Chapter 66

ตอนที่ 66

"เสี้ยวเทียนเร็วๆหน่อย! สายแล้วนะ!" เจอร์รี่ตะโกนเร่งน้องชายคนกลางที่ยังเอ้อระเหยนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่

"จะเร่งอะไรนักหนาเนี่ย? ยังไม่เจ็ดโมงดีเลย" เคนบ่นอุบแต่ก็ลดหนังสือพิมพ์ในมือลงมา

"วันนี้ชั้นมีประชุม" พี่ชายให้เหตุผลพร้อมกับหยิบจับเอกสารที่เกี่ยวกับการประชุม

"งั้นนายไปก่อนก็ได้เดี๋ยวชั้นค่อยตามไป" เคนว่าแล้วก็ทำท่าจะอ่านหนังสือพิมพ์ต่อแต่มือพี่ชายเอื้อมมาคว้าหนังสือพิมพ์ไปพับเก็บ

"ไม่ต้องเลย! ไปพร้อมกันนี่แหละเพราะชั้นจะให้นายเข้าประชุมด้วย" เคนขมวดคิ้วอย่างงงงวยเพราะตั้งแต่ลาออกไปพี่ชายก็ไม่เคยให้เขาเข้าไปนั่งฟังการประชุมงานต่างๆของบริษัทอีกเลยโดยให้เหตุผลว่าเพราะเขานั้นไม่ใช่พนักงานของบริษัทแล้วหากเข้าไปนั่งฟังด้วยดูเหมือนจะเข้าไปจับผิดพนักงานคนอื่น

"อ้าวไหน....." เคนตั้งท่าจะแย้งแต่ยังพูดไม่จบพี่ชายก็พูดแทรกขึ้นมาอีก

"วันนี้จะมีประชุมเกี่ยวกับเรื่องพาพนักงานไปสัมนาชั้นอยากให้นายไปช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ทำกิจกรรมหน่อยเพราะเรื่องนี้นายเองก็ถนัดอยู่แล้ว" เมื่อได้ฟังเช่นนั้นเคนจึงไม่โต้แย้งอะไรอีก

"โอเค...." รับคำพี่ชายแล้วขยับตัวลุกขึ้นเพื่อจะเข้าไปกินอาหารเช้าแต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ก่อน

"ว่าแต่ว่าเข้าประชุมเนี่ยชั้นจะได้ค่าวิทยากรพิเศษมั๊ย?" ถามแหย่พี่ชายกลับไปซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือมะเหงกของพี่ชายที่ชูหราขึ้นมาให้ดู เคนหัวเราะก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว

"อรุณสวัสดิ์" ผ่านไปเพียงครู่หนึ่งแวนเนสก็เดินลงมากอดเอวเจอร์รี่พร้อมกับพูดอย่างร่าเริง

"อืม.....จะไปทำงานกี่โมงไอ้ลูกลิง?" ตอบรับคำน้องพร้อมกับถามกลับไปด้วย

"ราชรถมาเกยเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั่นแหละครับ" แวนเนสตอบแบบติดตลก จึงโดยพี่ชายเอามือผลักหัวเบาๆ

"สบายจนเคยตัวนะเราน่ะ วันหลังพอเสี่ยวจือขับรถมารับเราที่บ้านแล้วเราก็เปลี่ยนไปขับให้เสี่ยวจือเขานั่งสบายๆบ้างสิ" แวนเนสฟังแล้วก็ทำปากยื่น

"เห็นใจเสี่ยวจือเขาบ้างเขาต้องตื่นเช้ากว่านายเดินทางไกลกว่านายแถมยังต้องดูแลนายทั้งวันอีก อะไรที่พอแบ่งเบาเขาได้ก็หัดทำซะบ้าง" ได้ทีพูดสั่งสอนน้องชายไปด้วย

"คร้าบบบบ....จะจดจำคำสั่งสอนของพี่ใหญ่ไว้นะครับ....." แวนเนสลากเสียงยาว

"นี่พี่พูดจริงๆนะอย่าทำเป็นเล่นไป!" หันมาทำตาดุใส่น้อง

"ก็รู้แล้ว" แวนเนสเริ่มทำหน้านิ่วบ้าง

"จริงๆเลย! สอนอะไรไม่ค่อยจะเชื่อฟัง" บ่นอุบก่อนจะหันไปจัดเอกสารต่อ

"เข้าไปกินข้าวได้แล้วไป เดี๋ยวเสี่ยวจือมาจะต้องเสียเวลามานั่งคอยอีก" แล้วก็ไล่ให้น้องไปกินข้าว แวนเนสไม่ตอบว่าอะไรแต่เดินเข้าไปในห้องครัว

"น้องแต่ละคนได้เรื่องกันทั้งนั้น สอนอะไรดีๆทำเป็นเล่นไปหมด บ่นมันไปก็เหนื่อยเปล่า" ไม่วายแอบบ่นน้องๆต่ออีก

"พี่ใหญ่บ่นอะไรให้จุลินทรีย์ฟังหรอครับ?" ไจ่ไจ๋ยื่นหน้าเข้าไปหาพี่ชายพร้อมกับเอียงคอมองอย่างสงสัย

"จะมาป่วนอะไรพี่แต่เช้าน่ะฮึ?" บีบจมูกน้องชายเบาๆอย่างหมั่นไส้

"เปล่าซักหน่อยก็เห็นพี่ใหญ่พูดงึมงำอยู่หันไปดูก็ไม่เห็นมีใครก็เลยคิดว่าพี่ใหญ่ต้องพูดกับสิ่งที่มองเห็นด้วยตาเปล่าไม่ได้แหงๆ" ไจ่ไจ๋ตอบพี่ชายอย่างติดกวนเล็กน้อย

"ทะเล้นน่ะเรา!" ทำเสียงดุใส่น้องแต่ผิดกับสีหน้าที่มีรอยยิ้ม

"เดี๋ยววันนี้ผมจะลงมือตามแผนเลยนะ" แล้วไจ่ไจ๋ก็เปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบแบบกระทันหัน เจอร์รี่ได้ยินก็ทำหน้างงๆ

"แผนอะไร?" ย้อนถามน้องอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

"ก็เอาเจ้าพีพีกับถางถางไปซ่อนงัย" น้องเล็กเตือนความจำพี่ชาย

"อ๋อ....." พี่ใหญ่อ๋อไปอย่างนั้นเองแต่ยังนึกไม่ออก

"ที่อ๋อเนี่ยรู้เรื่องหรือเปล่า?" เมื่อเห็นพี่ชายยังทำหน้าเอ๋อๆก็ถามกลับไปอีก

"เอาไปซ่อนทำไมหละ?" มาถึงตรงนี้น้องเล็กก็ถอนหายใจดังเฮือก

"ก็แก้แค้นพี่กลางงัย ตอนที่พ่อแม่อยู่พี่กลางทำให้เราหมั่นไส้ขนาดไหนจำไม่ได้หรอ?" คำอธิบายนั้นทำให้เจอร์รี่เพิ่งนึกได้

"อืมๆๆๆ นึกออกแล้ว" ตอบรับอีกครั้งหนึ่ง

"แต่พี่ว่าไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้นะ" เจอร์รี่เริ่มไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้นเท่าไหร่เพราะมาถึงตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกหมั่นไส้หรือเคืองอะไรน้องชายคนกลางอีกแล้ว

"อ้าวพี่ใหญ่! นี่จะเปลี่ยนไปเข้าข้างพี่กลางแล้วหรืองัย?" ไจ่ไจ๋เริ่มหน้ามุ่ยเมื่อพี่ชายทำท่าจะไม่เอาด้วย

"ไม่ได้เข้าข้างแต่พี่หมายถึงว่าเรื่องมันผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ แกล้งมันกลับเดี๋ยวก็เอาคืนกันไปมาแบบนี้ไม่รู้จักจบสิ้นซักที" ให้เหตุผลน้องชายแต่ก็ไม่ได้ทำให้น้องสีหน้าดีขึ้นเลย

"เออๆๆๆ ตามใจแล้วกัน แต่อย่าให้มันเกินไปหละ" เมื่อเป็นยังงั้นจึงต้องเออออตามน้องไปตามเรื่องตามราว

"แล้วอย่าแอบไปบอกพี่กลางจนเสียแผนหมดหละ! ผมขอเห็นพี่กลางร้องหาแมวซักวันก่อน" พูดจบไจ่ไจ๋ก็หัวเราะคิกเมื่อคิดถึงสีหน้าจ๋อยๆของพี่ชายคนกลาง

"แค่วันเดียวพอนะ ไม่งั้นมันร้องไห้ขี้มูกโป่งนายก็ปลอบมันเองแล้วกัน" เจอร์รี่สรุปแบบผลักภาระไปให้น้องเล็กเสร็จแล้วก็สอดเอกสารเข้าแฟ้ม

"วันเดียวก็เกินพอแล้ว" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วยิ้มอย่างจอมวายร้ายก่อนจะรีบหุบยิ้มลงโดยพลันเมื่อพี่ชายสองคนเดินออกมาจากห้องครัว

"อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะไจ่ไจ๋" แวนเนสทักทายน้องชาย

"แหงสิ คนมันกินอิ่มนอนหลับหนิ" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วมองเลยไปทางเคนที่มองเขาอยู่เช่นกัน

"ทำไมหรอพี่กลาง?" ถามอย่างเริ่มหวั่นๆกลัวพี่ชายจะแอบได้ยินแผนการของเขา

"เปล่า พี่แค่มองว่าทำไมนายยังไม่ไปแต่งตัวอีก พี่ใหญ่เร่งยิกๆแล้วนั่น" เคนตอบพร้อมกับอธิบายเพราะไม่รู้ว่าพี่ใหญ่อนุญาตให้น้องเล็กไม่ต้องไปที่บริษัทด้วยแล้ว

"พี่กลางนี่ตกข่าวจัง ผมพ้นโทษตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแล้ว ตอนนี้ผมเป็นอิสระ" ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง แต่เคนกลับทำหน้ามุ่ยลง

"หมายความว่างัย? มันพ้นโทษแต่ชั้นกลับต้องโดนลงโทษอยู่งั้นหรอ?" เอ่ยปากประท้วงทันที

"ไม่ต้องมาพูดเลย เราน่ะต้องโทษหนักกว่าน้องอยู่แล้วเพราะอะไรคงรู้ดีนะ" เหลือบตามองน้องแว๊บหนึ่งก่อนจะตอบคำถามนั้น

"งั้นทำอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายนะ" เคนไม่เถียงแต่ต่อรองพี่ชาย

"อาทิตย์สุดท้ายที่นายต้องเข้าบริษัทก็คือช่วงอาทิตย์ที่นายจะกลับไปทำงานนั่นแหละ" คำตอบของพี่ชายทำเอาเคนอ้าปากค้าง

"อะไรกัน? นี่กะจะไม่ให้....." เคนยังพูดไม่จบพี่ใหญ่ก็ยกมือขึ้นห้ามก่อน

"เงียบ! ถ้ายังทำโยเยอีกกลับมาคราวหน้าชั้นก็จะลากนายไปบริษัทด้วยและจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่นายกลับมา" คำขาดของพี่ชายทำเอาเคนหน้ามุ่ยลงกว่าเดิม

"ถ้านายทำแบบนั้นนึกหรอว่าชั้นจะกลับมาให้เห็นอีก!" ตวัดเสียงใส่พี่ชายก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา

"แล้ววันนี้ชั้นก็จะไม่ไปด้วย! นายจะทำไม!?" เมื่อเคนเริ่มแสดงความดื้อแพ่งขึ้นมาคนที่ดูจะเดือดร้อนกับคำพูดประโยคนั้นมากที่สุดเห็นจะเป็นไจ่ไจ๋เพราะถ้าเคนอยู่บ้านแผนการของเขาเป็นอันต้องเลื่อนไปอีกแน่

"ใครไปหาไม้เรียวให้พี่ใหญ่ที" เจอร์รี่พูดแบบไม่ได้เงยหน้ามองใครเพราะมือก็กำลังเปิดดูเอกสารอยู่

"ผมหาให้" ไจ่ไจ๋อาสาอย่างออกหน้าออกตา เคนจึงหันควับไปทางน้องชายทันทีแต่ไจ่ไจ๋ไม่สนใจวิ่งหายไปหลังบ้านทันที

"ใจคอจะหวดมันแต่เช้าเลยหรืองัย?" แวนเนสว่าพลางหัวเราะไปด้วย ในตอนนั้นน้องเล็กก็เดินกลับเข้ามาซึ่งทำเอาเคนถึงกับสะดุ้งเพราะสิ่งที่น้องถือมาในมือมันไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าไม้เรียวเลยซักนิดซึ่งถ้าจะให้ถูกน่าจะเรียกว่าไม้หน้าสามมากกว่า

"นายมีความแค้นอะไรกับมันหรือเปล่าเนี่ย? กะจะให้มันตายคาที่เลยใช่มั๊ย?" แวนเนสถามประชดน้องชายคนเล็ก

"เปล่า! แต่ผมหาไม้เรียวไม่เจอนี่นาเจอแต่อันนี้" น้องเล็กตอบหน้าตาเฉย

"เอามาให้พี่ใหญ่" เจอร์รี่บอกกับน้องเล็กแล้วยื่นมือไปรับก่อนจะเดินไปยืนตรงหน้าน้องชายคนกลาง

"ลุก!" ออกคำสั่งสั้นๆแต่ทำเอาน้องชายเกิดอาการร้อนๆหนาวๆขึ้นมาโดยฉับพลัน

"เฮ้ย!!! นายจะบ้าหรอ? ไม้อันนี้ฟาดทีถึงตายเลยนะโว้ย!" แวนเนสรีบห้ามทัพ

"นายเงียบไปเลยไม่งั้นจะโดนด้วยอีกคน!" เจอร์รี่ทำเสียงดุก่อนจะหันกลับมาทางเคนอีกครั้ง

"ชั้นจะนับหนึ่งถึงสามถ้าไม่ลุกชั้นจะฟาดให้นั่งไม่ลงเลย!" เคนเริ่มหน้าเบ้แต่ก็ต้องขยับตัวลุกขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะรู้ดีว่าพี่ชายไม่ได้พูดเล่นและยิ่งเป็นเขาด้วยแล้วพี่ชายจะยิ่งโหดมากเป็นพิเศษ

"ก็แค่นี้แหละ! คนยิ่งรีบๆอยู่ยังจะมางอแงอีก! นี่ถ้าไม่ติดว่ารีบจะตีให้ซักที!" เจอร์รี่แกล้งขู่น้องไปอย่างนั้นเองเขาไม่ได้คิดจะลงมือกับน้องชายจริงๆ

"ไป....ไปกันได้แล้ว...." พูดจบก็จูงมือน้องกึ่งบังคับ

"แวนเนสอย่าลืมที่ชั้นบอกเมื่อเช้าหละ! และไจ่ไจ๋นายก็อยู่บ้านดีๆมีอะไรก็โทรมา" พี่ใหญ่จบก็ส่งสายตาเป็นเชิงบอกน้องเล็กว่าอย่าทำอะไรให้มันเกินไปอยู่แว๊บหนึ่งก่อนจะจูงมือเคนออกไปที่รถโดยเร็วเพราะตอนนี้สายเต็มทีแล้ว

"เมื่อเช้าพี่ใหญ่บอกอะไรพี่หรอ?" ไจ่ไจ๋หันมาถามแวนเนสหลังจากที่พี่ชายอีกสองคนออกไปแล้ว

"อ้อ! พี่ใหญ่เขาบอกไม่ให้พี่ทำตัวเป็นคุณชายแถมสั่งให้ไปขับรถให้เสี่ยวจือนั่งอีกต่างหาก" แวนเนสตอบน้องเล็กยิ้มๆ

"หึๆๆๆ พี่ใหญ่นี่ก็คิดมากจังเลยเนอะ ผมว่าเสี่ยวจือเขาคงไม่คิดเหมือนพี่ใหญ่หรอก" น้องเล็กได้ยินก็หัวเราะไปด้วย

"อย่างี้แหละพี่ชายคนดีของนายน่ะ เห็นใจคนอื่นเขาไปทั่วแต่ไม่ยักจะเห็นใจน้องชายตัวเองเท่าไหร่" แวนเนสแอบนินทาพี่ชายต่อ

"เอาน่าพี่รอง ถ้าพี่ใหญ่ไม่รักก็คงไม่บ่นให้รำคาญใจกันเปล่าๆหรอก พี่ก็อย่ามัวแต่นินทาคนอื่นนักเลยเตรียมตัวไปทำงานได้แล้ว" ว่าแล้วไจ่ไจ๋ก็ตัดพี่ชายเพื่อที่ว่าเสี่ยวจือมารับแล้วเขาจะได้ดำเนินการตามแผนการซักที

"เออๆๆๆไปเตรียมของเดี๋ยวนี้แหละ มันไม่อยู่นายก็มาบ่นพี่แทน ถอดแบบกันมาเป๊ะ" แวนเนสบ่นอุบอิบก่อนจะเดินไปหยิบจับสัมภาระของตัวเองใส่กระเป๋า โดยไม่รู้เลยว่าน้องเล็กนั้นได้แต่ลอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่คนเดียว



- ที่บริษัท -

"ให้ชั้นเลือกร้านนะ ถือว่าเป็นค่าจ้างที่ชั้นเป็นคนพูดในที่ประชุมในวันนี้" เสียงเคนดังมาก่อนตัวทำให้ไจ่ไจ๋ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ในห้องทำงานของพี่ใหญ่ขยับตัวลุกขึ้น เมื่อเช้าหลังจากเอาเจ้าพีพีและถางถางไปฝากที่คลีนิกแล้วเขาก็แวะไปเดินห้างสรรพสินค้าเล่นก่อนจะเข้ามาหาพี่ชายทั้งคู่เพราะไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว

"เออๆๆๆ งกจริงไอ้นี่! ช่วยพี่ชายแบบไม่หวังผลตอบแทนไม่ได้เลยนะ" เสียงพี่ใหญ่บ่นอุบตามมาก่อนจะปรากฎตัวที่หน้าประตูห้อง

"อ้าว!" พี่ชายทั้งคู่อุทานขึ้นมาพร้อมกับเมื่อเห็นน้องเล็กยิ้มแฉ่งรออยู่

"มาได้งัยเนี่ย? หรือว่าอยากมาทำงานแทนพี่?" เคนถามน้องขึ้นมาทันที

"เปล่าครับ แต่แวะมากินข้าวฟรี" ไจ่ไจ๋ตอบหน้าตาเฉยทำให้เคนหัวเราะขึ้นมาได้

"มาถูกที่แล้วน้องเอ้ย....พี่ใหญ่เขารับปากว่าจะเลี้ยงแหนะ" เคนได้ทีถล่มพี่ชาย

"แล้วมีครั้งไหนที่มานั่งกินข้าวกันและชั้นไม่ต้องเลี้ยงพวกนายบ้างมั๊ย!?" เจอร์รี่ถามแขวะน้องอย่างหมั่นไส้เพราะเขาก็เลี้ยงน้องมาตลอดทั้งชีวิต

"พี่ใหญ่น่ารักที่สุดแล้ว และผมก็เชื่อว่าพี่ใหญ่จะเป็นพี่ชายที่แสนดีของพวกเราตลอดไป" ไจ่ไจ๋ทำปากหวานใส่พี่ชาย

"วันนี้คึกปกตินะนายน่ะ ไปทำอะไรมาหรือเปล่าวะ?" เคนเห็นน้องชายดูครึ้มอกครึ้มใจผิดปกติก็เอ่ยปากทัก เมื่อได้ยินเช่นนั้นน้องเล็กก็เริ่มมีท่าทีพิรุธ

"อะไรพี่กลาง หาเรื่องกันอีกแล้ว ผมไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ออกจากบ้านมาก็มาหาพวกพี่ที่นี่เลยไม่ได้ไปไหนมาเลยด้วย" เถียงพี่ชายรัวเป็นชุดเหมือนกลัวจะไม่ได้พูด

"ไม่เชื่อไปถามเพื่อนบ้านดูก็ได้เพราะพวกเขาเห็นตอนที่ผมขับรถออกมา" แก้ตัวแถมท้ายอีกต่างหาก

"พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยซักคำ ร้อนตัวไปได้....." เคนตอกกลับเข้าให้ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเพราะขี้เกียจจะเถียงกับน้องแล้ว

"ชั้นไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกัน รีบๆตามออกไปหละ หิวข้าวแล้ว" พูดจบก็เดินออกจากห้องทำงานของพี่ชาย

"พี่กลางจะรู้มั๊ยอ่ะพี่ใหญ่ว่าผมเป็นคนเอาเจ้าพีพีกับถางถางไปซ่อน?" เมื่อเคนออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็ยิงคำถามใส่พี่ใหญ่ทันที

"ถ้าพี่เป็นมันพี่คงรู้ว่านายคงไปทำอะไรมาซักอย่างแต่ถ้ากลับไปแล้วไม่เจอเจ้าสองตัวนั่น พี่คงสงสัยนายคนแรก" เจอร์รี่ตอบน้องชายตามจริง

"เฮ้ย! แล้วถ้าพี่กลางรู้ว่าผมเป็นคน....พี่ใหญ่ครับ.....พี่ต้องช่วยผมนะ....." น้องเล็กทำหน้าจ๋อยสนิทเพราะเริ่มกลัวเคนจะโกรธอยู่เหมือนกัน

"อยากจะแกล้งเขาแต่ก็ยังทำตัวไม่เนียนเอาซะเลย เฮ่อ!" เจอร์รี่บ่นก่อนจะถอนหายใจให้กับเจ้าน้องเล็ก

"ถ้ากลัวมันโกรธก็ไม่ควรทำตั้งแต่แรก พี่ก็เตือนนายแล้วนะ" น้องเล็กได้ยินเช่นนี้ก็ทำหน้ามุ่ยทันที

"ตอนแรกพี่ใหญ่ก็เห็นด้วยกับผมนี่นา" น้องเล็กแย้ง

"ก็แค่ตอนแรกแต่ตอนนี้พี่ไม่เกี่ยวนะ" พูดจบก็หันไปเก็บเอกสารบนโต๊ะ

"พูดงี้หมายความว่างัย? หรือว่าพี่บอกความจริงพี่กลางไปแล้ว!?" น้องเล็กเสียงห้วนลงทันที

"เปล่า ไม่ได้บอกอะไรมันทั้งนั้นแต่พี่ว่าไอ้พี่กลางมันคงรู้ได้ไม่ยากหากว่านายยังทำตัวมีพิรุธแบบนี้ พนันให้เลยว่าเดี๋ยวไปนั่งกินข้าวด้วยกันแล้วความลับแตกแน่" ไจ่ไจ๋หน้าเจื่อนลงยิ่งกว่าเดิมก่อนจะทำท่าคิดได้

"งั้นผมไม่ไปกินข้าวด้วยดีกว่า พี่ใหญ่ไปกับพี่กลางเถอะนะผมจะกลับบ้านแล้ว" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วพรวดพราดลุกขึ้น

"เฮ้ยๆๆๆ!!! มาถึงนี่จะไม่ไปกินข้าวด้วยกันจริงๆหรอ?" เจอร์รี่คว้ามือน้องชายไว้ก่อนจะถาม

"ไม่เอา ผมว่าที่พี่ใหญ่พูดก็ถูกเพราะยิ่งเจอหน้าพี่กลางผมก็จะยิ่งมีพิรุธให้พี่เขาสงสัย ฉะนั้นหลบหน้าไปก่อนดีกว่า" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ดึงมือพี่ชายออก

"พี่บอกว่าหลิงหลิงโทรมาหาผมแล้วผมก็ออกไปกินข้าวกับหลิงหลิงแทนก็แล้วกัน" หาข้อแก้ตัวให้พี่ชายเสร็จสรรพแล้วก้าวเดินฉับๆไปที่ประตู

"เฮ่อ! นายนี่นะทำตัวเป็นเด็กๆ" เจอร์รี่บ่นน้องชาย

"แล้วขับรถกลับบ้านดีๆหละ!" สั่งกำชับไล่หลังน้องไปด้วย ไจ่ไจ๋โบกมือแทนการรับคำก่อนจะรีบออกจากห้องไปเช่นกัน เจอร์รี่จัดเก็บเอกสารเข้าที่แล้วเขาก็เดินออกจากห้องเพื่อจะไปหาน้องชายคนกลางแต่ก็เห็นน้องนั่งรออยู่หน้าประตูห้องแล้ว

"ไจ่ไจ๋หละ?" ถามพร้อมกับมองเข้าไปในห้อง

"ไปแล้ว" ว่าพร้อมกับหันไปปิดประตู

"ไปแล้ว?" ถามย้ำพลางทำหน้างงๆ

"แฟนโทรมาเลยรีบออกไปกินข้าวกับแฟน" เจอร์รี่ให้เหตุผลตามที่น้องเล็กบอก

"อ้าวไอ้นี่! เห็นแฟนดีกว่าพี่....." เคนต่อว่าน้องชายแต่ไม่ได้จริงจังนัก

"ทำไม? ผิดหวังหรอที่น้องไม่อยู่กินข้าวด้วย?" ถามจบก็เอาแขนพาดไหล่น้อง

"เปล่า! ชั้นแค่รู้สึกว่าไจ่ไจ๋มันดูแปลกๆ คงมีเรื่องอะไรแหงๆ นายว่ามั๊ย?" เจอคำถามนี้เข้าไปเจอร์รี่เลยไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี ความจริงในตอนนี้เขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่น้องเล็กทำเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้จะขัดยังงัยเพราะตอนแรกเขาเองก็เป็นคนสนับสนุนน้องอย่างเต็มปากเต็มคำ มาตอนนี้ก็นึกอยากจะตบปากตัวเองที่พูดอะไรไม่คิดถึงเหตุการณ์ในอนาคตก่อน

"ไม่มีอะไรนี่น่า....นายน่ะคิดมากไปแล้ว แล้วตกลงอยากจะกินอะไรหละเราน่ะ?" เปลี่ยนเรื่องถามน้องชาย
เอาดื้อๆ

"ตามมาแล้วกัน เตรียมเงินไว้ด้วยนะ" เคนตอบแบบติดกวนเล็กน้อย

"ครับคุณชาย....." กัดฟันพูดอย่างประชดประชัน

"ดีมาก! ทำตัวดีๆแล้วจะขึ้นเงินเดือนให้" เคนพูดต่อหน้าเฉยเลยได้กินมะเหงกรองท้องเข้าไปป๊อกหนึ่ง

"เล่นลามปามแบบนี้ต้องโดนตัดเงินเดือน!" ชี้หน้าพี่ชายก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ

"กล้าชี้หน้าชั้นหรอ!?" พี่ใหญ่ทำหน้าเข้มจ้องมองเจ้าน้องชายจอมเกเร เคนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินต่อแต่แล้วก็ต้องร้องลั่นอย่างลืมตัวเพราะโดนพี่ชายบิดหูซะแรง

"โอ้ยยยย!!!!" คนรอบข้างพากันมองสองพี่ชายเป็นตาเดียว เคนเริ่มรู้ตัวก็ค่อยๆแกะนิ้วพี่ชายออก

"แค่ล้อเล่นไม่เห็นต้องลงมือกันแรงๆแบบนี้เลย" เคนบ่นพร้อมกับลูบใบหูตัวเองไปด้วย

"เล่นกับชั้นแบบนี้ได้หรอ?" ย้อนถามน้องชายเสียงเข้ม เคนมองพี่ชายหน้านิ่ว

"ยังจะมามองหน้าอีก!" แหวใส่น้องอีกครั้ง


"ชั้นอยากมองหน้านายตายหละ! ไม่เห็นมีอะไรน่ามองเลย!" เคนตอบโต้พี่ชายกลับไปบ้าง

"ไอ้!!!....." เจอร์รี่ด่าอะไรไม่ออกเขาชี้หน้าน้องชายก่อนจะก้าวฉับๆเข้าไปหา เคนหันหลังกลับจะวิ่งหนีแต่ไม่ทันดูจึงชนกับคนๆนึงจนตัวเองเสียหลักและล้มลงไปเอง

"ขอโทษครับ!" เคนรีบเอ่ยขอโทษทั้งๆที่ตัวเองยังนั่งแหมะอยู่ที่พื้น

"เสี้ยวเทียนเองน่ะหรอ?" เอ่ยทักทายพร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อจะดึงเคนขึ้นมา

"อาเหลียน" เคนยิ้มแล้วยื่นมือจะให้อาเหลียนช่วยดึงแต่เจอร์รี่ก็เดินเข้ามาเสียก่อน

"อาเหลียนเป็นอะไรมั๊ยครับ?" เอ่ยถามผู้อาวุโสกว่าทำเอาน้องชายยกมือเก้อ

"อาไม่เป็นไรหรอก แต่เสี้ยวเทียนสิล้มก้นจ้ำเบ้าเลย" อาเหลียนตอบอย่างอารมณ์ดี ดังนั้นเจอร์รี่จึงเดินไป
ดึงน้องชายขึ้นมาซะเอง

"ทำอะไรไม่ดูหน้าดูหลัง! ซุ่มซ่ามนัก! ชนอาเหลียนแล้วเนี่ยเห็นมั๊ย?" เจอร์รี่ไม่ได้แสดงว่าสงสารน้องแถมยังดุซ้ำให้อีกด้วย

"ก็ขอโทษไปแล้ว" เคนแก้ตัวเสียงอ่อยๆ

"ยังจะมาเถียงอีก!" คราวนี้เจอร์รี่ไม่พูดเปล่าแต่เงื้อนมือขึ้นจะตีน้องด้วย เคนจึงรีบขยับตัวหลบด้านหลังอาเหลียนโดยพลัน

"เจอร์รี่....อาไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อยอย่าถึงกับต้องตีน้องเลย" อาเหลียนช่วยพูดให้เคน เจอร์รี่จึงได้แต่ถอนใจแล้วก็เปลี่ยนเรื่องถามอาเหลียน

"อาเหลียนทานข้าวหรือยังครับ?" คนถูกถามยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ"งั้นไปทานข้าวด้วยกันนะครับอา ผมกับพี่ใหญ่กำลังจะออกไปทานพอดี" เคนเอ่ยปากชวน



