สุดยอดเมนู ชิฟฟ่อนมะพร้าวอ่อน




















































































วันนี้จะนำเสนอการทำ ชิฟฟ่อนเค้กมะพร้าวอ่อน


อีกช่องทางอาชีพที่น่าสนใจ โดยชิฟฟ่อนเค้กนั้นเป็นเค้กที่มีลักษณะเบา
มีลักษณะรวมกันระหว่างเค้กเนยและเค้กไข่
มีโครงสร้างที่ละเอียดเหมือนเค้กไข่ แต่มีเนื้อเค้กเหมือนเค้กเนย
จะแตกต่างจากเค้กเนยตรงที่ใช้น้ำมันพืชแทนการใช้เนย








กฤษณา กองยศสืบ หรือ คุณปู อายุ 38 ปี
เจ้าของสูตรและเจ้าของร้านชิฟฟ่อนเค้ก ปู กะ เอ เล่าให้ฟังว่า


สูตรที่ทำอยู่นั้นเรียนมาแล้วมาปรับปรุงให้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
เพื่อให้มีจุดเด่นที่รสชาติกลมกล่อม หวานกำลังดี
เคล็ดลับของความอร่อยอยู่ที่วัตถุดิบที่คัดของดีมีคุณภาพ สดใหม่ทุกวัน เช่น
ไข่ไก่ เป็นไข่เบอร์ศูนย์ ซึ่งเป็นไข่แฝด
สั่งมาจากฟาร์มที่ได้มาตรฐานทุกวัน ทำให้ได้เค้กเนื้อนุ่มอร่อยไม่เปลี่ยน
แม้จะผ่านการนำไปแช่ตู้เย็น


หลังผ่านการลองผิดลองถูก ที่สุดก็ได้เป็นสูตรที่ลงตัว































การทำเค้กแต่ละร้านหลักการจะไม่แตก
ต่างกันมากนัก ขึ้นอยู่กับสูตรส่วนผสม
ของเราปรับจนรู้ใจคนไทยว่าชอบเค้กที่นุ่มหอม และจากการที่ชอบกิน เช่น
มะพร้าว เผือก พุทราจีน ส้ม ช็อกโกแลต กาแฟ และมะตูม เลยลองเอามาทำดู
ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก









ชิฟฟ่อนเค้กสูตรร้าน ปู กะ เอ สามารถเก็บไว้ได้ 1
สัปดาห์


โดยปลอดจากสารกันบูดทุกชนิด พิถีพิถันการผลิตทุกขั้นตอน
ใหม่สดทุกวันไม่มีค้างคืน ผลตอบรับที่ผ่านมาจึงมีลูกค้าทั้งในจังหวัด
ต่างจังหวัด รวมถึงกรุงเทพฯ แวะเวียนมาซื้อกันมาก จนต้องโทรฯ สั่งล่วงหน้า
มิฉะนั้นต้องเข้าคิวซื้อยาว เรียกว่าทำกันไม่ทันขายเลยทีเดียว





























สำหรับจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้ คุณปูเล่าว่า


เดิมเป็นอาจารย์สอนบัญชีที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาฉะเชิงเทรา
พอคลอดลูกก็ไม่มีคนเลี้ยง เลยลาออกมาทำหน้าที่แม่บ้าน แต่ก็ยังอยากทำงาน
พอดีน้องสาวต้องการขายอุปกรณ์ทำเบเกอรี่ก็ซื้อไว้
จากนั้นก็ไปเรียนการทำขนมที่กรุงเทพฯ แล้วไปเจอสูตร
ชิฟฟ่อนเค้กมะพร้าวอ่อน
ก็ลองทำ แต่ยังไม่อร่อย
จึงปรับปรุงเนื้อเค้กและรสชาติ กว่าจะลงตัวก็กินเวลา หลายเดือน
โดยเริ่มแรกทำรสเดียวคือมะพร้าวอ่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มสูตรให้มี








ความหลากหลายเพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า


โดยการทำ-การขายมีรายละเอียดดังนี้...


