์ เป็นต้น



สำหรับน้องๆนักเรียนนักศึกษา อาจจะเข้ารับประสบการณ์การร่วมทดลองปฏิบัติจริง เช่น การเป็นดีเจ พิธีกร ผู้ประกาศข่าว ของคณะนิเทศศาสตร์ การชมการสาธิตวิธีชันสูตรศพ ของคณะแพทยศาสตร์ เป็นต้น







เพื่อนๆท่านใด หากมีโอกาสไปในงานจุฬาฯ วิชาการ' 51




ขอแนะนำคนซ่าของหอชาย “น้องปั่นป่วน” ...น้องเขาจะประจำอยู่ที่ “รถวัดรัศมีความโค้งเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน” บริเวณเมืองวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี หรือคณะวิศวกรรมศาสตร์







‘บักปั่นป่วน’ เป็นชื่อสมญานาม เป็นน้องใหม่คณะวิศวะ จุฬาฯ เขากำลังจัดนิทรรศการโชว์ผลงานเดี่ยวของเขาเอง ซึ่งได้รับรางวัลที่หนึ่งของประเทศ ด้วยการประดิษฐ์รถวัดรัศมีความโค้งของถนน(เป็นรถขนาดอุ้มได้) ที่เมื่อนำไปใช้งานจริงจะสามารถลดต้นทุนของนอกซึ่งเสียค่าใช้จ่ายต่อคันประมาณห้าแสน ให้ลดลงเหลือเพียงสองหมื่นบาท ....โอ้ มันจะเก่งอะไรปานนั้น.....เอ้อ ได้ข่าวจากวงในมาอีกว่า ตอนนี้ ‘บักปั่นป่วน’ จะได้ถ่ายโฆษณาให้เครื่องดื่ม ‘แบรนด์’ คู่กับพี่โต๋ ด้วยละ




เรื่องยาวนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน





yyswim







 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2551 22:25:11 น.
Counter : 3277 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.