"อืม....เอาอย่างนั้นก็ได้ อาก็ชักจะหิวแล้วเหมือนกัน" อาเหลียนตอบรับแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก จากนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินออกจากตัวตึก



- ที่ร้านอาหาร -

"หลังจากช่วงฝึกงานกับอาผมก็ไม่ค่อยได้มาทานข้าวที่ร้านนี้เลย" เคนเป็นคนทำลายบรรยากาศเงียบๆนั้นขึ้นมา

"อาหารไม่ถูกปากเธอหรือ?" อาเหลียนถามเคนกลับไป

"ไม่ใช่ครับ แต่รู้สึกว่าถ้าไม่มีอามาทานด้วยก็รู้สึกแปลกๆ" เคนตอบพร้อมกับยิ้มให้

"เจอร์รี่.....น้องชายเธอคงหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆเก่งสิ ปากหวานซะขนาดนี้" อาเหลียนหันไปพูดกับเจอร์รี่พลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

"เจ้าเล่ห์หละสิไม่ว่า" เจอร์รี่แอบต่อว่าน้องชายอีก เคนเบ้ปากใส่พี่ชายเล็กน้อย

"ว่าแต่เธอหละเสี้ยวเทียนทำงานที่ใหม่เป็นยังงัยบ้าง?" อาเหลียนหันมาถามเคนบ้าง

"ก็สนุกดีครับ เดินทางไปทำงานไปมันก็เป็นอิสระดีไม่เหมือนอยู่ที่นี่ต้องเข้างานออกงานตามเวลาทุกวัน มันจำเจน่ะครับ" เคนตอบออกไปตรงๆ

"แล้วอาหละครับไม่เบื่อบ้างหรอทำที่นี่มาตั้งหลายปีแล้ว" เคนถามกลับไปแบบไม่ทันได้คิดอะไร

"เสี้ยวเทียน! ระวังคำพูดหน่อยนะ!" เจอร์รี่ดุน้องชายเสียงเข้มเพราะสิ่งที่น้องพูดมานั้นสามารถตีความหมายได้หลายอย่าง

"ไม่เป็นไรหรอกเจอร์รี่ เสี้ยวเทียนก็แค่ถามเล่นๆน่ะ" อาเหลียนแก้ตัวแทนเมื่อเห็นเคนโดนพี่ชายดุ

"ผมขอโทษแทนน้องด้วยนะครับ เจ้าเด็กคนนี้พูดอะไรไม่คิด" เจอร์รี่ขอโทษแทนน้องชายแต่ไม่วายส่งสายตาดุๆไปที่น้องด้วย เคนก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาพี่ชายที่มองมา

"ขอโทษอาทำไม ไม่ต้องมากพิธีหรอกเธอสองคนก็เหมือนลูกหลานอาพูดเล่นกันนิดๆหน่อยๆไม่เป็นอะไรหรอก" อาเหลียนพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่ซีเรียสอะไร ในตอนนั้นโทรศัพท์มือถือของเจอร์รี่ก็ดังขึ้นเสียก่อน

"ขอตัวซักครู่นะครับ" เจอร์รี่บอกกล่าวกับอาเหลียนก่อนจะลุกไปรับโทรศัพท์

"พี่ชายเธอยังดุเธอเหมือนเดิมเลยนะ" เมื่อเจอร์รี่ลุกออกไปแล้วอาเหลียนก็เอ่ยขึ้นยิ้มๆ เคนจึงค่อยเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา

"ดุมากกว่าเดิมอีกครับ" เคนตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆแล้วพูดต่อ

"เมื่อกี้ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นเลยเพียงแต่ถามเล่นๆเท่านั้นเพราะผมรู้สึกว่าถ้าเป็นผมคงไม่สามารถอดทนทำงานแบบนี้ได้นานเท่าอาแหงๆ" เคนแก้คำพูดให้กับตัวเอง

"อาเข้าใจความหมายของเธอนะเสี้ยวเทียน แล้วอาก็ไม่ได้คิดอะไรด้วย" อาเหลียนตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆเช่นเดิม

"พี่ใหญ่น่ะชอบคิดอะไรในแง่ร้ายอยู่เรื่อย" เคนได้ทีบ่นพี่ชายออกมา

"หึๆๆๆ" อาเหลียนหัวเราะ

"ว่าแต่ที่เธอล้มเมื่อกี้เจ็บหรือเปล่า? อาเห็นข้อศอกเธอกระแทกพื้นด้วยนี่" ถามไถ่เคนต่ออย่างห่วงใย

"ไม่เป็นไรแล้วครับ แค่เคล็ดขัดยอกเฉยๆ" เคนตอบแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

"เดี๋ยวแวะซื้อยาไปนวดซักหน่อยสิ อาว่าเธอปวดแขนนะ" อาเหลียนพูดอย่างพอดูออก เคนยิ้มเฝื่อนๆ

"นิดหน่อยครับ ไว้กลับบ้านแล้วค่อยนวดยาก็ได้เพราะถ้าขืนพี่ใหญ่รู้เข้ามีหวังผมโดนตีซ้ำแน่" เคนตอบด้วยสีหน้าเจื่อนลง

"พี่ใหญ่เขาเป็นแบบนี้แหละครับ เขาไม่ค่อยโอ๋เท่าไหร่ เมื่อก่อนถ้าผมหกล้มจนได้แผลผมไม่มีทางให้พี่
ใหญ่รู้เด็ดขาดเพราะไม่งั้นผมจะโดนตีซ้ำ" เคนเล่าให้อาเหลียนฟัง

"งั้นเวลามีเรื่องอะไรเธอก็จะไม่ค่อยบอกเจอร์รี่งั้นสิ" อาเหลียนพูดเป็นเชิงถาม

"ก็แล้วแต่ครับ เรื่องบางเรื่องถ้าผมมั่นใจว่าตัวเองถูกผมก็จะบอกเขา แต่ถ้าไม่แน่ใจผมไม่มีทางพูดแน่นอน" คำตอบของเคนทำให้แววตาของคู่สนทนาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

"แล้วตอนนี้เธอมีเรื่องอะไรที่ไม่แน่ใจหรือเปล่า?" คำถามแปลกๆนั้นยิ่งทำให้เคนสงสัยในตัวอาเหลียนมากขึ้นแต่ก็ไม่อยากคิดไปในแง่ร้าย

"ผม....." เคนตั้งท่าจะตอบแต่พนักงานถือเอาอาหารมาเสริฟขัดจังหวะเสียก่อนบทสนทนานั้นจึงขาดตอนและเป็นเวลาเดียวกับที่เจอร์รี่เดินกลับเข้ามาด้วย

"ขอโทษนะที่ทำให้ต้องรอนะครับ" เจอร์รี่พูดกับอาเหลียนอย่างสุภาพเพราะเห็นบนโต๊ะมีอาหารวางแล้วแต่ยังไม่มีใครลงมือกิน

"ไม่เป็นไรหรอก นี่อาหารก็เพิ่งมาเอง" อาเหลียนยิ้มรับ

"คุณอาจะบอกว่าพวกเราไม่ได้รอนายแต่เผอิญอาหารมันเพิ่งมาและนายก็กลับมาพอดีต่างหาก" เคนพูดเปลี่ยนบรรยากาศ

"เรานี่นะ....." เจอร์รี่ตั้งท่าจะดุน้องแต่อาเหลียนพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"มาเถอะเจอร์รี่ ลงมือกินข้าวกันได้แล้ว เดี๋ยวกลับไปเข้างานไม่ทัน" คำพูดของผู้อาวุโสกว่าทำให้เจอร์รี่เลิกตอแยกับน้องชาย

"คุณอาครับ ช่วงนี้งานยุ่งหรือเปล่า?" เมื่อปริมาณอาหารบนโต๊ะเริ่มลดน้อยลงบทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

"ก็เรื่อยๆน่ะ ถามทำไมหรอ?" อาเหลียนย้อนถามเคนกลับมา

"เปล่าหรอกครับ พอดีเห็นอาดูเครียดๆกว่าแต่ก่อนเลยคิดว่าอาอาจจะมีงานยุ่งน่ะครับ" เคนตอบพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ความจริงเขาเองก็กำลังสังเกตสังกาดูอาเหลียนอยู่

"งานด้านจัดซื้อก็ค่อนข้างยุ่งยากด้วย ตัวเลขเยอะแยะเต็มไปหมดต้องรอบคอบมากๆไม่งั้นตัวเลขผิดขึ้นมาหละแย่เลย.....ผมน่ะถึงทำงานด้านนี้ไม่ได้เพราะไม่รอบคอบแบบอา" เคนแกล้งพูดเหมือนจะคุยไปเรื่อยเปื่อยแต่จริงๆแล้วเขาเองก็พยายามจับพิรุธของคู่สนทนาอยู่ด้วย

"อาทำมาหลายปีแล้ว มันอาจจะเคยชินด้วยเลยไม่คิดว่ายุ่งยากอะไร" อาเหลียนตอบด้วยท่าทีที่สงบ

"นั่นสิครับ พี่ใหญ่เลยไม่ต้องเสียเวลามาตรวจทานดูอีกทีพออาส่งเอกสารมาให้พี่ใหญ่ก็แค่เซ็นอย่างเดียว" เจอร์รี่หันไปทางน้องชายเพราะรู้สึกได้ว่าน้องพูดแปลกๆ

"ไม่หรอก เจอร์รี่เองเขาก็ค่อนข้างรอบคอบไม่ได้สักแต่ว่าอาส่งอะไรไปให้เขาก็จะเซ็นโดยไม่ตรวจดูก่อน" อาเหลียนพูดแย้ง

"พี่ใหญ่ไม่ตรวจหรอกครับผมรับรองได้ เพราะผมรู้ว่าพี่ใหญ่ไว้ใจคุณอามาก จริงมั๊ยครับ?" ประโยคหลังหันไปถามพี่ชายแทน

"นี่จะหาว่าพี่ไม่รับผิดชอบงานตัวเองใช่มั๊ย?" ต่อว่าน้องชายกลับไป

"เปล่าซักหน่อย แค่จะบอกว่าถ้าไม่มีอาเหลียนเนี่ยนายน่ะจะลำบากที่สุด" เคนพูดเป็นเชิงยกยอบุคคลที่สาม

"เธอชมอาเกินไปแล้วเสี้ยวเทียน นี่มันเป็นงานของอายังงัยอาก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด" อาเหลียนพูดเรียบๆ

"ฟังที่อาเหลียนพูดแล้วจำเอาไว้นะเสี้ยวเทียน งานน่ะยังงัยก็ต้องทำให้ดีที่สุดไม่ใช่ว่าทำให้ผ่านไปวันๆ" เจอร์รี่ไม่วายพูดกระทบน้องชายอีก

"ครับ" เคนตอบรับด้วยสีหน้าเซ็งๆเพราะวันนี้พี่ชายบ่นเขานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

"ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ" ว่าแล้วเคนก็ลุกออกจากโต๊ะไปเข้าห้องน้ำ

"นิสัยโผงผางแก้ไม่หายซักที" เจอร์รี่บ่นน้องชายให้อาเหลียนฟัง

"เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วหนิ" อาเหลียนต่อความพร้อมกับยิ้มบางๆ

"ถ้าเสี้ยวเทียนเขาพูดอะไรไม่เข้าหูอาไปบ้างผมขอโทษแทนน้องด้วยนะครับ แล้วผมจะตักเตือนให้" พูดกับผู้อาวุโสกว่าอย่างเกรงใจ

"ไม่หรอก อาว่าเสี้ยวเทียนเป็นเด็กดีนะ" เจอร์รี่ที่ไม่ได้คิดอะไรมากได้ยินประโยคนี้ก็ถึงกับหัวเราะออกมา

"เด็กดื้อมากกว่าครับ อะไรที่เขาไม่เห็นด้วยก็จะค้านหัวชนฝาเลย บางทีแทบจะตีกันตาย" เจอร์รี่แย้ง อาเหลียนได้ยินก็ยิ้มบางๆ

"อาเห็นพวกเธอสี่คนตั้งแต่เล็กๆ เมื่อก่อนไปไหนมาไหนเธอก็จะคอยจูงน้องๆไปด้วยทุกครั้ง แบบนี้น้องทุกคนคงเชื่อฟังเธอมากสินะ" เจอร์รี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"ก็เชื่อฟังในระดับนึงแหละครับ แต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะตอนนี้พวกเขาก็โตๆกันแล้วความคิดก็ย่อมแตกต่างจากผมบ้าง" เจอร์รี่ตอบแล้วอธิบายต่อ

"ผมเองก็ยอมรับเลยว่าตัวเองก็ค่อนข้างเผด็จการกับน้องเหมือนกัน ถ้ามาเถียงผมแบบเด็กเอาแต่ใจผมตีอย่างเดียว เจ้าเสี้ยวเทียนนี่จะโดนบ่อยกว่าเพื่อน" เจอร์รี่ได้ทีเผาน้องชายให้อาเหลียนฟัง ซึ่งผู้ฟังก็รับฟังพลางยิ้มรับ

"แล้วถ้าเสี้ยวเทียนเขาไปเจอเรื่องอะไรมาเขาเล่าให้เธอฟังบ้างหรือเปล่า?" อาเหลียนย้อนถาม

"ต้องดูครับว่าเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องที่เขาไปก่อไว้รับรองว่าเขาไม่มีทางปริปากพูดนอกจากผมจะจับได้แบบคาหนังคาเขาถึงจะยอมบอก แต่ถ้าเป็นเรื่องทั่วๆไปที่พบเจอในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่เขาก็เล่าให้ฟังตลอด" เจอร์รี่ตอบคำถามนั้นยิ้มๆ

"ดีนะ พี่น้องสนิทกันดีมีอะไรก็เล่าสู่กันฟัง" อาเหลียนว่าแล้วเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้

"ผมว่ายิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ก็จะมีเรื่องทะเลาะกันมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าห่างกันไปซักพักหนึ่งแล้วกลับมาเจอกันแบบนี้น่าจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่า เพราะทุกวันนี้น้องๆจะเจอหน้าผมตลอดทุกวันมีเวลาอยู่ด้วยกันมากหน่อยเลยเถียงกันมากเป็นพิเศษ" เจอร์รี่พูดเหมือนจะบ่นน้องแต่สีหน้ากลับมีรอยยิ้ม อาเหลียนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ยิ้มรับคำนั้น

"คุณอาอยากทานอะไรเพิ่มมั๊ยครับ?" แล้วเจอร์รี่ก็เปลี่ยนเรื่องไปถามผู้อาวุโสกว่า

"ไม่เอาแล้ว อาอิ่มจนแน่นไปหมดเลย" อาเหลียนตอบพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย ในขณะนั้นเคนก็เดินกลับมาที่โต๊ะพอดี

"เอาอะไรอีกหรือเปล่าเสี้ยวเทียน?" เจอร์รี่ถามน้องชายบ้าง

"ไม่เอาแล้วครับ" เคนตอบแต่ยังไม่ได้นั่งลงตามเดิม

"ชั้นจะเดินไปซื้อขนมฝากไจ่ไจ๋หน่อยน่ะ ยังงัยเดี๋ยวค่อยตามกลับเข้าไปนะ" บอกกล่าวกับพี่ชายไว้ ซึ่งพี่ใหญ่ก็พยักหน้ารับ

"อืม.....แล้วเดินข้ามถนนดูรถราให้ดีๆหละ" ไม่วายสั่งกำชับน้องชายไว้

"ครับ....ผมขอตัวก่อนนะครับอาเหลียน แล้วเจอกันที่บริษัท" เคนตอบพี่ชายก่อนจะหันไปร่ำรากับอาเหลียนแล้วเดินออกจากร้านไป

"เสี้ยวเทียนเขาเป็นแบบนี้แหละครับ ไปไหนมาไหนต้องหาของติดไม้ติดมือไปฝากไจ่ไจ๋อยู่เรื่อย" พูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจที่น้องชายรักใคร่กันดี

"อาถึงบอกงัยว่าเสี้ยวเทียนเป็นเด็กดี" อาเหลียนว่าแล้วก็พยักหน้าตัดบท

"เราก็กลับบริษัทกันเถอะ มา.....เดี๋ยวอาจ่ายเอง....." ว่าแล้วก็หยิบบิลขึ้นมาแล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:59:40 น.
Counter : 1237 Pageviews.  

Chapter 65

ตอนที่ 65

"โอ้ย.....อิ่มมากเลย....ท้องจะแตกอยู่แล้ว....." เสียงไจ่ไจ๋ร้องโอดครวญพร้อมกับเอามือลูบท้องตัวเองไปด้วย

"แหงสิ! เล่นยัดเข้าไปอย่างกับพายุของวางปั๊บหายเข้าไปอยู่ในท้องนายหมดแบบนั้นถ้ายังไม่อิ่มก็คงไม่ใช่คนแล้ว" เคนพูดแขวะน้องชายพร้อมกับส่ายหน้าไปมากับสภาพของน้องชายสุดที่รักของเขาในตอนนี้

"ไม่ใช่คนก็เป็นเทวดาน่ะสิ" ไจ่ไจ๋พูดเล่นกับพี่ชาย

"ถ้าอยากเป็นเทวดาตัวนายต้องไม่มีความเป็นมนุษย์ก่อน ฉะนั้น.....ตายซะ!" จบคำเคนก็ยื่นมือออกไปทำท่าจะบีบคอน้องชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม

"อะฮึ่ม!" เสียงพี่ใหญ่กระแอมดังๆเป็นเชิงห้ามปรามน้องชาย เคนมองเลยไปทางพี่ชายก่อนจะชักมือกลับแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"สงสัยพี่กลางน่าจะตายก่อนผมนะ" น้องเล็กเอามือป้องปากแล้วพูดแบบไม่ออกเสียง เคนยักคิ้วก่อนจะหัวเราะเบาๆ

"เสี้ยวเทียนจ๊ะ ตกลงลูกตัดสินใจได้หรือยังว่าอยากได้อะไร?" แม่เปลี่ยนเรื่องถามลูกชายขึ้นมาบ้าง

"อืม...." เคนทำเสียงในลำคอแต่ยังไม่ทันตอบแวนเนสก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"เอากีต้าร์เบสก็ดีนะ ชั้นจะได้เล่นด้วย" พูดยุยงน้องชายให้ด้วย

"แต่ชั้นอยากได้กลองชุดเหมือนกันนะ" เคนแกล้งพูดแย้ง

"งั้นเอาสองอย่างก็ได้ลูก เพราะแวนเนสก็ชอบเล่นดนตรีเหมือนกันนี่ เผื่อเวลาไม่มีงานลูกจะได้พากันไปเล่นดนตรีหารายได้อีกทาง" พ่อพูดเสริมสนับสนุนความคิดของลูกชายทั้งสองคน

"ถ้าอย่างนั้นเอาคีย์บอร์ดกับเปียนโนไปด้วยอีกอย่างละตัวสิครับแล้วก็ปิดกิจการมาทำวงดนตรีเองซะเลย" เจอร์รี่พูดแทรกขึ้นมาเป็นเชิงประชดที่พ่อแม่ต่างพากันสนับสนุนความคิดที่ไม่ค่อยจะเข้าท่าของน้องๆ

"ดีเหมือนกันนะครับ แต่ผมเล่นอะไรไม่เป็นอ่ะขอเป็นนักร้องแล้วกัน ผมร้องเพลงเพราะน้า....." ไจ่ไจ๋รีบอวดตัวขึ้นมาทันที

"หูยยย.....เพราะตายหละ.....พี่ฟังนายร้องทีไรท้องผูกทุกที" เคนแซวน้องเล็กกลับ

"เสียงผมมีอานุภาพขนาดนั้นเชียว?" ไจ่ไจ๋เลยพลอยเล่นกับพี่ชายไปด้วย

"หึๆๆๆ" คนอื่นๆพากันหัวเราะกับคำพูดของน้องเล็กยกเว้นเจอร์รี่ที่ได้แต่ส่ายหน้าไปมา

"อ้าว! จะไปไหนหละจ๊ะ?" เมื่อเห็นลูกชายคนโตลุกขึ้นแม่ก็เอ่ยถาม

"ไปห้องน้ำครับ" พูดจบก็ลุกออกไปทันที

"เจ้าเจอร์รี่นี่ไม่รู้ทำไมถึงได้เข้มงวดกับน้องๆนัก" เมื่อเจอร์รี่ลุกออกไปจากโต๊ะแล้วแม่ก็เริ่มบ่นลูกชายคนโต

"นั่นสิครับ ไม่รู้จะห้ามอะไรนักหนากะอีแค่เล่นดนตรีไม่ได้ติดยาซักหน่อยทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้" แวนเนสพูดเสริมเพราะเห็นว่าการซื้อเครื่องดนตรีนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

"ลูกก็พูดเกินไป ความจริงพ่อเองก็เข้าใจพี่ใหญ่เขาเหมือนกัน แต่ก็อย่างว่าแหละคนละความคิดนี่นา" พ่อเป็นเป็นเชิงเตือนแวนเนสไม่ให้ต่อว่าพี่ชายเพราะเข้าใจดีว่าเจอร์รี่ไม่อยากให้น้องได้อะไรมาง่ายๆเนื่องจากจะทำให้น้องไม่รู้คุณค่าของสิ่งที่ได้มา

"พ่อแม่ครับ....ผมน่ะไม่อยากได้เครื่องดนตรีอะไรพวกนั้นหรอก" เคนเฉลยพร้อมกับมองหน้าพ่อกับแม่สลับกันไปมา

"อ้าว!" บุพการีทั้งสองคนอุทานขึ้นมาพร้อมกัน

"ผมแค่เห็นมันสวยดีก็เลยไปลองเล่นดูแต่จริงๆแล้วตัวที่พี่ใหญ่เขาซื้อให้เสียงดีกว่านี้เยอะ แล้วผมก็พอใจกีต้าร์ตัวที่พี่ใหญ่ซื้อให้มากที่สุดแล้วหละครับ" คำพูดของเคนทำให้แวนเนสกับไจ่ไจ๋ขมวดคิ้วด้วยเช่นกัน

"แล้วทำไมพี่ไม่บอกพี่ใหญ่ไปหละครับว่าไม่ได้อยากได้ใหม่?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายบ้าง

"ก็แค่อยากแกล้งเท่านั้นแหละ ให้มันรู้ซะบ้างว่าเวลาที่โดนขัดใจน่ะมันเป็นยังงัย?" เคนตอบคำน้องหน้าตาเฉย

"ไอ้บ้านี่! ทำชั้นดีใจเก้อเพราะนึกว่าจะได้เครื่องดนตรีมาเล่นที่บ้านบ้าง" แวนเนสต่อว่าน้องชายเข้าให้

"ถ้าลูกอยากได้แม่ซื้อให้ก็ได้" แม่หันไปพูดกับแวนเนสด้วยท่าทางจริงจัง

"ไม่เอาดีกว่าครับ ที่ห้องอัดน่ะมีครบทุกอย่างเลยผมไปเล่นที่นั่นก็ได้ แล้วอีกอย่างซื้อไปไว้ที่บ้านเวลาเล่นคงโดนชาวบ้านเอาปังตอเขวี้ยงใส่หลังคาบ้านแหงๆ" คำพูดของแวนเนสสร้างเสียงหัวเราะขึ้นมาได้

"สรุปไม่เอาจริงๆหรอลูก?" พ่อถามย้ำเคนอีกครั้ง

"ไม่เอาครับ" เคนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดต่อ

"แต่ผมขอให้ทุกคนอย่างเพิ่งบอกพี่ใหญ่นะครับ ผมอยากจะแกล้งพี่ใหญ่ต่ออีกซักหน่อย" จบคำพูดเคนพ่อแม่ก็สบตากันยิ้มๆ

"เดี๋ยวก็กรรมตามสนองหรอก! กรรมจากพี่ใหญ่เป็นกรรมบทหนักด้วยนะโว้ย!" แวนเนสเตือนน้องชาย

"ไม่กลัว พ่อแม่อยู่กันทั้งคนไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย" เคนลอยหน้าลอยตาตอบ ในตอนนั้นเจอร์รี่ก็กลับมาพอดี

"อ้าว.....มาพอดีเลย งั้นเรียกเก็บเงินแล้วจะได้ไปซื้อเครื่องดนตรีกัน" เมื่อเห็นลูกชายคนโตกลับมาพ่อก็พูดตัดบท

"ตกลงพ่อแม่จะซื้อให้ผมทั้งกีต้าร์แล้วก็กลองชุดเลยใช่มั๊ย?" เคนแกล้งแหย่พี่ชายขึ้นมาพร้อมกับขยิบตากับพ่อแม่ พี่ใหญ่ปรายตามองคนพูดเล็กน้อยแต่ยังทำเฉย

"ได้ทั้งสองอย่างเลยลูก" พ่อตอบพร้อมกับยิ้มแบบขำๆ

"เจอร์รี่....ตกลงลูกจะว่ายังงัย?" แม่แกล้งหันไปถามลูกชายคนโตด้วยอีก

"ตามใจครับ พ่อแม่อยากประเคนอะไรให้มันก็ตามสบายเลย" เจอร์รี่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจก่อนจะหันไปทางเคน

"แล้วไอ้กีต้าร์ที่ชั้นซื้อให้นายน่ะก็เอามาคืนด้วยชั้นจะได้เอาไปบริจาคให้ที่อื่น ไหนๆนายก็ไม่ชอบมันอยู่แล้วหนิ" พูดจบก็หันไปรับใบเสร็จที่พนักงานเก็บเงินมาดูก่อนจะควักเงินจ่าย

"ผมไปรอที่รถแล้วกัน" ลุกขึ้นแล้วพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินแยกจากไปทันที

"อ้าว.....นี่ตกลงที่พี่ใหญ่หงุดหงิดเพราะคิดว่าพี่กลางไม่ชอบกีต้าร์ตัวที่พี่ใหญ่ซื้อให้หรอกหรอ?" น้องเล็กดูเหมือนจะพอเข้าใจความรู้สึกของพี่ใหญ่

"แบบนี้ไม่ต้องสงสัยแล้ว เป็นอย่างที่นายพูดนั่นแหละ" แวนเนสว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

"เฮ่อ! ลูกคนนี้.....ที่ค้านหัวชนฝาก็เพราะกลัวว่าน้องจะเห่อของใหม่จนไม่สนใจของที่ตัวเองซื้อให้ ขี้งอนที่สุด
เลย....." แม่นินทาลูกชายคนโตที่เดินงอนจนหายลับไปแล้ว

"งัยหละเรา? พอใจแล้วสิหืม?" แวนเนสผลักหัวน้องชายคนกลางที่นั่งอมยิ้ม

"ยังไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย" เคนตอบก่อนจะตัดบท

"กลับบ้านกันดีกว่า" เคนพูดจบทุกคนก็พากันทยอยเดินออกจากร้านแล้วไปหาเจอร์รี่ที่ลานจอดรถ

"ไม่ร้อนหรอครับพี่ใหญ่? ทำไมไม่เข้าไปยืนรอในห้างก่อนหละ?" ไจ่ไจ๋เข้าไปกอดเอวพี่ชายคนโตพร้อมกับเอ่ยถาม

"ไม่หละ เรียบร้อยกันหรือยังหละ?" ตอบเสียงห้วนๆแต่ก็มองๆไปทางคนอื่นๆด้วย เขารู้สึกสงสัยว่าทำไมไม่เห็นของที่สมาชิกในครอบครัวพากันไปซื้อมาเลย

"เรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปส่งให้เพราะรถเราคงไม่ใหญ่พอที่จะขนกลับไปเอง" คำพูดของเคนทำให้พ่อแม่ แวนเนสและไจ่ไจ๋หันขวับไปมองพร้อมกันเพราะไม่นึกว่าเคนจะแกล้งพี่ชายต่ออีก

"กลับบ้านเถอะครับ" เคนยิ้มก่อนจะชวนทุกคนกลับบ้าน



- ที่บ้าน -

"จะไปนอนหรอลูก?" แม่ที่ถือจานขนมออกมาจากครัวถามเมื่อเห็นเจอร์รี่ทำท่าจะขึ้นไปชั้นบนของบ้าน

"เปล่าครับ" เจอร์รี่ตอบแล้วทำท่าจะเดินต่อแต่แม่ก็ถามขึ้นมาอีก

"ถ้าไม่ได้ไปนอนก็มากินขนมกันก่อนลูก เดี๋ยวแม่ชงเครื่องดื่มร้อนๆให้" แม่ว่าพร้อมกับพยักหน้ากับลูกชาย

"ไม่เป็นไรครับผมจะขึ้นไปเอาของคืน" จบคำนั้นเจอร์รี่ก็เดินขึ้นบันไดไปทันทีปล่อยให้แม่ได้แต่ทำหน้างงๆ แต่ก็ยกจานขนมไปเสริฟให้สมาชิกในครอบครัวที่นั่งรวมตัวพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ในห้องนั่งเล่น

"เจอร์รี่ไปไหนหละแม่?" พ่อถามเมื่อเห็นแม่เดินออกมาคนเดียว

"ขึ้นไปข้างบนน่ะเห็นบอกว่าจะไปเอาของคืนอะไรของเขาก็ไม่รู้" แม่ตอบพร้อมกับวางจานขนมลงบนโต๊ะ แต่คำพูดของแม่ทำเอาเคนชะงักไป

"แม่ว่างัยนะครับ? พี่ใหญ่บอกว่างัยนะ?" ถามย้ำแม่อีกครั้งหนึ่ง

"พี่เขาบอกว่าจะไปเอาของคืนน่ะจ๊ะ....." แม่ยังพูดไม่ทันจบประโยคดีเคนก็พรวดพราดวิ่งขึ้นบันไดหายวับไป

"อ้าว.....อะไรกันสองคนนี้?" แม่บ่นพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