วัสดุอุปกรณ์...เตาอบ,

เครื่องตีไข่ไฟฟ้า,

เครื่อง นวดแป้ง,

อ่างผสม,

พายยาง,

พิมพ์อบเค้ก,

แปรงทาเนย,

ตะแกรงร่อนแป้ง,

ตะแกรง,

พิมพ์หรือถาด อบขนม ขนาดกว้าง 10 นิ้ว ยาว 13 นิ้ว สูง 1 1/2 นิ้ว,

ตาชั่ง,

ถ้วยตวงของแห้ง,

ช้อนตวง,

ถ้วยตวงของเหลว,

มีดตัดขนม

และมีดปาดครีม,

กระดาษไข ฯลฯ





























ส่วนผสมที่ 1....


แป้งเค้ก หรือแป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม,

ผงฟู 3 กรัม,

น้ำตาลทราย 30 กรัม,

เกลือป่น 0.8 กรัม,

นมข้นจืด 70 กรัม,

ไข่แดง 90 กรัม,

น้ำมันพืช 100 กรัม,

น้ำใบเตยคั้นข้น ๆ 40 กรัม


ส่วนผสมที่ 2....


ไข่ขาว หรือครีมออฟทาร์ทาร์ 125 กรัม,

น้ำตาลทราย 40 กรัม

และมะพร้าวอ่อน 2-3 ลูก








ขั้นตอนการทำ ชิฟฟ่อนเค้กมะพร้าวอ่อน


เริ่มจากทำส่วนผสมที่หนึ่งก่อน โดยร่อนแป้งแล้วตวงตามส่วน
ผสมผงฟูร่อนร่วมกัน 3 ครั้ง ใส่น้ำตาลทรายผสมลงไปด้วย


แล้วตั้งพักไว้ จากนั้นนำไข่แดงที่เตรียมไว้ผสมกับน้ำมันพืช
ใช้ที่ตีไข่คนให้เข้ากัน แล้วจึงใส่น้ำใบเตยข้น ๆ เกลือ นมข้นจืด


เทส่วนผสมของแป้งตามลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
จนแป้งนวลเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ตั้งพักไว้





























ต่อไปนำส่วนผสมที่สอง


คือไข่ขาว กับครีมออฟทาร์ทาร์ ใส่ลงไปในอ่างผสม
ใช้เครื่องตีส่วนผสมจนส่วนผสมขึ้นฟู จากนั้นค่อยเติมน้ำตาลทรายลง
ตีต่อไปจนไข่ขาวเป็นฟองตั้งยอด

ขั้นต่อไปนำส่วนผสมที่ 1 ค่อย ๆ เทลงไปในอ่างผสมของส่วนผสมที่ 2
ซึ่งมีไข่ขาว ครีมออฟ ทาร์ทาร์ และน้ำตาลทราย ใช้มือตะล่อมเบา ๆ
หรือใช้พายคนเบา ๆ ให้ส่วนผสมทั้งสองส่วนเข้ากันดี



เตรียมถาดพิมพ์ โดยการรองด้วยกระดาษไขทาน้ำมันให้ทั่ว แล้วจึงเทส่วนผสมลงไป
เอาเข้าเตาอบ ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส หรือ 350 องศาฟาเรนไฮต์
ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที จนขนมเหลือง นำออกมาจากเตา แล้วคว่ำลงบนตะแกรง
พักไว้ให้เย็น








ระหว่างรอ ก็ทำบัตเตอร์ครีม หรือ


บัตเตอร์ไอซิ่งหน้ามะพร้าวอ่อน ส่วนผสมก็มี เนยขาว น้ำตาลทราย
นมข้นจืดระเหย และมะพร้าวอ่อน เริ่มจากนำมะพร้าวอ่อนมาขูดด้วยเล็บแมว
เสร็จแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น จากนั้นนำนมข้นจืดระเหย และน้ำตาลทราย
ผสมคนให้ละลาย เข้าตู้เย็นแช่ให้เย็นจัด