"อ๋อ! ผมรู้แล้ว ฮ่าๆๆๆ!!!" ไจ่ไจ๋พอจะเดาออกจึงหัวเราะออกมา

"รู้ว่าอะไร?" พ่อถามขึ้นมาบ้าง

"ก็.....เมื่อตอนอยู่ที่ห้างพี่ใหญ่บอกว่าถ้าพี่กลางยังยืนยันจะให้พ่อแม่ซื้อเครื่องดนตรีให้พี่ใหญ่ก็จะเอากีต้าร์ตัวที่พี่เขาซื้อให้พี่กลางคืนแล้วเอาไปบริจาคที่อื่นงัย สงสัยพี่ใหญ่คงจะทำจริงๆ สมน้ำหน้าพี่กลางบ้างหละคราวนี้" ไจ่ไจ๋อธิบายให้พ่อกับแม่เข้าใจ

"เจ้าเจอร์รี่นี่จริงๆเลย แวนเนส.....ไปช่วยน้องหน่อยลูก" แม่บ่นก่อนจะหันไปสั่งให้แวนเนสขึ้นไปช่วยเคน

"ไม่เอาหรอกครับ ผมกลัวโดนลูกหลงไปด้วย" แวนเนสปฎิเสธโดยไม่ต้องคิด

"เอ๊ะ! ยังงัยกัน? ช่วยน้องหน่อยไม่ได้หรืองัย?" แม่เริ่มทำหน้าเข้มใส่ลูกชายคนรอง

"ผมขึ้นไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก แม่ขึ้นไปจัดการเองดีกว่า" แวนเนสโยนกลับไปให้แม่เสียเอง

"ไจ่ไจ๋....ไปดูพี่เขาหน่อยไป....." หลังจากค้อนใส่เจ้าลูกชายตัวกวนแล้วแม่ก็หันมาบอกลูกชายคนเล็ก

"ไม่ไหวเหมือนกันครับ กลัวได้ของแถมจากพี่ใหญ่" ไจ่ไจ๋เองก็ส่ายหน้าดิก

"ใช้ไม่ได้เลยซักคน" แม่บ่นแต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไรเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นมาก่อน

"เอาคืนมานะ! เรื่องอะไรเข้าไปค้นเอาของในห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้!" เสียงเคนโวยวายเสียยกใหญ่

"ชั้นแค่เข้าไปเอาของของชั้นคืน!" เสียงเจอร์รี่เถียงกลับก่อนจะมีเสียงตึงตังเหมือนคนเดินลงบันไดมาเป็นกองทัพ เพียงครู่เดียวเจอร์รี่ก็ลงมาอยู่ข้างล่างโดยในมือถือกีต้าร์ตัวสวยอยู่

"ของชั้นไม่ใช่ของนายซักหน่อย!" เคนวิ่งตามพี่ชายลงมาติดๆแล้วทำท่าจะแย่งกีต้าร์คืนมา

"ของนายน่ะต้องรอพรุ่งนี้เขาถึงมาส่งให้! ส่วนอันนี้ชั้นซื้อมาก็ต้องเป็นของชั้น!" พี่ใหญ่เอากีต้าร์หลบไว้ด้านหลัง

"ก็นายให้ชั้นแล้วมันก็ต้องเป็นของชั้นสิ! ให้แล้วเอาคืนมีแบบนี้ด้วยหรอ!?" เคนโวยวายต่อว่าพี่ชายแล้วใช้มือยื้อแย่งกีต้าร์จากพี่ชาย

"ปล่อยมือ! กล้าแย่งของจากมือชั้นหรอ!?" พี่ใหญ่ทำเสียงเข้มใส่น้อง

"นายนั่นแหละปล่อย! กีต้าร์ตัวนี้ของชั้นนะ!" เคนเถียงกลับแล้วออกแรงดึงอีก

"เจอร์รี่! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เรื่องอะไรไปแย่งของกับน้องแบบนี้หละ!" แม่ส่งเสียงห้ามขึ้นมา เจอร์รี่มองไปทางต้นเสียงก่อนจะปล่อยมืออย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อได้กีต้าร์กลับมาในความครอบครองเคนก็หิ้วขึ้นมากอดไว้แล้วเดินมานั่งลงที่โซฟาพร้อมกับบ่น

"ดูซิ.....เป็นรอยเลย อุตส่าห์เก็บถนอมไว้อย่างดี......" ว่าพร้อมกับเอามือถูรอยเล็บข่วนจางๆที่เกิดขึ้น

"ก็สมน้ำหน้าแล้วหนิ อยากไปหาเรื่องมันดีนัก" แวนเนสซ้ำเติมน้องชาย

"ชั้นหาเรื่องมันที่ไหนหละ!" เคนแหวใส่แวนเนสอย่างหงุดหงิด

"อ้าวไอ้นี่! อย่ามาพาลใส่ชั้นนะโว้ยเดี๋ยวยันโครมไปโน้นเลย!" แวนเนสทำเสียงดุน้องชาย

"พอแล้วลูก.....อย่าทะเลาะอย่าเถียงกันอีกเลย.....เจอร์รี่มานั่งกับพ่อนี่มา....." พ่อเอ่ยปากขึ้นไกล่เกลี่ยให้บรรดาลูกๆ

"ความจริงแล้วพ่อแม่ไม่ได้ซื้อกีต้าร์ตัวใหม่ให้น้องเลย ไม่ได้ซื้อกลองชุดอะไรนั้นให้ด้วย" เมื่อเจอร์รี่นั่งลงแล้วพ่อก็อธิบายให้ฟัง

"อ้าว.....ก็ไหนบอกว่า....." เจอร์รี่ทำท่าไม่ค่อยเข้าใจ

"น้องแค่อยากจะแกล้งแหย่ลูกเท่านั้นแหละ แล้วที่น้องไม่เอาเหตุผลก็เพราะว่าน้องชอบกีต้าร์ตัวที่ลูกซื้อให้มาก" ได้ยินเช่นนั้นเจอร์รี่กันหันไปมองน้องชายคนกลาง

"พี่กลางครับ ขอโทษพี่ใหญ่ซักหน่อยสิ" น้องเล็กกระซิบบอกเคนเพราะท่าทางพี่ใหญ่อ่อนลงแล้วหากเคนเอ่ยปากขอโทษก็คงไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรอีก

"ทำไมต้องขอโทษ? มันทำกีต้าร์ของพี่เป็นรอยแบบนี้ไม่ด่าให้ก็บุญแล้ว" เคนไม่สนใจคำแนะนำของน้องชายซ้ำยังกระแทกเสียงใส่ด้วย

"พ่อแม่ดูมันนะ ดูว่ามันพูดกับผมยังงัย!" เจอร์รี่หน้าตึงหันไปฟ้องพ่อกับแม่ แต่บุพการีทั้งสองคนกลับไม่มีใครตำหนิเคน

"เอาน่า.....น้องอารมณ์ไม่ดีอยู่ อย่าถือสาน้องเลย....." แม่พูดเบาๆกับลูกชายคนโต

"แม่ก็เป็นซะแบบนี้ ได้.....ต่อไปผมจะไม่ยุ่งด้วยแล้วมีอะไรจัดการกันเองก็แล้วกัน!" พูดจบก็ลุกเดินขึ้นห้องอย่างหงุดหงิด

"ผมก็ไม่อยากยุ่งด้วยเหมือนกัน หมั่นไส้คนแถวนี้เหลือเกิน!" น้องเล็กว่าแล้วก็เดินตามพี่ใหญ่ออกไปอีกคน

"เรื่องนี้ผมไม่เกี่ยวแล้วก็ไม่ยุ่งด้วยนะครับ" แวนเนสเองก็หาทางเอาตัวรอดแล้วเดินตามน้องเล็กไป พ่อแม่จึงหันไปยิ้มกันแหยๆ

"เสี้ยวเทียน....." พ่อเอ่ยปากจะพูดแต่เคนพูดแทรกขึ้มาก่อน

"พ่อดูสิ....เล็บพี่ใหญ่ข่วนตรงนี้เป็นรอยเลย....." เคนเอ่ยปากฟ้องโดยไม่สนใจพี่ๆน้องๆคนอื่น

"ไหนลูก? มาให้พ่อดูซิ....." ตอนแรกตั้งใจจะตักเตือนลูกชายแต่พอโดนอ้อนเข้าหน่อยก็เปลี่ยนใจ

"เป็นรอยนิดหน่อยเองถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นหรอกลูก" เมื่อดูแล้วพ่อก็พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"แต่มันก็ยังเห็นใช่มั๊ยหละ?" เคนบ่นต่อ

"งั้นเราลองเอาไปให้ที่ร้านเขาดูดีมั๊ยจ๊ะ? บางทีเขาอาจมีน้ำยาอะไรลบรอยพวกนี้ได้" แม่ให้ข้อเสนอ

"มันลบไม่ได้หรอกครับ ช่างมันเถอะ" เคนตอบพร้อมกับเอามือลูบกีต้าร์ตัวสวยไปมาอย่างถนอม

"เป็นแบบนี้แล้วเริ่มอยากได้ตัวใหม่บ้างหรือยัง?" พ่อถามลูกชายต่ออีกแต่เคนส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิด

"ไม่ครับ ตัวนี้น่ะดีที่สุดแล้ว" เคนตอบแล้วเงยหน้าขึ้นมาทางบุพการีทั้งสองคน

"พ่อแม่รู้หรือเปล่าว่ากว่าจะได้มันมาผมลำบากขนาดไหน?" เมื่อได้ยินลูกชายว่าดังนั้นพ่อแม่ก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

"หมายความว่างัยจ๊ะ? พี่ใหญ่เขาไม่ได้ซื้อให้ลูกหรอกหรอ?" แม่ย้อนถามอย่างงงๆ

"ซื้อให้ครับ แต่กว่าจะยอมซื้อให้ก็ทำเอาผมถอดใจจนไม่หวังจะได้มันอีกแล้ว" เคนตอบยิ้มๆเมื่อคิดไปถึงเรื่องราวตอนนั้น

"เฮ่อ! ถ้ามันลำบากนักวันหลังอยากได้อะไรก็โทรไปบอกแม่สิ" แม่ว่าพร้อมกับลูบหัวลูกชายไปด้วย

"ไม่หรอกครับ ตอนนั้นอยากได้ก็จริงแต่ไม่ได้หวังจะให้พี่ใหญ่เขาซื้อให้กะว่าจะให้พี่ใหญ่ออกให้ก่อนเพราะช่วงนั้นมันกำลังลดราคาแล้วผมจะเก็บเงินมาคืนให้พี่เขา แต่สุดท้ายพี่ใหญ่เขาก็ใจอ่อนสงสัยคงรำคาญด้วยผมแหละถึงซื้อให้" พูดจบเคนก็หัวเราะเบาๆ

"ความจริงพี่ใหญ่เขาก็รักลูกไม่น้อยไปกว่าใครเลยนะ" พ่อพูดอ้อมๆให้ลูกชายคิด

"ผมรู้ครับ" เคนตอบรับคำพ่ออย่างง่ายดาย

"แล้วผมก็รู้ด้วยว่าวันนี้ผมทำตัวไม่ดีเลย" พูดอย่างรู้ตัวดี

"ไม่ขนาดนั้นหรอกลูก" พ่อพูดปลอบใจเพราะรู้ดีว่าลูกชายคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมาทำผิดก็กล้าที่จะยอมรับผิด

"เดี๋ยวรอพี่ใหญ่เย็นลงกว่านี้ก่อนแล้วผมจะเข้าไปขอโทษเขา" เคนว่าแล้วก็ยิ้มให้พ่อกับแม่

"อยากฟังผมเล่นกีต้าร์มั๊ย?" แล้วก็เปลี่ยนเรื่องถาม

"อยากสิ" พ่อและแม่ตอบออกมาพร้อมกันก่อนจะหันไปสบตากันอย่างมีความสุข

"งั้นอยากฟังเพลงอะไรหละครับ?" เคนถามต่ออีก

"เอาเพลงอะไรก็ได้ที่ลูกชอบ" แม่ตอบคำถามนั้น เคนจึงทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

"งั้นลองฟังเพลงนี้ดูนะครับ" พูดจบเคนก็เล่นกีต้าร์แล้วร้องเพลงคลอตามไปเบาๆให้พ่อและแม่ฟัง



- ห้องนอนเจอร์รี่ -

"คอยดูนะพ่อแม่กลับไปเมื่อไหร่พี่จะเล่นงานมันให้หนักเลย!" เจอร์รี่พูดอย่างขุ่นเคืองเจ้าน้องชายตัวแสบของเขา

"พ่อแม่ก็เหมือนกันเข้าข้างมันอยู่นั่น ไม่รู้จะโอ๋อะไรกันนักหนา หมั่นไส้!" พูดจบก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

"นั่นสิครับพี่ใหญ่ พี่กลางน่ะอ้อนพ่อแม่จนออกหน้าออกตาซะขนาดนั้น" ไจ่ไจ๋เองก็เห็นด้วยกับพี่ใหญ่เพราะเดี๋ยวนี้พ่อแม่กลับมาทีไรก็โอ๋แต่พี่ชาย

"นี่ขนาดมันยังมีคดีความอยู่กับพี่นะยังกล้าทำตัวงี่เง่าแบบนี้อีก ตอนแรกกะจะปล่อยให้อาทิตย์สุดท้ายมันมีอิสระก่อนกลับไปทำงานพอเป็นแบบนี้แล้วก็อย่าหวังเลย" พี่ใหญ่บ่นต่ออย่างเคืองๆ ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ขยับเข้าไปกอดแขนพี่ใหญ่

"พี่ใหญ่ครับ.....แล้วผมหละ? พี่จะลงโทษผมต่อไปอีกถึงเมื่อไหร่?" ถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนสุดๆ

"หึๆๆๆ" ท่าทางของน้องเล็กทำให้เจอร์รี่ยิ้มออกมาได้

"อันที่จริงงานที่พี่สอนให้นายไปก็ถือว่าครบถ้วนสำหรับคนที่เริ่มต้นเรียนรู้งานแล้วหละ" ตอบพร้อมกับลูบหัวน้องชายไปด้วย

"งั้น.....ต่อไปผมก็ไม่ต้องไปที่บริษัทอีกแล้วใช่มั๊ย?" ถามด้วยสีหน้าดีใจที่จะได้ออกไปเที่ยวเล่นบ้างเพราะตั้งแต่ปิดเทอมมาหลังจากไปเที่ยวกับเคนแล้วกลับมาบ้านพี่ใหญ่ก็แทบจะไม่อนุญาตให้เขาออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้างเลย

"ไม่อยากไปกับพี่ใหญ่แล้วหรอ?" ย้อนถามน้องเล็กกลับไปบ้าง

"ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่เพื่อนมันก็โทรมาชวนผมไปเที่ยวกับพวกมันเหมือนกัน แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้เจอหลิงหลิงมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย" ประโยคหลังไจ่ไจ๋พูดโอดครวญให้พี่ชายสงสาร พี่ใหญ่ยิ้มที่มุมปากแล้วหยิกแก้มน้องเบาๆ

"เดี๋ยวนี้เห็นแฟนดีกว่าพี่ชายแล้วหรอ?" น้องเล็กย่นจมูกพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

"ใครว่า.....พี่ใหญ่ของผมต่างหากที่ดีที่หนึ่งเลย" น้องเล็กหยอดคำหวานใส่จนพี่ใหญ่หัวเราะออกมาในที่สุด

"เอ้า! ตามใจก็แล้วกัน จะไปเที่ยวกับเพื่อนก็ไปหรือจะไปหาแฟนก็ได้ แต่ถ้ามีเวลาว่างก็เข้าไปหาพี่ที่บริษัทบ้างแล้วกันอาจจะให้ช่วยทำงานเล็กน้อยๆ" พี่ใหญ่อนุญาตตามนั้นแต่ก็ยังมีสั่งกำชับอยู่บ้าง

"ไชโย! พี่ใหญ่ของผมน่ารักที่สุดเลย!" พูดจบก็หอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่

"แล้วจะไปเที่ยวไหนกันหละ?" พี่ใหญ่ถามน้องชายต่ออีก

"ก็อาจจะไปบ้านเพื่อน ไปนั่งเล่นเกมส์ไปคุยกันบ้าง" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วพูดต่อ

"เพื่อนสมัยเรียนมัธยมก็โทรมาหาเหมือนกัน คงนัดเจอกับเพื่อนกลุ่มนั้นด้วย" เจอร์รี่ขยี้หัวน้องอย่างเอ็นดู

"กิจธุระเยอะจริงนะ คิวแน่นทุกวันเลย" น้องเล็กหัวเราะไปกับคำพูดของพี่ใหญ่

"เออพี่ใหญ่ครับ.....เมื่อคืนผมคุยกับพ่อแม่เห็นพ่อแม่บอกว่าประมาณวันอังคารก็จะกลับไปแล้ว เรามาวางแผนเอาคืนพี่กลางกันดีกว่า ผมน่ะหมั่นไส้เหลือเกิน" จากน้องเล็กที่น่ารักเปลี่ยนเป็นตัวร้ายไปได้ภายในพริบตา

"อ้าว....เจ้านั่นมันพี่ชายสุดที่รักของนายไม่ใช่หรอ? จะเอาคืนมันลงหรืองัย?" เจอร์รี่แกล้งถามหยั่งเชิง

"ไม่ใช่ซักหน่อย พี่ใหญ่ต่างหากที่เป็นพี่ชายที่แสนดีของผม" ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับยิ้มหวาน

"ผมนึกออกมาแล้วว่าจะเอาคืนพี่กลางยังงัยดี?" แล้วน้องเล็กก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์

"ไหนว่ามาซิ" เจอร์รี่เองก็อยากรู้จึงถามซักไซร้น้องชายต่อ

"ก็.....พี่กลางน่ะรักเจ้าพีพีกับถางถางมากใช่มั๊ย? แกล้งเอาไปซ่อนที่อื่นให้พี่กลางใจไม่ดีเล่นดีมั๊ย?" พี่ใหญ่เลิกคิ้วก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

"แล้วจะเอามันไปซ่อนที่ไหน?" ถามน้องชายต่ออีก

"อืม...." ไจ่ไจ๋เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอามันไปไว้ที่ไหน

"พี่ว่าเอาไปฝากไว้ที่คลีนิกก็ดีนะ อย่างน้อยมันก็มีคนดูแล พี่กลัวว่าเอาไปฝากไว้บ้านคนอื่นเดี๋ยวจะปล่อยมันทิ้งๆขว้างๆ" เจอร์รี่เสนอพร้อมกับมองหน้าน้องเป็นเชิงถามความเห็น

"ดีครับ! งั้นเดี๋ยวพ่อแม่กลับไปเมื่อไหร่พี่ใหญ่ก็เอาพี่กลางไปทำงานด้วยผมอยู่บ้านคนเดียวก็จะเอาเจ้าพีพีกับถางถางไปฝากที่คลีนิก เอ.....หรือเอาไปตัวเดียวดี?" แล้วไจ่ไจ๋ก็เริ่มลังเล

"เอาไปสองตัวดีกว่ามันจะได้อยู่เป็นเพื่อนกัน" พี่ใหญ่ให้ความเห็น

"อืม....นั่นสิ" แล้วน้องเล็กก็ยิ้มออกมาได้

"งั้นตกลงตามแผนนะครับ และระหว่างที่พ่อแม่อยู่เราก็ทำตัวเป็นปกติกับพี่กลางเหมือนว่าไม่ได้เคืองอะไรพี่เขาเนอะ" พี่ใหญ่ขยี้หัวน้องเล็กอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้แกมเอ็นดู

"ร้ายกาจเหมือนกันนะเราน่ะ" ไจ่ไจ๋ยิ้มหวานให้ก่อนจะล้มตัวนอนหนุนตักพี่ชาย แต่ยังไม่ทันพูดอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาก่อน

"ก๊อกๆๆ!!!" เจอร์รี่กับไจ่ไจ๋มองหน้ากันเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเพราะกลัวว่าที่คุยกันเมื่อกี้จะมีใครได้ยิน

"เอ่อ....ชั้นเข้ามารบกวนหรือเปล่า?" คนที่เคาะประตูห้องนั้นคือเคนนั่นเอง พี่ใหญ่กับน้องเล็กหันไปสบตากันอีกครั้งเพราะไม่รู้ว่าเมื่อกี้เคนจะได้ยินหรือเปล่า

"มีอะไรหรอเสี้ยวเทียน?" เจอร์รี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วสังเกตดูท่าทีของน้องชาย ส่วนเคนนั้นเมื่อได้ยินพี่ชายถามก็ค่อยโล่งใจเพราะเขาอยากจะมาขอโทษพี่ชายที่วันนี้เขาแกล้งพี่ชายแรงเกินไป

"คือว่า เรื่องวันนี้ชั้นขอโทษด้วยนะ" พูดกับพี่ชายเสียงอ่อยๆ พี่ใหญ่ได้ยินดังนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้น

"ไม่เป็นไรหรอกเสี้ยวเทียน ชั้นก็ต้องขอโทษนายเหมือนกันที่วู่วามเกินไปเลยทำให้กีต้าร์ของนายเป็นรอย" เคนมองพี่ชายอย่างแปลกใจเล็กน้อยเพราะเขาคิดว่าถ้าโชคดีพี่ชายคงจะดุนิดหน่อยแต่นี่นอกจากพี่ชายจะไม่ว่าอะไรแล้วยังมาขอโทษเขาอีก

"ไม่เป็นไรหรอกเพราะถ้าชั้นไม่แกล้งหลอกนายมันก็คงไม่เป็นแบบนี้" เคนว่าแล้วมองเลยไปทางน้องชาย

"พี่ก็ขอโทษนายด้วยที่เมื่อกี้พูดกับนายไม่ดี" ไจ่ไจ๋งงเล็กน้อยก่อนจะปั้นยิ้มหวานให้พี่ชาย

"คิดมากน่าพี่กลาง! ผมไม่เป็นไรหรอก" ว่าแล้วก็เดินมาหาพี่ชายด้วยเช่นกัน

"ถ้างั้นก็ดีแล้ว" เคนจึงค่อยยิ้มออกเมื่อเขาไม่ต้องเหนื่อยเหมือนอย่างที่คิด

"เออ....พ่อแม่ให้มาบอกว่าคืนนี้พ่อแม่จะไปนอนค้างที่บ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัดแล้วก็คงเลยกลับอเมริกาในวันอังคารเลย จะไม่แวะมาบ้านแล้ว พวกนายลงไปคุยกับพ่อแม่ซักหน่อยสิ" เคนบอกกล่าวพร้อมกับคะยั้นคะยอให้พี่ชายและน้องชายลงไปข้างล่าง

"อืม....เดี๋ยวตามลงไป" เจอร์รี่เป็นคนรับคำ ดังนั้นเคนจึงหมุนตัวเดินออกไปก่อน

"ดูสิครับพี่ใหญ่ พอพ่อแม่จะไม่อยู่ด้วยแล้วก็มาทำดีกับเราทันทีสงสัยกลัวโดนเล่นงาน" น้องเล็กกระซิบกับพี่ใหญ่เบาๆ

"พี่ก็ว่างั้นแหละ ดูมันทำท่าทางเข้าสิไม่เห็นเหมือนที่เถียงพี่ฉอดๆตอนแรกเลย" เจอร์รี่เองก็มีความเห็นคล้อยตามน้องเล็กเช่นกัน

"พี่กลางเนี่ยเอาตัวรอดเก่งใช่ย่อยเลย" เหมือนจะชมแต่จริงๆแล้วไจ่ไจ๋แอบว่าประชดพี่ชาย

"หึๆๆๆ ไอ้นี่มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร" พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

"เอาหละ.....เราลงไปข้างล่างกันดีกว่า" พูดจบก็จูงมือน้องชายลงไปข้างล่างเพื่อร่ำลาพ่อแม่



- ชั้นล่าง -

"เป็นยังงัยบ้างจ๊ะเสี้ยวเทียน? พี่ชายน้องกับน้องชายลูกหายงอนหรือยัง?" แม่ถามเมื่อเห็นลูกชายเดินกลับลงมา

"ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ผิดคาดแบบแปลกๆ....." เคนตอบแม่ไปตามตรง

"แปลกยังงัยวะ?" แวนเนสที่นอนหนุนตักแม่ถามขึ้นบ้าง

"ไม่รู้สิ แต่ชั้นว่ามันสองคนเข้าใจกันง่ายผิดปกติเพราะทุกทีเวลาขอโทษมันไม่เป็นแบบนี้" เคนตอบแล้วเดินมานั่งลงข้างพ่อ

"พี่ใหญ่เขาก็คงรู้สึกผิดเหมือนกันมั้งที่ทำกีต้าร์ของลูกเป็นรอย" พ่อแก้ตัวแทนเจอร์รี่เพราะไม่อยากให้ลูกชายคิดมาก

"ก็คงเป็นอย่างนั้นเพราะพี่ใหญ่ก็ขอโทษผมเรื่องนี้เหมือนกัน" ได้ยินเช่นนั้นแม่ก็ยิ้มออกมาได้

"พี่ใหญ่ของลูกน่ะโมโหง่ายแต่ก็หายเร็วแบบนี้แหละ ปล่อยเขาไว้ซักพักพออารมณ์เย็นลงเขาก็คงคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย" แม่พูดเสริม

"ครับ.....พี่ใหญ่ดีเสมอแหละ" เคนพูดแบบติดประชดเล็กน้อย

"พ่อกับแม่แน่ใจได้ยังงัยว่าพอเจอร์รี่มันอารมณ์เย็นลงแล้วจะไม่คิดแก้แค้นในภายหลัง?" แวนเนสถามแทรกขึ้นมาบ้าง

"พี่เขาไม่คิดแบบนั้นหรอก ไม่งั้นเขาจะดูแลลูกมาได้ถึงป่านนี้หรอ?" แม่ว่าพร้อมกับบีบจมูกแวนเนสเบาๆ

"เสี้ยวเทียน ไหนนายลองบอกแม่ซิว่าพี่ใหญ่เลี้ยงดูเราสองคนมายังงัย?" แวนเนสหันไปพูดกับน้องชายพร้อมกับยักคิ้วให้ เคนไม่ตอบเพียงแต่หัวเราะออกมาเท่านั้น

"เราก็เป็นซะแบบนี้แหละ!" แม่ตีมือลูกชายคนรองดังเพี๊ยะ

"หูย....แม่อ่ะ....เอานิสัยพี่ใหญ่มาใช้อีกแล้ว....." แวนเนสทำเสียงกระเง้ากระงอดแล้วลุกขึ้นมานั่งหันหลังให้แม่อย่างงอนๆ

"ก็อยากทำทะเล้นกับแม่ทำไมหละ? ตีแค่นี้ก็ถือว่าแม่ใจดีมากแล้วนะ" แม่ไม่โอ๋แถมยังพูดซ้ำเติมอีก

"ฮึ!" แวนเนสทำเสียงในลำคออย่างขัดใจ

"ไอ้บ้า! ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้" เคนเลยเอ่ยปากต่อว่าพี่ชายซะเอง

"คร้าบบบ.....น้องน่ะทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากเลยเนอะ" แวนเนสว่าพร้อมกับค้อนใส่น้องชายให้ด้วย

"ก็ดีกว่านายแล้วกัน" เคนตวัดเสียงพูดแล้วเบ้ปากใส่แวนเนส

"แม่....ทีงี้ไม่ตีมันบ้างหละ? มันเถียงพี่มันฉอดๆขนาดนี้" แวนเนสหันไปพาลใส่แม่

"แม่ไม่เห็นว่าน้องจะเถียงลูกตรงไหน แล้วแม่ว่าที่น้องพูดก็เป็นความจริงนี่จ๊ะ" คำตอบของแม่ทำเอาเคนหัวเราะอย่างสะใจ ส่วนพ่อก็ได้แต่นั่งอมยิ้ม ในตอนนั้นเองเจอร์รี่กับไจ่ไจ๋ก็พากันเดินเข้ามาสมทบ

"แม่ครับ....ทำไมจะกลับเร็วจัง?" ไจ่ไจ๋เดินมานั่งแทรกระหว่างแม่กับพี่ชายคนรองก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

"งานทางนั้นไม่มีคนดูให้นี่จ๊ะ" แม่ตอบแล้วเอามือตบแก้มลูกชายเบาๆอย่างเอ็นดู

"ถ้าหาคนได้แล้วแม่ต้องกลับมาอยู่กับผมนะ" ไจ่ไจ๋ยังอ้อนแม่ต่อซึ่งทำให้คนอื่นๆที่เหลือได้แต่ยิ้มกับความขี้อ้อนของน้องเล็ก

"แน่นอนจ๊ะ ว่าแต่เราเถอะอยากให้แม่กลับมาจริงหรอ?" แม่ก้มลงถามลูกชายเป็นเชิงเย้าแหย่

"อยากสิครับ แต่ว่าแม่ห้ามโอ๋พี่กลางจนออกนอกหน้าหละเพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมจะวีนให้บ้านแตกเลย" ไจ่ไจ๋พูดทีเล่นทีจริง

"ร้ายใหญ่แล้วนะเรา!" แม่ว่าแล้วบีบจมูกลูกชายอย่างหมั่นไส้

"มันร้ายแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแม่เพิ่งรู้หรอ?" แวนเนสอดที่จะแขวะน้องชายอีกไม่ได้

"เราก็พอๆกันนั่นแหละไม่ต้องไปว่าแต่น้องหรอก" เจอร์รี่พูดสวนแวนเนสทันที

"แตะไม่ได้เลยนะน้องชายคนดีของนายน่ะ" แวนเนสเบ้ปากใส่พี่ชาย

"ใช่สิ! นายก็ลองทำตัวดีๆให้ได้ซักครึ่งนึงของน้องหน่อยชั้นอาจจะด่านายน้อยลงบ้างก็ได้" ต่อว่าน้องชายอีก

"ใช่ซี้.....น้องคนอื่นมันไม่มีดีอะไรซักอย่างไม่เหมือนน้องคนเล็กที่จะพูดอะไรก็เชื่อจะเป่าหูอะไรก็ได้ผลเสมอ" แวนเนสตัดพ้อขึ้นอย่างอย่างแฝงอะไรบางอย่าง

"หมายความว่างัยพี่รอง? ผมไปเป่าหูอะไรพี่ใหญ่?" ไจ่ไจ๋เดือดร้อนขึ้นมาทันที

"พี่พูดอย่างนั้นหรอ?" แวนเนสย้อนถามน้องด้วยสายตายียวน

"นี่แหนะ! เอาอีกแล้วนะ.....แหย่น้องตลอด!" แม่ตีเข้าที่แขนแวนเนสอีกที ยังผลให้คนถูกตีเริ่มหน้างอ

"มาหาพ่อนี่มา....." พ่อที่นั่งมองบรรดาลูกชายเถียงกันไปมารีบพูดโอ๋เพราะกลัวแวนเนสจะน้อยใจจริงๆ

"พ่อดูแม่สิ ไม่เคยเข้าข้างผมบ้างเลยมีแต่ตำหนิมีแต่ตีผมตลอด" แวนเนสลุกไปนั่งกับพ่อก่อนจะตัดพ้อแม่ออกมาจริงๆ

"โอ๋....อย่าน้อยใจไปเลยลูกรัก....พ่อรักลูกนะ" ว่าแล้วก็ลูบหัวลูกชายเบาๆ

"โตจะตายอยู่แล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆ!" พี่ใหญ่บ่นน้องก่อนจะส่ายหน้าไปมา

"อย่าว่าน้องสิ....." พ่อปรามลูกชายคนโตเพราะเห็นว่าแวนเนสเริ่มงอนจริงๆแล้ว

"ทำไมลูกไม่พาหนูกลอเรียมาเที่ยวบ้านเราบ้างหละ? มาครั้งนี้พ่อยังไม่ได้เจอหน้าเลย" พ่อเปลี่ยนเรื่องคุยกับแวนเนสบ้าง

"ช่วงนี้ที่ร้านยุ่งๆน่ะครับ ผมเองก็อยากจะหาคนช่วยแต่กลอเรียไม่เอาบอกว่ามีมี่เฟิงคนเดียวก็พอแล้ว ตอนนี้สองสาวนั่นสนิทกันอย่างกับอะไรดี ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด" แวนเนสเล่าให้พ่อฟัง

"นายก็เลยตกกระป๋องเพราะกลอเรียไม่สนใจนายแล้ว" เคนพูดต่อให้เสร็จสรรพ

"ไอ้ปากเสีย!" แวนเนสแหวใส่น้องชายกลับก่อนจะทำหน้ามุ่ยกับพ่อ

"น้องล้อเล่นน่ะ" พ่อพูดยิ้มๆ แวนเนสจึงถอนหายใจดังเฮือกเพราะไม่ว่ายังงัยทั้งพ่อและแม่ก็ไม่กล้าดุเคนเลยซักคำ

"นายระวังตัวไว้เถอะเสี้ยวเทียน พ่อแม่กลับไปเมื่อไหร่มีคนคอยจ้องเล่นงานนายอยู่แน่" แวนเนสพูดเป็นความนัย

"ถ้าแม่รู้ว่าลูกหาเรื่องน้องหลังจากพ่อแม่กลับไปแล้วหละก็ แม่จะกลับมารับน้องไปอยู่ด้วยทีนี้แหละอย่ามาอ้อนวอนซะให้ยากอีกเลย" แม่พูดขู่ไว้ก่อน แวนเนสจึงยิ้มออกมาได้

"นายสองคนฟังไว้นะว่าแม่เขาพูดว่าอะไร" หันไปบอกพี่ชายกับน้องชายคนเล็กต่ออีกทอด

"ไม่มีใครอยากยุ่งกับมันหรอก! ดื้อด้านอย่างกับอะไรดี!" พี่ใหญ่ว่ากระทบน้องชายคนกลางไปด้วยในตัว

"ตัวเองก็ขี้บ่นเหมือนกันแหละ" เคนบ่นอุบอิบคนเดียวเบาๆ

"ว่าอะไรชั้นฮึ?" เมื่อได้ยินน้องว่าไม่ถนัดเจอร์รี่ก็ถามย้ำเพราะมั่นใจว่าน้องต้องว่าเขาแน่นอน

"เปล่า! ชั้นแค่พูดว่ายุงกัด" เคนแก้ตัวหน้าตาเฉย

"ยุงตัวไหน? ตัวที่มีเขี้ยวงอกหน้าตาคล้ายๆแบบนั้นหรือเปล่า?" แวนเนสทำมือชี้ๆไปทางพี่ใหญ่พร้อมกับยักคิ้วกับน้องชายอย่างติดทะเล้น

"หยุดๆๆๆ! พอได้แล้ว! เลิกเถียงกันซักที!" พ่อพูดยุติสงครามน้ำลายที่กำลังจะเกิดขึ้น

"มาให้พ่อกอดกันหน่อยดีกว่าเดี๋ยวเพื่อนพ่อก็จะมารับแล้ว" จบคำพูดของพ่อไจ่ไจ๋ก็ลุกเดินเข้าไปกอดพ่อก่อนใคร

"พ่ออ่ะ.....ตัวเองไปเที่ยวแต่กลับทิ้งลูกชายที่น่ารักคนนี้ให้อยู่บ้านได้ลงคอ....." ทำเสียงกระเง้ากระงอดกับพ่อ

"จะไปด้วยหรอลูก?" พ่อถามพร้อมกับขยี้หัวเจ้าลูกชายขี้อ้อนไปด้วย

"ไป" ตอบแบบทีเล่นทีจริง

"ไปแล้วอย่าบ่นนะเพราะมีแต่ผู้ใหญ่ไปกันทั้งนั้น" แม่พูดแทรกขึ้นมา ไจ่ไจ๋จึงทำหน้าเหย

"ไม่ไปหรอกครับ ผมรู้ว่าพ่อแม่ก็อยากเที่ยวพักผ่อนกันเองกับเพื่อนฝูงบ้างผมไม่ไปเกะกะหรอก" ว่าแล้วก็ยิ้มหวานจ๋อยก่อนจะเอามือโอบกอดรอบลำคอพ่อ

"กลับมาคราวหน้า....." ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่จบพ่อก็พูดแทรกอย่างรู้ทัน

"ต้องซื้อขนมมาฝากเยอะๆ" จบคำพ่อเสียงสมาชิกคนอื่นๆก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกันส่วนไจ่ไจ๋ก็ได้แต่ยิ้มเขินๆที่พ่อรู้ทัน

"ผมไม่ได้ห่วงกินซักหน่อยผมจะบอกว่ามาคราวหน้าให้พ่อกับแม่อยู่นานๆกว่านี้หน่อยต่างหาก" พูดแก้ตัวเสียยกใหญ่

"พี่ว่านั่นมันประเด็นรองมากกว่ามั้ง?" เคนพูดแซวน้องชายขึ้นมาบ้าง

"แสนรู้" น้องเล็กพึมพำเบาๆ

"แหนะ! ว่าพี่เขาได้ยังงัย?" พ่อต่อว่าแบบไม่จริงจังนักก่อนจะกอดลูกชายแน่น

"เราก็อย่าดื้อกับพี่ๆเขาหละ แล้วอย่าก่อเรื่องป่วนพี่ๆเขาด้วย" สั่งกำชับไว้แล้วจูบที่หน้าผากลูกชายแรงๆ

"ครับ.....สั่งแบบนี้ทุกที....." ไจ่ไจ๋ยิ้มแล้วย่นจมูก

"ไปหาแม่ได้แล้วพ่อจะได้กอดพี่ชายของลูกบ้าง" พ่อว่าแล้วก็ผงกหัวไปทางแม่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน จากนั้นพ่อและแม่ต่างก็พูดคุยและร่ำลาบรรดาลูกชายสุดที่รักทั้งสี่คนด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:49:13 น.
Counter : 1179 Pageviews.  

Chapter 64

ตอนที่ 64

"ไจ่ไจ๋!!" เสียงเข้มงวดของพี่ใหญ่ดังขึ้นทำเอาคนถูกเรียกถึงกับสะดุ้งโหยง หลังจากมื้ออาหารเย็นแล้วพี่ใหญ่ก็จับน้องๆมานั่งรวมกันแล้วจัดการเทศนาไม่ได้หยุดมาเป็นชั่วโมงแล้ว

"สิ่งที่พี่พูดมันน่าเบื่อมากใช่มั๊ย?" ถามน้องชายต่ออย่างเอาเรื่องเพราะน้องเล็กเอาแต่หาวหวอดๆในขณะที่เขากำลังพูดอบรมสั่งสอน

"เปล่าครับพี่ใหญ่ แต่ท้องมันอิ่มก็เลยรู้สึกง่วงไปหน่อยเท่านั้นเอง" ไจ่ไจ๋แก้ตัวเสียงอ่อยๆ

"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ตอบพี่มาซิว่าเมื่อกี้พี่พูดถึงเรื่องอะไรอยู่?" ถามน้องชายต่ออีกเพราะรู้ว่าน้องแอบสัปหงกไปหลายยกแล้ว

"พูด.....พูดถึงเรื่อง....." ไจ่ไจ๋เอามือสะกิดเคนที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อขอความช่วยเหลือ

"เรื่องเดิมๆ" เคนตอบคำถามนั้นแทนน้องชาย

"ชื่อไจ่ไจ๋หรอนายน่ะ?" เจอร์รี่ถามเมื่อเห็นเคนตอบแทนน้อง

"อ้อ! ถามไจ่ไจ๋หรอ? ไม่น่าหละถึงไม่ได้มองหน้าชั้นเวลาถาม" เคนพูดด้วยท่าทางซื่อๆ

"อย่ามาทำทะเล้นกับชั้นนะ!" แหวใส่น้องชายแต่ก็ไม่รู้จะตอบโต้ยังงัยดี เคนกับไจ่ไจ๋จึงก้มหน้าลงแล้วลอบยิ้มให้กัน

"สนุกกันมากใช่มั๊ย?" ไม่พูดเปล่าแต่มือทั้งสองข้างบิดหูน้องชายทั้งคู่อย่างหมั่นไส้

"โอ้ยๆๆๆ!!!" เคนกับไจ่ไจ๋ร้องโอดโอยขึ้นพร้อมกับทำให้แวนเนสสะดุ้งเล็กน้อย

"โหย! พวกนายจะเสียงดังกันทำไมเนี่ย? รบกวนชะมัด!" แวนเนสบ่นพร้อมกับเอามือขยี้ตาเพราะเพิ่งตื่นเนื่องจากฟังที่พี่ชายบ่นมานานนับชั่วโมงแล้ว แต่เมื่อเห็นพี่ใหญ่มองด้วยสีหน้าบึ้งตึงแวนเนสก็ยิ้มแก้เก้อพร้อมกับเอามือเกาหัวไปด้วย

"สมน้ำหน้ามัน" เคนกระซิบกับน้องเล็กเบาๆอีกครั้ง ไจ่ไจ๋เองก็ยิ้มๆด้วยเช่นกัน

"คือ....ชั้นมาคิดดูแล้วชั้นว่าพวกชั้นก็แย่อย่างที่นายว่าแหละ เอาเป็นว่ายังงัยพวกชั้นจะพยายามปรับปรุงตัวนะ" แวนเนสไม่รู้จะทำยังงัยจึงพูดออกมาแบบนี้ ทำเอาพี่ใหญ่ถึงกับถอนหายใจเฮือก

"นี่! สรุปว่าที่ชั้นพูดมาทั้งหมดนายไม่ได้ฟังเลยใช่มั๊ย?" ถามน้องชายอย่างเอือมระอา

"ก็ไม่เชิงหรอก.....ชั้นหลับตาแต่หูฟังอยู่นะ ไม่งั้นมองเห็นโน้นนี่แล้วมันจะวอกแวกไม่มีสมาธิในการคิดตามสิ่งที่นายกำลังสอนอ่ะ" แวนเนสแก้ตัวไปได้เรื่อยๆ

"พอกันทั้งสามคน! พี่น่ะเบื่อที่จะพูดจะบ่นอีกแล้ว!" เจอร์รี่แหวใส่น้องชายทั้งสามคน

"ขนาดมันเบื่อนะเนี่ย แล้วถ้ามันชอบจะขนาดไหนวะ?" เคนไม่วายกระซิบแขวะกัดพี่ชายกับน้องเล็กอีก

"เราก็คงนอนหลับฝันดีทุกคืนงัยครับ" ไจ่ไจ๋กระซิบตอบพี่ชายแบบติดตลก แต่เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของพี่ใหญ่มองอยู่ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

"โถ.....พี่ใหญ่ครับ.....ไม่ใช่ว่าเราสามคนไม่ฟังที่พี่พูดหรอกนะแต่เรื่องที่พี่พูดก็เหมือนเดิมทุกที พวกเราฟังกันจนจำได้ขึ้นใจแล้ว" แล้วไจ่ไจ๋ก็ต้องเป็นตัวแทนในการออดอ้อนพี่ชายคนโต

"จำได้ขึ้นใจแต่ทำไมถึงไม่เคยทำตามที่พี่สอนหละ?" ย้อนถามน้องกลับไปอีก

"ก็ไม่ใช่ว่าไม่ทำซักหน่อย แต่พี่ก็ต้องให้เวลาพวกเราปรับตัวบ้างสิครับ" น้องเล็กอ้างเหตุผลลอยๆ

"เวลาปรับตัวของพวกนายน่ะพี่ให้มาเกือบยี่สิบปีแล้วนะ แต่ไม่เห็นจะปรับตัวกันได้เลย เฮ่อ! พูดไปก็เท่านั้น....." สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นพี่ใหญ่เสียเองที่หมดแรงจะบ่นน้องๆต่อ

"นายบ่นแล้วพวกเราเคยทำตามมั๊ยหละ?" แวนเนสถามขึ้นมาบ้าง

"ถ้าทำตามชั้นจะต้องมานั่งบ่นอยู่ทุกวันหรืองัย?" ตอบเสียงห้วนพร้อมกับถลึงตาใส่น้อง

"นั่นงัย! แล้วจะบ่นไปทำไมหละในเมื่อรู้ๆกันอยู่มันไม่ได้ผล" แวนเนสพูดต่อหน้าตาเฉย เจอร์รี่เหล่มองเจ้าน้องชายตัวแสบอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหยิบหมอนอิงปาใส่หน้าคนพูดเข้าให้

"โอ้ย!! ลอบทำร้ายกันหรอ? เดี๋ยวหน้าชั้นเสียโฉมขึ้นมาทำการทำงานไม่ได้หละทีนี้นายลำบากแน่" แวนเนสแกล้งโอดครวญราวกับโดนมีดกรีดหน้า

"ไอ้บ้า! อย่าเวอร์ให้มันมากนัก! โดนแค่หมอนทำเป็นโวยวายเดี๋ยวก็ซัดเปรี้ยงให้จริงๆเสียหรอก!" พูดพร้อมกับทำมือเงื้อง้าไปด้วย

"ไม่เอาๆๆๆๆ แหม....ซีเรียสทำไมเนี่ย? นายอ่ะรู้ตัวมั่งมั๊ยว่าเดี๋ยวนี้นายดุมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย" แวนเนสพูดเหมือนเตือนให้พี่ชายสำรวจตัวเองดู

"แล้วชั้นดุเพราะอะไรหละ?" สวนน้องกลับไปทันควัน

"บอกพี่ใหญ่ไปสิว่าที่พี่ใหญ่ดุเพราะว่าเริ่มเข้าวัยทองงัย" เคนกระซิบพูดจาถากถางพี่ชายกับน้องเล็กอีก ทำเอาไจ่ไจ๋ต้องกลั้นหัวเราะแทบแย่

"แน่จริงก็พูดออกมาดังๆ! ไม่ต้องไปกระซิบกระซาบกับน้อง!" พี่ใหญ่เอามือเท้าเอวแล้วมองหน้าเคนอย่างหาเรื่อง

"พูดออกมานายก็ฆ่าชั้นตายน่ะสิ" เคนลอยหน้าลอยตาตอบ

"ถ้าไม่พูดนี่แหละนายจะโดนฆ่า!" พูดพร้อมกับใช้มือกดลงที่ไหล่น้องชายทั้งสองข้าง

"เอาสิ.....ไจ่ไจ๋.....เตรียมโทรหาตำรวจให้พี่ที" เคนพูดด้วยสีหน้ายียวนพี่ชาย

"นี่คิดจะเรียกตำรวจมาจับชั้นหรอ? ไอ้น้องคนนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว!" พูดจบก็จับล็อกคอน้องชายไว้ทันที

"เฮ้ย! เดี๋ยวมันก็อ้วกหรอก! น้องเพิ่งกินมาอิ่มๆนะ!" แวนเนสร้องเตือนพี่ชายออกมาก่อน เจอร์รี่จึงคลายท่อนแขนก่อนจะผลักหัวน้องแทน

"ก็อยากกวนประสาทนักนี่!" ไม่วายกระแทกเสียงใส่น้องอีก เคนเบ้ปากใส่พี่ชายแล้วจับเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง

"พี่ใหญ่ครับ.....อย่าบ่นอีกเลยนะ คุยกันดีๆดีกว่า....." ในที่สุดน้องเล็กก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกับขยับเข้าไปกอดแขนพี่ชาย พี่ใหญ่ถอนหายใจดังเฮือก

"ไม่คุย! พวกนายไปให้พ้นๆหน้าพี่เลยไป!" เอ่ยไล่น้องๆออกไปตรงๆ แวนเนสกับเคนจึงลุกขึ้นทันทีแต่ไจ่ไจ๋กลับนั่งเฉยเพราะรู้ว่าพี่ใหญ่ไม่ได้จะไล่พวกเขาจริงๆ

"ไปเร็วไจ่ไจ๋.....เราไปคุยกันเองดีกว่า" เคนชวนน้องแล้วดึงแขนไจ่ไจ๋ขึ้นมา

"พี่ใหญ่ครับ ขึ้นไปคุยกันข้างบนดีกว่าเนอะ" ไจ่ไจ๋ชวนพี่ชายอีกทอดหนึ่ง

"ไม่ไป" เจอร์รี่ตอบเสียงห้วน

"เฮอะ! มีงอนโว้ย!" แวนเนสแซวพี่ชายยิ้มๆ แต่โดนพี่ชายค้อนใส่

"โอ๋....ลุกไปด้วยกันเถอะน่า ทำงอนเป็นเด็กๆไปได้.....เร็วๆ....." แวนเนสเดินมากอดคอพี่ชายแล้วเอ่ยปากง้อก่อน

"ไม่ต้องมายุ่งเลย" เจอร์รี่จับมือน้องออก ทำให้น้องๆได้แต่สบตากันอย่างขำๆ

"ไม่ยุ่งได้ยังงัยหละ? พวกเรารักพี่ใหญ่นะ ถ้าไม่ยุ่งกับพี่ใหญ่แล้วจะให้ไปยุ่งกับใครหละ?" ไจ่ไจ๋พูดขึ้นมาบ้าง

"เรื่องของพวกนายสิ!" เจอร์รี่ตอบแล้วหันหลังให้พร้อมกับเอามือกอดอก

"หึๆๆๆ" ท่าทางงอนๆของพี่ชายทำให้น้องชายทั้งสามคนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

"ขำอะไรกันอีก อยากไปไหนก็ไปกันเลย" แหวใส่น้องชายทั้งสามคน

"ไปโว้ย! ไปหาเหล้าดื่มกัน!" เคนได้ยินพี่ชายพูดเช่นนั้นก็แกล้งเอ่ยปากชวนแวนเนสกับไจ่ไจ๋ทันที

"อยากตายหรืองัย!?" พี่ใหญ่ลุกขึ้นมายืนเท้าเอวแล้วมองคนพูดอย่างเอาเรื่อง

"อ้าว! ก็พี่บอกว่าอยากไปไหนก็ไปไม่ใช่หรือครับ?" เคนถามพี่ชายอย่างยียวน

"ถ้ากล้าเดินออกไปจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียวก็ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีก!" พูดกับน้องเสียงเข้ม

"คร้าบบบ.....ไม่กล้าหรอกคร้าบบบ....." เคนลากเสียงยาวก่อนจะส่ายหน้าไปมา

"แล้วนี่จะงอนอีกนานมั๊ยหืม?" ถามพี่ชายกลับไปบ้าง เจอร์รี่จึงค้อนใส่แล้วเดินกลับไปกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาตามเดิม

"พวกชั้นง้อแล้วนะ แล้วอย่ามาหาว่าน้องไม่สนใจหละ" แวนเนสว่าแล้วก็โอบไหล่น้องชายทั้งสองคน

"ไปเล่นเกมส์ข้างบนกันดีกว่า" จบคำนั้นสามคนพี่น้องก็พากันขึ้นไปข้างบน เมื่อน้องหายออกไปแล้วเจอร์รี่ก็หันไปมองตาม

"นี่หรอที่เรียกว่าง้อ? ไม่ได้ครึ่งของเวลาที่พี่ง้อพวกนายเลยซักนิด!" บ่นอุบกับตัวเองเบาๆแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้ตัวเอง



- วันรุ่งขึ้น -

"เฮ้ย!! จะถล่มบ้านกันหรืองัย!?" เจอร์รี่ทำเสียงดุน้องๆที่วิ่งไล่กันลงมาเสียงดังโครมคราม เขาออกจะแปลกใจเล็กน้อยเพราะวันนี้เป็นวันหยุดน้องๆไม่น่าจะพากันตื่นเช้าแบบนี้

"ก็พี่รองน่ะกวนประสาท! เข้าไปกวนผมกับพี่กลางแต่เช้าเลย!" ไจ่ไจ๋รีบเอ่ยปากฟ้องทันที

"กวนอะไรหละ? พี่เข้าไปปลุกดีๆต่างหาก" แวนเนสเถียงแต่สีหน้ายิ้มร่าที่ได้แกล้งเจ้าน้องชายตัวแสบทั้งสองคน

"ปลุกดีตายหละ! เล่นตะโกนใส่หูขนาดนั้นหูไม่แตกก็บุญแล้ว!" เคนแหวใส่พี่ชายด้วยอีกคน

"แวนเนส ทำไมไปแกล้งน้องแบบนั้นน่ะ?" พี่ใหญ่หันไปตำหนิน้องชายคนรองด้วยสีหน้าบึ้งนิดๆ

"เฮ่อ! ดันไปแกล้งน้องชายสุดรักสุดสวาทเข้าให้ ซวยเลยเรา....." แวนเนสแกล้งตีหน้าเศร้าพร้อมกับตัดพ้อไปด้วย

"เล่นอะไรเป็นเด็กๆ! ไม่โดนมันสองคนถีบออกมาก็นับว่าบุญแล้ว!" เจอร์รี่พูดซ้ำเติมแวนเนสอีก คราวนี้แวนเนสเลยทำหน้างอใส่เสียจริงๆ

"ถ้ามันกล้าถีบชั้นอีกหน่อยนายก็ไม่รอดเหมือนกันแหละ" ได้ยินดังนั้นพี่ใหญ่ก็ขมวดคิ้ว

"หมายความว่างัยพี่รอง? ผมกับพี่กลางไม่อันธพาลขนาดนั้นหรอกนะ" น้องเล็กแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้ามุ่ยๆ

"คร้าบบบ.....สำหรับนายน่ะพี่เชื่อแต่อีกคนไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่นะ" พูดจบก็เหล่ไปทางเคน

"ไม่ได้ขอร้องให้เชื่อเลยเพราะตอนนี้ชั้นอยากกระโดดเตะนายเต็มทีแล้ว!" เคนตวัดเสียงใส่

"กระโดดไหวหรอเจ้าหมูอ้วน?" แวนเนสสบโอกาสแซวน้องชายพร้อมกับทำหน้ายียวน

"ไอ้....." เคนชี้หน้าพี่ชายพร้อมกับทำท่าจะเตะพี่ชาย

"เสี้ยวเทียน!!" เจอร์รี่ปรามน้องเสียงเข้ม แต่เคนหมั่นไส้แวนเนสจนทนไม่ไหวเพราะพี่ชายทำท่ายักคิ้วหลิ่วตาให้จึงไม่ฟังเสียงพี่ใหญ่ไล่เตะแวนเนสทันที

"โอ้ย! นี่เอาจริงหรอวะ! เฮ้ยๆๆๆ!!!" แวนเนสร้องโวยวายพร้อมกับวิ่งหนีรอบบ้าน

"เอาเลยพี่กลาง! ผมฝากด้วยทีนึง!" ไจ่ไจ๋ร้องเชียร์เคนไปด้วยเพราะอยากแก้แค้นพี่ชายช่างแกล้งบ้างเหมือนกัน

"นี่แหนะทีนึง!" พี่ใหญ่เขกหัวน้องเล็กเข้าให้ ทำเอาไจ่ไจ๋ได้แต่เอามือลูบหัวแล้วปิดปากสนิททันทีเพราะกลัวจะโดนเล่นงานมากกว่านี้

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! เสี้ยวเทียน!! หยุด!!" น้ำเสียงเฉียบขาดของพี่ใหญ่ทำให้บรรยากาศเริ่มสงบลง

"วิ่งไล่กันเป็นเด็กๆไปได้! จะบ้าหรืองัย!" ดุน้องต่ออีกยกหนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา

"เพราะนายนั่นแหละ" แวนเนสกระซิบว่าน้องชาย

"นายนั่นแหละ!" เคนแหวใส่พี่ชายกลับไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง

"นายแหละ!" แวนเนสเถียงกลับไปอีก

"นายแหละไอ้บ้า!" เคนเองก็ไม่ยอมแพ้ขึ้นเสียงกับพี่ชายอีก

"ยังไม่หยุดกันอีก!" สายตาคมกริบของพี่ใหญ่มองไปทางน้องชายทั้งคู่

"แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยเลย! แล้วอย่าให้ได้ยินเสียงใครกัดกันอีกหละ!" สั่งน้องชายทั้งสามคนจบก็เดินไปนั่งลงที่โซฟาตามเดิม แวนเนสหันไปยิ้มกว้างกวนประสาทเคนก่อนจะเดินลอยหน้าลอยตาเพื่อจะขึ้นไปอาบน้ำข้างบนห้อง เคนมองพี่ชายอย่างขุ่นเคืองจนเมื่อพี่ชายเดินมาใกล้เขาก็ยื่นขาออกไปขัดขาพี่ชายแล้วก็ได้ผลเพราะแวนเนสไม่ทันมองจึงสะดุดขาน้องชายล้มลงกับพื้น

"ฮ่าๆๆๆๆ!!!!" เคนกับไจ่ไจ๋ประสานเสียงหัวเราะกันอย่างสะใจ

"ไอ้ๆๆๆ!!!...." แวนเนสที่ล้มกลิ้งอยู่ที่พื้นยังมีแก่ใจชี้หน้าน้องชาย

"ตลกกันมากนักหรืองัย!?" พี่ใหญ่ตีหน้าขรึมถามน้องชายด้วยน้ำเสียงดุๆ เสียงหัวเราะจึงเงียบลงทันที

"นายต้องจัดการให้ชั้นด้วยนะ ดูสิ....ถ้าเอามือยังพื้นไม่ทันมีหวังล้มหน้าฟาดพื้นแน่" แวนเนสพูดยุยงพี่ชาย

"แต่นายก็เอามือยันเพื้นทันไม่ใช่หรอ?" เคนรีบพูดแทรกขึ้นมา

"ไม่ได้อยู่ที่พี่เขายันพื้นทันหรือเปล่าแต่เล่นกันแบบนี้มันอันตรายน่ะรู้มั๊ย!?" เจอร์รี่พูดกับเคนเสียงเข้ม

"ไม่รู้" เคนปฏิเสธหน้าซื่อทำเอาพี่ใหญ่เริ่มฉุนเพราะอุตส่าห์พูดสอนแต่น้องกลับทำเป็นไม่สนใจ

"ไม่รู้งั้นเดี๋ยวชั้นจะบอกให้รู้เอง!" จบคำนั้นเจอร์รี่ก็หันไปทางแวนเนส

"ไปหยิบไม้เรียวมาให้ชั้นทีซิ" แวนเนสได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มแหยๆเขาเองก็ไม่อยากให้น้องโดนตีแต่ก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดเข้าข้างน้องชาย

"ชั้นว่านะ.....อย่าไปตีมันเลยเดี๋ยวมันเอาไปฟ้องพ่อแม่นายจะโดนตำหนิเปล่าๆ" แวนเนสพูดกับพี่ชาย

"นั่นสิครับพี่ใหญ่ เดี๋ยวนี้พ่อแม่โอ๋พี่กลางออกจะตายเดี๋ยวพี่จะซวยนะ" ไจ่ไจ๋ช่วยเสริมขึ้นมาอีกคน

"ปกป้องกันเข้าไปสิ! วันหลังมีอะไรไม่ต้องเอามาฟ้องให้ได้ยินแล้วกัน!" เจอร์รี่พูดเสียงห้วนก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตามเดิมแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านต่อ น้องชายทั้งสามคนจึงพากันเลี่ยงขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน

"ขอบคุณพี่รองหรือยังฮึเจ้าตัวแสบ!?" เมื่อพ้นสายตาพี่ใหญ่มาแล้วแวนเนสก็หันมาทวงบุญคุณกับน้องชาย

"ทำไมชั้นต้องขอบคุณ? ที่มันจะเอาเรื่องชั้นก็เพราะนายแหละที่เป็นต้นเหตุ" เคนเถียงพี่ชายกลับไป

"แหนะ! นายดูพี่ชายของนายนะไจ่ไจ๋ ดูมันพูดซิ....." เมื่อเถียงน้องไม่ได้แวนเนสจึงหันไปทางไจ่ไจ๋แทน

"พี่กลางเขาก็พูดถูกเพราะถ้าพี่รองไม่เข้ามากวนประสาทพวกเราแต่เช้าพี่กลางก็ไม่แกล้งพี่กลับหรอก" แทนที่จะได้รับเสียงสนับสนุนกลับโดนน้องเล็กต่อว่าอีกคน

"อ้าว! รู้งี้เมื่อกี้ปล่อยให้โดนตีตายซะก็ดี แบบนี้มันรุมกันนี่หว่า" ประโยคหลังแวนเนสบ่นอุบอิบ