ตีเนยขาวจนขึ้นฟู


แล้วค่อยนำส่วนผสมของนมลงตีให้เข้ากันจนขึ้นฟู
แล้วเอามะพร้าวอ่อนที่เตรียมไว้มาใส่ผสมลงไป
นำเค้กที่เย็นหนึ่งชิ้นมาปาดด้วยบัตเตอร์ครีมมะพร้าวอ่อนให้ทั่ว
ให้มีความหนาพอสมควร แล้วนำเค้กอีกชิ้นมาประกบ
แล้วใช้มีดตัดเป็นรูปสามเหลี่ยม


จากสูตรที่ว่ามานี้ สามารถทำชิฟฟ่อนเค้กได้ประมาณ 48 ชิ้น






Free TextEditor





















































 

Create Date : 10 เมษายน 2553    
Last Update : 10 เมษายน 2553 10:51:30 น.
Counter : 4816 Pageviews.  

การเลือกใส่เข็มขัด










































"ใส่แบบไหนเหมาะกับคุณ"

อีกหนึ่งเครื่องประดับที่อยู่คู่กับกางเกงของเรามาโดย
ตลอด นั่นคือ "เข็มขัด"
ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีเข็มขัดรูปทรงแปลก ๆ
ออกมาให้เราได้เลือดคาดกันตามบุคคลิกของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นหนัง เป็นผ้า
หรือพลาสติกหลากสี

วันนี้เราก็มีเคล็ดลับในการใส่เข็มขัดให้ดูเก๋ไก๋
สไลเดอร์มาฝากกันค่ะ



1. ลองคาดเข็มขัดหนังอันโตทับเสื้อแจ๊คเก็ต หรือโอเวอร์โค้ตตัวโต
ครั้งแรกอาจจะดูแปลก แต่รับรองว่าเก๋อย่าบอกใคร


2. หยุดความคิดที่จะซื้อเข็มขัดสีทอง ซิลเวอร์ หรือเมทัลลิกซะ
เพราะมันเข้ากับเสื้อผ้ายากมาก เว้นแต่คุณอยากเป็นสาวฮิปฮอปตัวจริง


3. เลือกเข็มขัดที่ทำจากผ้าลายพริ้นต์สวยๆ มาผูกเอวแบบน่ารักๆ
มันช่วยทำให้คุณดูดีมีรสนิยมมาทันตา
หรือถาจะเป็นลูกไม้แบบที่ฮิตติดลมบนกันอยู่ตอนนี้ก็หวานไปอีกแบบ


4. เข็มขัดหนังสีขาวมักช่วยคุณได้เสมอยามคับขัน
เพราะช่วยตัดสีเสื้อผ้าคุณให้ดูโดดเด่นไงคะ
ไม่เว้นแม้แต่ใส่เสื้อผ้าสีขาวนะ


5. ก่อนจะชิปช้อปฯ ของข้างถนน
พึงคิดอยู่เสมอนะคะว่าเลือกเข็มขัดที่ทำจากหนังนะคะไม่ใช่พลาสติก
ไม่อย่างงั้นคุณจะพลาดอย่างสาหัสเชียว

เคล็ดลับง่าย ๆ กับเรื่องราวของเข็มขัด
ลองนำไปปรับใช้กับการแต่งตัวของคุณดูนะคะ รับรองว่า
ยังไงคุณก็ไม่เป็นสาวที่ตกเทรนด์แน่นอน...






Free TextEditor





















































 

Create Date : 10 เมษายน 2553    
Last Update : 10 เมษายน 2553 10:48:27 น.
Counter : 374 Pageviews.  

ใส่แว่นตาให้สวย










































"ใบหน้ากับแว่นตา"

สาว ๆ สายตาสั้น สายตายาว
สายตาเอียงมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการใส่แว่นตา

เพราะว่าใส่แล้วจะทำให้ดูเหมือนอาจารย์บ้างล่ะ คุณแม่บ้างล่ะ (แก่นั่นเอง)
ทำให้ต้องเปลี่ยนมาใช้คอนแทคเลนส์กันซะเยอะ
ซึ่งถ้าเป็นการใช้คอนแทคเลนส์อาจจะต้องอาศัยการดูแลที่มากหน่อย ดังนั้น
วันนี้เราเลยมีวิธีการเลือกใส่แว่นตาให้เข้ากับใบหน้าแบบต่าง ๆ มาฝาก
สำหรับใครที่ไม่ชินกับการใส่คอนแทคเลนส์

1. หน้ารูปไข่


นับว่าเป็นสาวผู้โชคดีอีกตามเคย ที่สามารถใส่กรอบแว่นรูปทรงใดก็ได้
โดยไม่ทำให้คุณสวยน้อยลงแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นกรอบทรงกลม สี่เหลี่ยม
สี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือแม้แต่กรอบทรงสามเหลี่ยม
คุณสามารถเลือกสวยได้ตามชอบใจ

2. หน้ารูปกลม


เลือกกรอบแว่นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือห้าเหลี่ยมก็ได้ อย่าเลือกกรอบแว่น
ที่เน้นส่วนกว้างของกรอบมาก เพราะจะเน้นให้ใบหน้าดูกลม ยิ่งขึ้นไปอีก

3. หน้ารูปทรงสี่เหลี่ยม


การเลือกกรอบแว่น ต้องคำนึงถึงเพื่อลบเหลี่ยมหน้า
และเพื่อทำให้รูปหน้าของคุณ ดูนุ่มตาขึ้น ขอแนะนำให้คุณเลือกกรอบแว่น
ที่มีส่วนโค้งเป็นหลัก คือจะโค้งในขอบกรอบบนหรือล่างก็ได้
หรือทั้งกรอบล่างกรอบบนก็ได้ หลีกเลี่ยงกรอบสี่เหลี่ยมทุกรูปแบบ
เพราะเมื่อวางลงบนหน้าคุณแล้ว จะยิ่งเสริมกระดูกโหนกแก้ม
ทำให้เห็นแนวขากรรไกรของคุณ ได้เด่นชัดขึ้น

4. หน้ารูปยาว


สำหรับรูปหน้าแบบนี้ กรอบแว่นที่เน้นแนวยาวของกรอบจะช่วยได้มาก
เนื่องจากจะทำให้เกิดเส้นตัด เป็นจุดพักสายตา ทำให้ดูลดความยาวของใบหน้าลง
ในขณะเดียวกัน คุณควรเลือกกรอบแว่นที่มีความกว้างของกรอบ พอเหมาะพอดี

ลองเอาเคล็ดลับง่าย ๆ
นี้ไปลองปรับเปลี่ยนการใส่แว่นของคุณดูนะคะ
มันอาจจะทำให้คุณไม่ถูกเพื่อนล้อว่าเป็น "อาจารย์" ก็ได้นะ...






Free TextEditor





















































 

Create Date : 10 เมษายน 2553    
Last Update : 10 เมษายน 2553 10:45:10 น.
Counter : 457 Pageviews.  

อาหารกับการจัดการโรคนอนไม่หลับ
















































โรคนอนไม่หลับคืออะไร

โรคนอนไม่หลับเป็นอาการที่ร่างกายรู้สึกอยากจะ
นอนแต่ไม่สามารถหลับได้
อาจจะใช้เวลานานกว่าปกติที่ควรจะเป็น
หรือหลับไปแล้วก็จะตื่นเร็วกว่าที่เป็น แล้วไม่สามารถนอนหลับต่อไปได้
ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่



ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจงวิธีใดวิธีหนึ่งสำหรับโรคนอนไม่
หลับ การรักษาจะแตกต่างกันไป
โดยต้องสอบถามและค้นหาสาเหตุด้วยเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ










เราจะเริ่มใช้อาหารมาช่วยได้อย่างไร


โดยทั่วไปแล้ว เรามักจะใช้การรักษาด้วยอาหารเสริมหลาย ๆ
แบบมาช่วยในการจัดการกับอาการนอนไม่หลับ
และเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุดควรจะใช้หลาย ๆ
วิธีมาใช้ร่วมกันเพื่อบรรเทาอาการนอนไม่หลับ โดยอาจจะใช้สลับกันไปก็ได้
อย่าใช้ตัวใดตัวหนึ่งจนเกิดการดื้อยาหรือจนใช้ต่อไปแล้วไม่ได้ผล


เป็นต้นว่า คืนแรกใช้ melatonin คืนที่สองใช้ Valerian คืนต่อไปใช้
5-HTP คืนต่อไปใช้ GABA
แต่น่าเสียดายที่ทุกตัวที่กล่าวมายังไม่มีจำหน่ายในเมืองไทย
อย่างไรก็ตามหากเราทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ
แนะนำให้รักษาที่ต้นเหตุเป็นหลัก


ทุก ๆ ตัวที่กล่าวมาสามารถที่จะออกฤทธิ์ได้ทันทีที่เริ่มใช้
ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้เฉพาะกรณีที่มีอาการเท่านั้น
ไม่ควรรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำหรือ
อย่ารับประทานร่วมกับยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วง เช่น
ยาแก้แพ้ที่มักจะมีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน
เพราะจะทำให้มีอาการง่วงมากเกินไปและเมื่อตื่นมาอาจจะทำให้รู้สึกไม่สดชื่น
ได้










ข้อแนะนำพิเศษ


หากมีมักจะมีอาการเป็นตะคริวที่ขาบ่อย ๆ จนทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้
ก็แนะนำให้รับประทาน Calcium และ Magnesium (อย่างละ 600 มิลลิกรัม)
ก่อนนอนจะช่วยได้ดีทีเดียว


แต่หากทีอาการซึมเศร้า เบื่อ ๆ ตั้งแต่น้อยมากจนถึงปานกลาง
และคิดว่าอาการดังกล่าวรบกวนจนนอนไม่หลับได้ แนะนำลอง St. John´s wort (450
มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หรือ 300 มิลลิกรัม วันละ 3 ครัง
อย่างใดอย่างหนึ่ง) แต่ตัวนี้ต้องรับประทานติดต่อกันอย่างน้อย 1
เดือนจึงจะเห็นผลอย่างชัดเจน


นอกจากนี้ Chamomile จะมีฤทธิ์ทำให้ง่วงแบบอ่อน ๆ
และยังช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดีอีกด้วย ดังนั้นเจ้า Chamomile
จะช่วยให้คนที่มีอาการนอนไม่หลับ ง่วงและหลับได้ง่ายขึ้น
โดยทั่วไปจะนิยมรับประทานเป็นแบบชงเป็นน้ำชา Chamomile ซึ่งมีวิธีชงคือ
นำดอก Chamomile มา 2 ช้อนชา สำหรับน้ำ 8 ออนซ์ (250 ซีซี)
ชงโดยวิธีใช้น้ำร้อนเทใส่ลงบนดอก Chamomile อย่านำไปต้มด้วยกันนะ รอสัก 5
นาที แล้วเทน้ำออกมาดื่ม


ส่วนอาหารเสริมที่ได้แนะนำตั้งแต่แรก คือ 5-HTP, melatonin, valerian,
GABA ยังไม่มีจำหน่ายในเมืองไทย
และก่อนรับประทานควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทาน
และควรจะใช้สลับกันไป ไม่ควรใช้ตัวใดตัวหนึ่งติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
และสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือ พยายามหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ
และพยายามแก้ไขที่สาเหตุจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด






Free TextEditor





















































 

Create Date : 10 เมษายน 2553    
Last Update : 10 เมษายน 2553 10:41:11 น.
Counter : 402 Pageviews.  

เคล็ดลับคู่บ้าน1










































เกร็ดความรู้วันนี้ขอเสนอ
กลเม็ดเคล็ดไม่ลับเรื่องในบ้าน เริ่มจาก...