"หึๆๆๆๆ" เคนกับไจ่ไจ๋หันไปหัวเราะกันเบาๆ

"แล้ววันนี้นายไม่ไปทำงานหรืองัย? ถึงได้มีเวลาว่างมาป่วนคนอื่นแบบนี้?" เคนถามพี่ชายกลับไปบ้าง

"ก็ว่างน่ะสิชั้นถึงต้องให้เวลากับน้องชายสุดที่รักทั้งสองคนของชั้นบ้าง" แวนเนสตอบพร้อมกัยยักคิ้วให้

"แล้วพี่กลอเรียหละครับ? พักนี้ไม่เห็นบ่นถึงแฟนเลย หรือว่าเลิกกันแล้ว?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายกลับอย่างติดกวนเล็กน้อย

"ไอ้ปากเสีย! พี่น่ะไปหาพี่กลอเรียแทบทุกวันแม้วันทำงานถ้าถึงช่วงพักพี่ก็ไปกินข้าวด้วยกันโว้ย!" ตอบน้องชายพร้อมกับมองด้วยสายตาขุ่นๆ

"อ้าว! ไม่รู้หนิ ไม่เห็นพี่พูดถึงก็นึกว่าเลิกกันแล้ว" ไจ่ไจ๋ว่าปนเสียงหัวเราะ

"ไปอาบน้ำเถอะวันนี้พี่นัดพ่อกับแม่ให้พาเราไปเดินห้างกันแล้ว เดี๋ยวพ่อแม่ซื้ออาหารเช้ากลับมากินเสร็จสายๆก็คงได้ไปกันแหละ" แวนเนสเฉลยให้น้องชายทั้งคู่ฟัง

"เย้!! ดีใจจังเลย! ได้เที่ยวด้วยกันอีกแล้ว!" ไจ่ไจ๋ร้องขึ้นอย่างดีใจ ท่าทางเหมือนเด็กได้ขนมของน้องเล็กทำให้พี่ชายทั้งสองคนต่างพากันอมยิ้ม

"อยากเที่ยวก็รีบไปอาบน้ำซะสิ ถ้าช้าเดี๋ยวพี่ไม่รอนะ" แวนเนสพูดจบไจ่ไจ๋ก็วิ่งตื่อเข้าห้องไปทันที

"ไอ้เด็กคนนี้ไม่รู้เมื่อไหร่จะโตซักที" เคนนินทาน้องชายลับหลังก่อนจะหันไปหัวเราะกับแวนเนสเบาๆ



- ที่ห้างสรรพสินค้า -

"เสี้ยวเทียนอยากดูอะไรมั๊ยลูก?" พ่อถามลูกชายคนกลางที่เดินตามคนโน้นทีคนนี้ทีแต่ยังไม่ได้ซื้ออะไรซักอย่าง

"เดินเล่นไปเรื่อยๆก่อนครับพ่อ" เคนตอบบิดาพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะมองเลยไปทางน้องเล็กที่ถือไอศครีมเดินตรงมาทางเขา

"อะพี่กลาง.....แม่ซื้อมาให้" เคนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะรับมา

"พี่ว่าเพราะนายอยากกินแต่หาเพื่อนกินด้วยไม่ได้มากกว่า" เคนพูดแขวะน้องชาย

"ยังจะมาพูดอีก จะกินมั๊ยนั่น?" น้องเล็กค้อนใส่พี่ชายเข้าให้ สมาชิกคนอื่นๆจึงพากันหัวเราะ

"กินสิ น้องชายสุดที่รักอุตส่าห์มีแก่ใจคิดแบ่งพี่ชายทั้งที" เคนตอบแล้วกัดกินไอศครีมที่น้องชายส่งมาให้

"ไม่เห็นเผื่อพี่บ้างเลย" แวนเนสพูดด้วยสีหน้ามุ่ยๆ

"อ้าว! ก็พี่รองกำลังรักษาหุ่นไม่ใช่หรอ? กินไอติมเดี๋ยวอ้วนนะ" น้องเล็กให้เหตุผล

"แค่อันเดียวไม่เป็นไรหรอก" แวนเนสแย้ง ดังนั้นน้องเล็กจึงยื่นอันในมือให้

"อะ.....งั้นเอานี่ไป....." ว่าพร้อมยิ้มให้พี่ชายอย่างใสซื่อ แวนเนสเบ้ปากใส่แล้ว

"ไม่เอา! ใครจะไปกินลง? นายเล่นเลียจนน้ำลายติดไปหมดทั้งอันแล้ว" เอ็ดใส่น้องอย่างเคืองๆ

"แหม....แค่นี้ทำเป็นรังเกียจ น้องอุตส่าห์ให้.....เสียน้ำใจหมด" น้องเล็กบ่นอุบก่อนจะกัดกินไอศครีมต่ออย่างเอร็ดอร่อย

"อยากกินก็ไปซื้อสิจ๊ะ มายืนทำหน้างอใส่น้องอีก" แม่ต่อว่าลูกชายคนรองเข้าให้บ้าง

"ไม่เอาหรอกครับ กินเข้าไปอันนึงไม่รู้ว่าต้องวิ่งอีกกี่ชั่วโมง" แวนเนสตอบแม่หน้าตาเฉย ความจริงเขาไม่ได้อยากกินเพียงแต่แค่แหย่น้องเล่นเท่านั้น

"พ่อไม่เห็นว่าลูกจะอ้วนตรงไหนเลยนี่ คิดมากไปหรือเปล่า?" พ่อว่าพร้อมกับกอดคอแวนเนส

"ไม่ได้หรอกครับ ผมน่ะอ้วนเร็วขืนกินตามใจปากมีหวังได้อ้วนแข่งกับเจ้าเสี้ยวเทียนแหงๆ" แวนเนสตอบพร้อมกับเหล่ไปมองทางน้องชายคนกลาง เคนได้ยินพี่ชายพูดพาดพิงถึงก็ขยับขาทำท่าจะเตะคนปากดีแต่พอเห็นพี่ใหญ่ชี้หน้าก็ไม่กล้า

"ดุน้องอีกแล้ว" แม่หยิกแก้มลูกชายคนโตอย่างหมั่นไส้

"ผมยังไม่ทันพูดอะไรเลยซักคำนะครับ" เจอร์รี่ทำหน้ามุ่ยใส่แม่บ้าง

"เราไม่พูดแต่สายตามองน้องอย่างกับจะกินน้องเข้าไปทั้งตัว" แม่สวนกลับก่อนจะหันมาทางเคน

"ไปดูของกับแม่ทางโน้นดีกว่าจ๊ะ นาฬิกาเรือนเก่าของแม่มันพังแล้วอยากจะหาใหม่ซักเรือน" พูดจบก็พยักหน้ากับลูกชายคนกลาง

"ครับแม่ เดี๋ยวผมช่วยเลือก" เคนว่าแล้วก็เดินไปกับแม่ทันที

"น่าหมั่นไส้ชะมัด!" เจอร์รี่บ่นไล่หลังน้องชายไปเพราะถ้าแม่อยู่เขาแตะต้องน้องชายคนนี้ไม่ได้เลย

"หึๆๆๆ" พ่อกับน้องชายอีกสองคนหัวเราะกับท่าทางของเจอร์รี่

"ไม่อยากโดนแม่ว่าลูกก็อย่าว่าน้องสิ" พ่อเอ่ยขึ้นแล้วตบไหล่ลูกชายคนโตเบาๆ

"กลับไปคราวนี้พ่อเอามันยัดใส่กระเป๋าไปอยู่นู้นด้วยเลยสิครับ" เจอร์รี่พูดประชดพ่ออย่างอดไม่ได้

"ผมจะไปดูหนังสือ เสร็จแล้วค่อยโทรหาแล้วกัน" พูดจบก็ทำท่าจะเดินไปแต่แวนเนสดึงแขนพี่ชายไว้ก่อน

"พี่ครับ น้องพี่ก็เปิดร้านขายหนังสือถ้าจะซื้อก็อุดหนุนน้องสิ" พี่ใหญ่ได้ยินก็เอามือผลักหัวน้องชาย

"ชั้นบอกว่าจะไปดูไม่ได้ไปซื้อ!" พูดจบก็เดินจากไปทันที

"ฮ่าๆๆๆ!!! ท่าทางจะหงุดหงิดมากนะนั่น" แวนเนสหัวเราะก่อนจะเดินกลับมาสมทบกับพ่อและน้องชาย

"เดี๋ยวพ่อแม่กลับไปเมื่อไหร่พี่กลางตายคามือพี่ใหญ่แหงๆแบบนี้" ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับหัวเราะด้วยเช่นกัน

"ความจริงที่พี่ชายลูกพูดเมื่อกี้ก็ดีเหมือนกันนะ พ่ออยากจะเอาเสี้ยวเทียนไปอยู่ทางโน้นด้วยจริงๆ" เมื่อได้ยินพ่อว่าเช่นนั้นแวนเนสก็เหล่มองไปทางน้องเล็ก

"พ่อครับ พ่อคงต้องขออนุญาตผู้ปกครองตัวจริงของเสี้ยวเทียนก่อนแหละครับ" พ่อทำหน้างงๆกับคำพูดของแวนเนส

"หมายความว่างัยลูก?" ย้อนถามกลับไป

"ก็ถามไจ่ไจ๋ดูสิครับว่าน้องยอมให้พี่ชายคนโปรดของมันไปหรือเปล่า ถ้ามันบอกว่าไม่คำเดียวเจ้าเสี้ยวเทียนมันก็ไม่กล้าหือหรอก" ให้ความกระจ่างกับพ่อจบก็หัวเราะเบาๆ

"บ้า! ผมไม่เผด็จการแบบนั้นซักหน่อย!" ไจ่ไจ๋ตีแขนพี่ชายพร้อมกับดุเบาๆ

"ถ้าพ่อจะเอาพี่กลางไปต้องเอาผมไปด้วยนะ" หันมากอดแขนอ้อนพ่อบ้าง

"ลูกยังเรียนอยู่ไม่ใช่หรอ? จะไปได้ยังงัย?" พ่อแกล้งถามแหย่ลูกชายคนเล็กบ้าง

"ได้สิครับ ก็โอนหน่วยกิตไปเรียนต่อทางโน้น จะได้ขึ้นชื่อว่าจบนอกด้วย" ไจ่ไจ๋พูดออกมาหน้าตาเฉย

"เอ่อ....แต่ถ้าเป็นนายไปคงต้องกล่อมพี่ใหญ่ซักสิบปีก่อนแหละวะ รายนั้นน่ะมันขาดนายได้ที่ไหนหวงซะยิ่งกว่าเมียอีก!" แวนเนสพูดต่อทันทีที่น้องพูดจบ

"เราก็ชอบพูดแขวะพี่เขาทุกที นี่ดีนะที่พี่ใหญ่เขาไม่อยู่แถวนี้ไม่งั้นคงได้โดนพี่เขาดุอีกแน่" พ่อต่อว่าลูกชายคนรองแต่สีหน้ากลับมีรอยยิ้ม

"ถ้าพี่ใหญ่ดุผมพ่อก็ต้องช่วยผมบ้างนะ รู้เปล่าว่าผมอ่ะน้อยใจพ่อกับแม่มากเลย กลับมาก็โอ๋แต่เจ้าเสี้ยวเทียนกับเจ้าไจ่ไจ๋ไม่เห็นจะมาเอาใจผมบ้างเลย" ท่าทางกระเง้ากระงอดของลูกชายทำให้พ่ออดไม่ได้ที่จะขยี้หัวลูกชายอย่างหมั่นไส้

"ก็เราไม่อยู่ให้พ่อเอาใจนี่นา วันๆพ่อไม่เห็นลูกจะอยู่ติดบ้านเลย" พ่อแก้ตัวก่อนจะโอบไหล่ลูกชาย

"เวลาผมอยู่บ้านพ่อก็ไม่สน" แวนเนสเถียงกลับเหมือนเด็กๆ

"พี่รองทำตัวเป็นเด็กๆไปได้" ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาบ้าง

"ใช่ซี้....ใครมันจะไปโชคดีเท่าน้องชายคนเล็กแบบนายได้หละ อะไรๆก็ได้ก่อนทุกที" น้องเล็กหน้าเหวอเมื่อโดนพี่ชายพาลใส่

"ไม่เอาน่า.....หาเรื่องน้องอีกแล้ว ไป.....อยากได้อะไรบอกพ่อมาซิพ่อจะซื้อให้ทุกอย่างเลย" ว่าแล้วพ่อก็รีบเอาอกเอาใจลูกชายคนรอง

"พูดจริงนะพ่อ? ถ้ากลับคำผมจะเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับกลอเรียเลย" พูดขู่พ่อแต่ทำหน้าเจ้าเล่ห์

"ทะเล้นนักเชียวเจ้าลูกคนนี้!" เอามือทุบหัวลูกชายเบาๆก่อนจะกอดคอแล้วพาไปเดินดูของต่ออย่างสนุกสนาน หลังจากเดินดูของกันครู่ใหญ่แล้วพ่อก็เดินมาสมทบกับแม่และเคน

"งัยหละแม่ลูกคู่นี้? ได้อะไรกันบ้าง?" พ่อเอ่ยทักทายภรรยาและลูกชายคนกลาง

"พ่อครับ พ่อดูสิว่านาฬิกาเรือนนี้สวยหรือเปล่า? ผมเลือกให้แม่เองเลยพ่อว่าเหมาะมั๊ยครับ?" เคนรีบเปิดกล่องใส่นาฬิกาที่เขาเป็นคนเลือกให้แม่มาอวดพ่อทันที

"สวยจังเลยลูก เหมาะกับแม่เขามากเลย" พ่อตอบพร้อมกับยิ้มให้ลูกชาย

"เสี้ยวเทียนซื้อให้แม่ด้วยน่ะพ่อ" แม่พูดแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้ามีความสุข

"โอโห! พี่กลางนี่ร้ายจริงแอบซื้อให้แม่เฉยเลยนะ" น้องเล็กพูดคล้ายจะต่อว่าพี่ชายแต่สีหน้ากลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

"ไม่ได้แอบซักหน่อยแต่พี่ซื้อให้เห็นๆเลยแหละ" เคนว่าแล้วก็ยิ้มอย่างดีใจที่เห็นรอยยิ้มมีความสุขของแม่

"แล้วไม่มีของพ่อบ้างหรอ?" พ่อแกล้งถามขึ้นมาบ้าง เคนจึงหันไปสบตากับแม่ยิ้มๆ

"ลูกเราไม่ลำเอียงขนาดนั้นหรอกพ่อ" แม่เป็นคนตอบแทนเคน พ่อจึงเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

"แต่แม่บอกลูกว่าพ่อน่ะเพิ่งซื้อนาฬิกาใหม่ไปเมื่อสองเดือนก่อนนี้เอง" พอได้ยินเช่นนั้นพ่อก็ทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย

"แม่จะบอกลูกแบบนั้นทำไมหละ? พ่อเลยอดได้ของจากลูกเลย" พ่อแกล้งทำเป็นงอนนิดๆ

"พ่อครับ ถึงผมไม่ได้ซื้อนาฬิกาให้พ่อแต่ผมซื้ออย่างอื่นให้แทนนะ" เคนพูดเฉลยให้พ่อฟัง จากสีหน้างอนๆของพ่อเปลี่ยนกลายเป็นรอยยิ้มทันที

"ซื้ออะไรให้พ่อหละลูก?" ถามหาของจากลูกชายทันที ทำให้สมาชิกคนอื่นๆพากันหัวเราะ

"กระเป๋าเงินครับ แม่บอกว่าใบเก่าพ่อใช้จนขาดแล้วผมเลยซื้อให้พ่อใหม่ นี่ครับ....." ว่าแล้วเคนก็ส่งถุงที่ถืออยู่ในมือให้พ่อ

"พ่อลองดูสิครับว่าชอบหรือเปล่าเพราะถ้าไม่ชอบเขาให้เปลี่ยนได้" เคนบอกพ่อต่ออีก แต่พ่อกลับส่ายหน้า

"ชอบสิลูก พ่อต้องชอบอยู่แล้ว ไม่ว่าได้อะไรจากลูกพ่อก็ดีใจทั้งนั้น ขอบใจมากลูกรัก" พ่อว่าพร้อมกับลูบหัวลูกชายอย่างรักใคร่

"เฮ่อ!!! คนเรานะแอบทำคะแนนได้หน้าตาเฉย นี่กะจะให้พี่น้องคนอื่นกลายเป็นหมาหัวเน่าเลยหรืองัยฮึ?" แวนเนสผลักหัวน้องชายพร้อมกับพูดเปรยๆออกมา

"ชั้นเก่งมั๊ยหละ?" เคนโต้ตอบพี่ชายกลับอย่างกวนๆ

"เก่งมากกกกก....." แวนเนสตอบพร้อมกับหยิกแก้มน้องอย่างหมั่นไส้

"พ่อแม่ครับ ผมไม่ผิดนะที่ยังไม่ได้ซื้ออะไรให้พ่อแม่เพราะว่าผมยังเด็กอยู่ ยังเรียนไม่จบยังไม่มีงานทำยังไม่มีรายได้" ไจ่ไจ๋รีบพูดแก้ตัวขึ้นมาก่อนเพราะกลัวจะน้อยหน้าพี่ชาย

"แม่รู้แล้วจ๊ะ แล้วแม่ก็หวังเพียงแค่ให้ลูกตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอแล้ว" แม่ตอบลูกชายด้วยรอยยิ้ม

"ผมก็ไม่ผิดนะครับ เพราะถึงผมจะมีงานทำแต่ผมไม่มีเงินเดือน" แวนเนสพูดขึ้นมาบ้าง พ่อกับแม่จึงหันไปหัวเราะกันเบาๆ

"พ่อแม่ไม่ได้หวังอยากได้อะไรจากลูกๆหรอก แค่ลูกมีความสุขพ่อแม่ก็พอใจแล้ว" คำพูดของพ่อทำให้ลูกชายทั้งสามคนต่างพากันยิ้ม

"ไปลูก....คราวนี้ถึงคราวของลูกๆจะได้ของที่อยากได้กันบ้างแล้ว" พ่อชวนให้ลูกชายไปเดินดูของตามชอบใจบ้าง ดังนั้นสามคนพี่น้องก็พากันเดินดูโน้นดูนี่กันต่อ

"พี่ใหญ่โทรมาครับ" หลังจากเดินเล่นกันได้ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ของไจ่ไจ๋ก็ดังขึ้น

"ครับพี่ใหญ่?" ไจ่ไจ๋รับสายก่อนจะทักทายออกไป

"อยู่ไหนกันน่ะ?" เจอร์รี่ถามน้องชายมาตามสาย

"อยู่ตรงแผนกเครื่องเสียงครับ" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วพูดกับพี่ชายต่อ

"พี่ใหญ่เดินมาเร็วๆนะ เดี๋ยวเราจะได้ไปหาข้าวกินกัน" เมื่อพี่ชายรับคำแล้วไจ่ไจ๋ก็วางสาย

"เดี๋ยวพี่ใหญ่เดินมาหาครับ" แล้วก็รายงานให้ทุกคนรู้

"งั้นลูกคิดสิว่าเดี๋ยวเราจะไปกินอะไรกันดี?" พ่อบอกให้ลูกชายคนเล็กเป็นคนคิดเมนูอาหารกลางวัน

"ขอเวลาหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะบอกว่าเราจะกินอะไรกัน" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ทำหน้าครุ่นคิดเมนูอาหาร พ่อมองลูกชายด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู

"พ่อ" แม่เดินมาข้างๆก่อนจะเรียกเบาๆ

"หืม? ว่างัยแม่?" พ่อย้อนถามแม่กลับไป

"ดูท่าเสี้ยวเทียนคงอยากได้กีต้าร์นะ แม่เห็นลูกเดินวนอยู่หลายรอบแล้ว" ว่าพลางพยักเพยิดให้พ่อดูลูกชายที่ยืนมองอยู่ตรงที่ขายเครื่องดนตรี

"งั้นเราก็ซื้อให้ลูกกันดีกว่า" พ่อว่าแล้วก็มองหน้าแม่เป็นเชิงปรึกษา

"แม่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน" เมื่อเห็นพ้องต้องกันแล้วพ่อกับแม่จึงเดินไปหาเคน

"ดูอะไรอยู่ลูก?" แม่เป็นคนตั้งคำถาม

"อ้อ! ดูกีต้าร์ตัวนั้นน่ะครับ" เคนตอบพร้อมกับชี้ให้พ่อแม่ดู

"ชอบหรอลูก?" พ่อถามลูกชายต่ออีก

"ชอบครับ สีสวยดีเมื่อกี้ลองขอเขาเล่นดูแล้วเสียงดีด้วย" เคนตอบพร้อมกับขยายความให้ฟัง

"พ่อกับแม่ซื้อให้ดีมั๊ย?" คำเสนอนั้นทำให้เคนยิ้มร่าแต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา

"ไม่ดีครับ" เสียงพี่ใหญ่ตอบแทนน้องชายทำเอาเคนหุบยิ้มแทบไม่ทัน

"ยังงัยน่ะเรา? อย่าบอกนะว่าอิจฉาน้องน่ะ?" แม่ต่อว่าลูกชายคนโตเข้าให้บ้าง

"ไม่ได้อิจฉาครับ แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนผมเพิ่งซื้อกีต้าร์ให้มันไปเอง ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นอะไรทั้งสิ้นที่จะต้องซื้อกีต้าร์ตัวใหม่อีก" เจอร์รี่ตอบคำถามแม่แต่สายตามองไปทางเคน

"ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ลูก ให้น้องผลัดกันเล่นสองตัวก็ได้จะได้ไม่พังเร็วงัย" พ่อแก้ตัวแทนเคนขึ้นมาอีก เจอร์รี่เม้มปากก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

"จริงของพี่ใหญ่ครับพ่อ งั้นผมดูกลองชุดนะ" เคนว่าพร้อมกับพูดต่อหน้าตาเฉย เจอร์รี่ได้ยินก็ถลึงตาใส่น้องชาย

"เอาเลยลูก อยากได้อะไรก็ดูเลย วันนี้พ่อให้เวลาลูกตัดสินใจได้เต็มที่" พ่อรีบสนับสนุนความต้องการของเคนทันที

"โอโห! ไอ้นี่มันแผนสูงชะมัด! เล่นซื้อของให้พ่อแม่ก่อนจะมาเอาคืนเป็นของชิ้นใหญ่ขนาดนี้" แวนเนสพูดแทรกขึ้นมายิ้มๆ

"จะว่าพี่กลางฉลาดหรือเจ้าเล่ห์ดีเนี่ย" ไจ่ไจ๋เปรยขึ้นอีกคน ในตอนนั้นพี่ใหญ่ดึงตัวน้องชายคนกลางเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดขู่เบาๆ

"ชั้นสั่งห้ามซื้อเครื่องดนตรีอะไรทั้งสิ้นอย่างเด็ดขาด! ถ้ากล้าขัดคำสั่งชั้นหละนายโดนหนักแน่!" เคนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเพราะอันที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากให้พ่อแม่ซื้ออะไรให้เพียงแต่เขาเห็นว่ากีต้าร์ตัวนั้นสวยดีเลยเดินมาดูและลองเล่นเท่านั้น แม้ต่อให้พ่อแม่จะซื้อให้จริงๆเขาก็จะปฏิเสธ

"ไม่เป็นไร.....ได้แล้วค่อยมาว่ากันอีกที" เคนกวนประสาทพี่ชายต่อ

"ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ! เดี๋ยวนี้ชั้นพูดอะไรก็ไม่ต้องเชื่อฟังกันแล้วใช่มั๊ย!?" เมื่อน้องยั่วพี่ใหญ่ก็เริ่มหน้าตึง

"ซีเรียสอะไรนักหนาเนี่ย?" สีหน้าของพี่ชายทำเอาเคนถึงกับบ่นอุบ

"แล้วมันเรื่องอะไรที่จะต้องมาร้องเอาของเหมือนเด็กๆแบบนี้? ตัวเองน่ะอายุเท่าไหร่แล้วทำไมถึงไม่รู้จักคุณค่าของเงินบ้าง!?" เจอร์รี่ไม่พูดพร้อมกับเอื้อมมือจะหยิกน้องชายด้วย

"เฮ้ยๆๆๆ!!! อย่านะโว้ย!!" เคนร้องโวยวายพร้อมกับผลักมือพี่ชายออกไปให้พ้นตัว

"เจอร์รี่!!" เสียงพ่อกับแม่ดังขึ้นพร้อมกันเพื่อปรามลูกชายคนโต เจอร์รี่ชะงักไปก่อนจะส่งสายตาพิฆาตไปทางน้องชายคนกลาง

"หึๆๆๆ" เคนหัวเราะในลำคอเพราะรู้ว่าพี่ชายทำอะไรตัวเองไม่ได้

"อะไรน่ะเรา? ไม่ดุไม่ว่าน้องซักวันได้หรือเปล่า? ออกมาเที่ยวกันสนุกๆลูกก็เอาแต่ขัดใจน้องอยู่ได้" แม่บ่นลูกชายคนโต

"เสี้ยวเทียน ไม่ต้องไปกลัวคำขู่ของพี่ใหญ่ ลูกอยากได้อะไรก็ไปเลือกได้เลยถ้าพี่ใหญ่มีปัญหาให้มาคุยกับแม่" คำขาดของแม่ทำให้เจอร์รี่พูดอะไรไม่ออก เคนแอบยิ้มที่แกล้งพี่ชายได้สำเร็จ

"งั้นขอผมตัดสินใจก่อนะครับ เอาเป็นว่าไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีดีกว่า" เคนบอกกล่าวพร้อมกับตัดบทชวนทุกคนไปหาข้าวกิน

"ก็ได้ลูก งั้น....ไจ่ไจ๋.....ที่พ่อให้คิดเมื่อกี้คิดออกหรือยังหละ?" พ่อหันไปถามลูกชายคนเล็ก

"คิดออกแล้วครับ ผมว่าเราไปกินสุกี้กันดีกว่ากินหลายๆคนสนุกดี" ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับมองหน้าพ่อแม่และพี่ชายอีกสามคนเป็นเชิงขอความเห็น

"แล้วลูกว่างัย?" พ่อถามเคนต่ออีก

"อ้าวพ่อ! ลำเอียงเกินไปเปล่าเนี่ยยืนกันอยู่ตั้งหลายคนแต่กลับถามมันคนเดียว" แวนเนสพูดแทรกขึ้นมาอย่างเริ่มรู้สึกหมั่นไส้น้องชายคนกลางอยู่เหมือนกัน

"ผมได้ทุกอย่างครับพ่อ ใครอยากกินอะไรก็ตามใจเถอะ" เคนพูดกับพ่อก่อนที่พี่น้องคนอื่นจะมีการกระเง้ากระงอดกันอีก

"ว่างัยหละเรา? อยากกินอะไรหละหืม?" แม่ถามแวนเนสต่อเป็นเชิงประชดเล็กน้อย

"อะไรก็ได้เหมือนกัน" ตอบออกมาหน้าตาเฉยเลยโดนแม่ตีมือให้ทีหนึ่ง

"เฮี้ยวจริงๆเลยลูกคนนี้!" ต่อว่าพร้อมกับส่ายหน้าไปมาแวนเนสจึงหัวเราะออกมาได้ก่อนจะกอดเอวแม่แล้วพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน

"แหม.....ผมก็แค่อยากให้แม่สนใจผมบ้างเท่านั้นเอง วันนึงเรียกชื่อผมแทบนับครั้งได้แต่เรียกหาเจ้าเสี้ยวเทียนกับไจ่ไจ๋จนนับครั้งไม่ถ้วนเลย" คำพูดนั้นทำให้แม่อดที่จะหัวเราะกับความขี้งอนของลูกชายคนนี้ไม่ได้

"งั้นต่อไปแม่จะเรียกหาแต่ลูกคนเดียวเลยดีมั๊ยจ๊ะ?" ถามแหย่ลูกชายกลับไป

"ดีครับ" แวนเนสตอบพร้อมกับยิ้มหวานจ๋อย

"อ้อนกันอยู่ได้แล้ววันนี้ผมจะได้กินสุกี้มั๊ยเนี่ย?" ไจ่ไจ๋แกล้งเปรยขึ้นมาเสียงดังๆ ซึ่งเสียงนั้นทำให้ทุกคนหันไปทางคนพูดพร้อมกัน

"ผมหิวแล้วนะ" พูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วลง ท่าทางของน้องเล็กนั้นทำให้สมาชิกคนอื่นๆยิ้มออกมาได้

"งั้นก็พาไปสิลูก พ่อไม่ค่อยได้มาเดินที่นี่เท่าไหร่ไม่รู้ว่าร้านอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง" จบคำพ่อทุกคนก็พากันเดินไปยังร้านเป้าหมายทันที




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:47:29 น.
Counter : 975 Pageviews.  

Chapter 63

ตอนที่ 63

"นี่หรอคนที่กะมาเดินเล่นน่ะ?" เจอร์รี่เอ่ยแซวน้องเล็กที่เดินถือถุงพะรุงพะรังมาหาเขา

"แหม....นิดหน่อยเอง" ไจ่ไจ๋ตอบยิ้มๆก่อนจะเหล่มองพี่ชายคนกลางที่เดินตามมาห่างๆ

"พี่ใหญ่ครับ พี่กลางเขาแอบมองกีต้าร์ตัวใหม่อีกแล้ว" แอบฟ้องพี่ชายคนโตเบาๆ เจอร์รี่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว

"เห็นบอกจะพาพ่อแม่มาดูสงสัยงานนี้คงได้ตัวที่หมายตาแหงๆ" กระซิบบอกพี่ชายต่ออีก

"อะไรกัน! ตัวที่เพิ่งซื้อให้มันไปเจ๊งอีกแล้วหรอ?" พี่ใหญ่พูดเป็นเชิงบ่น

"ไม่หรอกครับ พี่กลางบอกว่ารุ่นใหม่ที่ออกมาสีสวยดีเลยอยากได้" พูดจบก็หัวเราะแล้วเอาของไปวางไว้บนรถ

"มองหน้าชั้นทำไม?" เมื่อเคนเดินมาถึงก็เอ่ยถามพี่ชายอย่างงงๆเพราะพี่ชายมองหน้าเขาด้วยสายตาดุๆ

"ให้มันน้อยๆหน่อยนะ! อย่าไร้สาระให้มากนัก!" ไม่พูดเปล่าแต่เอื้อมมือไปดึงหูน้องชายด้วย

"โอ้ยๆๆๆๆ อะไรของนายวะเนี่ย?" เคนร้องพร้อมกับเอ่ยปากประท้วงพี่ชายทันที

"แล้วมันอะไรหละ? กีต้าร์เพิ่งซื้อให้ไม่กี่เดือนดันอยากได้ตัวใหม่อีกน่ะ!" ได้ยินเช่นนั้นเคนก็หันขวับไปทางน้องเล็กที่นั่งยิ้มกริ่มอย่างสบายใจในรถ

"ปากสว่างเหลือเกิน!" งึมงำพร้อมกับส่งสายตาคาดโทษน้องชายไปด้วย

"ชั้นก็แค่บอกว่ามันสีสวยดีก็เท่านั้นเองไม่ได้คิดอยากจะซื้อซักหน่อย" แก้ตัวกับพี่ชายด้วยสีหน้ามุ่ยๆ

"ไม่คิดจะซื้อเองแต่จะอ้อนให้พ่อแม่ซื้อให้หละสิ! ฟังไว้นะ....ถ้ากล้าขอให้พ่อแม่ซื้อให้อีก....ชั้นจะฟาดนายตามราคาที่ซื้อมาเลย!" พูดขู่น้องชายเอาไว้

"กลัวจะแย่!" เคนกระแทกเสียงออกมาอย่างเคืองๆที่พี่ชายรู้ทันเขา เลยโดนพี่ใหญ่เขกหัวให้อีกป๊อกหนึ่ง

"ขึ้นรถได้แล้ว!" สั่งน้องชายให้ขึ้นรถส่วนตัวเองก็เดินอ้อมไปนั่งที่คนขับด้วยเช่นกัน

"ระวังตัวไว้เถอะ!" เคนหันมาพูดกับน้องชายช่างฟ้อง

"ทำงัยได้.....ก็พี่กลางอยากดูกีต้าร์นานทำไมหละ? ผมน่ะทั้งถือของทั้งยืนรอเมื่อยก็เมื่อยหนักก็หนักพี่ยังไม่เห็นใจผมเลย ก็แก้แค้นกันหน่อยสิ" ไจ่ไจ๋ลอยหน้าลอยตาตอบ

"แก้แค้นหรอ!?" เคนยกมือขึ้นหมายจะทุบน้องชายซักเปรี้ยงแต่เสียงพี่ชายดังขึ้นก่อนจึงได้ชะงักไป

"จะทำอะไรน้อง?" พี่ใหญ่ทำหน้าเข้มใส่เคน

"จะทุบหัวมันน่ะสิ! ฟังมันพูดกับชั้น! ยืนรอแค่นี้ยังคิดแก้แค้นอีก!" เคนฟ้องพี่ชายฉอดๆ

"เดี๋ยวนายน่ะจะโดนทุบหัวคนแรกเลย เกเรใหญ่แล้ว น้องมันล้อเล่นนิดเดียวทำเป็นโมโห" ต่อว่าน้องชายเสียงดุๆ

"ชั้นเป็นเพื่อนเล่นมันหรืองัย?" แหวใส่พี่ชายกลับไปอีกเพราะเวลาที่เขาล้อพี่ชายเล่นก็มักจะโดนถามเช่นนี้

"ใช่" เจอร์รี่พยักหน้ารับอย่างกวนอารมณ์น้องชาย

"เข้าข้างกันเข้าไปสิ! กลับบ้านชั้นจะบอกแม่ว่าพวกนายสองคนแกล้งชั้น!" เคนว่าแล้วก็กระแทกตัวพิงที่เบาะรถเหมือนเด็กถูกขัดใจ

"หึๆๆๆ" เจอร์รี่กับไจ่ไจ๋ขำกับท่าทีของเคน

"เกเรไม่ว่าช่างฟ้องอีกต่างหาก" พูดจบก็โยกหัวน้องชายเบาๆแต่เคนปัดมือพี่ชายออกแล้วเบือนหน้าหนีออกไปนอกรถ

"โอ๋.....พี่กลางครับ.....อย่างอนเลยนะ" ไจ่ไจ๋ขยับตัวมาจับเบาะรถที่เคนนั่งคู่กับคนขับ

"ดีกันนะ......ผมไม่เล่นแล้ว......" ยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าพี่ชายแต่เคนยังทำเมิน

"ผมรู้ว่าพี่กลางไม่ใช่เพื่อนเล่น พี่กลางน่ะเป็นบุคคลน่าเคารพนับถือ ต่อไปนี้ผมจะเคารพบูชาพี่ทุกวันเลยดีมั๊ย? เดี๋ยวจะซื้อน้ำซื้อขนมไปวางไว้ตรงหัวเตียงทุกเช้าเลย" น้องเล็กไม่วายแกล้งแหย่พี่ชายอีก

"นี่!! เห็นพี่เป็นวัตถุโบราณหรืองัย! เดี๋ยวเตะให้ดิ้นเลย! ไอ้เด็กนี่......" เคนหันไปแหวใส่น้องชายแว๊ดๆ เรียกเสียงหัวเราะจากพี่น้องได้เป็นอย่างดี

"หัวเราะอะไร!!? จะกลับมั๊ยบ้านน่ะ? ถ้าจะนั่งหัวเราะกันชั้นจะได้ลงไปนั่งแท๊กซี่!" หันไปพาลใส่พี่ชายด้วยอีกคน

"กลับสิกลับ.....ไปแล้วๆๆๆ....." เจอร์รี่ตอบก่อนจะเข้าเกียร์แล้วออกตัว

"พี่ใหญ่ครับ วันนี้ตอนออกมากับพี่กลางเจออาเหลียนด้วย" ไจ่ไจ๋เล่าให้พี่ชายคนโตฟัง เคนได้ยินก็เหลียวไปทางน้องชาย

"อ้อ! อาเหลียนน่ะหรอ? คุณอาคนนี้เก่งมากเลยนะ" เจอร์รี่ว่าแล้วมองหน้าน้องเล็กผ่านทางกระจกมองด้านหลังรถ

"ครับ พี่กลางก็บอกอย่างนั้นเหมือนกัน" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็เอนตัวพิงกับเบาะรถอีกครั้ง

"เสี้ยวเทียน ว่างๆนายก็เข้าไปทักทายคุณอาหน่อยสิ ตั้งแต่นายออกไปก็ไม่ค่อยจะได้เจอคุณอาเลยไม่ใช่หรอ?" พี่ใหญ่หันมาพูดกับเคน

"อืม.....ชั้นก็กะว่าจะเข้าไปคุยกับคุณอาเหมือนกัน เออ.....ว่าแต่คุณอาตอนนี่ยังเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้ออยู่ใช่มั๊ย?" เคนว่าแล้วก็ย้อนถามพี่ชายกลับไป

"ใช่ ถามทำไม? นายก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ?" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับเหลือบมองน้องชาย

"ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ถามดูเพราะชั้นออกไปเป็นปีแล้วอาจจะมีการเลื่อนตำแหน่งอะไรกันงัย" เคนตอบคำถามพี่ชาย

"พี่ใหญ่ครับฝ่ายจัดซื้อนี่มีหน้าที่ทำอะไรบ้างหรอ?" น้องเล็กถามขึ้นมาบ้าง

"ก็ตามชื่อฝ่ายนั่นแหละ มีหน้าที่จัดซื้อพวกวัสดุภัณฑ์ทั้งหมด" เจอร์รี่ตอบยิ้มๆ

"อืม....งั้นตรงนี้ก็ต้องติดต่อกับฝ่ายการเงินด้วยน่ะสิเพราะต้องใช้เงินในการจัดซื้อ" ไจ่ไจ๋พูดขึ้นมาอีก

"ไม่ได้ติดต่อโดยตรงหรอก เพราะว่าถ้าหลังจากพิจารณาราคาแล้วก็จะต้องมีการทำใบเสนอราคามาก่อนแล้วอาเหลียนก็จะต้องเซ็นอนุมัติ เสร็จแล้วเรื่องก็ส่งมาที่พี่เซ็นรับรองอีกครั้งนึงแล้วก็ค่อยดำเนินเรื่องไปทางฝ่ายการเงิน" เจอร์รี่อธิบายให้น้องฟังยิ้มๆ

"นายใช้ได้ทีเดียว สนใจงานด้านนี้เหมือนกันหรอ?" ถามแหย่น้องชายกลับไป

"อ้อ! ก็แค่อยากรู้ไว้น่ะครับ" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วยิ้มเขินๆ

"แล้วก่อนเซ็นนายอ่านรายละเอียดบ้างหรือเปล่า?" เคนถามแทรกขึ้นมา ทำให้พี่ชายถึงกับขมวดคิ้ว

"หมายความว่างัย?" ย้อนถามน้องชายกลับไป

"ก็.....แบบว่าดูรายละเอียดว่าราคาที่เสนอมามันสูงเกินความจริงบ้างมั๊ย? อะไรแบบนี้น่ะ" เคนเลียบๆเคียงๆถาม

"นายกำลังจะบอกอะไรชั้นหรือเปล่า?" พี่ใหญ่รู้สึกว่าน้องเหมือนมีอะไรจะบอกเขาแต่ไม่พูดออกมาตรงๆ

"เปล่าๆๆๆ.....ชั้นแค่ถามเฉยๆ ช่างมันเถอะ....." เคนว่าแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ

"แน่ใจนะ?" เหลือบมองน้องชายเหมือนจะจับผิด

"เออ! นายนี่อะไรกันถามอะไรหน่อยก็จับผิดชั้นแบบนี้ทุกที" เคนบ่นพี่ชายอย่างเซ็งๆ

"ก็อยากมาถามอะไรแปลกๆเองหนิ" เจอร์รี่บ่นน้องแต่ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อีกเพียงแต่ขับรถต่อไปเงียบๆ



- ที่บ้าน -

"ทำไมวันนี้กลับเร็วจังครับ?" ไจ่ไจ๋ทรุดตัวนั่งพร้อมกับยื่นหน้าไปถามพี่ชายคนรองที่นั่งดูทีวีอยู่คนเดียว

"ก็ไม่มีงานอ่ะ" แวนเนสตอบพร้อมกับอ้าปากหาว

"พ่อก็เพิ่งเข้ามารับแม่ออกไปสังสรรกับเพื่อน ทิ้งพี่อยู่คนเดียว" ประโยคหลังแวนเนสทำเสียงอ้อนๆ

"โอ๋....ผมก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วงัย นี่ดูสิ.....ซื้อขนมมาเพียบเลย" ว่าแล้วก็หยิบถุงขนมส่งให้พี่ชาย แวนเนสยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะส่ายหน้า

"พี่ไม่เอาหรอก นายกินเถอะ" ปฏิเสธคำน้องแล้วพยักหน้าให้น้องแกะกินเอง

"กลัวอ้วนหรอ?" น้องเล็กถามแหย่พี่ชาย

"อืม....รู้สึกว่าน้ำหนักจะขึ้น" แวนเนสตอบยิ้มๆ

"งั้นก็ไม่ต้องกินข้าวเย็นน่ะสิ" เคนถามแหย่พี่ชายขึ้นมาบ้าง

"ก็ว่าจะไม่กินแหละ กะว่าจะไปเข้าฟิตเนตแทน" แวนเนสพยักหน้ารับตามนั้นพร้อมกับขยายความ

"ไม่กินได้ยังงัยเดี๋ยวก็ปวดท้องตายพอดี" พี่ใหญ่พูดแทรกขึ้นมา

"นายนี่นะสอนไม่รู้จักจำ ชั้นเคยบอกแล้วใช่มั๊ยว่าข้าวปลาอาหารน่ะกินเข้าไปให้มันครบทุกมื้อ แล้วเรื่องออกกำลังกายก็ต้องทำให้สม่ำเสมอไม่ใช่ว่าเดี๋ยวน้ำหนักขึ้นก็คิดจะไปออกกำลังกายแบบหักโหมอย่างนั้น" ตำหนิน้องชายด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

"โธ่! ก็ช่วงที่มีงานชั้นก็ทำแบบไม่ได้หยุด พอเลิกงานก็ตีสองตีสามแล้วฟิตเนตที่ไหนมันจะเปิดให้เข้า? แต่ถึงจะมีชั้นก็คงน๊อคคาเครื่องออกกำลังกายแน่" แวนเนสเถียงพี่ชายกลับ

"เวลาชั้นเตือนอะไรก็ชอบเถียงทุกที เรื่องของนายแล้วกันอยากทำอะไรก็ทำแต่ถ้าเป็นอะไรแล้วอย่ามาโอดครวญให้ได้ยินแล้วกัน จะสมน้ำหน้าให้!" พูดจบก็ค้อนใส่น้องชาย

"สมน้ำหน้าชั้นลงหรอ? ใจร้าย...." แวนเนสทำหน้าละห้อยใส่พี่ชาย

"ฮึ! ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ชั้นไม่ใจอ่อนกับนายหรอก!" พี่ใหญ่เอานิ้วจิ้มหน้าผากน้องชายอย่างหมั่นไส้

"หึๆๆๆ" แวนเนสหัวเราะเบาๆ

"อ้าว! ก็นึกว่าทำไมไอ้สองคนนี้มันเงียบผิดปกติ ขนมน่ะยัดกันเข้าไปใหญ่เลยนะ เดี๋ยวก็กินข้าวไม่ลงหรอก!" หันมาว่าน้องชายอีกสองคนที่นั่งกินขนมกันอย่างเอร็ดอร่อย

"อร่อยดีนะพี่ใหญ่ กินหน่อยสิ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ยื่นขนมไปตรงปากพี่ชาย

"ไม่เอา! ชอบกินกันแต่ของไม่มีประโยชน์" เจอร์รี่ปฏิเสธแล้วเบือนหน้าหนี

"ทำเป็นพูด.....ความจริงก็อยากกินเหมือนกันใช่มั๊ย? แต่เมื่อกี้ดันว่ามันออกไปแล้วจะกินของมันก็กลัวเสียฟอร์ม" แวนเนสพูดแซวพี่ชายอย่างรู้ทัน เคนกับไจ่ไจ๋จึงหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

"ปากดีเหลือเกิน!" หันไปผลักหัวแวนเนสแล้วส่ายหน้าไปมากับบรรดาเจ้าน้องชายตัวยุ่งทั้งสามคน

"เย็นนี้พ่อแม่ไม่กลับมากินข้าวที่บ้านใช่มั๊ย?" ถามแวนเนสขึ้นมาอีก

"อืม" แวนเนสพยักหน้ารับ

"งั้นเดี๋ยวพี่ทำผัดหมี่ให้พวกนายกินก็แล้วกันนะ" ว่าแล้วก็ลุกขึ้น

"เฮ้ย!!!" แวนเนสกับเคนร้องอุทานขึ้นมาพร้อมกัน

"เป็นอะไร?" หันกลับมาถามน้องเสียงห้วน ไจ่ไจ๋ก็มองแวนเนสกับเคนอย่างสงสัยเช่นกัน

"ชั้นว่า.....ชั้นทำเองดีกว่า" เคนรีบเสนอตัวขึ้นมาก่อน

"หมายความว่างัย? นี่นายไม่ไว้ใจฝีมือชั้นหรืองัย?" ยืนเท้าเอวย้อนถามน้อง

"ใช่!" แวนเนสกับเคนตอบพร้อมเพรียงกันราวกับนัดหมายกันไว้

"ทำไมหละครับพี่? ผมว่าพี่ใหญ่เขาก็ทำอาหารโอเคนะ" ไจ่ไจ๋ถามแทรกขึ้นมา

"ไจ่ไจ๋เอ้ย.....พี่สองคนเข็ดกับผัดหมี่ของพี่ใหญ่ไปจนตายเลย เพราะเคยกินแบบเคล้าน้ำตากันมาแล้ว" แวนเนสบอกกล่าวให้น้องรับรู้

"ทำไมอะ?" ถามพี่ชายกลับไปอีก

"เมื่อก่อนมีอยู่ครั้งนึงพ่อแม่ไปธุระแล้วก็ให้พวกพี่อยู่บ้านกันสามคน วันนั้นพี่ใหญ่ก็ทำผัดหมี่ให้กินรสชาดแบบว่า.....นะ.....กระเดือกไม่ลง....." ประโยคหลังแวนเนสแอบเหลือบมองพี่ชายที่ทำตาขวางใส่เขาอยู่

"น้อยๆหน่อย! ไม่อร่อยยังงัย? พวกนายก็กินกันจนหมดไม่ใช่หรอ?" เจอร์รี่เถียง

"ก็นายเล่นบังคับซะขนาดนั้นมันจะไม่หมดได้ยังงัยหละ?" เคนแย้งขึ้นมาบ้าง

"ชั้นบังคับพวกนายหรอ?" ย้อนถามน้องชายกลับไปพร้อมกับทำหน้าแปลกใจ

"โห! ถือไม้เรียวยืนคุมอยู่ข้างหลังถ้ากินช้าก็ฟาดกระตุ้นซักทีสองทีแบบนั้นไม่บังคับเล้ยยยย....." แวนเนสเตือนความจำกึ่งประชดพี่ชาย

"พี่ใหญ่นี่โหดเหมือนกันนะเนี่ย" ไจ่ไจ๋หันไปแหย่พี่ชายคนโต

"ไม่ใช่แค่โหดธรรมดาแต่โครตโหดอ่ะ วันนั้นกว่าจะกินกันหมดโดนฟาดกันไปเสียหลายไม้ เข็ดจริงๆเลยคราวนั้น" แวนเนสเล่าจบก็ทำหน้าแหยๆ

"งั้นผมว่าให้พี่กลางทำดีกว่านะครับ" ไจ่ไจ๋พูดขำๆหลังจากที่ได้ฟังแวนเนสเล่า

"แหม.....ครั้งนั้นมันผิดพลาดนิดหน่อยเพราะพี่ไม่ได้ล้างเส้นก่อนทำมันเลยเค็มไปนิดเดียวเอง" เจอร์รี่แก้ตัว

"รู้เหมือนกันหรอ? แล้วทำไมยังบังคับให้พวกชั้นยัดเขาไปให้หมดแบบนั้นฮึ?" เคนถามแทรกขึ้นมาบ้าง

"อ้าว! มื้อนั้นน่ะตั้งกี่ตังค์ถ้าทิ้งก็เสียของเปล่าๆน่ะสิ" ตอบคำถามน้องชายหน้าตาเฉย

"ดีหนิ บังคับให้น้องกินให้หมดแต่ตัวเองไม่ยอมกินซักคำเลย" เจอร์รี่หัวเราะออกมาได้ในที่สุดพลางส่ายหน้าให้กับตัวเอง

"เอาน่า.....เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้วยังช่างจดช่างจำกันอีก วันนี้รับรองว่าจะทำให้อร่อยเหาะไปเลย" พูดรับรองกับน้องๆ แต่แวนเนสกับเคนยังมีท่าทางไม่เชื่อใจ

"ถ้าเค็มแบบนั้นอีกชั้นไม่กินนะ ห้ามบังคับด้วย" แวนเนสยื่นเงื่อนไขกับพี่ชาย

"เออ! ถ้าไม่อร่อยชั้นจะกินคนเดียวให้หมดเลย" ตอบรับเงื่อนไขนั้นเพราะมั่นใจว่าครั้งนี้ต้องทำได้อร่อยกว่าแน่ๆ

"เชื่อได้หรือเปล่า? เดี๋ยวทำออกมาแล้วรสชาดไม่ได้เรื่องนายก็เสียดายมาบังคับให้พวกเรากินให้หมดอีก ไม่เอาหรอก ชั้นทำเองน่ะดีแล้ว" เคนว่าแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้น

"เฮ้อ! ทำไมไม่เชื่อใจกันบ้างเนี่ย" พี่ใหญ่ทำหน้างอนๆเมื่อน้องๆดูท่าไม่เชื่อมั่นในฝีมือเขา

"พี่กลางครับ พี่ใหญ่เขาอยากทำก็ปล่อยเขาเถอะ เดี๋ยวคนแก่น้อยใจขึ้นมาพวกเราจะเหนื่อยนะ" ประโยคหลังกระซิบกับเคนให้ได้ยินเพียงคนเดียว

"เอ้าๆๆๆ!!! อยากทำก็ทำแต่ถ้าไม่ได้เรื่องแล้วรับผิดชอบเองด้วยชั้นไม่เกี่ยว" เคนยอมตามใจให้พี่ชายทำแม้จะไม่ค่อยมั่นใจก็ตาม

"อร่อยอยู่แล้วน่า! ไม่เชื่อก็คอยดู" เมื่อน้องยอมให้เขาทำเจอร์รี่ก็มีท่าทีดีใจรีบลุกเดินเข้าไปในครัวทันที

"ไอ้บ้านี่.....วันนี้นึกครึ้มอะไรอยากเข้าครัวทำมื้อเย็นให้พวกเรากินวะ" แวนเนสแอบนินทาพี่ชายลับหลัง

"สงสัยกลัวตำแหน่งลูกรักจะหลุดไปเป็นของพี่กลางมั้งครับ พี่ใหญ่เลยต้องดูแลพวกเราให้ดีเป็นพิเศษ" ไจ่ไจ๋พูดจบพี่ชายสองคนก็ขำขึ้นมาพร้อมกัน

"นายก็พูดเกินไป ลูกรักลูกชังอะไรกัน? พ่อแม่เขาก็รักเหมือนกันทุกคนแหละ" เคนว่าพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

"รู้เหมือนกันหรอว่าพ่อแม่เขารักเราเท่ากันทุกคนน่ะ?" แวนเนสพูดแขวะน้องชาย

"เมื่อก่อนไม่เห็นฉลาดได้แบบนี้เลย" เคนได้ยินก็ค้อนใส่แล้วทำท่าจะทุบพี่ชาย

"เฮ้ยๆๆๆ!!! อย่าใช้กำลังนะโว้ย!" ร้องห้ามพร้อมกับยกมือกันเพราะกลัวน้องจะลงมือกับเขาจริงๆ

"อยากพูดกวนประสาททำไมหละ!?" เคนแหวใส่แล้วคว้าขนมจากมือน้องชายขึ้นมากินต่อ

"ทำเนียนนะเนี่ย อารมณ์เสียปุ๊บคว้าของกินเข้าปากทันทีเลย" แวนเนสแซวน้องชายต่อ ทำให้ไจ่ไจ๋หัวเราะออกมาด้วย

"ขำนักหรืองัย?" เคนถามน้องชายเสียงห้วน

"เปล่าครับ ไม่ได้ขำเลย" ไจ่ไจ๋ตอบทั้งๆที่ยังหัวเราะอยู่

"กวนประสาทกันทั้งพี่ทั้งน้อง! ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว!" พูดจบเคนก็ลุกพรวดขึ้น

"จะไปไหนหละ?" น้องเล็กดึงมือถามพี่ชาย

"คุยกับพวกนายแล้วปวดหัว ไปคุยกับแมวดีกว่า" น้องเล็กหัวเราะในลำคอแล้วปล่อยมือพี่ชายแต่โดยดี

"วันนี้ไปทำอะไรกันมาบ้าง?" เมื่ออยู่กันสองคนแวนเนสก็ถามไจ่ไจ๋อีก

"อ้อ! วันนี้ผมน่ารักพี่ใหญ่เลยอนุญาตให้ผมกับพี่กลางไปเดินห้างช้อปปิ้งได้" ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับยิ้มหวานจ๋อย

"หูย! น่ารักจะแย่แล้วนายน่ะ" แวนเนสบีบจมูกน้องอย่างหมั่นไส้กับคำพูดยกยอตัวเองของน้องชาย

"อ้าว.....ก็ผมพูดเรื่องจริงหนิ" ไจ่ไจ๋ตีหน้าซื่อ ทำให้แวนเนสหัวเราะร่า

"แล้วพี่รองหละครับ? ช่วงนี้งานเยอะหรอ? ผมเห็นบางวันพี่ดูเครียดๆหรือว่ามีปัญหาอะไร?" แล้วไจ่ไจ๋ก็ถามแวนเนสด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ไม่มีอะไรหรอก มันไม่ใช่ปัญหาของพี่แต่เป็นปัญหาของเพื่อนพี่น่ะ ช่างเถอะ.....พี่ก็ไม่อยากคิดแทนมันแล้ว" แวนเนสตอบด้วยสีหน้าขรึมลง

"เพื่อนพี่ทำไมหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามต่อ แต่แวนเนสกลับยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา

"ไม่มีอะไรหรอก" แวนเนสปฏิเสธอีกครั้งแต่ไจ่ไจ๋รู้ดีว่าแวนเนสคงมีเรื่องไม่สบายใจอยู่

"ไม่มีอะไรก็ดีครับ ไม่งั้นบ้านเราคงมีบรรยากาศเงียบเหงาลงไปเยอะเลย เพราะเวลาไม่มีพี่อยู่น่ะบ้านเราขาดสีสันไปถนัดตาเลย" ไจ่ไจ๋พูดกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงร่าเริง

"ขนาดนั้นเชียวหรอ?" แวนเนสยิ้มบางๆแล้วลูบหัวน้องชายอย่างรักใคร่

"จริงสิ" น้องเล็กตอบพร้อมกับขยับเข้าไปซบหน้าที่ไหล่ของพี่ชาย แวนเนสไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแต่เอนหัวซบลงบนหัวน้องอีกทอดหนึ่งเท่านั้น



- เวลาต่อมา -

"อ้าว.....ทำไมหลับปุ๋ยกันแบบนี้หละ?" เมื่อเจอร์รี่ทำผัดหมี่เสร็จแล้วก็จะออกมาตามน้องๆเข้าไปกินแต่ปรากฎว่าเมื่อออกมาเขาก็เห็นแวนเนสกับไจ่ไจ๋นอนหลับพิงกันอยู่บนโซฟา ส่วนเคนก็นอนแหมะอยู่ตรงพื้นโดยมีเจ้าพีพีกับถางถางนอนอยู่ใกล้ๆ

"ฮึ! เล่นกันเสร็จก็หลับมันตรงนี้เลย เหมือนเด็กไม่มีผิด" บ่นเจ้าน้องทั้งสามคนแต่สายตากลับมองน้องชายอย่างเอ็นดู

"เสี้ยวเทียน" เขาเดินไปเขย่าตัวเคนก่อนคนแรก คนถูกปลุกทำหน้ายุ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมา

"ทำไมมานอนกองกับแมวแบบนี้" ต่อว่าออกมาเบาๆเมื่อเห็นน้องมองหน้าตัวเอง เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่อ้าปากหาวแล้วขยับตัวลุกขึ้น

"ไปล้างหน้าล้างตาแล้วไปกินผัดหมี่ได้แล้ว......" บอกพร้อมกับเอามือปัดผมเผ้ายุ่งๆให้น้อง

"ทำเสร็จแล้วหรอ?" ถามพี่ชายกลับไป

"อืม" พยักหน้ารับแทนคำตอบ

"กินได้จริงหรือเปล่า?" เคนเริ่มกวนพี่ชาย

"กินได้สิ ถามอะไรแปลกๆ อาหารทำเสร็จแล้วกินไม่ได้ชั้นจะทำทำไมหละ?" ย้อนถามน้องชายกลับไป

"แน่ใจหรอว่ากินได้?" ถามกวนอารมณ์พี่ชายต่ออีก

"กวนประสาท!" เจอร์รี่เอามือทุบหัวน้องเบาๆแล้วดึงมือน้องชายให้ลุกขึ้นมา

"หึๆๆๆ" เคนหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ เจอร์รี่จึงหันมาปลุกเจ้าน้องชายขี้เซาอีกสองคนด้วย

"แวนเนส ไจ่ไจ๋ ตื่นได้แล้วเร็ว พี่ใหญ่ทำผัดหมี่เสร็จแล้ว" แวนเนสกับไจ่ไจ๋ทำเสียงประท้วงอ้อแอ้เมื่อถูกปลุกทั้งๆที่กำลังหลับสบาย

"ชั้นฝันร้าย" แวนเนสได้ทีขยับเข้าไปกอดพี่ชาย

"หืม? ฝันร้ายหรอ? ฝันว่างัย?" เจอร์รี่ย้อนถามน้องอย่างพาซื่อ ส่วนไจ่ไจ๋ได้แต่อมยิ้มเพราะพอจะรู้ว่าแวนเนสต้องแกล้งพี่ชายแน่ๆ

"ฝันว่าชั้นได้กินผัดหมี่ที่รสชาดแย่ที่สุดในโลกเลย" คำตอบของน้องทำให้เจอร์รี่เริ่มเม้มปาก

"แล้วที่ร้ายยิ่งกว่านะชั้นฝันว่านายเป็นคนทำ" พูดจบแวนเนสก็รีบดีดตัวลุกจากที่นั่งก่อนที่จะโดนพี่ชายเล่นงาน

"ปากดีนักนะ! ดีหละ! งั้นก็ไม่ต้องกิน!" พูดจบก็ทำหน้างอนๆที่น้องไม่ไว้ใจเขา

"โอ๋.....ล้อเล่นหรอกน่า....." แวนเนสทำมือหลอกพี่ชายเหมือนโอ๋เด็กเล็กๆ

"หึๆๆๆ พี่ใหญ่ครับ....ใครจะว่ายังงัยผมไม่สนใจหรอก เพราะผมเชื่อว่าพี่ต้องทำอร่อยมากแน่ๆ" ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับขยับเข้าไปกอดแขนพี่ชายอย่างประจบ

"พาผมไปกินหน่อยนะ ผมอยากจะกินจะแย่แล้ว" เมื่อได้ยินน้องเล็กว่าดังนั้นเจอร์รี่ก็หายงอนเป็นปลิดทิ้ง

"ได้สิได้.....ไป.....พี่จะตักให้กินเยอะๆเลย" ว่าแล้วก็กอดคอน้องชายแล้วจะพาเดินเข้าไปในครัว