1. หาก โรงรถ ของคุณมีกลิ่นอับ
ลองขจัดกลิ่นด้วยการโรยหญ้าที่เพิ่งตัดมาใหม่ ๆ ลงบนพื้นโรงรถ
แล้วปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง ต้นหญ้าจะดูดเอากลิ่นอับในโรงรถออกไปจนหมด


2. ถ้าต้องการ อบผ้า 2-3 ชิ้นให้แห้งเร็วขึ้น
ทำได้โดยหาผ้าขนหนูสะอาด ๆ
ใส่ลงไปในเครื่องด้วยเพราะผ้าขนหนูจะไปช่วยดูดซับความชื้นทำให้ผ้าแห้งเร็ว
ขึ้นอีก


3. วิธีทำให้ กรอบกระจกเงาหรือกรอบกระจกรูปภาพมองดู
ใหม่เสมอ
ทำได้โดยการใช้ผ้าชุบน้ำมันสน แล้วทาบริเวณกรอบไม้
รอจนแห้งสนิท กรอบจะมองดูใหม่ทันที


4. วิธี ล้างคราบสกปรกที่แก้วเจียระไน
ทำง่าย ๆ คือหาเปลือกฝรั่งใส่ลงไปในแก้วเจียระไน แช่ทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมง
แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้แก้วจะดูใสสะอาด


5. วิธี ทำความสะอาดเครื่องเคลือบที่ทำด้วยทองเหลือง
มีวิธีการทำง่าย ๆ คือนำเอาหัวหอมมาต้มในน้ำเดือด
แล้วนำมาขัดลงบนเครื่องเคลือบเพียงเท่านี้เครื่องเคลือบจะมองดู
ใหม่สะอาดหมดจดทีเดียว


6. วิธีการ ขจัดคราบไขมันที่ติดรอบท่ออ่างล้างจาน
ซึ่งถ้าปล่อยไว้นาน ๆ จะเป็นเหตุให้ท่ออุดตันได้ มีวิธีทำคือ
นำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อ 2-3 ช้อน
จากนั้นนำเบกกิ้งโซดาหรือผงฟูต้มน้ำให้เดือดแล้วเทลงไป
ไขมันที่อุดตันก็จะหลุดออกไปหมด


7. วิธี ขจัดพวกมดแมลงมาขึ้นถังขยะ
ทำได้ง่าย ๆ โดยหยดแอมโมเนียลงข้าง ๆ ถังขยะ สักเล็กน้อย
กลิ่นแอมโมเนียจะทำให้มดแมลงไม่กล้าเข้ามาใกล้ถังขยะอีก


8. การ รักษาเครื่องมือทำสวนที่เป็นโลหะไม่ให้ผุกร่อน
ได้ง่ายมี วิธีการรักษาโดยใช้วาสลินทาผิวของโลหะทุกครั้งเมื่อใช้เสร็จแล้ว
และนำมาทำความสะอาดอีกครั้ง


9. การ ใช้เตาแก๊สแบบประหยัด
ทำได้โดยปรับเปลวไฟให้เป็นสีน้ำเงินเสมอ
และไม่ควรเปิดไฟแก๊สให้สูงกว่าก้นหม้อด้วยจะทำให้หม้อร้อนช้า
ควรปรับระดับให้พอดีกับก้นหม้อ


10. วิธี ดับกลิ่นเหม็นในถังขยะ
ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหรือในบ้านให้หมดกลิ่นได้ทำได้โดยใส่เปลือกมะนาว
หรือเปลือกส้มเขียวหวาน ส้มโอก็ได้ใส่ลงไปในถังขยะ
กลิ่นส้มจะไปลดกลิ่นลงทำให้มีกลิ่นน้อยลง






Free TextEditor





















































 

Create Date : 10 เมษายน 2553    
Last Update : 10 เมษายน 2553 10:38:31 น.
Counter : 336 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.