"แล้วไม่พาชั้นไปกินบ้างหรอ?" แวนเนสส่งเสียงประท้วง

"ไม่ต้องกินหรอกนายน่ะ!" หันมาแหวใส่แล้วพาน้องเล็กเดินเข้าครัวไปก่อน

"เฮอะ! แก่แล้วยังทำตัวขี้งอนอีก" แวนเนสบ่นพี่ชายไล่หลัง เป็นเวลาเดียวกับที่เคนออกมาจากห้องน้ำพอดี

"ทำไมหรอ?" ถามพี่ชายพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าไปด้วย

"พี่ชายคนดีของนายน่ะสิ ขี้งอนเป็นบ้า" เคนได้ยินก็หัวเราะเพราะรู้ว่าแวนเนสคงต้องแหย่พี่ชายเรื่องผัดหมี่แน่นอน

"ไปแหย่มันหละสิ" แวนเนสอมยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

"สงสัยคงต้องอดข้าวเย็นแล้วมั้งแบบนี้" จบคำพูดของเคนสองพี่น้องก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกันก่อนจะพากันเดินเข้าไปในครัว

"อืม....กลิ่นหอมใช้ได้เลยนะ" เคนพูดเอาใจเมื่อเห็นพี่ชายทำหน้ามุ่ย คำชมนั้นทำให้พี่ใหญ่ยิ้มร่าออกมาได้ในทันใด

"แถมหน้าตาก็น่ากินด้วยแหละ นี่ขนาดแค่เห็นยังรู้เลยว่าต้องอร่อยมากแน่ๆ" แวนเนสยอพี่ชายขึ้นมาบ้าง แต่โดนพี่ชายค้อนใส่

"พอท้องหิวหละมาทำเป็นชม ไม่อยากเชื่อไอ้น้ำหน้ากะล่อนอย่างนายเลย!" พูดจบก็เอานิ้วจิ้มหน้าผากน้องชายอย่างหมั่นไส้ ทำให้น้องๆพากันหัวเราะขึ้นมาได้

"ไปนั่งกันให้เรียบร้อยเดี๋ยวพี่ตักให้" สั่งให้น้องไปนั่งที่โต๊ะส่วนเขาก็รีบตักผัดหมี่ที่อุตส่าห์ทำสุดฝีมือให้เจ้าน้องชายสุดที่รักทั้งสามคนโดยเร็ว

"ไจ่ไจ๋.....นายหิวใช่มั๊ย? พี่ให้เกียรตินายคนแรกเลย" เคนว่าพร้อมกับพยักเพยิดให้น้องชายชิมก่อน

"น้อยๆหน่อยเถอะ! ทำเป็นเกี่ยงอยู่ได้ถ้าอร่อยแล้วอย่ามาขอเติมนะไม่ให้จริงๆด้วย" เจอร์รี่ต่อว่าน้องชายอย่างงอนๆที่น้องไม่เชื่อฝีมือเขา

"นั่นสิพี่ ทำหน้าอย่างกับจะต้องกินของประหลาดอย่างนั้นแหละ" ไจ่ไจ๋พูดเข้าข้างพี่ใหญ่แล้วตักผัดหมี่เข้าปาก

"เป็นงัย?" แวนเนสถามน้อง ไจ่ไจ๋เคี้ยวก่อนจะทำหน้าบอกไม่ถูกทำเอาแวนเนสกับเคนวางช้อนส้อมทันที

"เป็นอะไรไจ่ไจ๋? ไม่อร่อยจริงๆหรอ?" เจอร์รี่ถามน้องเล็กบ้าง ไจ่ไจ๋มองหน้าพี่ชายทั้งสามคนไปมาก่อนจะอมยิ้มความจริงผัดหมี่นั้นอร่อยมากแต่เขาแกล้งพี่ใหญ่เล่นเท่านั้นเอง

"อะไรของนาย? เดี๋ยวหน้าเบ้เดี๋ยวหน้ายิ้ม ตกลงมันเป็นยังงัย?" เคนเห็นน้องเล็กทำลีลาก็ต่อว่าเข้าให้

"อร่อยครับ ผมแค่แกล้งทำให้ใครเสียกำลังใจเล่นเท่านั้นเอง" กลืนอาหารลงคอก่อนจะเฉลยแล้วหัวเราะอย่างขำๆกับสีหน้าของพี่ใหญ่

"เดี๋ยวเถอะไอ้เด็กคนนี้!" พี่ใหญ่ทำหน้าเข้มใส่น้องที่ทำให้เขาเริ่มกังวล

"ฮ่าๆๆๆ!!! เมื่อกี้พี่ใหญ่ทำหน้าลุ้นแทบตายแหนะ แสดงว่าไม่มั่นใจฝีมือตัวเองใช่มั๊ย?" น้องเล็กไม่วายแซวพี่ชายต่ออีก

"ทำไมจะไม่มั่นใจ พี่รู้อยู่แล้วหรอกว่านายแกล้ง" เถียงน้องข้างๆคูๆ

"หึๆๆๆๆ" แวนเนสกับเคนหัวเราะขำพี่ชายคนโตด้วยเช่นกัน

"ขำอะไร! กินเข้าไปเลยเร็วๆ!" แหวใส่น้องชายทั้งคู่แล้วลงมือกินบ้าง

"อืม! พัฒนาเหมือนกันหนิ อร่อยดี" เมื่อกินเข้าไปแล้วแวนเนสก็เอ่ยชมพี่ชาย

"เห็นมั๊ย? ชั้นบอกแล้วงัยว่าครั้งนั้นมันผิดพลาดเล็กน้อย พวกนายก็ฝังใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง" บ่นน้องต่ออีก

"เป็นงัยครับพี่กลาง รสชาดแบบนี้ผ่านหรือเปล่า?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายคนกลางบ้าง

"ก็งั้นๆแหละ แค่พอกินได้" เคนตอบพลางทำหน้าเฉยๆ

"หมายความว่างัยแค่พอกินได้?" พี่ใหญ่ย้อนถามอย่างเอาเรื่อง

"ก็ความหมายตรงตัว ต้องให้แปลอีกหรอ?" เคนว่าแล้วก็ยิ้มยียวนพี่ชาย

"งั้นก็ไม่ต้องกินเลย! เก็บขึ้นให้หมดเลย!" โวยวายใส่น้องอย่างพาลๆ

"ก็เก็บไปสิ ไม่ได้อยากกินซักหน่อย" เคนว่าแล้วก็ผลักจานออกไปด้านข้าง

"อ้าว! พวกนายสองคนนี่อะไรวะ? มีเรื่องให้ทะเลาะกันได้ทุกที!" แวนเนสต่อว่าพี่น้องทั้งคู่พร้อมกับส่ายหน้าอย่างระอา

"เสี้ยวเทียน! นายก็อย่างี่เง่ากินเข้าไปเร็วๆเลย!" หันมาดุน้องชายก่อนเพราะรู้ว่าเคนเองก็อยากกวนประสาทพี่ชายคนโตอยู่เหมือนกัน

"ไม่อยากกินแล้ว!" เคนย้ำคำพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

"พี่กลาง.....ตอนนี้พ่อแม่ไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นไม่มีคนช่วยนะครับ ผมเตือนแล้วด้วย" น้องเล็กเริ่มรำคาญพี่ชายจึงต่อว่าออกมาบ้าง

"นี่! เรื่องอะไรมาว่าพี่หละ? คนที่หาเรื่องน่ะพี่ใหญ่นะ" เคนโวยวายใส่น้อง

"แล้วพี่ก็พูดตามความจริง รสชาดก็แค่พอกินได้ ทำไมพูดแค่นี้ยอมรับความจริงไม่ได้หละ?" ไม่วายพูดแขวะพี่ชายอีก

"นี่คิดจะทำทุกวิถีทางให้ชั้นกลายเป็นฆาตรกรให้ได้เลยใช่มั๊ย?" พูดกับน้องด้วยสีหน้าขึงขัง

"ก็ประมาณนั้นแหละ....." เคนตอบด้วยเสียงปนหัวเราะจนพี่ใหญ่นึกอยากจะเอาอีโต้เขวี้ยงใส่หัวให้รู้แล้วรู้รอด

"เดี๋ยวก็ถูกกินเป็นอาหารเย็นหรอก! เงียบได้แล้ว!" แวนเนสเอ็ดใส่น้องชายขึ้นมาอีก เคนเบ้ปากใส่พี่ชายก่อนจะดึงจานมาตรงหน้าแล้วตักกินต่อ

"นายก็กินได้แล้วมองมันอยู่ได้ ไม่มีเรื่องกันซักวันจะตายมั๊ยพวกนายสองคนเนี่ย?" แล้วก็หันมาว่าพี่ชายด้วย

"ก็ดูมันซิกวนอารมณ์ชั้นขนาดไหน นายน่ะเป็นพี่หัดสั่งสอนมันซะบ้างสิ!" เจอร์รี่ต่อว่าแวนเนสกลับไปอย่างพาลๆ

"เออ! เอาเข้าไป.....พูดเหมือนตัวเองไม่ใช่พี่มันเลยเนอะ" แวนเนสบ่นอุบพร้อมกับส่ายหน้าแล้วหันมาจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ

"บ่นอะไร?" ทำหน้าเข้มใส่แวนเนส เคนกับไจ่ไจ๋จึงได้แต่หันไปลอบยิ้มให้กันเพราะตอนนี้พี่ใหญ่หงุดหงิดจนพาลไปทั่ว

"ไม่ได้บ่นอะไรซักหน่อย" แวนเนสปฏิเสธ

"เดี๋ยวคอยดูนะ....ยาววววว....." เคนกระซิบกระซาบกับน้องเล็ก และยังไม่ทันขาดคำพี่ใหญ่ก็เริ่มบ่น

"แวนเนส นายน่ะต้องหัดทำตัวให้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือซะบ้าง เป็นพี่ชายคนรองซะเปล่าแต่พูดอะไรน้องมันกลับไม่เคยเชื่อฟัง ถ้าเกิดชั้นไม่อยู่ขึ้นมาแล้วนายต้องมาดูแลพวกมันแทนชั้นเนี่ยจะไม่พากันเละเทะไปใหญ่หรอ?" แวนเนสทำหน้านิ่วเมื่อโดนบ่นยืดยาว

"มันก็ไม่เชื่อฟังชั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จะมาพูดอะไรเอาป่านนี้เนี่ย?" บ่นอุบอิบออกมาเบาๆ

"ยังจะมาเถียงอีก! เพราะพวกมันมีนายคอยให้ท้ายจนเหลิง ชั้นไม่สงสัยเลยว่าทำไมไอ้สองคนนี่มันถึงได้ดื้อด้านกันนัก!" เจอร์รี่แหวใส่

"อ้าว!" เคนกับไจ่ไจ๋อุทานออกมาพร้อมกันที่เข้าตัวจนได้

"แบ่งๆกันไปนะน้องๆ" แวนเนสพูดกับน้องชายทั้งสองคนยิ้มๆที่โดนพี่ชายต่อว่าด้วย

"เดี๋ยวเถอะ! ชักจะก้าวร้าวเกเรกันใหญ่แล้ว พี่พูดพี่สอนไม่ฟังแต่กลับเห็นเป็นเรื่องน่าขำ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นกันทั้งสามคนเลยนะ วันนี้พี่ต้องอบรมพวกเราซักหน่อย" พี่ใหญ่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ทำเอาน้องๆถึงกับหน้าแหยไปตามๆกัน

"รีบกินกันให้หมดอย่าชักช้า!" พูดตัดบทเพื่อให้น้องๆหุบปากและจัดการกับอาหารมื้อนี้ให้หมดเสียที




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:46:10 น.
Counter : 1131 Pageviews.  

Chapter 62

ตอนที่ 62

"ไจ่ไจ๋" แม่เรียกลูกชายคนเล็กที่กระโดดขึ้นเตียงอย่างหงุดหงิด

"ผมง่วงแล้วแม่ออกไปเถอะ" ไจ่ไจ๋พูดเสียงแข็งๆ

"พี่เขาล้อเล่นเอง โกรธพี่เขาหรอ?" แม่เดินมานั่งลงที่เตียงแล้วเอามือลูบหัวลูกชายอย่างแผ่วเบา

"ทำไมชอบเล่นอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้เรื่อยเลย" ไจ่ไจ๋ถอนหายใจเฮือกก่อนจะบ่นกับแม่

"แต่แม่ก็ไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงอะไรเลยนี่จ๊ะ ลูกหงุดหงิดอะไรเนี่ย?" แม่แย้งแต่ก็พอจะรู้ความรู้สึกของลูกชาย

"ก็....." ไจ่ไจ๋อ้าปากจะตอบแต่แล้วก็ทำหน้าจ๋อยลงไปถนัดตา

"ผมไม่อยากให้แม่มีน้องอีกนี่" แม่ยิ้มเมื่อได้ยินคำสารภาพของลูกชาย

"ทำไมหละ? ลูกไม่ชอบหรอเวลาที่มีใครซักคนถือเอาลูกเป็นแบบอย่าง เคารพลูกเชื่อฟังลูกแล้วก็คอยหาเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ลูกหัวเราะได้ทุกวันน่ะ?" แม่ย้อนถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ไจ่ไจ๋ไม่ตอบเพียงขยับเข้าไปกอดแม่เท่านั้น

"เฮ่อ!" แม่ถอนหายใจออกมาเมื่อลูกชายยังทำตัวงอแงอยู่

"แม่อยากมีลูกสาวมั๊ย?" เงียบไปพักหนึ่งไจ่ไจ๋ก็เอ่ยถามแม่ขึ้นมา

"หืม? ว่างัยนะ?" แม่ย้อนถามกลับไปอย่างแปลกใจ

"ผมถามว่าแม่อยากมีลูกสาวหรือเปล่า? เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบลูกสาวมากกว่าหนิ" ไจ่ไจ๋ขยายความให้ฟัง

"ไม่ว่าลูกชายหรือลูกสาวแม่ก็รักเหมือนกันทั้งนั้น จริงอยู่ว่าคนเพศเดียวกันอาจจะเข้าใจกันมากกว่าแต่ก็ไม่เสมอไปหรอกจ๊ะ บางทีลูกสาวอาจจะสนิทกับพ่อมากกว่าก็ได้นี่" แม่ตอบแล้วก้มหน้ามองลูกชายคนเล็ก

"นึกยังงัยถามแม่แบบนี้?" ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย

"ถึงแม่จะไม่มีลูกสาวแต่แม่ก็ดีใจที่ได้ลูกชายที่น่ารักทั้งสี่คนจ๊ะ" แม่ว่าพร้อมกับลูบหัวลูกชายไปด้วย

"แต่พี่ใหญ่กับพี่กลางเขาอยากได้น้องสาวนี่ ไม่รู้น้องสาวมีดีตรงไหนถึงอยากได้กันนัก" ประโยคหลังพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ

"ที่ลูกปึงปังขึ้นมาเพราะงอนพี่เขาสองคนใช่มั๊ย?" แม่จับจุดลูกชายถูกเพราะไจ่ไจ๋นิ่งไม่ตอบ

"ลูกก็รู้ว่าพี่เขาก็ชอบแหย่ลูกแบบนี้ แต่จริงๆแล้วพี่เขาก็คงไม่อยากได้น้องที่ไหนอีกแล้วเพราะน้องเล็กคนนี้ของพี่เขาน่ะน่ารักที่สุดในโลกแล้ว" แม่รีบพูดเอาใจลูกชายเป็นการใหญ่

"ไม่จริงอ่ะ ผมได้ยินพี่ๆเขาเปรยกันหลายครั้งแล้วว่าอยากได้น้องสาว" ไจ่ไจ๋ยังทำเสียงประชด

"แม่ก็บอกแล้วงัยว่าพี่เขาล้อเล่น" แม่พูดอย่างอ่อนใจกับความขี้งอนของเจ้าลูกชายตัวแสบ

"ดี! งั้นเดี๋ยวผมก็เอาบ้าง" ได้ยินเช่นนั้นแม่ก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

"ลูกคิดจะทำอะไร?" ถามลูกชายอย่างไม่ค่อยไว้ใจเพราะกลัวว่าเจ้าตัวแสบคนนี้จะอาละวาดใส่พี่ชายอีก

"ก็ไม่ทำอะไร" ไจ่ไจ๋ตีหน้าขรึมตอบแม่ จนเมื่อเห็นผู้เป็นแม่ทำหน้าอ่อนใจก็แอบยิ้ม

"แค่ต่อไปนี้ผมจะไว้ผมยาว แล้วเดี๋ยวจะเข้าฟิตเนทเล่นกล้ามให้มีหน้าอกบึกบึนแต่แม่ต้องช่วยออกเงินเสริมหน้าอกให้ผมนะแล้วก็ซื้อชุดกระโปรงสวยๆให้ผมด้วย แค่นี้พี่เขาสองคนก็ได้น้องสาวสมใจแล้ว" สีหน้าของแม่กึ่งยิ้มกึ่งบึ้งเมื่อได้ยินลูกชายว่าเช่นนั้น

"เด็กคนนี้นี่! พูดจาไม่เขาท่าเลย!" แม่ว่าพร้อมกับตีเพี๊ยะที่แขนลูกชาย

"อ้าว! พี่เขาจะได้มีน้องสาวแล้วแม่ก็จะได้ลูกสาวด้วยงัย" ไจ่ไจ๋ทำหน้าซื่อพูดกับแม่

"จะทำให้แม่หัวใจวายหรืองัย?" แม่ว่าพร้อมกับค้อนใส่ลูกชาย ไจ่ไจ๋จึงหัวเราะออกมาได้

"ล้อเล่นครับ.....ผมน่ะเป็นผู้ชาย 100% แน่นอน" พูดยืนกรานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

"จ๊ะ.....แต่จู่ๆอย่าลุกขึ้นมานุ่งกระโปรงแล้วกัน" แม่ว่าด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไจ่ไจ๋จึงย่นจมูกใส่ ตอนนั้นพ่อก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี

"นึกแล้วว่าแม่ต้องปลอบลูกจนหายงอนได้" เมื่อได้ยินเสียงพ่อไจ่ไจ๋ก็ทำท่างอนๆใส่

"พ่อขอโทษลูก" พ่อรีบขอโทษลูกชายทันที

"ก็ลูกน่ะอยากขี้งอนทำไม พ่อชอบแกล้งเด็กขี้งอนนี่นา" พ่อพูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มๆ

"พ่อนี่! ทำไมทะเล้นแบบนี้!" แม่ต่อว่าพ่อเข้าให้ ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ยิ้มๆ

"ผมไม่โกรธพ่อหรอกครับ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ขยับเข้าไปกอดพ่อบ้าง

"นั่นสิ.....เพราะถ้าลูกโกรธพ่อลูกก็คงอดกินขนมอร่อยๆเพราะพ่อคงไม่ซื้อมาฝากแล้ว" พ่อว่าพร้อมกับจูบที่หน้าผากลูกชายอย่างหมั่นไส้

"ผมไม่เอาขนมแต่พ่ออยู่ที่นี่ถาวรเลยได้มั๊ย?" ไจ่ไจ๋ถามแหย่พ่อบ้าง

"ยังไม่ถึงเวลาลูก" คำตอบของพ่อทำให้ลูกชายหน้ามุ่ยลง

"แล้วเมื่อไหร่หละครับ? ผมรอจนจะแก่แล้วนะ" พูดเป็นเชิงโอดครวญ

"น้อยๆหน่อย! เราแก่แล้วพ่อแม่ไม่ต้องเป็นพ่อเฒ่าแม่เฒ่ากันเลยหรอ?" พ่อต่อว่าพร้อมกับบีบจมูกลูกชายไปด้วย

"ฮ่าๆๆๆ!!! พ่อแม่แก่ที่ไหน? พี่ใหญ่ยังดูแก่กว่าอีก" ไจ่ไจ๋พูดประจบบุพการีพร้อมกับแอบแขวะพี่ชายคนโตไปด้วย

"แหนะ! เราเองก็ชอบแกล้งพี่เขาเหมือนกันหนิ" แม่ต่อว่าลูกชายเข้าให้บ้าง

"เออพ่อ....แล้วเจอร์รี่กับเสี้ยวเทียนขึ้นนอนหรือยัง?" แม่หันไปถามพ่อบ้าง

"ยังหรอกมั้ง เพราะเมื่อกี้มีกรณีเกิดขึ้นอีกแต่พ่อปล่อยให้ลูกแก้กันเอง" พ่อตอบด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ

"ตายแล้ว! นี่เจ้าเจอร์รี่หาเรื่องน้องอีกใช่มั๊ย? แล้วทำไมพ่อไม่ช่วยเสี้ยวเทียนหละ? เดี๋ยวก็โดนเจ้าเจอร์รี่ตีตายหรอก!" แม่ทำหน้าตกใจพร้อมกับต่อว่าพ่อออกมาชุดใหญ่

"ใจเย็นๆแม่.....เจอร์รี่ไม่ได้หาเรื่องน้องหรอกแต่เสี้ยวเทียนทำให้เจอร์รี่มันงอนต่างหาก พ่อเลยปล่อยให้ง้อเอง" คำตอบของพ่อทำให้แม่ค่อยโล่งอกแต่ก็ยังไม่หายห่วง

"แต่อย่างน้อยพ่อก็น่าจะไกล่เกลี่ย เผื่อเจ้าเจอร์รี่เล่นตัวมากๆเดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันอีก" แม่บ่นอุบแต่ก็เชื่อว่าคงไม่เป็นแบบที่คิด

"ไม่ต้องห่วงหรอกแม่ เดี๋ยวนี้พี่กลางอ้อนเก่งจะตาย วันไหนพี่กลางเกิดอาการอยากอ้อนพี่ใหญ่ขึ้นมานะผมกับพี่รองตกกระป๋องทันทีเลย" ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาบ้าง

"ขนาดนั้นเชียว?" พ่อย้อนถามลูกชายยิ้มๆ

"ใช่.....พี่กลางเขาเรียนรู้เทคนิคมาจากผมเอง ผมถ่ายทอดให้พี่เขาโดยตรงเชียวนะ" ไจ่ไจ๋พูดอวดตัวในทันที

"ฟุ้งใหญ่เลยนะ!" พ่อว่าพร้อมกับขยี้หัวลูกชายอย่างเอ็นดู ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆแล้วล้มตัวนอนลงที่หมอน

"คืนนี้พ่อแม่นอนที่นี่นะ" ได้ทีเอ่ยปากอ้อนต่อ

"อะไรกัน? โตจนป่านนี้ยังมาอ้อนให้พ่อแม่นอนด้วยอีกหรอ?" พ่อแซวลูกชายยิ้มๆ

"เดี๋ยวแฟนลูกรู้เข้าหละอายแย่เลย" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ย่นจมูก

"ก็อย่าให้รู้สิ" พูดจบก็ดึงมือพ่อกับแม่อย่างอ้อนๆ

"ว่างัยแม่? จะกล่อมเจ้าตัวเล็กของเราดีมั๊ยคืนนี้?" พ่อหันไปถามเป็นเชิงปรึกษา

"ต้องดูก่อนสิว่าลูกคนนี้ทำตัวน่ารักหรือเปล่า?" แม่ตอบพ่อยิ้มๆเช่นกัน

"ผมน่ะมีพ่อแม่ที่น่ารักซะขนาดนี้ แล้วผมจะไม่น่ารักได้ยังงัย?" คำหวานของลูกชายทำให้พ่อแม่ต่างพากันหัวเราะ

"ถ้าอยากให้นอนต้องมาหอมแก้มทีนึงก่อน" แม่ตั้งข้อต่อรองซึ่งไจ่ไจ๋ก็รีบลุกขึ้นมาหอมแก้มมารดาอย่างไม่มีอิดออด

"ขอพ่อด้วย" พ่อพูดแทรกขึ้นด้วยอีกคน ไจ่ไจ๋จึงขยับไปหอมแก้มพ่ออีกคน

"อืม....น่ารักจริงๆลูกเรา" พ่อว่าแล้วก็ล้มตัวนอนลงข้างที่เตียงของลูกชาย ไจ่ไจ๋เห็นก็ยิ้มดีใจแล้วรีบนอนลงข้างพ่อทันที

"หึๆๆๆ เด็กคนนี้หนิ....." แม่พึมพำเบาๆแล้วล้มตัวนอนลงข้างลูกชายด้วยเช่นกัน



- เช้าวันรุ่งขึ้น -

"ทำไมเดี๋ยวนี้ตื่นเช้ากว่าพี่ได้เนี่ย?" เคนเอ่ยทักน้องเล็กที่กำลังเทน้ำส้มใส่แก้วเปล่าตรงหน้า แต่ไจ่ไจ๋กลับไม่สนคำทักทายของพี่ชายเลย

"เฮอะ! ทำงอน!" เมื่อเห็นน้องไม่พูดอะไรโต้ตอบเคนก็ต่อว่าเข้าให้

"พี่ใหญ่หละจ๊ะเสี้ยวเทียน?" แม่เอ่ยถามเคนบ้าง

"ไปปลุกพี่รองครับ" เคนตอบแล้วยกแก้วน้ำส้มของน้องชายขึ้นมา

"ขอนะ" พูดจบก็ยกดื่มรวดเดียวหมด ไจ่ไจ๋ทำหน้างอใส่พี่ชาย

"ชื่นใจจัง ขออีกหน่อยได้เปล่า?" ว่าพลางยื่นแก้วเปล่าไปตรงหน้าน้องชาย แต่ไจ่ไจ๋กลับกระแทกขวดน้ำส้มลงตรงหน้าพี่ชายแล้วหันหลังหนี เคนจึงหันไปยิ้มแหยๆกับแม่

"หิวน่ะ" แม่บอกเคนโดยไม่ออกเสียงว่าที่น้องเล็กงอแงเพราะหิวข้าวนั่นเอง

"อ๋อ" เคนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะแอบเบ้ปากใส่น้องชาย

"อรุณสวัสดิ์ครับแม่ เช้านี้มีอะไรกิน?" เสียงแวนเนสทักทายมาแต่ไกลจนเมื่อเข้ามาถึงก็กอดเอวแม่อย่างประจบ

"ข้าวต้มปลา ไปนั่งก่อนไป๊.....อย่ามาเกะกะ....." ตอบเสร็จก็ไล่ให้แวนเนสไปนั่งกับน้อง

"เป็นงัยบ้างไจ่ไจ๋? เรียนรู้อะไรที่บริษัทไปบ้าง?" แวนเนสนั่งลงแล้วก็เอ่ยถามน้องชายที่นั่งหน้าง้ำอยู่ข้างๆ เจอร์รี่ก็เดินตามเข้ามาเงียบๆ

"ไม่รู้! ไม่รู้อะไรทั้งนั้น!" ไจ่ไจ๋กระแทกเสียงกลับมาทำเอาพี่ชายถึงกับหน้าเหวอ

"หึๆๆๆ" เจอร์รี่กับเคนหันไปหัวเราะเพราะพอจะรู้ว่าส่วนนึงที่น้องอารมณ์ไม่ดีเพราะเมื่อวานโดนพวกเขาแกล้ง

"อะไรวะ.....พี่ถามดีๆนะ เออ! ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย" แวนเนสบ่นก่อนจะทำหน้างอนๆใส่น้องชายบ้าง

"ไจ่ไจ๋ เราน่ะหิวแล้วพาลไปทั่วเลยนะ แม่บอกว่าอีกเดี๋ยวก็เสร็จรออีกหน่อย" แม่หันไปต่อว่าลูกชายคนเล็กแต่ไจ่ไจ๋ยังคงทำหน้างอ

"แวนเนส อยากมีน้องสาวอีกซักคนมั๊ย?" เจอร์รี่เห็นน้องเล็กยิ่งงอนก็ยิ่งอยากแกล้ง

"หืม? น้องสาวหรอ?" แวนเนสทวนคำพี่ชายก่อนจะเหลือบมองไปทางน้องเล็กแล้วอมยิ้มเล็กน้อย

"ไม่อยากได้หรอก เพราะชั้นว่าตอนนี้น้องชายของชั้นเนี่ยก็ไม่ต่างอะไรกับน้องสาวเท่าไหร่ทั้งความน่ารักอ่อนหวานแถมยังขี้อ้อนแบบนี้อีกด้วย แค่นี้ชั้นก็ไม่ต้องการน้องสาวที่ไหนอีกแล้วหละ" คำตอบของแวนเนสทำให้ไจ่ไจ๋ยิ้มออกมาได้ในที่สุด

"พี่รองก็เป็นพี่ชายที่น่ารักมากที่สุดเหมือนกัน ผมรักพี่ที่สุดเลย" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ลุกเข้าไปกอดแวนเนส

"เฮ่อ! ตกกระป๋องเลยเรา.....ทำงัยดีเสี้ยวเทียน?" เจอร์รี่หันไปถามน้องชายคนกลางบ้าง

"ก็ดีเหมือนกันนะ เราจะได้ปลอดภัยจากการถูกเด็กบ้ามันงอนใส่บ่อยๆงัย" เคนว่ากระทบน้องชายไปด้วย

"แล้วนึกว่าอยากยุ่งด้วยหรืองัย ไปไกลๆเลย!" ไจ่ไจ๋แหวใส่พี่ชายทันที

"พูดเองนะ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหาที่สมัครเรียนดีกว่าไม่อยากรอเด็กงอแงบางคนแล้ว" เคนแกล้งพูดแหย่ น้องเล็กหน้างอหนักกว่าเก่า

"ไปสิ! ไปสมัครไกลๆเลย! ไปเมืองนอกเลยยิ่งดี! เรียนจบแล้วก็ไม่ต้องกลับมา! ไปหางานทำหาเมียแต่งแล้วก็อยู่เมืองนอกไปจนตายเลยนะ!" พูดจบก็เดินปึงๆออกไปทันที

"เฮ้ยยย.....โมโหอะไรอีกเนี่ย....." เคนมองตามน้องชายอย่างงงๆ

"ตายแน่งานนี้" แวนเนสเอนตัวมากระซิบซ้ำเติมเคน

"โน้น.....เจอร์รี่มันมองตาขวางใส่แล้ว" เคนเหลือบตามองพี่ใหญ่

"ไม่ต้องมาด่าชั้นเลยนายเริ่มแหย่มันก่อนนะ" พูดดักคอก่อนที่จะโดนพี่ชายต่อว่า

"แล้วใครใช้ให้นายไปแหย่มันแรงๆแบบนี้หละ? มันปึงปังออกไปแบบนั้นแล้วจะรับผิดชอบยังงัย?" ไม่วายต่อว่าน้องอีกจนได้

"เจอร์รี่ เสี้ยวเทียนยังไม่ได้ทำอะไรซักหน่อยเจ้าไจ่ไจ๋น่ะงี่เง่าเองคนที่ลูกควรว่าน่ะคือจ้าตัวดีนั่นแหละ" แม่เอ่ยปากช่วยเคนตามเคย

"หึๆๆๆ" เคนแอบหัวเราะเมื่อเห็นพี่ชายได้แต่อ้าปากค้าง

"เสี้ยวเทียนมาช่วยแม่ตักข้าวต้มปลาดีกว่าจ๊ะ แม่ทำเสร็จแล้ว....." เคนไม่รอช้ารีบลุกไปช่วยแม่ทันที

"ขอบคุณแม่มากนะครับ ไม่งั้นผมโดนพี่ใหญ่เฉือดคอแหงๆ" กระซิบกับแม่เบาๆแล้วหยิบชามมาตักข้าวต้มปลา

"หมั่นไส้จริงๆ! เอะอะอะไรก็เรียกหาแม่ตลอด!" เจอร์รี่เดินมาผลักหัวน้องชายคนกลางอย่างหมั่นไส้

"ลูกคนนี้หนิ! น้องตักข้าวอยู่ไม่เห็นหรืองัย?" แม่เอ็ดใส่เจอร์รี่อีก

"เฮ่อ! ทำอะไรก็ผิดตลอด....." เจอร์รี่บ่นอุบเบาๆก่อนจะค้อนใส่น้องชายแล้วเดินตามน้องเล็กออกไป

"ไม่ต้องงอนอีกคนหละ ไปหาทางพาน้องมากินข้าวด้วยจะได้รีบไปทำงานกันซักที" แม่พูดไล่หลังเจอร์รี่ไปด้วย

"คร้าบบบบ....." เจอร์รี่รับคำแม่กลับมาก่อนจะก้าวขาออกไปจากห้องครัว

"สงสัยตอนนี้คนที่อยากให้แม่กลับมาอยู่ด้วยมากที่สุดน่าจะเป็นเสี้ยวเทียนนะเนี่ย" แวนเนสพูดเปรยๆขึ้นมา

"ใช่! ชั้นอยากให้แม่กลับมาอยู่ด้วยที่สุดเลย" เคนตอบรับคำพี่ชายแบบไม่ต้องคิด แม่ได้ยินก็ยิ้มดีใจ

"แหม.....พูดแค่นี้ตำแหน่งลูกรักก็กลายเป็นของนายทันทีเลย" แวนเนสไม่วายพูดแซวแม่ด้วยอีกคน

"ลูกกับพี่ชายลูกนี่เป็นยังงัยนะ กระแนะกระแหนน้องไม่ได้หยุดเลย" แม่ต่อว่าแวนเนสเข้าให้บ้าง

"นั่นงัย แตะนิดโดนหน่อยเป็นเรื่องเลย" แวนเนสบ่นอุบก่อนจะหันไปทางเคน

"นายระวังตัวไว้เถอะ ถ้าพ่อแม่กลับไปเมื่อไหร่นายโดนคิดบัญชีย้อนหลังแถมดอกเบี้ยอีกบานแน่" พูดขู่น้องชายเข้าให้ด้วย

"นึกว่ากลัวหรอ? ก็ลองหาเรื่องชั้นดูสิคราวนี้ชั้นจะเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับพ่อแม่จริงๆด้วย" เคนย้อนคำพี่ชายอย่างเป็นต่อ

"เล่นแบบนี้เลยหรอไอ้อ้วน!" แวนเนสล็อกคอน้องชายพร้อมกับกัดฟันพูด

"นึกว่านายจะไปได้ง่ายๆหรืองัย? อย่างน้อยต้องฝ่าด่านอรหันต์ทั้งสามด่านก่อนแหละ" พูดตอบโต้กับน้องอีก

"ไม่เป็นไรเดี๋ยวชั้นก็จะจี้จุดพวกนายไว้แค่นี้ก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะเก็บเสื้อผ้าและก็เดินทางไปสนามบิน" เคนพูดเล่นกับพี่ชายต่อ แม่มองลูกชายทั้งคู่แล้วก็อดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้เพราะลูกชายนั้นยังเล่นกันเป็นเด็กๆอยู่

"คิดดีแล้วหรอที่จะจี้จุดชั้น? ชั้นน่ะมีวิธีคลายจุดนะ" แวนเนสพูดยิ้มๆ

"ไหนลองดูซิ!" เคนว่าแล้วก็เอานิ้วจิ้มหน้าผากพี่ชายแรงๆ

"อ้าวไอ้นี่! เล่นด้วยแล้วลามปามใหญ่เลยนะ!" แวนเนสโวยวายพร้อมกับผลักหัวน้องเป็นการเอาคืน

"ไม่เล่นแล้ว! ไปนั่งเฉยๆเลยไม่งั้นไม่ต้องกินข้าว!" เคนเอ็ดใส่พี่ชายกลับไปอีกเมื่อเห็นว่าพี่ชายทำท่าจะเล่นงานเขาต่อ ได้ยินเช่นนั้นแวนเนสก็ชะงักไป

"แม่.....ดูมันนะ ผมน่ะเป็นพี่แต่มันไม่เคยให้ความเคารพยำเกรงผมบ้างเลยดูมันพูดกับผมแต่ละคำอย่างกับเป็นเพื่อนเล่นกับมันอย่างนั้นแหละ" แวนเนสได้ทีหันไปฟ้องแม่ฉอดๆ

"อ้าว! แม่ก็ไม่เห็นว่าลูกจะทำตัวเป็นพี่ของน้องเลยนี่นา เห็นมีแต่เอะอะก่อกวนน้องตลอด" แม่พูดออกมาหน้าตาเฉยทำเอาแวนเนสอ้าปากค้าง ส่วนเคนหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นพี่ชายโดนแม่ว่าซะเอง

"ฮึ! อะไรๆก็เข้าข้างมันตลอด หมั่นไส้จริงๆ" แวนเนสบ่นอุบแต่ก็ไม่ได้ต่อความอะไรอีก ในตอนนั้นเจอร์รี่ก็พาน้องเล็กเข้ามาในครัว

"พ่อหายไปไหนแต่เช้าหละครับแม่?" เจอร์รี่ถามแม่ขึ้นมาเพราะไม่เห็นพ่อตั้งแต่เช้าแล้ว

"ไปหาเพื่อนจ๊ะ คงสังสรรกันตามประสาหนุ่มใหญ่หละ" แม่ตอบยิ้มๆแล้วมองเลยไปทางลูกชายคนเล็ก

"งัยเรา? หาหงิกหน้างอไม่เลิกเลยนะ มาเร็ว.....ข้าวต้มปลาเสร็จแล้ว....." ว่าแล้วก็จูงมือลูกชายคนเล็กมานั่งที่โต๊ะ

"มันงอนชั้นจริงหรอ?" เคนกระซิบถามพี่ชายคนโต

"แล้วเห็นว่ามันแกล้งหรืองัยหละ?" ตอบกลับน้องด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้

"อะไรวะ ถามดีๆถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องพูดก็ได้" เมื่อโดนพี่ชายทำเสียงประชดเคนก็บ่นอุบก่อนจะถอนหายใจ

"เห็นหน้ามันแค่นี้ยังดูไม่ออกหรืองัย?" เจอร์รี่ต่อว่าน้องชายกลับไป

"ขอโทษทีนะที่ชั้นมันโง่ดูอะไรต่อมิอะไรเองไม่ออกถึงต้องถามให้นายรำคาญอยู่เรื่อย ต่อไปจะไม่ถามอะไรอีกแล้ว" เคนพูดประชดพี่ชายกลับไปเสร็จแล้วก็ไปนั่งกินข้าวเงียบๆ

"เอ่อ....." เจอร์รี่ทำหน้าแหยๆเพราะไม่คิดว่าน้องจะโมโหเรื่องแค่นี้ ส่วนแม่ที่มองอยู่ก็ทำหน้างอใส่เจอร์รี่

"กินข้าวเลยเร็วๆ เดี๋ยวไปทำงานสายทีนี้แม่จะให้พ่อลดตำแหน่งแล้วก็ตัดเงินเดือนซะเลย" แม่พูดตัดบทกับลูกชายคนโตด้วยน้ำเสียงดุๆแล้วพยักหน้าให้รีบกินข้าวเสียที



- ที่บริษัท -

"วันนี้พอแค่นี้แล้วกันไจ่ไจ๋ นายหัวไวเรียนรู้ได้เร็วกว่าที่พี่คิดซะอีก" เจอร์รี่เอ่ยชมน้องเล็กที่ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างที่เขาเพิ่งสอนให้

"ขอบคุณครับพี่ใหญ่ งั้นตอนนี้ผมก็จะทำอะไรก็ได้แล้วใช่มั๊ย?" ไจ่ไจ๋ยิ้มรับพร้อมกับถามพี่ชายกลับ

"อืม....จะทำอะไรก็ตามใจเลย" พี่ใหญ่พยักหน้าอนุญาต

"งั้นขอเล่นเกมส์นะ" ว่าแล้วน้องเล็กก็ขยับเก้าอี้มานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ของพี่ชาย

"เสียบหูฟังแล้วกันนะเดี๋ยวเสียงจะรบกวนคนทำงาน" ว่าพร้อมกับพยักเพยิดไปทางเคนที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกลนัก น้องเล็กเบ้ปากเล็กน้อยแล้วก็หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบก่อนจะเปิดเกมส์เล่นอย่างสบายอารมณ์

"ไหนดูซิ.....ทำไปถึงไหนแล้ว" เจอร์รี่เดินมาดูน้องชายอีกคนบ้าง เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ผลักแฟ้มไปตรงหน้าพี่ชาย

"พวกนี้เสร็จหมดแล้วหรอ?" หยิบขึ้นมาดูพร้อมกับเอ่ยถามน้องไปด้วย แต่เคนก็ไม่ได้ตอบเพียงแต่ก้มหน้าก้มตาเขียนแฟ้มต่อไป

"นี่.....ยังงอนชั้นอีกหรืองัย?" เมื่อเห็นน้องไม่พูดด้วยก็เอ่ยถามออกมาตรงๆ แต่เคนยังเขียนไม่หยุดมือจนกระทั่งเสร็จแล้วก็ยื่นไปให้พี่ชาย

"ชั้นทำงานของชั้นเสร็จแล้ว ออกไปข้างนอกได้หรือยัง?" เงยหน้าขึ้นมาถามพี่ชาย พี่ใหญ่มองหน้าน้องแต่ไม่ได้ตอบ

"โอเค ชั้นต้องอยู่จนกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน เข้าใจแล้ว" ว่าแล้วเคนก็เอนตัวพิงที่เก้าอี้

"ชั้นยังไม่ทันพูดซักคำ" เจอร์รี่บ่นอุบเมื่อเห็นน้องพูดประชดเขาอีก

"ชั้นมันโง่หนิที่แปลความหมายจากท่าทางของนายผิดไป" คำพูดนั้นทำเอาพี่ชายถอนหายใจดังเฮือก จนขนาดน้องเล็กที่ใส่หูฟังอยู่ยังได้ยินจนต้องเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายทั้งคู่

"โอเคๆๆๆ.....ชั้นขอสงบศึก ไม่อยากทะเลาะด้วยแล้ว เลิกประชดซักที" พี่ใหญ่เป็นฝ่ายขอยุติเรื่องทั้งหมดเอง แต่เคนยังนั่งหน้ามุ่ย

"อยากไปไหนก็ไป....ชั้นไม่กักตัวนายไว้แล้ว......" พูดจบพี่ชายก็เป็นฝ่ายเก็บงานบนโต๊ะนั้นซะเอง

"ไปไหนก็ได้จริงๆนะ?" ถามหยั่งเชิงพี่ชายขึ้นมาอีก

"เออ!" ตอบน้องชายสั้นแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ

"ขอบคุณครับ!" เคนยิ้มร่าโดยพลันก่อนจะเหล่ไปทางน้องชาย

"ใครอยากไปช้อปปิ้งก็ลุกขึ้นมา จะให้โอกาสนับหนึ่งถึงสามถ้าเกินกว่านั้นก็ไม่ต้องไป" เคนพูดขึ้นลอยๆเป็นการชวนน้องชายไปด้วย ไจ่ไจ๋ค้อนใส่พี่ชายแต่ยังทำเป็นนั่งนิ่ง

"ตามใจ! อยากนั่งจับเจ่าอยู่ในนี้จนถึงเย็นก็แล้วแต่นะ หนึ่ง.....สอง.....สะ....." เคนยังไม่ทันนับจบประโยคดีไจ่ไจ๋ก็รีบถอดหูฟังแล้ววิ่งมาหาพี่ชายทันที ทำให้พี่ใหญ่หัวเราะออกมาจนได้

"หายงอนมันแล้วหรอ?" พี่ใหญ่ถามพลางหัวเราะไปด้วย ไจ่ไจ๋ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วกอดแขนเคนเอาไว้

"ใครงอนใครหรอ? ไม่มีหนิ" คำตอบนั้นทำให้เคนอดที่จะยิ้มไม่ได้ เขาเอามือขยี้หัวน้องชายอย่างหมั่นไส้

"พอได้ผลประโยชน์พี่คนนี้จะมีความหมายขึ้นมาทันทีเลย" ไจ่ไจ๋กอดเอวพี่ชายแล้วส่ายหน้า

"ก็มีความหมายตลอดแหละแต่อยู่กับสถานการณ์ว่าตอนไหนจะมีความหมายมากหรือน้อย" พูดแหย่พี่ชายกลับไปเลยโดนเคนบีบปากเบาๆ

"จะไปช้อปปิ้งกันที่ไหนหละ?" พี่ใหญ่ถามแทรกขึ้นมา

"ก็คงไปเดินห้างแถวๆนี้แหละ จะเอาอะไรมั๊ย?" เคนตอบพี่ชายพร้อมกับถามต่อด้วย

"ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเสร็จแล้วโทรหาพี่ใหญ่แล้วกันพี่จะได้ไปรับกลับบ้านพร้อมกัน" สั่งน้องชายเอาไว้แล้วหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้น้อง

"เฮ้ย! ไม่เอา....ให้ชั้นทำไม?" เคนปฏิเสธแล้วดันมือพี่ชายออกไป

"เอาไว้ซื้อของให้น้อง" เจอร์รี่ว่าแล้วก็ยัดเงินใส่มือน้องชายอีก

"ชั้นก็มีเงินพอซื้อให้มัน นายเก็บไว้เถอะ" ปฏิเสธพี่ชายอีกครั้ง

"เฮ่อ! อะ....งั้นพี่ให้ไจ่ไจ๋ จะเอาอะไรก็เอาเงินนี่ซื้อเองไม่ต้องไปขอพี่กลาง รู้มั๊ย?" เจอร์รี่จึงเปลี่ยนไปส่งเงินให้ไจ่ไจ๋แทน

"ขอบคุณครับพี่ใหญ่ แต่ความจริงผมคงไม่ซื้ออะไรหรอก แค่กะไปเดินเล่นเฉยๆเอง" แม้จะว่าดังนั้นแต่น้องเล็กก็รับเงินจากพี่ชายมาเก็บไว้

"ไปกันได้แล้วไป พี่จะได้ทำงานได้ซักที" ว่าแล้วพี่ใหญ่ก็ไล่น้องชายทั้งคู่ให้ไปได้เพราะขืนน้องยังอยู่กันเขาเองก็ทำงานไม่ค่อยสะดวกเพราะต้องมัวคอยดูแลน้องทั้งคู่ด้วย

"ไปกันพี่กลาง....." ไจ่ไจ๋เป็นคนจูงมือพี่ชายออกไปจากห้อง

"เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" เคนบอกน้องชาย

"งั้นผมไปด้วย" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็เดินตามพี่ชายไปด้วย

"คิดยังงัยอยากออกไปช้อปปิ้ง?" ไจ่ไจ๋ตั้งคำถามกับพี่ชาย

"ก็ไม่คิดยังงัยหรอก พี่แค่ขี้เกียจทำงานน่ะ" เคนตอบน้องยิ้มๆ

"แต่เมื่อก่อนที่พี่กลางทำงานที่นี่เห็นพี่กลับบ้านดึกดื่นทุกวันเลย" ไจ่ไจ๋แย้งพี่ชายขึ้นมาบ้าง

"ก็ตอนนั้นความจำเป็นมันบังคับแล้วอีกอย่างพี่มีห้องทำงานเป็นของตัวเองด้วยไม่ต้องมานั่งกับพี่ใหญ่ นายก็รู้หนิว่าเรื่องงานแล้วพี่ใหญ่เขาละเอียดแค่ไหน เดี๋ยวทำอะไรผิดก็โดนบ่นยาวพี่เลยขี้เกียจทำต่อแล้วงัย" เคนอธิบายให้น้องชายฟังยืดยาว

"แต่ก็ไม่เชิงว่าพี่ไม่ชอบงานแบบนี้หรอกนะ เพราะลักษณะงานมันก็ถือว่าโอเคเพียงแต่พี่ไม่ชอบทำงานที่มันต้องนั่งหลังขดหลงแข็งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้น่ะ" เคนเล่าให้น้องฟังต่อ

"แต่ผมว่าแบบนี้ก็สบายดีออกนะ ถึงเวลากินก็ได้กินเลิกงานเมื่อไหร่ก็กลับบ้าน" ไจ่ไจ๋พูดตามความคิดของตัวเอง

"ก็แล้วแต่คนด้วยแหละเพราะที่นี่คนรุ่นเดียวกับพ่อก็เยอะ แบบว่าอยู่มาตั้งแต่ตอนที่บริษัทเราเพิ่งเปิดใหม่ๆเลย ทนอยู่มาได้ตั้งเกือบยี่สิบปี" เคนตอบแล้วก็เดินไปทำธุระของตัวเองเสร็จแล้วก็มาล้างมือ ในตอนนั้นก็มีคนเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาเคนจึงหยุดพูด

"อ้าว.....เสี้ยวเทียน วันนี้มาด้วยหรอ?" คนที่เปิดประตูเข้ามาเอ่ยทักทาย

"ครับ ไม่เจอกันนานนะครับอาเหลียน" เคนก้มหัวให้ผู้สูงวัยกว่า ไจ่ไจ๋จึงก้มหัวตามด้วย

"นี่ไจ่ไจ๋หรือเปล่า? โตเป็นหนุ่มแล้วนี่" หันไปทักทายไจ่ไจ๋ด้วย

"สวัสดีครับ" ไจ่ไจ๋ตอบไปตามมารยาท เคนจึงหันไปยิ้มให้น้อง

"ไจ่ไจ๋ อาเหลียนเป็นทีมทำงานของพ่อ อยู่ตั้งแต่ยุคบุกเบิกของบริษัทเราเลย" เคนแนะนำให้น้องรู้จัก

"อาเหลียนครับ ช่วงนี้ไจ่ไจ๋เขามาเรียนรู้งานที่บริษัทน่ะครับ ยังงัยวันหลังต้องให้อาช่วยแนะนำเขาด้วย" เคนพูดจบไจ่ไจ๋ก็ก้มหัวให้ผู้อาวุโสกว่าอย่างนอบน้อม

"ทำเป็นมากพิธีไป อาแก่แล้วคงช่วยอะไรไม่ได้มาก" ว่าแล้วก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

"แล้วเธอหละเสี้ยวเทียน? ได้ข่าวไปทำงานบนเรือสำราญหรอ? เป็นยังงัยบ้าง?" ถามไถ่เรื่องงานกับเคนบ้าง

"ก็ดีครับ ถือว่าทำงานไปเที่ยวไป ช่วงนี้ได้หยุดพอดีพี่ใหญ่เลยลากตัวมาช่วยงานที่นี่" เคนตอบยิ้มๆ

"ก็ดีแล้ว" พูดจบก็พยักหน้าคล้ายจะเป็นการตัดบท

"งั้นผมไปก่อนนะครับ วันหลังว่างๆจะเข้าไปคุยด้วย" พูดจบก็ก้มหัวให้เล็กน้อยแล้วพาน้องชายออกจากห้องน้ำ

"อาเหลียนคนนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ช่วงที่พี่มาฝึกงานก็ได้อาคอยช่วยแนะนำเหมือนกัน" เคนเล่าให้น้องฟัง

"ถ้าวันไหนพี่ทำงานผิดพลาดบ่อยๆพี่ใหญ่จะหงุดหงิดมากแล้วพี่ก็จะโดนบ่นไม่หยุดเลย พี่ก็จะหาทางหลบออกไปหาอาเหลียนที่ห้องเขา" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็หัวเราะ

"ทำไมไม่ไปหาพี่รองหละครับ?" ย้อนถามพี่ชายกลับไป

"ไปหามันพี่ใหญ่ก็ตามตัวเจอได้ไม่ยากน่ะสิ แต่ถ้าพี่ใหญ่ไปเจอพี่ที่ห้องอาเหลียนพี่ใหญ่ก็ไม่กล้าดุพี่หรอกเพราะพี่ใหญ่เขาเกรงใจอาเหลียนมากๆ" เคนขยายความให้น้องฟัง

"งั้นอาเหลียนก็เป็นเกราะกำบังให้พี่เวลาอยู่ที่ทำงานน่ะสิ" ไจ่ไจ๋พูดติดตลก เคนได้ยินก็หัวเราะแล้วกอดคอน้องชาย

"เออ! พี่ลืมมือถือไว้ในห้องน้ำ" เมื่อเคนตบที่กระเป๋ากางเกงก็นึกขึ้นได้

"รีบกลับไปเอาเลยพี่กลาง เดี๋ยวก็หายจนได้" ได้ยินดังนั้นน้องเล็กก็พูดเป็นเชิงบ่น เคนจึงรีบวิ่งกลับไปในห้องน้ำ เมื่อเข้าไปเขาเห็นโทรศัพท์ของเขายังวางอยู่หน้าเคาน์เตอร์ที่อ่างล้างหน้าและบนนั้นก็มีแฟ้มที่อาเหลียนถือเข้ามาด้วย

"ดีนะที่ยังไม่หาย" เคนพูดกับตัวเองเบาๆแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ในตอนนั้นเขาเห็นว่าแฟ้มที่วางอยู่มันเปียกน้ำจึงหยิบขึ้นมาเพื่อจะเปลี่ยนที่วางแต่เอกสารด้านในกลับหล่นออกมาก่อน ดังนั้นเคนจึงก้มลงหยิบเอกสารพวกนั้น

"ทำอะไรน่ะ?" เสียงอาเหลียนร้องถามพร้อมกับรีบก้มลงรวบเอกสารพวกนั้นตัดหน้าเคน

"ขอโทษครับ ผมลืมมือถือไว้เลยกลับเข้ามาเอาแล้วพอดีเห็นแฟ้มมันวางเปียกน้ำอยู่เลยจะเปลี่ยนที่วางให้น่ะครับ" เคนให้เหตุผลแต่ก็สงสัยกับท่าทีร้อนรนของอาเหลียน

"อ้อ....งั้นหรอ? อานึกว่าคนอื่นมายุ่งกับเอกสารน่ะ เป็นเธอเองน่ะเอง" อาเหลียนว่าพร้อมกับยิ้มให้เคน

"อาวางไปก็ไม่ทันดู ส่งมาให้อาเถอะเดี๋ยวอาเก็บเอง" เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ส่งแฟ้มนั้นให้

"ผมไปก่อนนะครับ" ว่าแล้วเคนก็เปิดประตูออกไป

"โทรศัพท์หายไปแล้วหรอพี่กลาง?" ไจ่ไจ๋ถามเมื่อเห็นพี่ชายหน้านิ่วคิ้วขมวดออกมา

"เปล่า" เคนว่าพร้อมกับชูโทรศัพท์ให้น้องชายดู

"ถ้างั้นทำไมทำหน้าแบบนั้นหละ?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายต่อ เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่กอดคอน้องแล้วพาเดินดุ่มๆออกจากบริษัทก่อนจะโบกแท๊กซี่แล้วบอกจุดหมายปลายทาง

"พี่กลาง เป็นอะไรไปน่ะ?" เมื่อเห็นพี่ชายยังมีสีหน้าครุ่นคิดน้องเล็กก็ถามขึ้นมาอีก

"ไม่รู้สิไจ่ไจ๋ พี่แค่คิดอะไรบางอย่าง" เคนตอบแล้วมองหน้าน้องชายอย่างลังเลเพราะไม่รู้ว่าจะเล่าให้น้องฟังดีหรือไม่

"คิดอะไรครับพี่กลาง?" น้องเล็กย้อนถามกลับไปด้วยความอยากรู้

"พี่คิดว่าอาเหลียนมีท่าทีแปลกๆ เมื่อกี้พี่กลับไปเอาโทรศัพท์แล้วเห็นแฟ้มที่อาเหลียนถือเข้าไปด้วยมันวางเปียกน้ำอยู่เลยจะเอาไปวางที่ใหม่ที่มันแห้งๆให้แต่พอดีเอกสารที่สอดอยู่ในนั้นมันหล่นออกมา อาเหลียนออกมาก็ทำท่ามีพิรุธแล้วก็รีบเก็บเอกสารพวกนั้นเอง" เคนตัดสินใจเล่าให้น้องฟัง

"พี่หมายความว่าเอกสารพวกนั้นมันมีอะไรผิดปกติหรอ?" น้องเล็กถามอย่างพอจะเดาออก

"ไม่แน่ใจ แต่ถ้าหากมันเป็นเอกสารเกี่ยวกับงานจริงก็ไม่เห็นจะเป็นไรถ้าพี่จะอ่านมันใช่มั๊ย?" เคนย้อนถามน้องชาย

"ก็ไม่แปลกถ้าพี่จะอ่าน แต่ถ้าเขาไม่อยากให้พี่อ่านก็แสดงว่ามันมีอะไรที่พี่ไม่ควรรู้งั้นสิ" จบคำพูดนั้นสองพี่น้องก็มองหน้ากัน

"พี่อาจจะคิดมากไปเองก็ได้ เพราะจู่ๆอาเหลียนเขาออกมาเห็นพี่ถือแฟ้มนั้นอยู่อาจจะโกรธเพราะนึกว่าพี่จะตรวจสอบเขาหละมั้ง" เคนพยายามคิดในแง่ดี

"พี่กลางครับถ้าอาเหลียนเขาคิดทำอะไรไม่ถูกต้องขึ้นมาจริงๆเราน่าจะกันไว้ดีกว่าแก้นะครับ" ไจ่ไจ๋เตือนให้พี่ชายคิดใหม่เพราะอย่างน้อยบริษัทนี้ก็เป็นของทุกคนในครอบครัวดังนั้นทุกคนจึงต้องมีหน้าที่ช่วยสอดส่องดูแลอยู่แล้ว

"พี่บอกว่าอาเหลียนเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อใช่มั๊ย? งั้นการจัดซื้อวัสดุภัณฑ์ทั้งหมดก็อยู่ที่การตัดสินใจของเขาคนเดียวใช่หรือเปล่า?" เคนหันไปมองหน้าน้อง

"เขาจัดการแต่ต้องให้พี่ใหญ่เซ็นอนุมัติร่วมด้วยถึงจะสามารถเบิกเงินไปซื้อได้" เคนตอบคำถามน้องชาย

"งั้นเรื่องนี้เราน่าจะลองถามพี่ใหญ่ดูนะ" น้องเล็กว่าแล้วมองหน้าพี่ชายเป็นเชิงปรึกษา

"บอกให้โดนด่าหรอ? อาเหลียนคนนี้เป็นคนที่พี่ใหญ่เคารพมากเลยนะ จู่ๆไปบอกว่าเราสงสัยว่าเขาจะทำอะไรไม่ชอบมาพากลโดยไม่มีหลักฐานมีหวังโดนด่าเปิง" เคนว่าพร้อมกับถอนหายใจ

"งั้นพี่ก็พอจะรู้เกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อไม่ใช่หรอ? พี่ก็ทำเป็นคุยเรื่องงานกับพี่ใหญ่แล้วเวลาที่อาเหลียนต้องให้พี่ใหญ่เซ็นอนุมัติพี่ก็ขอดูแฟ้มนั้นจากพี่ใหญ่สิครับ" ไจ่ไจ๋แนะนำ

"พี่ก็คิดแบบนั้นอยู่ แต่พี่ใหญ่ต้องสงสัยแน่ๆเพราะร้อยวันพันปีพี่ไม่ค่อยสนใจงานจัดซื้อเท่าไหร่แต่จู่ๆไปขอดูคงแปลกๆ" เคนว่าแล้วก็ทำหน้านึกขึ้นได้

"หรือเราจะบอกพ่อแม่ดี?" พูดจบเคนก็ส่ายหน้าซะเอง

"ไม่ได้อีกเหมือนกันเพราะอาเหลียนก็เป็นคนสนิทของพ่อ จู่ๆไปพูดแบบนี้พ่อคงเคืองตายเลย" ไจ่ไจ๋มองพี่ชายก่อนจะอมยิ้มนิดๆ

"พี่กลางนี่พูดเองตอบเองก็ได้แฮะ! ตกลงถามความเห็นผมหรือเปล่า?" เมื่อเห็นพี่ชายเริ่มเครียดๆไจ่ไจ๋ก็ถามแหย่เพราะไม่อยากให้พี่ชายคิดมาก

"แซวพี่หรอ!?" เคนผลักหัวน้องชายก่อนจะหัวเราะออกมา

"ยังงัยเขาก็เป็นผู้ใหญ่แถมทำงานกับพ่อมาตั้งนานคงไม่คิดทำอะไรแบบที่เราคิดหรอกมั้ง ช่างเถอะ! พี่อาจจะคิดมากไปเอง" เคนพูดตัดบทก่อนจะชี้ชวนน้องชายดูบรรยากาศข้างทางแทน




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:44:20 น.
Counter : 1004 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com